ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 692
ตอนที่ 692 บัตรใบนี้ รับไปสิ
“เคารพกฎหมายสี่คำนี้ ห่างจากคุณไกลโขเลยนะครับ”
ผู้อำนวยการหวังมองโทรศัพท์ที่ตัดสายไป พลางยิ้มอย่างครุ่นคิด ขณะเดียวกันก็ก้มหน้ามองกลุ่มฝูงชนนับไม่ถ้วนที่ใต้ตึก แสงแฟลชกะพริบรัวอย่างบ้าคลั่ง นักข่าวที่ล้อมรอบซุนปิงเหวินราวกับภัยพิบัติอันใหญ่หลวง
“แต่ว่า พลเมืองที่ไม่เคารพกฎหมายอย่างคุณ ส่วนใหญ่ก็ไม่เลวทีเดียว” ผู้อำนวยการหวังยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา ใช้นิ้วลูบที่ปลายคาง รอยยิ้มกดลึกลงกว่าเดิม
หลงเซียวขับรถออกจากโรงจอดรถใต้ดินของตึกบริษัทฉู่ซื่อ พอขับตรงไปถึงสี่แยกข้างหน้า ตอนที่เลี้ยวรถ หลงเซียวเงยหน้ามองไปที่ใจกลางอาคาร CBD ขนาดใหญ่ ตึก MBK สูงเสียดฟ้า ตึกระฟ้าที่ผนังทำด้วยกระจกถูกประกายสีทองของแสงอาทิตย์ยามอัสดงสะท้อนเป็นลายเส้นอันงดงามหกสิบสี่แบบ ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าด้วยท่าทางยโสโอหังเป็นอย่างยิ่ง หน้าต่างชั้นบนแต่ละบานของตึกระฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับจนตาพร่า ต่างก็ถือสิทธิ์แค่ในนาม
รอยยิ้มหยันปรากฏตรงมุมปาก จากนั้นจึงแทนที่ด้วยสายตาเย็นชา มือกุมพวงมาลัยรถ รถซุปเปอร์คาร์แล่นฉิวออกไปราวกับบิน
แต่ที่หลงเซียวไม่รู้คือ บนตึกระฟ้า MBK ในเวลานี้ มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังยืนมองตึกบริษัทฉู่ซื่อที่ตั้งอยู่ห่างไกลตรงหน้าต่าง ลักษณะการมองดูสูงส่ง แต่กลับไม่กล้าดูแคลนบริษัทฉู่ซื่อที่ไม่มีอะไรเตะตาได้เลย
หลงจื๋อกำลังนั่งพิงหน้าต่างอยู่
คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปบนโต๊ะกำลังแสดงเรื่องอื้อฉาวของซุนปิงเหวินที่ถูกนักข่าวรุมล้อมอยู่นอกประตูสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ ซุนปิงเหวินถูกชายสองคนพาตัวขึ้นรถตำรวจด้วยความจำนง
“คุณซุนปิงเหวิน คุณต้องการบรรเทาวิกฤตของบริษัทซุนซื่อโดยการติดสินบนผู้อำนวยการหวังของสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ ใช่หรือไม่”
“ซุนปิงเหวิน บริษัทซุนซื่อหลบเลี่ยงภาษี ทำให้เกิดความเสียหายภายในบริษัท คุณมีความเห็นยังไง”
“วันนี้บริษัทซุนซื่อได้เผยตัวเลขมหาศาลออกมา ปรากฏเป็นข้อมูลเท็จจำนวนมากในการจัดเก็บภาษี คุณคือตัวการสินะ!”
“ว่ากันว่าครั้งนี้บริษัทซุนซื่อแย่งหุ้นส่วนทางธุรกิจไปจากบริษัทฉู่ซื่อไม่น้อยเลย……”
“บริษัทซุนซื่อล้มละลายเพราะเหตุนี้ใช่ไหม คุณคิดจะรับมือยังไงกับวิกฤตในครั้งนี้”
……
พวกนักข่าวที่รุมล้อมต่างยิงคำถามเฉียบคมใส่ซุนปิงเหวินทีละคำถามอย่างบ้าคลั่ง ซุนปิงเหวินสีหน้าดำคล้ำไปทั้งแถบ ไม่พูดอะไรสักคำ เขาปิดปากแน่นภายใต้กล้องนักข่าว ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นเส้นตรง โดยไม่คิดจะอธิบายอะไรสักคำกับเรื่องที่เกิดขึ้น
หลงจื๋อกดหยุดชั่วคราว เสียงที่ดังในวิดีโอจึงหายไปในที่สุด เขาหมุนถ้วยกาแฟไปมา และมองไปที่บริษัทฉู่ซื่อภายใต้พระอาทิตย์ตกดิน
ตึกบริษัทฉู่ซื่อเล็กกว่าตึก MBK มาก ในบรรดาอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่ากัน ดูไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก และโครงสร้างโดยรวมนั้นก็ดูธรรมดาและเรียบง่ายเช่นกัน
หลงจื๋อหัวเราะออกมาเบาๆ กล่าวกับเลขาลินดาว่า “จู่ๆ ซุนปิงเหวินก็หลุดเรื่องอื้อฉาวออกมา คุณคิดว่าเหตุการณ์นี้ยังเป็นเรื่องบังเอิญอยู่อีกหรือ”
ลินดามองตามสายตาของหลงจื๋อไปยังจุดที่ห่างไกล บริษัทฉู่ซื่อนั้นดูแคลนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย…และไม่ธรรมดาเลย
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนค่ะ เรื่องอื้อฉาวของเสิ่นเหลียว ข่าวการเลี่ยงภาษีและการติดสินบนของซุนปิงเหวิน ได้เข้ามาแทนที่ข่าวการหย่าร้างของคุณชายใหญ่และคุณนายหญิงเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นหัวข้อค้นหาที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในจุดประสงค์ของเขาหรือเปล่าคะ”
ลินดาเคยเป็นเลขาลำดับสองในบรรดาเลขาของหลงเซียว วิสัยทัศน์และการมองคนของเธอเองก็ใช่ย่อยเช่นกัน
หลงจื๋อหัวเราะฮึฮึ เขาพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง “นี่แค่คนสองคนเท่านั้น พี่ใหญ่ไม่อยากเล่นกับเสิ่นเหลียวและซุนปิงเหวินอีกแล้ว พี่ใหญ่เป็นแมวป่าตัวหนึ่ง และพวกเขาสองคนต่างเป็นหนู ที่พี่ใหญ่ไม่ฆ่าพวกเขา เพราะอยากดูพวกเขาดิ้นรนกระเสือกกระสน แต่ตอนนี้เขาคงหมดความอดทนแล้ว ถึงได้เล่นข่าวเสียใหญ่โต”
หลงจื๋อจิบกาแฟไปหนึ่งคำ กาแฟไม่เหลือความร้อนแล้ว ดังนั้นรสชาติจึงขมมากขึ้นความขมฝาดแผ่ลามไปทั่วปลายลิ้น จึงทำให้เขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ลินดาเห็นสีหน้าของเขา จึงเอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟ “ฉันไปเปลี่ยนแก้วใหม่ให้ค่ะ”
หลงจื๋อส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ขมหน่อยสิดี ทำให้สมองปลอดโปร่ง สดชื่นและตื่นตัวอยู่เสมอ”
ลินดามุมปากกระตุก อืม……ทำไมลักษณะการพูดถึงเหมือนท่านเซียวจัง
หลงจื๋อกล่าวต่อไปว่า “ยิ่งไปกว่านั้นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่บริษัทฉู่ซื่อเสียไป อาจจะต้องมาคุกเข่าและประจบประแจงกับบริษัทฉู่ซื่อแทน พอคิดดูแล้วช่างน่าสนใจจริงๆ! ”
ใบหน้าของลินดาเต็มไปด้วยเส้นสีดำเป็นแถบๆ เธอแอบมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลงจื๋อ เอาเถอะ เธอต้องยอมรับว่าคุณชายรองในเวลานี้ ดูเหมือนท่านเซียวอยู่บ้างจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น ท่านประธานคิดว่าตอนนี้เราควรทำอย่างไรกันดี หรือ MBK จะใช้โอกาสนี้กดดันบริษัทซุนซื่อต่อไปอีกขั้นแล้วค่อยเทคโอเวอร์บริษัทซุนซื่อคะ”
ด้วยอุปนิสัยของท่านเซียว เป็นไปได้มากว่าจะทำเช่นนั้น
หลงจื๋อมองไปที่หน้าปัดนาฬิกาแบรนด์วาเชอรองคอนสแตนตินบนข้อมือของเขา โลหะของนาฬิกาหักเหกับแสงแดด ทำให้รูม่านตาของเขาสว่างไสวราวกับเพชร
“ในสนามรบระหว่างมังกรกับเสือ MBK ไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่ง เราเป็นพวกหากมีความครึกครื้น เราจะแค่ชมดูเท่านั้น อีกอย่าง เมืองหลวงกับเมืองเจียงเฉิงเปิดศึกพร้อมกันแบบนี้ เวทีทั้งสองฝั่งคงจะสนุกน่าดู อย่าเสียโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ! ” หลงเจ๋อจิบกาแฟอีกหนึ่งคำ
ให้ตาย ยิ่งเย็นยิ่งขม กาแฟยี่ห้อ B นี้เขาคงแสร้งดื่มต่อไปไม่ไหวแล้ว อีกเดี๋ยวดื่มชานมเข้าไปมากหน่อยคงจะดีขึ้น
ลินดาพยักหน้า “ท่านประธานคะ คุณมีแผนจะจัดการอย่างไรต่อไป”
แผนอย่างนั้นเหรอ? แฟนสาวของเขายังรอให้เขากลับไปที่โรงแรมอยู่เลย!
“ไม่มีแผน เลื่อนงานเลี้ยงคืนนี้ให้ฉันที ฉันมีเรื่องอื่นต้องไปทำ” หลงจื๋อวางแก้วกาแฟ ขมวดคิ้วพลางกล่าวเสริมว่า “กาแฟยี่ห้อนี้ต่อไปไม่ต้องเอามาชงอีก เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ให้ฉัน อีกอย่าง คราวหลังใส่น้ำตาลสองก้อนล่ะ”
ลินดา “……”
เมื่อกี้ใครบอกว่าขมหน่อยยิ่งสดชื่นกัน
“ค่ะ ท่านประธาน”
ปัดโถ่ เหมือนท่านเซียวตรงไหนกัน เธอก็แค่ตาฝาดไปเอง
หลงจื๋อคว้ากุญแจรถขึ้นมา สวมสูทที่อยู่บนไม้แขวนเสื้อ แล้วเดินออกจากห้องทำงานอย่างมีความสุข
แต่ ที่น่าเสียดายคือ ตอนที่เขาเพิ่งเดินออกจากประตูก็เห็นหลงถิงลงมาจากชั้นบน แถมพอลงจากลิฟต์ก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขาพอดี แย่แล้ว ศัตรูบนทางแคบ
หลงจื๋อก้มหน้า กล่าวอย่างเป็นผู้เป็นคนว่า “พ่อ”
หลงถิงทำสีหน้าเย็นชา พยักหน้าส่งสัญญาณบอกให้คนที่อยู่ทางซ้ายและขวายืนรอก่อน ในขณะที่เขาเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ถามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “หล่อนล่ะ? ”
หลงจื๋อตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ “หล่อนไหนครับ”
“อย่ามาทำเป็นไขสือ หลินซีเหวินล่ะ แกอย่าบอกนะว่าแกไม่รู้ แกเอาคนไปซ่อนไว้ที่ไหน” หลงจื๋อชำเลืองมองลงมาที่หลงถิง เห็นได้ชัดว่าเขาเตี้ยกว่าหลงจื๋อเล็กน้อย แต่กลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาทำเอาหลงจื๋อแทบหายใจไม่ออก
หลงจื๋อในใจเกิดความวิตก ประหลาดใจอย่างไม่อาจเลี่ยง “ผมไม่รู้ ผมติดต่อเธอไม่ได้”
แปลกจริง สาวบ้านนอกหายตัวไป เขาจะรู้ได้ยังไง อีกอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงก็มาถามหาคนจากเขา หรือว่าเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิน
แย่แล้วสิ!
หลงถิงหายใจฟึดฟัด เสียงหายใจหนักๆ ของเขาแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน “เสี่ยวจื๋อ แกบอกฉันมาตามตรงจะดีกว่า แกกำลังโกหกใช่ไหม ฉันมองแวบเดียวก็มองออกแล้ว อธิบายมาให้ชัดเจน ก่อนที่ฉันจะโกรธ”
ลินดาถูกกดดันโดยกลิ่นอายของหลงถิงไม่กล้าก้าวออกมาข้างหน้าแม้แต่ครึ่งก้าว เห็นความสูงของหลงจื๋อที่ดูเตี้ยลงไปในพริบตา จึงเลิกคิดที่จะเปรียบเทียบเขากับท่านเซียวไปในที่สุด
ปัดโถ่ เอามาเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ
หลงจื๋อกัดฟันตอบ “พ่อถามเรื่องนี้ทำไม อย่าว่าแต่ผมไม่รู้เลย ต่อให้รู้ ผมก็ไม่บอกพ่อหรอก”
“เหลวไหล! หลินซีเหวินแกกล้าเก็บซ่อนได้ตามใจหรือ แกรู้ไหมว่าหล่อนเป็นใคร”
เสียงของหลงถิงเปลี่ยนไปทันที พลังกดดันกดลงบนศีรษะของหลงจื๋อ แรงกดสีดำทะมึน ทำเอาคนต้องก้มหน้าลง
“ผมต้องรู้อยู่แล้วว่าหล่อนเป็นใคร หล่อนเป็นแฟนผม เป็นเมียในอนาคตของผม! พ่อคิดจะขัดขวางพวกเราสินะ ผมขอบอกไว้เลยว่า ไม่มีทาง”
หลงจื๋อยอมเงยหน้าในที่สุด แววตามุ่งมั่นไม่กลัวเกรงความโกรธของเขา แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับคนที่ขลาดกลัวเมื่อสักครู่
ทันใดนั้น ความโกรธบนใบหน้าของหลงถิงก็จางลงไปกว่าครึ่ง เขายิ้มออกมาในที่สุด “ดูเหมือนแกจะรู้ว่าหล่อนเป็นใคร”
หลงจื๋ออดงุนงงไม่ได้อีกครั้ง พูดภาษาเดียวกันแท้ๆ ทำไมเขากลับฟังไม่เข้าใจ
“ในเมื่อรู้แล้วว่าหล่อนเป็นใคร ในเมื่ออยากแต่งงานกับหล่อน งั้นก็จงปกป้องคนของตนไว้ให้ดี พ่อแม่ของหล่อนไม่เห็นด้วยที่พวกแกอยู่ด้วยกัน แกจะแต่งงานกับหล่อนได้ไหม ต้องดูที่ความสามารถของแกแล้ว” ในแววตาของหลงถิงมีความเห็นใจปรากฏออกมาอย่างไม่คาดคิด
หลงจื๋อ “……”
ใครบอกเขาทีว่าทำไมเรื่องถึงพลิกขึ้นมากะทันหัน
พ่อไม่ได้มาขัดขวางความรักของพวกเขาหรอกหรือ
พอพูดเรื่องนี้จบ หลงถิงกล่าวอย่างกว้างๆ ว่า “แม่ของหลินซีเหวินต่อต้านพวกแกเป็นพิเศษ ดังนั้นแกต้องหาทางโน้มน้าวแม่ของหล่อนให้ได้ ส่วนพ่อของหล่อนฉันจะช่วยแกเอง”
หลงจื๋อกลืนเอาไอเย็นเข้าไปรวดเดียว ติดอยู่ในลำคอจนแทบจะสำลัก “พ่อ……”
หลงถิงยิ้มออกมา รอยยิ้มของพ่อไม่ได้เข้ากับความจริงจังบนใบหน้าของเขาเลยสักนิด “แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน ความสุขของแก พ่อจะไม่สนับสนุนได้ยังไง ในเมื่อแกชอบ ก็จงคบหากันอย่างเปิดเผยและสบายใจเถอะ พ่อสนับสนุนแก”
แววตาของหลงจื๋องุนงงจนถึงขีดสุด เมื่อกี้เขาได้ยินว่าอะไรนะ
“ขอบคุณครับ พ่อ”
“แล้วก็ รับนี่ไปสิ”
พยักหน้าเป็นสัญญาณบอกเหลียงจ้งซุนผู้อยู่ด้านหลังหยิบบัตรสีดำออกมาจากกระเป๋า บัตรสีดำมันวาวยื่นมาตรงหน้าหลงจื๋ออย่างเงียบๆ
หลงจื๋อ “……”
บัตรเครดิตสีดำไม่จำกัดวงเงิน มะ มะ ไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม
หลงถิงเอาบัตรยัดใส่มือหลงเจ๋อเองกับมือ “บัตรใบนี้ต่อไปเป็นของแกแล้ว”
“!!” หลงจื๋อเป็นใบ้ไปแล้ว
จนหลงถิงก้าวออกมาจากทางเดินที่กว้างและทอดยาว ขึ้นลิฟต์จนกระทั่งลิฟต์เลื่อนลงมาแล้ว หลงจื๋อก็ยังคงยืนถือบัตรไว้อย่างเงียบเชียบอยู่ตรงนั้น
เมื่อกี้เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
แต่หลงจื๋อไม่มีทางรู้ว่า การสนทนาบนลิฟต์ในเวลานี้ กลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่เห็น
เหลียงจ้งซุนพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ท่านประธาน คุณนายหลินคัดค้านเรื่องที่คุณชายรองกับคุณหนูหลินคบหากันอย่างหนัก คุณทำเช่นนี้ หากเธอรู้เข้าจะโกรธเอาได้นะครับ”
ชุดสูทของหลงถิงดูเนี้ยบจนไม่มีรอยยับย่นแม้แต่น้อย สีหน้าที่เคร่งขรึมเรียบสนิทมีเพียงความเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเขาที่เหมือนงูดำในป่าตัวหนึ่ง งูที่ปรารถนาจะยื่นความจริงใจออกมา
“ตระกูลหลินจะต้องเกี่ยวดองกับตระกูลหลง หลงจื๋อจะต้องแต่งงานกับหลินซีเหวิน การแต่งงานนี้จะทำให้ MBK ยืนหยัดอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างมั่นคงตลอดไป ฉันไม่มีทางยอมให้โครงการของฉันตกอยู่ในมือของผู้หญิงคนหนึ่งเด็ดขาด!”
เหลียงจ้งซุนก้มหน้าตอบ “แสดงว่าคุณหลินรับปากร่วมมือกับคุณแล้ว”
หลงถิงยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขายังจะไม่รับปากได้หรือ ลูกสาวเขาอยู่ในกำมือของเสี่ยวจื๋อ เขายังจะกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกหรือ”
ผนังด้านในของลิฟต์ที่เป็นโลหะสะท้อนให้เห็นถึงความแหลมคมอันหนาวเย็นไปถึงกระดูก คืบคลานเข้ามาในดวงตาของผู้พบเห็น
เหลียงจ้งซุนยิ้มอย่างสบายๆ “ท่านประธานฉลาดจริงๆ มีไม้เด็ดอย่างคุณหนูหลินอยู่ตระกูลหลินคงไม่กล้าย้ายข้างก่อนถึงแนวรบแน่นอ