ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 686
ตอนที่ 686 ใครมีแฟนก่อนคนนั้นเป็นสุนัข
ลั่วหานรู้สึกแปลกใจมาก แต่ก็ยังแสดงไม่อยากให้ซวงซวงมีงานแต่งงานไม่สมบูรณ์แบบ “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชั่วชีวิต ถึงยังไงก็ควรไปฮันนีมูนอย่างเต็มที่ ซวงซวงเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน แล้วฉันจะสร้างความลำบากต่อพวกเธอได้ยังไงล่ะ?”
ลั่วหานหยิบใบลากลับมา แล้วยื่นมือหยิบปากกาแก้ไขวันเวลา แล้วเซ็นชื่อลง
ลู่ซวงซวงคว้าจับมือของลั่วหานทันที พร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เพื่อนรัก ตอนนั้นพวกเราพูดกันแล้วว่า เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป และหากใครมีแฟนก่อนคนนั้นเป็นสุนัข แต่เธอกลับหักหลังฉันแต่งานกับหลงเซียว แต่ทว่าเธอแต่งงานไม่ได้ไปฮันนีมูน ในฐานะเป็นเพื่อนของเธอ ฉันต้องทำตามมาตรฐานของเธอ ยืนหยัดไม่หักหลังเพื่อน!”
ลู่ซวงซวงพูดอย่างเรียบง่าย ราวกับการไม่ไปฮันนีมูนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ทุกพยางค์กลับทำให้ลั่วหานรู้สึกอบอุ่นใจมาก
“ซวงซวง เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบเธอหรอกนะ เธอต้องไปฮันนีมูน ฉันอนุญาตใบลาของหวาเทียนแล้ว และส่วนงานของเขา ฉันสามารถให้คนอื่นจัดการได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลั่วหานก็นึกขึ้นได้ว่า เหมือนกับหลินซีเหวินก็ลาเหมือนกัน แต่เธอลาครั้งหนึ่งหนึ่งเดือนเลย แถมติดต่อกับทางอธิบดีโรงพยาบาล แทบไม่ติดต่อเธอก่อนเลย
เมื่อเป็นแบบนี้….การขอลาของหวาเทียนคงดำเนินการยากแล้วล่ะ
ลู่ซวงซวงแนบตัวติดกับลั่วหานเหมือนกับหมากฝรั่ง “ฉันตัดสินใจดีแล้ว ฉันจะย้ายวันหยุดแต่งงานเป็นไม่กี่วันนี้ จะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอ ตอนนี้เธอกับหลงเซียวแยกกันอยู่แล้ว ต้องมีคนคอยดูแลเธออยู่เคียงข้าง ฉันไม่มีทางเหมือนกับคุณชายหลงของเธอแน่นอนที่สามารถกล่อมให้เธอมีความสุขทุกเวลาได้ แต่ฉันสามารถเป็นเสื้อหนาวที่มอบความอบอุ่นแก่เธอได้ เป็นยังไง?”
ลู่ซวงซวงเผยสายตาเป็นประกาย พร้อมกับเผยท่าทางเอกอกเอาใจขึ้น
ลั่วหานรู้สึกอบอุ่นใจ และผ่อนคลายมาก “ซวงซวง ถ้าหากเธอเป็นผู้ชาย ฉันคงแต่งงานกับเธอตอนนี้แล้ว”
“อย่าเลย อย่าเลย!” ลู่ซวงซวงส่ายหน้าเหมือนธงสะบัด “ฉันไม่กล้าเอาผู้หญิงของหลงเซียวหรอกนะ อีกอย่างยังตั้งท้องด้วย ฉันว่าเธอหาคนอื่นเถอะ ฮ่าฮ่า! ขอให้โชคดี”
ลั่วหานก้มหน้าลง “โชคดีอะไรเธอล่ะ! ตอนนี้ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดียวนะ”
วันหยุดของหวาเทียนอนุญาตแล้ว ลู่ซวงซวงกับหวาเทียนไม่กล้าพูดหวาน แม้แต่จับมือก็ไม่กล้า เพราะกลัวความรักของพวกเขากระตุ้นให้ลั่วหานเกิดความรู้สึกริษยา
แต่ในมุมมองของลั่วหานแล้ว เธอรู้สึกประทับใจมาก
อาจเป็นเพราะเพื่อนรักเลยเป็นแบบนี้ ที่ไม่ต้องอยู่ติดด้วยกัน ไม่ต้องติดต่อทุกวัน แต่ไม่ว่าจะห่างกันกี่วันล้วนก็ยังสามารถอ่านใจของฝ่ายตรงข้ามได้ แถมยังสามารถมอบความห่วงใยต่อฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย
ลั่วหานยิ้มแย้มขึ้น
——
ณ เมืองเจียงเฉิง
เสิ่นเหลียวตามหาเจิ้งซินพบ แต้มต่อครั้งนี้ของเขาไม่ใช่แต่รถยนต์หนึ่งคัน แต่เป็นเช็คธนาคารหนึ่งใบ
เขายื่นเช็คธนาคารไปเบื้องหน้าของเจิ้งซิน “ซินซิน ฤดูใหม่แล้ว เอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเองได้แล้วครับ”
เมื่อเจิ้งซินสวมแว่นเห็นจำนวนเงินบนเช็คธนาคารเป็นเงินหนึ่งล้าน ก็หัวเราะฮ่าฮ่า ฤดูกาลเปลี่ยนแล้วต้องซื้อเสื้อหนึ่งล้านเลยหรอ? ช่างใจกว้างจริงๆ!
เจิ้งซินไม่ได้รับเลยทันที แต่ยกกาแฟด้านข้างเช็คธนาคาร แล้วจิบหนึ่งคำ “คุณเสิ่นค่ะ ครั้งนี้มาหาฉันมีเรื่องอะไรหรอคะ?”
เสิ่นเหลียวไม่พูดอ้อมค้อม แต่พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “การปฏิรูปเขตเมืองเก่าใกล้จะเริ่มการประมูลแล้ว จากสถานการณ์ของหลงเซียวตอนนี้ ผมคิดว่าเขาคงไม่มีความพร้อมรับผิดชอบโครงการนี้ นี่เป็นโครงการของประเทศ ไม่ควรมอบให้กับคนที่ไม่มีประวัติความเป็นมาจริงไหม?”
เจิ้งซินทายจุดประสงค์ของเขาถูกต้อง แต่คำพูดของเขาช่างไม่น่าฟังเลย!
เพราะแอบประชดประชันฐานะของหลงเซียว ฮ่าฮ่า แต่กลับไม่ดูตัวเองเลยว่าเป็นยังไง!
เจิ้งซินคืนเช็คธนาคารให้เสิ่นเหลียวกลับ “เงินก้อนนี้ดูเหมือนจะไม่มีประวัติความเป็นมาเหมือนกัน”
เสิ่นเหลียวยิ้มอย่างแข็งทื่อ “ซินซิน พูดแบบนี้เหมือน….เงินของผมได้มาอย่างสะอาด และถูกกฎหมาย”
“แต่เมื่อผ่านมือของฉันก็จะกลายเป็นเงินผิดกฎหมาย ไม่สะอาด ดังนั้นฉันไม่สามารถรับได้”
เจิ้งซินเอาเช็คธนาคารคืน เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ต่อให้เสิ่นเหลียวไม่ติดสินบนเธอ โครงการเขตเมืองเก่าก็ต้องมอบให้กับบริษัทเสิ่นซื่ออยู่ดี
ตอนนี้หลงเซียวมีข่าวด้านลบเยอะมาก ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเขาอย่างหนัก ซึ่งโครงการของประเทศจำเป็นต้องมอบหมายให้กับบริษัทที่มีภาพลักษณ์ที่ดี
เจิ้งซินดีดนิ้วเล็กน้อย แต่ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดพลาง
เสิ่นเหลียวยิ้มแย้ม และเอาแก้วกาแฟวางทับลงบนเช็คธนาคาร “ซินซิน คุณคิดมากเกินไปแล้ว เรื่องจำนวนนี้ผมตั้งใจให้คุณเอาไปซื้อเสื้อผ้าจริงๆ ผมไม่รู้ว่าคุณชอบเสื้อผ้าสไตล์ไหน ดังนั้นคุณไปซื้อเองดีกว่า”
เจิ้งซินเคยเห็นเหตุการณ์เปลี่ยนความคิดให้เงินประเภทนี้มามากแล้ว เมื่อก่อนเธอจะหยิบขึ้นมานับ จนสุดท้ายตอบรับ แต่เงินของเสิ่นเหลียว เธอไม่อยากเตะต้อง
“คุณเสิ่นค่ะ ฉันไม่ได้ยากจนถึงขนาดไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้านะค่ะ คุณยังมีคนต้องดูแลอีกหลายคน เอาไปให้ครอบครัวเถอะค่ะ”
เจิ้งซินมีท่าทางยืนหยัดมาก แถมสามารถปฏิเสธเสิ่นเหลียวได้อย่างอ่อนโยนด้วย ทำให้เขารู้สึกเก้อเขินขึ้น
ในเมื่อใช้วิธีการอ่อนโยนไม่ได้ผล งั้นคงต้องใช้วิธีการเด็ดเดี่ยวแล้วล่ะ “ซินซิน คุณคงรู้ว่าตอนนี้บริษัทเสิ่นซื่อมีอำนาจมากแค่ไหน ต่อให้คุณไม่รับเงินก้อนนี้ การประมูลก็จะดำเนินการตามปกติ ซึ่งบริษัทเสิ่นซื่อมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก ส่วนบริษัทฉู่ซื่อแทบไม่มีโอกาสเลย”
เจิ้งซินค่อยๆวางแก้วกาแฟลง “นี่คุณกำลังข่มขู่ฉันหรอ?”
“ฮ่าฮ่า เปล่าสักหน่อย ผมแค่พูดตามเนื้อเรื่องเท่านั้น หลงเซียวมีข่าวฉาวใหญ่โตขนาดนี้ และโครงการในมือไม่กี่โครงการก็ต้องหยุดเพราะประสบปัญหา แถมนักลงทุนหลายคนก็ยกเลิกสัญญาลงทุนกับบริษัทซุนซื่อแทนด้วย ตอนนี้บริษัทฉู่ซื่อประสบมรสุมต่อเนื่องอย่างนั้น สถานการณ์คงแย่มากแน่!”
เสิ่นเหลียวคิดวิเคราะห์สถานการณ์ ขณะเดียวกันก็ค่อยๆชักจูงเจิ้งซิน
เจิ้งซินกำมือไว้อย่างแน่น โดยที่ปลายเล็บจิกเข้าผิวหนัง คิดไม่ถึงว่าจะต้องถึงขั้นนี้ แบบนี้หลงเซียวคงไม่ล้มละลายใช่ไหม?
เสิ่นเหลียวยิ้มและพูดว่า “ซินซิน คุณคิดว่า การที่หลงเซียวหย่า แล้วคุณจะมีโอกาสหรอ? คุณคิดง่ายดายเกินไป หลงเซียวหย่ากับฉู่ลั่วหานเป็นเพียงแผนการ พวกเขาคิดอยากกลืนกินหุ้นของบริษัท MBK เท่านั้น ผมกล้ารับประกันเลยว่า หลังจากผ่านมรสุมนี้พวกเขาต้องกลับมาคืนดีกันแน่!”
จู่ๆเจิ้งซินก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ และมีสีหน้าขาวซีด “คุณพูดอะไร?” เสิ่นเหลียวพูดสะกิดจุดอ่อนของเจิ้งซินแล้ว แล้วพูดต่อว่า “ภาพหลงเซียวกับฉู่ลั่วหานจากกันอย่างอาลัยอาวรณ์ที่คฤหาสน์คุณไม่ได้ดูหรอ?”
เสิ่นเหลียวหยิบโทรศัพท์ออกมา และปรากฏบนหน้าจอเป็นวีดีโอต้นฉบับที่ปาปารัสซี่แอบถ่าย ซึ่งได้ยินบทสนทนาระหว่างหลงเซียวกับลั่วหานอย่างชัดเจน
คนโง่ยังมองออกเลย หลงเซียวตัดใจจากฉู่ลั่วหานไม่ได้ อีกอย่างด้วยนิสัยของเขาแล้ว ต้องทำทุกวิธีการกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมา
หลังจากเจิ้งซินดูจบก็รู้สึกเสียวหลัง พร้อมเผยสาวตาลังเล “แล้วยังไง?”
“ซินซิน อย่าโง่ไปหน่อยเลย เพื่อผู้ชายคนเดียวเธอยอมพลาดอนาคตที่สดใสเลยหรอ บนโลกใบนี้สิ่งที่มั่นคงมากที่สุดก็คือสิ่งนี้”
เสิ่นเหลียวยื่นเช็คธนาคารให้กับเธอ แล้วตบลงบนหลังมือที่เย็นเฉียบของเจิ้งซิน “เราสองคนมาร่วมมือกัน ผมต้องการโครงการ คุณรับเงินไว้ แบบนี้ถึงเรียกว่าชนะทั้งสองฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นเขตเมืองเจียงเฉิงจะยอมให้คนที่ไม่มีประวัติความเป็นมามาจัดการได้ยังไง?”
สิ้นสุดเสียง เสิ่นเหลียวก็ดึงมือกลับ แล้วเอามือปิดปากหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังจากไป
——
จี้ตงหมิงเดินเข้ามาในห้องทำงาน ซึ่งบนใบหน้ามีสีหน้าร่าเริงมีความสุข “เจ้านาย แบบร่างได้ส่งไปแล้ว ผมกล้ารับประกันว่า ครั้งนี้เสิ่นเหลียวล้มลงอย่างน่าอนาถแน่”
ในตอนนี้หลงเซียวเพิ่งโทรคุยกับคนแผนกธุรกิจเสร็จพอดี ซึ่งบนใบหน้าของเขาก็ร่าเริงมีความสุขเหมือนกัน
“ดีมาก ตอนนี้เสิ่นเหลียวคงกำลังพยายามแย่งชิงโครงการแน่เลย อีกอย่างเขาสามารถประสบความสำเร็จมากกว่าผมด้วย” หลงเซียวสามารถจินตนาการออกว่า เสิ่นเหลียวที่เก่งเรื่องการวางแผนต้องกำลังแอบโจมตี และเตรียมการแน่เลย”
จี้ตงหมิงหันหน้าพูดว่า “ถ้าหากเสิ่นเหลียวมีข่าวฉาวออกมา คุณคิดว่าจะสามารถคว้าโครงการเมืองเจียงเฉิงได้ไหมครับ?”
อันที่จริงตอนนี้บริษัทฉู่ซื่อไม่มีความมั่นคง มีข่าวฉาวแพร่งพราย และบนอินเตอร์เน็ตวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดด้วย จนแทบอ่านไม่ได้เลย
โชคดีที่มีใครบางคนไม่ก่อกวนเบื้องหลัง ไม่เช่นนั้นไม่รู้เลยว่าต้องแสดงเป็นแบบไหน คงสามารถถ่ายละครแล้ว
หลงเซียวพูดตามตรงว่า “ครึ่งหนึ่ง”
จี้ตงหมิงไม่รู้สึกแปลกใจเลย “พวกเราเตรียมการก่อน แต่พรุ่งนี้จะออกเดินทางแล้ว เรื่องของคุณผู้หญิง….” ก่อนออกเดินทางอยากจะเจอกันสักครั้งไหม?
เห่เอเห่อ!
หลงเซียวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย “เดียวผมคุยกับเธอเอง”
“ครับ เช่นนั้นเรื่องของบริษัทซุนซื่อล่ะครับ? มีอะไรอยากกำชับไหมครับ?” จี้ตงหมิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะบริษัทซุนซื่อยังไม่มีข่าวฉาวออกมา
หลงเซียวยิ้มประชด “ซุนปิงเหวินนับว่ามีความฉลาด คิดไม่ถึงสามารถพลิกความพ่ายแพ้กลับมาชนะ เขาคงติดสินบนกรมตรวจสอบัญชีกับสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ ผมนับถือความฉลาดของเขาจริงๆ!”
หืม!
จี้ตงหมิงอยากจะหัวเราะออกมา “แล้วยังไงต่อครับ?”
หลงเซียวคลายคิ้วที่ขมวดลง “ดังนั้นซุนปิงเหวินไม่เพียงหนีภาษี แต่ยังติดสินบนพนักงานด้วย เขารนหาที่ตายเอง ซึ่งแน่นอนผมจะทำให้เขาสมหวัง”
อืม ความฉลาดพาซวย!
จี้ตงหมิงทำปากมุ้ย และพูดว่า “ตอนแรกแค่ต้มกบด้วยน้ำอุ่น แต่ตอนนี้กลายเป็นทอดกบแล้วครับ!”
หลงเซียวเปลี่ยนเรื่องคุย “ผมจะไปเมืองเจียงเฉิงกับไป๋เวย คุณไปจัดการให้หน่อย อีกอย่างช่วยผมห้ามปรามคุณชายกู้ด้วย”
“ครับ”
จี้ตงหมิงเดินออกมาเจอกับแอนดี้กับโจวโร่หลิน โจวโร่หลินเดินมาให้เอกสารแผนกการเงินกับแอนดี้ ทั้งสองคนกำลังถกเถียงกันเรื่องกำลังพลการโจมตีทางอินเตอร์เน็ต
จี้ตงหมิงเพิ่งรู้ว่า ที่แท้กำลังพลทางอินเตอร์เน็ตเหล่านั้นเกาจิ่งอานเป็นคนจ้าง
ต้องกลับไปบอกเจ้านายแล้ว!
ภายในห้องทำงาน หลังจากหลงเซียวเสร็จงานชั่วคราว ก็โทรศัพท์หาลั่วหาน
ลั่วหานกับส้งชิงเซวี๋ยนกำลังดื่มชากันอยู่ในห้องพักผ่อน ขณะเดียวกันก็ถือโทรศัพท์ ยิ้มและพูดว่า “มีเรื่องไหม?”
หลงเซียวรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินที่ต้องเป็นสามีคนเก่า เขาพูดแทรกลั่วลั่วขึ้นว่า “ลั่วลั่ว พรุ่งนี้ผมจะไปทำธุระที่เมืองเจียงเฉิงสักสี่ห้าวัน”
เข้างานและเลิกงานของคุณช่วงนี้ผมจะส่งหยังเซินไปรับไปส่ง ส่วนอาหารบำรุงของทุกวันผมเขียนให้อาเซียงแล้ว พรุ่งนี้ตอนบ่ายคุณมีเรียนโยคะสำหรับผู้หญิงตั้งท้อง เดียวผมให้แอนดี้ไปเป็นเพื่อนคุณ”
คุณหมอซูนจะไปเยี่ยมคุณทุกวันหนึ่งครั้ง หากมีธุระอะไรต้องบอกเขาก่อนนะครับ อีกอย่างตอนที่ผมไม่อยู่เมืองหลวง คุณอย่าไปเจอคนของตระกูลหลงแท้แต่คนเดียวนะ รอบบริเวณคฤหาสน์ผมจ้างบอดี้การ์ดแล้ว คงไม่มีปาปารัสซี่แอบถ่ายแล้ว
ถ้าหากนอนตอนกลางคืนคนเดียวแล้วหวาดกลัวก็เรียกอาเซียงมานอนเป็นเพื่อน หรือให้พี่สาวน้องสาวของคุณมาพักด้วยก็ได้ หากคิดถึงผมก็โทรศัพท์มาหาผม ส่งข้อความก็ได้ ผมจะเปิดโทรศัพท์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย”
หลงเซียวพูดรายละเอียดที่จัดเตรียมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนดั่งเสียงของเชลโล่
เมื่อลั่วหานได้ยินแบบนี้ก็ถึงกับนิ่งอึ้ง และแทบไม่มีช่องไฟพูดแทรกเลย
“หลง…”
“อีกอย่างตู้หลิงเซวียนรู้ว่าพวกเราหย่ากันแล้ว คงคิดฉวยโอกาสนี้แน่ คุณต้องระมัดระวังตัวให้ดี ตู้หลิงเซวียนไม่ใช่คนดี ทุกประโยคที่เขาพูดคุณอย่าไปเชื่อ เข้าใจไหม?”
ลั่วหานยิ้มแย้ม “หลงเซียว คุณจัดการเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว แล้วจะให้ฉันทำอะไร?”
“กินข้าว นอน บำรุงร่างกาย คิดถึงผม”
หลงเซียวพูดอย่างต่อเนื่องขึ้น พร้อมกับออกเสียงเน้นย้ำ
“อืม?”