ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 689
ตอนที่ 689 ผมจะช่วยคุณ
เมื่อได้ยินเจิ้งซินบอกว่าให้หลงเซียวเป็นคนปิดปากตระกูลเสิ่นขึ้น เจิ้งเฉิงหลินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ขึ้นมาทันที “ไม่ได้ หลงเซียวเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร เขาก็เหมือนกับเสิ่นเหลียวเสิ่นคั่วพวกนั้นแหละ หากให้เขาเข้ามาแทรกแซง พวกเราก็จะยิ่งตกอยู่สถานการณ์เสี่ยงมากขึ้น ฉันไม่เห็นด้วย”
เจิ้งเฉิงหลินไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของลูกสาวทันที โดยไม่ผ่านการไตร่ตรองก่อน เขาไม่มีทางตกหลุมพรางของหลงเซียว และไม่มีทางยอมให้หลงเซียวเป็นคนจูงจมูกด้วย
เจิ้งซินนั่งด้วยท่าทางสงบนิ่ง แต่พยายามอ้างหลักการว่า “พ่อค่ะ คุณใจเย็นลงก่อน ฟังฉันพูดให้จบก่อน ตอนนี้ตระกูลเสิ่นกับตระกูลหลงกำลังแย่งชิงโครงการของเมืองเจียงเฉิงกันอยู่ ตอนแรกหลงเซียวมีโอกาสชนะสูงมาก แต่หลังจากเกิดข่าวฉาวเรื่องฐานะ คนข้างบนก็ไม่พอใจ แต่หากเปรียบเทียบข่าวฉาวฐานะของหลงเซียวแล้ว ข่าวฉาวของเสิ่นเหลียวน่ารังเกียจมากกว่า!
ดังนั้นตระกูลเสิ่นไม่สามารถได้รับโครงการนี้แน่ ทำไมพวกเราสองคนฉวยโอกาสนี้ทำให้หลงเซียวประสบความสำเร็จล่ะคะ? แล้วตั้งเงื่อนไขว่า ให้เขาช่วยเราปิดปากตระกูลเสิ่น? พ่อค่ะ คุณคิดว่าคนอย่างหลงเซียวมีเบื้องหลังครอบครัวที่สะอาดมากหรอ? ตอนที่เขาออกหน้าจัดการกับตระกูลเสิ่นคงใช้อำนาจข่มขู่แน่ ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะสามารถคล้อยตามสถานการณ์นั่งฝั่งเดียวกับหลงเซียว”
ถือเป็นคำพูดที่มีหลักการ ทำให้เจิ้งเฉิงหลินที่เดิมทีกำลังโมโหเดือดดาลค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางสงบนิ่งลง จากนั้นก็หันหน้ามองสายตาของลูกสาว และเริ่มเข้าใจทุกอย่าง “ซินซิน ลูกช่วยพูดกับพ่อตามความจริงหน่อยว่า ลูกยังไม่ตัดใจใช่ไหม? หากพวกเราร่วมมือกับหลงเซียว ในอนาคตก็จะเป็นพวกเดียวกัน ลูกอยากฉวยโอกาสนี้ทำให้เขาอยู่ใกล้ชิดลูกหรอ?”
เจิ้งเฉิงหลินเป็นพนักงานราชการที่พบผู้คนมามากมาย ดังนั้นทักษะการสังเกตถือว่าเยี่ยมยอดมาก เมื่อได้ยินลูกสาวพูดแบบนี้ก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้น
เจิ้งซินกัดริมฝีปากเล็กน้อย แล้วเผยสายตาอ่อนโยนขึ้น “ค่ะ หนูตัดใจจากหลงเซียวไม่ได้ หนูยอมรับว่าหนูรักเขา เพื่อเขา หนูยอมทำทุกอย่าง”
เจิ้งเฉิงหลินเดาเหตุผลออกแล้ว แต่เมื่อได้ยินความจริงจากปากของลูกสาว กลับรู้สึกหนักใจจนต้องยกมือมายันหน้าผากขึ้น จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังและเจ็บปวดใจขึ้นว่า “ซินซิน ลูกช่างโง่จริงๆ! เพื่อผู้ชายที่แทบไม่ชอบลูกคนหนึ่ง ลูกกลับทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้เลยหรอ ลูกเป็นแบบนี้สักวันต้องทำร้ายและตายเพราะตัวเองนะ พ่อไม่อยากเห็นลูกเสียใจ ลูกเข้าใจไหม?”
เจิ้งซินหัวเราะเล็กน้อย พร้อมเผยสายตาและสีหน้าเหมือนกับดอกไม้ไฟที่กำลังดับสูญตามกาลเวลา “พ่อค่ะ บางครั้งความรักก็เป็นแบบนี้แหละ เหมือนแมลงเมาบินเข้ากองไฟที่ไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ อีกอย่างหนูมั่นใจว่าหนูจะได้ครอบครองเขาแน่นอน เขาหย่าแล้ว ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่หนูจะใกล้ชิดเขา”
เจิ้งเฉิงหลินกุมมือของลูกสาว และพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า “ซินซิน เพื่อลูก เพื่อครอบครัวของเรา พ่อหวังว่าครั้งนี้ลูกจะยอมปล่อยมือ ลูกต้องการอะไร พ่อล้วนทำให้ลูกได้ แต่อย่าลุ่มหลงหลงเซียวเลย คนๆนี้จับตัวยาก”
เจิ้งซินดึงมือของตัวเองกลับมา และพูดว่า “พ่อค่ะ หนูต้องการเพียงเขาคนเดียว”
——
ณ บริษัทฉู่ซื่อ ห้องประชุม
หลงเซียวเพิ่งเรียกพนักงานมาประชุมเรื่องการประมูลโครงการของเมืองเจียงเฉิง เพราะพรุ่งนี้เขาต้องออกเดินทางไปเมืองเจียงเฉิงแล้ว วันนี้เลยต้องปรึกษาหารือเรื่องทุกด้านอย่างละเอียดและกระจ่าง
คนของแผนการตลาด แผนกกลยุทธ์ทางธุรกิจ แผนการเงิน แผนกประชาสัมพันธ์และแผนกโฆษณาต่างมาประชุมกันแล้ว หลงเซียวนั่งตรงประธาน โดยมีคนของแผนกกลยุทธ์ยืนอยู่ข้างหน้าหน้าจอ พร้อมพูดอธิบายแผนการสุดท้ายอย่างสมจริงสมจัง ซึ่งบนหน้าจอขนาดใหญ่มีแสงหลากสีจากช่องส่งแสงปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันบนหน้าจอก็เลื่อนหน้าใหม่เรื่อยๆ
หลงเซียวฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ขณะเดียวกันก็พยักหน้าเห็นด้วยตลอด ซึ่งการไม่มีข้อสงสัยของหลงเซียวสร้างกำลังใจต่อคนของแผนกกลยุทธ์ธุรกิจเป็นอย่างมาก และทำให้เขายิ่งพูดอย่างตื่นเต้น
เมื่อประชุมได้ครึ่งทาง จี้ตงหมิงก็ผลักประตูเบาๆจากข้างนอกเดินเข้ามา แล้วเดินตรงมาข้างหลังของหลงเซียว จากนั้นก็กระซิบข้างหูของหลงเซียวว่า “เจ้านายครับ ข่าวของเสิ่นเหลียวถูกเปิดเผยแล้วครับ ผลตอบรับ….น่าช็อกมากครับ”
บนใบหน้าของหลงเซียวไม่มีสีหน้าอะไร แต่ยังคงจ้องมองและตั้งใจฟังการรายงานเบื้องหน้า จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกให้รู้ว่าทราบแล้ว
“แล้วซุนปิงเหวินล่ะ?” หลงเซียวขยับริมฝีปากเล็กน้อย พร้อมเผยสายตาแหลมคมเล็กน้อยขึ้น
จี้ตงหมิงอดใจไม่ไหวหัวเราะเบาๆออกมา “หึมหึม ซุนปิงเหวินกำลังทำตามแผนที่เราวางไว้ทีละขั้นอยู่ครับ ช่างเหมาะเจาะมาก ตอนนี้เขากำลังไปห้องทำงานของสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์อยู่ ตอนไปยังพกเงินสดในกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งด้วย หากเป็นเงินหยวน คงประมาณหนึ่งล้านหยวนมั้งครับ”
ขณะที่พูดจี้ตงหมิงก็อดใจกลั้นหัวเราะไม่ได้ “ตามหลักของกฎหมายแล้ว การติดสินบนหนึ่งล้านเพียงพอให้เขากินข้าวกล่องอีกหลายปีเลย”
ฮ่าฮ่าฮ่า แค่คิดก็สะใจแล้ว
หลงเซียวกระตุกคิ้วขึ้น “ดีมาก จับตาดูเขาต่อ ดูการเคลื่อนไหวต่อไปของเขา”
จี้ตงหมิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองคนที่กำลังบรรยาย “ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวต่อไปของซุนปิงเหวินคือไปกรมตรวจสอบบัญชี เขาคิดอยากเชื่อสัมพันธ์ ฮ่าฮ่า คิดซะดิบดี”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “คิดซะอย่างดี”
จี้ตงหมิงรายงานเป็นเรื่องสุดท้ายว่า “เราได้ร่วมมือกับทางสื่อข่าวเรียบร้อยแล้ว ข่าวของเสิ่นเหลียวหากไม่ฉาวโฉ่จะไม่ยอมหยุด ต่อให้เขาทุ่มเงินมากเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์ เจ้านายประชุมต่อเถอะครับ ผมจะไปเฝ้าสังเกตดูการเคลื่อนไหวของทางฝ่ายนั้นต่อครับ”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจี้ตงหมิงจะเดินจากไปก็พูดเพิ่มเติมขึ้นว่า “กำชับหยังเซินหน่อยว่า ไม่กี่วันมานี้ช่วยรับผิดชอบการเดินทางของลั่วลั่ว และต้องรักษาความปลอดภัยต่อเธอด้วย”
จี้ตงหมิงเผยสายตายิ้มแย้ม “ครับ เจ้านาย เรื่องต้องดำเนินการเรื่องแรกเลยครับ”
โธ่โธ่ สามีเก่าระดับชาติ ทั้งที่มีเรื่องด่วนมากมายแต่ไม่รีบจัดการ กลับใส่ใจปัญหาเรื่องเข้าและเลิกงานของภรรยา ช่างน่าประทับใจจริงๆ
หลังจากจี้ตงหมิงจากไป หลงเซียวก็ฟังรายงานต่อ จากนั้นพนักงานแผนกการเงินก็ขึ้นมารายงาน
หลงเซียวมองดูเวลา ซึ่งเป็นเวลาสี่โมงเย็น พรุ่งนี้เขาต้องออกเดินทางไปทำธุระ ตอนกลางคืนมีนัดด้วย ดังนั้นเลยพูดขึ้นว่า “ย่อความให้สั่นลง คุณช่วยรายงานให้เสร็จสิ้นภายในเวลายี่สิบนาทีด้วยครับ”
เมื่อพนักงานแผนกการเงินเพิ่งเริ่มก็พูดรายงานเรื่องสำคัญขึ้นเป็นกอง แล้วแบบนี้จะเพียงพอเวลายี่สิบนาทีไหม?
“ครับ….คณะกรรมบริหาร ผมจะพยายามประหยัดเวลาครับ” พนักงานแผนกการเงินพลิกดูข้อมูล แถมยังมีเนื้อหาบนไฟล์ PPT ไม่กี่หน้าที่ทำมาด้วย ดังนั้นต่อให้เขาพูดสรุปย่อความก็คงสรุปไม่หมด
“ไม่ใช่จะพยายาม แต่จำเป็นต้องทำ ผมเชื่อว่าคุณมีทักษะการสรุปความ เริ่มเถอะครับ” หลงเซียววางมือทั้งสองจ้างลงบนโต๊ะ พร้อมตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อไม่สนใจคนอื่น
ทุกคนในห้องประชุมรวมทั้งประธานไป๋เวยก็นิ่งอึ้งเหมือนกัน
ไป๋เวยเหลือบมองที่นั่งที่เดิมทีเป็นของกู้เยนเซิน แต่ในตอนนี้ว่างเปล่าแล้ว เธอขยับริมฝีปากแดงระเรื่อเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงสายตากลับมา และตั้งใจฟังรายงานอย่างจริงจัง
เวลายี่สิบนาทีผ่านไปเร็วมาก จนไป๋เวยที่พยายามใจจดใจจ่อกับการรายงาน เริ่มหวั่นใจกลัวตัวเองจะลืมสถิติและข้อมูลสำคัญไม่กี่อย่างที่เขารายงาน หรือพลาดพลั้งอะไรไป
แต่เมื่อโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเตือนเป็นครั้งที่สองเธอถึงดึงสติกลับมาได้
พนักงานแผนกการเงินรีบสรุปจบทันที ซึ่งใช้เวลายี่สิบนาทีพอดี หลังจากพูดจบก็ซักถามอย่างกังวลว่า “คณะกรรมการบริหารครับ ประมาณนี้โอเคไหมครับ?”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “เลิกประชุม”
ไป๋เวยยื่นมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอนึกว่ากู้เยนเซินเป็นคนโทรมา แต่เมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์ หัวใจกลับสั่นหวิว ไม่ใช่เขา แต่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของเมืองเจียงเฉิง
สายที่โทรมาจากเมืองเจียงเฉิงในเวลาตอนนี้ ไม่จากที่จะคาดเดาว่าฝ่ายตรงข้ามคือใคร
หลังจากที่ไป๋เวยเดินออกจากห้องประชุมก็เดินตรงไปรับสายที่ระเบียง
“นังผู้หญิงสารเลว! เธอเป็นคนทำใช่ไหม! เธอหาตายหรอ!”
เพิ่งรับสาย เสียงของเสิ่นเหลียวก็ดังสนั่นขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ ไป๋เวยเตรียมใจล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเลยวางโทรศัพท์ห่างหูสิบกว่าเซนติเมตร เลยไม่ได้รับผลกระทบทางเสียงรบกวน
ไป๋เวยกอดอกพิงข้างหน้าต่าง พร้อมกับยกรองเท้าส้นสูงเคาะบนพื้นเบาๆ “อืม ฉันก็นึกว่าใครเสียอีก ที่แท้คุณชายเสิ่นเอง คุณชายเสิ่นมีธุระอะไรหรอคะ?”
เสิ่นเหลียวกระทืบเท้าอย่างโมโหขึ้น “เธอช่วยหยุดเสแสร้งต่อหน้าฉันได้แล้ว ข่าวบนอินเตอร์เน็ตเป็นฝีมือเธอใช่ไหม? เธอกล้าแอบถ่ายฉันหรอ แถมยังเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตด้วย อยากตายมากหรอ!”
นิ้วเรียวยาวของไป๋เวยถือโทรศัพท์อย่างแน่น ขณะเดียวกันเล็บคริสตัลก็เคาะบนเคสโทรศัพท์พลาง “คุณเสิ่น เวลาพูดอะไรต้องมีหลักฐานนะค่ะ หากพูดลอยๆไม่มีหลักฐานจะถือว่าคุณใส่ร้ายป้ายสีนะค่ะ คุณสามารถพึ่งพากฎหมายฟ้องร้องฉันนะค่ะ”
“บังอาจ!” เสิ่นเหลียวจับไม้เท้าทุบตีลงบนพื้นดังตูมไม่กี่ครั้งขึ้น “ไป๋เวย ฉันขอเตือนให้เธอลบรูปภาพเหล่านี้ทิ้งซะ ไม่เช่นนั้นฉันจะเปิดโปงเรื่องของเธอทั้งหมด ฉันชักอยากรู้แล้วสิว่า หากรูปของเธอถูกเผยแพร่ลงบนอินเตอร์เน็ต เธอจะทำยังไง?” เสิ่นเหลียวหัวเราะสะใจขึ้น เขานึกว่าตัวเองสามารถสะกิดจุดอ่อนของไป๋เวยได้
ไป๋เวยยิ่งออกแรงกำโทรศัพท์แน่นขึ้นอีก บ้าจริง เสิ่นเหลียวมีรูปภาพ วีดีโอของเธอด้วย หากถูกเปิดโปงจริง เธอคงแย่แน่เลย
ใจเย็น ไป๋เวย เธอต้องใจเย็นก่อน!
“เอาสิ หากคุณเสิ่นคิดว่าชีวิตของฉันมีค่ามากขนาดนี้ พวกเราก็มาตายด้วยกันเถอะ ฉันก็ยังมีวีดีโอของคุณเหมือนกัน ถ้างั้นเรามาเผยแพร่พร้อมกันไหม?”
บนฝ่ามือของไป๋เวยมีเหงื่อเย็นผุดขึ้น เธอควรรู้มาตั้งนานแล้วว่า เสิ่นเหลียวเก็บความลับของเธออยู่
เสิ่นเหลียวเบิกตากว้าง วีดีโอหรอ?
นอกจากรูปภาพ ยังมีวีดีโออีกหรอ?
รูปภาพยังสามารถจัดการได้ แต่หากวีดีโอถูกเผยแพร่ หากคิดจะกอบกู้คงเป็นเรื่องยากแล้ว
“รอเดี๋ยว”
เสิ่นเหลียวรีบประมวลข้อดีข้อเสียอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบพูดแทรกไป๋เวยขึ้นว่า “พวกเราสามารถเจรจากันได้ งั้นพวกเรามาเจรจากันเถอะ ผมจะคืนของของคุณคืน ส่วนเธอเอาวีดีโอให้ฉัน เป็นยังไง?”
ไป๋เวยแค่นเสียงประชดออกมา “คุณเสิ่น ชีวิตของฉันไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น แล้วจะกล้าต่อรองกับคุณได้ยังไง? ช่างมันเถอะ คุณอยากเปิดโปงก็เปิดโปงเถอะ ถึงยังไงฉันก็ไม่มีอะไรเสีย”
เมื่อเสิ่นเหลียวได้ยินแบบนี้ก็ถึงกับมึนงงทันที ผู้หญิงคนนี้ใจเด็ดจริงๆ!
บ้าจริง!
“ไป๋เวย เธอต้องเอาวีดีโอคืนให้กับฉัน เธอต้องการอะไร? เงินหรอ เธอต้องการเท่าไหร่? บอกมา!” เสิ่นเหลียวยอมถอยหนึ่งก้าว
ไป๋เวยยิ้มและพูดว่า “คุณเสิ่นยอมจ่ายจริงหรอคะ?”
“เอาวีดีโอให้กับฉัน และช่วยฉันรักษาความบริสุทธิ์ เธอต้องเท่าไหร่ฉันยอมจ่ายทั้งนั้น?” ขอเพียงสามารถแก้ไขปัญหาได้ เงินก็ไม่เป็นปัญหา
ไม่….บางทีไม่ต้องการเงิน!
เสิ่นเหลียวเปลี่ยนน้ำเสียง หัวเราะฮ่าฮ่า และพูดขึ้นว่า “การตรวจสอบผู้ประมูลโครงการของเมืองเจียงเฉิงที่จะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้ เธอเองก็มาเมืองเจียงเฉิงด้วยใช่ไหม? งั้นพวกเรามาเจรจากัน เป็นยังไง?”
“เอาสิ! ไม่เจอกันนานเลย ฉันเองก็อยากคุยต่อหน้าคุณเหมือนกัน!” ไป๋เวยพยายามอดกลั้นความรู้สึกของตัวเอง พร้อมกัดฟันเล็กน้อย
หลังจากวางสายไป๋เวยก็สูบลมหายใจเข้าลึกๆ ชั่วพริบตารู้สึกเมื่อยทั้งตัวจนเกือบจะล้มลง
แต่จู่ๆก็มีมือหนึ่งเข้ามาประคองเธอให้มั่นคงไว้อย่างทันเวลา
ไป๋เวยหันหน้ากลับไปและเห็นหลงเซียว
“คณะกรรมการบริหาร! ขอบ…ขอบคุณค่ะ” ไป๋เวยพูดติดอ่างขึ้น
หลงเซียวเอามือข้างหนึ่งยัดใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างก็ดึงกลับมา “สายจากเสิ่นเหลียวหรอ?”
ไป๋เวยนิ่งอึ้งชั่วขณะ เขารู้ได้ยังไง?
“ค่ะ เป็นเขา เขามีวีดีโอของฉัน และคิดอยากต่อรองกับฉัน พรุ่งนี้พวกเราจะแลกกันค่ะ”
หลงเซียวเผยสีหน้าไร้อารมณ์ “คุณรับปากแล้วหรอ?”
ไป๋เวยกัดริมฝีปาก “ค่ะ ฉันรับปากแล้ว แต่ฉันไม่มีทางปล่อยเสิ่นเหลียวเด็ดขาดเลย ข่าวฉาวของเขาต้องอื้อฉาว! เพียงแต่ฉันรู้สึกกลัวเล็กน้อย อาเซินไม่อยู่ ถ้าหากเขา…..”
หลงเซียวยิ้มแย้ม พร้อมเผยสายตาปลอบโยน “ผมจะช่วยคุณ”