ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 691
ตอนที่ 691 ท่านเซียวเป็นพลเมืองดี
ข่าวการระเบิดที่อยู่บนหน้าจอสั่นสะเทือนพร้อมกับแรงระเบิดลูกแล้วลูกเล่า ตามมาด้วยอาการตื่นเต้นไม่หยุดของคนที่ดูอยู่ตรงหน้าจอทีวี
ลั่วหานเม้มริมฝีปากจนกลืนเอาไอเย็นเข้าไปบางส่วน “แม่ หากเรื่องของซุนปิงเหวินเป็นความจริง สถานการณ์ก็ต้องร้ายแรงกว่าเสิ่นเหลียว หากซุนปิงเหวินทุจริตจริง เขาก็จะเดินซ้ำรอยเดิมกับน้องสาวเขา ถึงเวลาสองพี่น้องคงได้เข้าไปอยู่ในคุกด้วยกัน”
หยวนชูเฟินวางรีโมตทีวีลง ทำให้ข่าวเล่นของมันต่อไปเรื่อยๆ “ที่ซุนปิงเหวินทำแบบนี้ ก็เพื่อต้องการส่งตัวเองเข้าไปอยู่ในคุก แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ”
ลั่วหานนวดขาให้เธอที่กั้นไว้ด้วยกางเกงลายแถบ รู้สึกได้ว่าขาบวมขึ้นเล็กน้อย ระยะนี้ปริมาณยาที่ใช้เพิ่มมากขึ้น ร่างกายของเธอคงแบกรับมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
“แปลกตรงไหน กะทันหันเกินไปหรือราบรื่นเกินไป บางทีแม่อาจรู้สึกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป” ตัวลั่วหานอดคิดอย่างเย้ยหยันไม่ได้ เร็วเกินไปแล้ว อีกทั้งเรื่องทุกอย่างยังชนเข้ากับการระเบิดพอดี คุณหลงเตรียมจะทำให้เมืองหลวงกับเมืองเจียงเฉิงเปลี่ยนแปลงไม่สำเร็จใช่ไหม
หยวนชูเฟินกลับยิ้มออกมา รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าอันซีดเซียวดูปลื้มใจอย่างมาก “ไม่ใช่เลย ฉันแค่รู้สึกว่าเซียวเอ๋อยังมีจุดบกพร่องอยู่ ทั้งๆ ที่มีหลายวิธีให้จัดการกับพวกเขา แล้วทำไมจะต้องส่งคนเข้าคุกด้วย แกคิดดู เกาหยิ่งจือ ซุนเจียลี่ เสิ่นเหลียว ต่างก็เคยผ่านการเข้าคุกมาแล้วทั้งนั้น อ้อ จริงสิ โม่หรูเฟยก็เคยเข้าไปแล้วเหมือนกัน เซียวเอ๋อท่าทางจะชอบคุกเอามากๆ”
ลั่วหานโดนข้อสรุปของเธอตอกกลับจนหน้าหงาย ฟังจากน้ำเสียงของเธอ ดูเหมือนจะดีใจมากอย่างไรอย่างนั้น
“แม่คะ แม่พูดขาดไปคนหนึ่งนะ หนูก็เคยเข้าไปเหมือนกัน แถมตอนนั้นหนูยังถูกไล่ออกจากประเทศด้วย คิดดูแล้วช่างน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน”
ตอนนี้พอคิดย้อนกลับไป ให้ตายเถอะ เหมือนฉันกำลังพูดถึงเรื่องคนอื่นอยู่เลย ไม่นึกเลยว่าจะเคยถูกหลงถิงเอาวิธีการที่ไร้เหตุผลอย่างการขับไล่มาหลอกใช้ ฉันก็ดันหลงกลไปเสียด้วย
หยวนชูเฟินหัวเราะฮ่าฮ่า “ฉันว่าการขังคุกของเซียวเอ๋อ ก็เพื่อใช้คนพวกนี้มาระบายความโกรธให้แกหรือเปล่า ด้วยนิสัยของเซียวเอ๋อ ฮึฮึ เขาออกจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นนี่นา”
สายตาของลั่วหานมองผ่านไปที่ทีวีอีกครั้ง พวกนักข่าวยังออกันอยู่ที่หน้าตึกสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ รอแค่ซุนปิงเหวินออกมามอบตัวเท่านั้น
อืม…..พอคิดดูแล้ว ภาพนั้นจะต้องสวยงามมากแน่
หยวนชูเฟินอ่านตัวหนังสือที่เลื่อนผ่านไปตรงด้านล่าง จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “ลั่วหาน พักนี้โม่หรูเฟยไม่ได้มาสร้างความลำบากให้แกใช่ไหม ผู้หญิงคนนี้ใจคอโหดร้าย แกต้องระวังเอาไว้ โดยเฉพาะช่วงนี้แกกำลังตั้งท้องอยู่ อย่าให้หล่อนจับได้เชียว”
“ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้หล่อนยังเอาตัวเองไม่รอด และไม่ได้กล้าขนาดนั้น แม่ก็อย่าเป็นห่วงหนูนักเลย ตอนนี้แม่แค่ตั้งใจรักษาตัวให้ดีก็พอ”
ส่วนโม่หรูเฟยนั้น……
ตอนนี้ลั่วหานกลับไม่กังวลว่าเธอจะสร้างเรื่องทำตัวน่ารำคาญอะไรอีก เพราะอีกไม่นานโม่หรูเฟยก็จะไม่มีเงินทุนแล้ว แต่ลั่วหานไม่วางใจฉู่ซีหรานกับฟางหลิงหยู้ สองคนนี้จะต้องหยิบเรื่องของเสิ่นเหลียวมาสร้างความปั่นป่วนแน่
อย่างไรก็ไม่ควรประมาท
ลั่วหานบอกลาหยวนชูเฟิน กลับมาที่ห้องทำงาน หวาเทียนก็กลับมาจากห้องคนไข้พอดี เก็บหูฟังแพทย์ที่อยู่บนคอพลั้งปากระบายออกมา “หมอฉู่ คุณนี่ร้ายกาจจริงๆ ฉกตัวแฟนผมไปอย่างง่ายดาย”
ลั่วหานไม่เข้าใจในความหมาย “ซวงซวง เธอเป็นอะไร”
หวาเทียนถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “เมื่อกี้ซวงซวงรีบเก็บข้าวของยกใหญ่ บอกว่าคืนนี้จะไปนอนกับคุณ อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณ คอยดูแลคุณน่ะสิ”
ลั่วหานได้คืบเอาศอก” งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้ว ยังไงฉันหนุนหมอนคนเดียวก็นอนไม่ค่อยหลับ มีสาวสวยมาให้กอด ก็หลับสบายสิ!”
หวาเทียนโบกไม้โบกมือ “หมอฉู่ แบบนี้เลิกคบ”
ลั่วหานหัวเราะก๊าก ปรับน้ำเสียงล้อเล่นให้เป็นปกติ “ติดต่อหลินซีเหวินได้ไหม ถามเธอสิว่าทำไมจู่ๆ ถึงขอลาหยุด เธอขอลาหยุดนานเกินไป ฉันคงจะอนุมัติให้ไม่ได้”
หวาเทียนเบ้ปาก “ติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์ปิดเครื่อง โปรแกรมแชทก็ปิดชั่วคราว เมื่อก่อนวันหนึ่งเธอส่งข้อความในกลุ่มที 5-6 ข้อความ แต่สองวันนี้กลับไม่มีความเคลื่อนไหว ผมรู้สึกไม่ชินเลย”
“หา? นี่มันแปลกเกินไปแล้ว”
พอสิ้นคำ มือถือในกระเป๋าลั่วหานก็สั่นขึ้นมา
ลั่วหานหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องทำงาน พร้อมกับรับสาย
“จิ้นเหยียน คุณเองก็เห็นข่าวแล้วใช่ไหม” ลั่วหานจัดเก็บของที่วางอยู่บนโต๊ะ เตรียมตัวเลิกงาน
ทางฝั่งถังจิ้นเหยียนเพิ่งจะฟ้าสว่าง พอเขาตื่นเห็นข่าวที่กำลังเป็นที่ฮือฮาในมือถือ ยังไม่ทันล้างหน้าแปรงฟัน ก็โทรหาลั่วหานเป็นลำดับแรก
“ที่จริง ผมกะจะโทรหาคุณตั้งแต่เมื่อวาน เรื่องที่คุณกับหลงเซียวหย่ากัน ผมรู้แล้ว ส่วนข่าวอื่นๆ ผมก็เห็นแล้วเช่นกัน” ถังจิ้นเหยียนเพิ่งตื่นนอนน้ำเสียงจึงยังงัวเงียอยู่บ้าง ฟังแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลายดีทีเดียว
สำคัญคือ ทั้งหมดที่รวมอยู่ในตัวเขาให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย ดังนั้นจึงรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้ตัว
เหมือนกับพี่ชายข้างบ้าน
ลั่วหานยิ้มขัน กล่าวอย่างเยาะหยันตัวเองว่า “ในเมื่อคุณรู้เรื่องหมดแล้ว ฉันก็คงไม่ต้องอธิบายมาก เรื่องมันซับซ้อนอยู่บ้าง หากมีโอกาสได้พบกัน ฉันสามารถคุยกับคุณแบบตัวต่อตัวได้”
ถังจิ้นเหยียนกดปุ่มเปิดผ้าม่านในห้องนอน ยามที่ผ้าม่านกับมุ้งลวดแยกออกเป็นสองฝั่ง สิ่งที่ปรากฏในครรลองสายตาคือแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าในมหานครนิวยอร์ก
“ผมสัญญากับเกาหยิ่งจือไว้แล้ว ตอนเธอผ่าตัดผมจะกลับไป”
ลั่วหานขมวดคิ้ว “เกาหยิ่งจือช่างน่าสนใจจริงๆ ถึงกับทำให้คุณกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอผ่าตัดได้ แต่ว่าตอนนี้เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย บรรยากาศไม่น่าพิสมัย ฉันหวังว่าคุณอย่าเพิ่งกลับมาจะดีกว่า”
ถังจิ้นเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นเต็มหน้า “ที่บรรยากาศไม่น่าพิสมัยเพราะสามีเก่าของคุณกับศัตรูของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับผม”
ลั่วหานไร้คำพูด “ทำไมคะ คิดจะอาศัยการหย่าของฉันมาโจมตีทั้งสองฝั่งเหรอ หมอถัง อย่าเชียวนะ”
“ฮ่าฮ่า!” ถังจิ้นเหยียนหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน “หากผมบอกว่าใช่ล่ะ”
ลั่วหานกระอักเลือด “แค่นี้นะคะ!”
ถังจิ้นเหยียนมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายทิ้ง เผลอยิ้มออกมาเงียบๆ เขาจะทำได้อย่างไรกัน
ลั่วหานถูกลิขิตว่าเป็นปานแดงในหัวใจเขา เขาจะหักใจฝืนเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นเลือดยุงที่ติดอยู่บนผนังกำแพงได้อย่างไร
เขายิ้มส่ายหัว ถังจิ้นเหยียนสลัดความกังวลทิ้งออกไปจากหัว นิ้วเลื่อนลงค้นหาพลางครุ่นคิด มองไปที่เบอร์ของเจิ้งซิ่วหยา นิ้วมือเรียวยาวน่ามองหยุดอยู่ที่ตรงนั้น
พักนี่เธอเงียบไปมาก ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร
ความอบอุ่นสบายหนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจบางเบา ถังจิ้นเหยียนอยากฟังเสียงตวาดด่าทอและคำบ่นว่ายาวเหยียดของเธอมาก ดังนั้นจึงได้ต่อสายไปหา
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ โทรไปครั้งแรกไม่มีใครรับสาย
เขากดโทรอีกครั้งอย่างไม่ยอมถอดใจ ครั้งนี้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งรับสาย
“สวัสดีครับ คุณเป็นแฟนของหัวหน้าเราสินะ หัวหน้าติดภารกิจอยู่ ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ส่วนตัว” โจวจั่นเป็นผู้รับโทรศัพท์แทนเจิ้งซิ่วหยา
“อย่างนั้นก็……ได้ ผมค่อยโทรไปใหม่วันหลัง”
ที่แท้ก็ติดภารกิจอยู่
โจวจั่นลูบจมูกป้อยๆ มองเจิ้งซิ่วหยาในชุดเดรสหรูหราสีสันบาดตาจากจอมอนิเตอร์
“คือว่า……ระยะนี้คุณอย่าเพิ่งโทรมาดีกว่า หัวหน้าของเรากำลังติดภารกิจที่สำคัญมาก ไม่สะดวกให้ใครรบกวน”
แม้ไม่รู้ว่าแผนสาวงามของหัวหน้าสำเร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เพื่อไม่ให้หัวหน้าเสียสมาธิ โจวจั่นจึงตัดสินใจแทนเธอไปก่อน
ถังจิ้นเหยียน “……”
โจวจั่นพูดอึกๆ อักๆ “คือว่า คุณแปลกใจใช่ไหมว่าผมรู้ว่าคุณเป็นใคร อ้อ……หัวหน้าหมายเหตุชื่อคุณว่า ‘ผู้ชายของฉัน’ น่ะ”
ถังจิ้นเหยียนมึนงงไปเล็กน้อย
——
ณ สำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
ซุนปิงเหวินขาสองข้างอ่อนแรง เกือบคุกเข่าให้ผู้อำนวยการหวัง “ผู้อำนวยการหวัง ท่านนี้คือ……”
ผู้อำนวยการเอาสองมือไพล่หลัง ทำให้ซุนปิงเหวินเห็นสถานการณ์ที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างด้วยตนเอง ซุนปิงเหวินมองเพียงแวบเดียวก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอย
ผู้อำนวยการหวังหมุนตัวกลับมา มือหนาวางทาบบนกระเป๋าที่ใส่เงินสดไว้ “คุณซุน ลงไปกับผมเถอะ”
ซุนปิงเหวินสีหน้าเขียวคล้ำขึ้นมาทันที นั่งอยู่บนรถเข็นใช้แรงขัดขืน แต่เขาไม่ยอมลงมา “ผู้อำนวยการหวัง นี่คุณหมายความว่ายังไง นักข่าวพวกนี้มันยังไงกัน”
ผู้อำนวยการหวังทอดสายตาไปที่ชั้นวางหนังสือที่ตั้งพิงผนังไว้อย่างอ้อยอิ่ง บนนั้นมีหนังสือกลุ่มหนึ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษเช่น เรื่องบันทึกโฉมหน้าชนชั้นขุนนาง เรื่องเจียวอวี้ลู่ผู้รับใช้ประชาชน เรื่องThe Name of the People เรื่องหนทางชีวิตการเป็นขุนนาง เป็นต้น
“คุณซุน มีเครื่องเตือนใจแขวนอยู่บนหัวผมมากมายขนาดนี้ ผมคงไม่กล้าละเลยต่อมัน เงินของคุณผมใช้ไม่ลง คุณน่ะ เก็บไว้ใช้เองเถอะ!” ผู้อำนวยการหวังใช้มือดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากบนชั้น พร้อมกับโยนลงไปบนขาของซุนปิงเหวิน
ซุนปิงเหวินตกตะลึงจนตาค้าง ราวกับเขาได้ยินเสียงอนาคตที่พังครืนของตัวเอง “ผู้อำนวยการหวัง เข้าใจผิด นี่เป็นการเข้าใจผิด! เมื่อกี้ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผม ผมพูดผิดไป! ความหมายของผมคือ ภาษีที่ซุนซื่อค้างจ่าย ผมอยากใช้เงินสดชำระแทน! ใช่ ๆ ๆ ผมอยากจ่ายภาษี ถ้านี่ยังไม่พอผมจ่ายเพิ่มให้อีกได้ ผู้อำนวยการหวัง คุณอย่าเข้าใจผิด!”
ผู้อำนวยการหวังตบที่ไหล่เขาเบาๆ สายตาดุดันเจือแววเย็นชาดูคนมานับไม่ถ้วน “ซุนปิงเหวิน เพื่อนที่แสนดีของพวกเรา เพราะถูกมดปลวกอย่างพวกคุณใช้วิธีการสกปรกจึงทำให้พ้นจากตำแหน่ง!”
ซุนปิงเหวินยังคิดจะอธิบายอะไรอีก ผู้อำนวยการหวังพลันเปลี่ยนสีหน้า ตะโกนเรียกคนที่อยู่หน้าประตู “เข้ามา!”
สิ้นคำพูด มีชายสวมเครื่องแบบสองคนเดินก้าวยาวๆ เข้ามา ควบคุมตัวซุนปิงเหวินไว้โดยไม่ยอมให้แก้ตัวใดๆ ซุนปิงเหวินดิ้นรนขัดขืน “ผู้อำนวยการหวัง ผมอธิบายได้! ผมไม่ได้มีเจตนาจะติดสินบนจริงๆ! ผมสาบานได้!”
ผู้อำนวยการหวังกัดกรามจนเป็นสันนูน “พอแล้ว อย่าเปลืองแรงเลย เก็บคำอธิบายของคุณไปพูดที่ศาลเถอะ——พาตัวไป!”
ชายสองคนล็อกตัวซุนปิงเหวินไว้บนรถเข็นอย่างคล่องแคล่ว แล้วเข็นออกไปจากห้องทำงาน
ผู้อำนวยการหวังยืนพิงโต๊ะ นิ้วเคาะไปที่กล่องหนัง ต่อสายหาเบอร์ของหลงเซียว
การทำงานในวันนี้ของหลงเซียวสิ้นสุดลง และกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน เมื่อเห็นเบอร์โทรของผู้อำนวยการหวัง ริมฝีปากบางก็ยกขึ้นจางๆ
“ผู้อำนวยการหวัง เป็นยังไงบ้าง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ปลาใหญ่น่ะสิ อ้าปากก็เป็นเงินล้าน ธนบัตรหยวนสีแดงแวววาว เป็นแบงก์ใหม่เอี่ยมทั้งนั้น ผมใจสั่นไปหมด” ผู้อำนวยการหวังแหย่หลงเซียวเล่น
หลงเซียวหยิบกุญแจรถขึ้นมา ก้าวเท้าออกจากประตู “ปลาใหญ่ย่อยยาก กินมากท้องจะอืดเอาได้”
ผู้อำนวยการหวังยืนพิงหน้าต่าง อีกไม่นานก็จะได้เห็นซุนปิงเหวินถูกพาตัวลงไป “ไม่พูดเล่นกับคุณแล้ว ซุนปิงเหวินถูกคนของผมควบคุมตัวไว้แล้ว จับตัวคนโกงได้ คุณคิดจะจัดการยังไง”
หลงเซียวเข้าไปในลิฟต์ กดที่ชั้น B2 “ผู้อำนวยการหวังคิดว่ายังไงล่ะ”
“ตามความเห็นผม ผมจะจัดการตามกฎหมาย แต่ว่าซุนปิงเหวินติดสินบนไม่สำเร็จแบบนี้ หากเขาทำท่าทางสำนึกผิดได้ดีพอ ศาลคงไม่มีทางลงโทษหนัก คุณ……ยอมได้เหรอ”
หลงเซียวยิ้มอย่างไม่แยแส “ผมเคารพกฎหมาย แต่ผมเชื่อว่าผู้อำนวยการหวังเป็นคนที่รู้จักพลิกแพลง ซุนปิงเหวินมีบทบาทยังไง ผู้อำนวยการหวังคงมองออกนานแล้ว คงไม่ต้องให้ผมชี้แนะหรอกนะ”
“นี่……ฮ่าฮ่า! หลงเซียวนะหลงเซียว ฝีปากคุณนี่คมคายเหลือเกิน!” ผู้อำนวยการหวังยิ้มกว้างให้กับหน้าต่าง
“ผู้อำนวยการหวังชมเกินไปแล้ว ผมเป็นแค่พลเมืองที่เคารพกฎหมาย ไม่ได้มีเจตนาอื่น”
พอวางสาย หลงเซียวเดินออกจากลิฟต์ด้วยอารมณ์เบิกบาน