ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 711
ตอนที่ 711 คืนนี้ ยอดเยี่ยมมาก
รอยยิ้มที่ถูกส่งออกมาจากใจของหลงเซียว ทำให้กลุ่มหญิงสาวที่อยากเข้ามาทักทายทำความรู้จักแต่ไม่กล้าก้าวเท้าเข้ามายิ่งใจเต้นรัวเข้าไปอีก แต่ละคนท่าทางหลงใหลแทบถือแก้วเอาไว้ไม่อยู่ ทำได้เพียงส่งสายตาท่าทางเคารพบูชาไปให้เขา
ได้รับรอยยิ้มบางๆ หลงเซียวมองไปยังด้านหลัง ตอนนี้เขาเฝ้ารอเป็นพิเศษว่าภรรยาคนฉลาดและเก่งกาจของเขาจะจัดการกับเรื่องด้านหลังนั้นยังไง
โทรศัพท์สั่นไม่หยุด ข้อความจากพวกกู้เยนเซินที่ถูกส่งมาไม่หยุดจนโทรศัพท์แทบระเบิด
หลงเซียวไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน ทำเพียงดูหน้าจอถ่ายทอดสด แถมยังกดให้รางวัล แล้วบล็อกเกอร์ส่งเฮลิคอปเตอร์ให้หนึ่งร้อยลำกลับมาให้เขา
เมื่อเขากดให้รางวัลไปแล้ว ก็ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของรายชื่อการจัดอันดับรางวัลทันที
เพียงพอให้ดีใจไปอีกหนึ่งปีแล้ว
เมืองหลวง
โม่หรูเฟยเอ่ยจบ ร่างทั้งร่างก็กลายเป็นศพที่ถูกสูบเลือดไปจนหมด สองมือตกลงบนพื้น ใบหน้าก้มลงไป ทั่วทั้งร่างสั่นเบาๆอย่างไร้เรี่ยวแรง ไหล่ราวกับจะถูกเธอทำมันแหลกสลาย
เหล่าแขกปากไม่ดีเมื่อสักครู่ตอนนี้ปิดปากเงียบไปหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่คำเดียว ชายหญิงต่างพากันเม้มปากแน่น มองสำรวจลั่วหานราวกับไอดอล ไม่กล้าพลาดแม้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ท่าทางของลั่วหานเรียบนิ่ง สายตารอบข้างมองมาทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่น รอยยิ้มนัยน์ตางดงามปรากฏขึ้น “ทุกท่าน เมื่อสักครู่ล้วนพูดดีกันจัง คารมทำให้ฉันนับถือเป็นอย่างยิ่ง ทำไมตอนนี้ถึงไม่พูดแล้วล่ะ”
เธอไม่พูดนั้นยังดี เพียงเปิดปาก คนพวกนั้นต่างพากันตกใจจนต้องก้าวถอยหลังเพราะกลัวว่าเธอจะจับได้ ถึงตอนนั้นหากไม่ตายก็คงโดนถลกหนังเป็นแน่แล้ว
ลั่วหานยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาป้องกันท้องน้อย วันนี้สถานการณ์น่าตื่นเต้น เธอกังวลว่ามันจะไม่ดีต่อครรภ์ของเธอ แต่เมื่อลองคิดกลับกันก็ดีเหมือนกัน ให้ลูกได้เห็นว่าต้องแยกแยะนังชาเขียวและแม่ดอกบัวขาวยังไง
“ข่าวลือเกี่ยวกับฉันที่ทุกคนพูด ฉันเองได้ฟังแล้วก็ตกใจ ฉันถามตัวเองแล้วฉันไม่มีความสามารถนั้นหรอก คงทำให้ทุกคนผิดหวังแล้ว ดังนั้น รบกวนคุณโม่หรูเฟยพี่น้องที่รักของฉันช่วยพูดให้กระจ่างด้วย ฉันฉู่ลั่วหานไม่ใช้หญิงสาวมีมีความสามารถ เป็นเพียงแค่หญิงสาวแม่หม้ายที่ถูกโกงแถมยังไปช่วยเขานับเงินอีกก็แค่นั้น”
นี่……
เมื่อทุกคนเข้าใจแล้ว ยิ่งรู้สึกนับถืออยู่ในใจ
เมื่อพูดจบ ลั่วหานก้มลงมองไปยังโม่หรูเฟย นิ้วมือเชยคางเธอขึ้น จากนั้นลูบเบาๆบนไหล่ของเธอ “โม่หรูเฟย คนเราไม่สามารถหลุดพ้นจากการทำผิดได้ ถ้าเธอรีบขอโทษเอง ฉันจะดีใจมาก”
ขอโทษเองหรอ
โม่หรูเฟยกัดฟัน ใครจะยอมขอโทษก่อนกัน
ลั่วหานไม่ให้โอกาสให้เธอได้อ้าปาก เอ่ยต่อ “คุกเข่านานขนาดนี้ เจ็บเข่าหรือยัง นี่ทำไปเพื่ออะไรหรอ รีบลุกขึ้นมา ให้ฉันได้ดูเข่าของคุณหน่อย”
โม่หรูเฟยเบิกตากว้าง จ้องมองฉู่ลั่วหานราวกับผีปีศาจ ทำไมเธอ…..
เมื่อสักครู่เห็นได้ชัดว่าเป็นเธอที่เป็นฝ่ายข่มขู่
แต่ตอนนี้โม่หรูเฟยล้มลงคลุกฝุ่นแล้ว ตอนนี้ร่างทั้งร่างนั้นเหม็นโชย เพิ่มขึ้นอีกนิด หรือว่าน้อยลงอีกหน่อย แล้วมันจะเกี่ยวอะไร เธอสามารถจินตนาการได้ บนอินเทอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ว่าจะเขียนถึงเธอยังไง เธอจบสิ้นแล้วจริงๆ
ช่วยซุนปิงเหวินได้ ทว่าต้องเสียสละตนเอง
โม่หรูเฟยพลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา เธอเกลียดฉู่ลั่วหาน เกลียดตัวเองยิ่งกว่า เกลียดซุนปิงเหวินที่สุด
ไม่ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายนี้มาจากหลงเซียว ตอนนั้นเธอไม่ควรรักเขาอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเขายอมบุกน้ำลุยไฟ เพื่อเขาทำให้เธอต้องกลายเป็นคนร้ายแบบนี้
โม่หรูเฟยหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาหลั่งริน เสียงสั่นเอ่ยออกมาช้าๆทีละคำ “เธอพอใจหรือยัง”
ลั่วหานประคองโม่หรูเฟยขึ้น “พอใจหรอ ตอนนั้นฉันเกือบตายในมือคุณ เธอแค่คุกเข่า ร้องไห้เล็กน้อย พูดไม่กี่ประโยคช้าไปสี่ห้าปี ไม่สิ ขอโทษสิ เจ็ดปี เหอะ เธอคิดว่าแค่นี้ฉันก็พอใจแล้วงั้นหรอ”
แผลใหม่ได้เกิดขึ้น บางทีบาดแผลอาจเป็นไปตามเวลา ตัวเธอเองไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด คนที่ทำผิดจะรู้สึกดีขึ้นเพียงเพราะเอ่ยขอโทษแล้วได้รับการให้อภัยหรอ
บนโลกนี้หากการทรยศเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการให้อภัยขนาดนั้น จะต้องมีคนดีๆที่ตายไปกี่คนกันล่ะ ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็คงไม่ได้รับความเป็นธรรมจนตาย
โม่หรูเฟยปากสั่นระริก “เธอ เธอต้องการอะไรอีก”
ลั่วหานจับผมยาวที่ไหล่ของเธอ ช่วยเธอทัดผมไปที่หลังหูอย่างอ่อนโยนต่อหน้ากล้อง ขยับเข้าใกล้ใบหูของเธอแล้วกระซิบ “โม่หรูเฟย บอกตามตรงบนตัวคุณไม่มีอะไรที่หายากสำหรับฉันเลย แต่ถ้าได้รับการให้อภัยง่ายๆ ธรรมดาแล้วมันไม่มีอะไรเปลี่ยน ก็เหมือนคุณในตอนนั้น ดังนั้น……..”
ลั่วหานยิ้มเบาๆราวกับหิมะ รอยยิ้มนั้นในมุมกล้อง ก็เหมือนลมฤดูใบไม้ผลิพัดพาปัดเป่าหิมะขาว พัดพาภูเขาเขียวขจี พัดพาดอกท้อแดงระเรื่อ พัดพามัวเมาหัวใจท่านเซียวในงานเลี้ยงเจียงเฉิงสายตาหวาดกลัวของโม่หรูเฟยปูไปด้วยเลือดแดงฉาน
“ดังนั้นอะไร”
ลั่วหานตบเบาๆที่ไหล่ของเธอ “ตอนนั้นคุณให้ฉันเป็นคนดูแล ปรนนิบัติคุณที่แสร้งว่าท้อง ตอนนี้ล่ะ ฉันท้องแล้วจริงๆ ให้ดีเธอมาดูแลฉัน เป็นไง”
อะไรนะ ให้เธอไปเป็นคนรับใช้ของเธอน่ะหรอ
ริมฝีปากของโม่หรูเฟยเกือบจะโดนฟันตัวเองกัดเป็นแผลแล้ว กัดจนเลือดออก ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ “เธอ…..ทำไมเธอ…..”
น้ำเสียงอ่อนโยนของลั่วหานถาม “ไม่ยินดีหรอ”
คนรอบข้างที่ถ่ายวิดีโออยู่รอบข้างยังคิดว่าพวกเขาแสดงความรักระหว่างพี่น้องต่อกัน คิดฉู่ลั่วหานให้อภัยต่อการขอโทษของโม่หรูเฟยแล้ว ดังนั้นจึงผ่อนลมหายใจ และถอนหายใจอยู่ในใจ โม่หรูเฟยทำเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนั้น อภัยให้แบบนี้ง่ายไปหรือเปล่า
แต่พวกเขาไม่ได้ยินสิ่งที่ลั่วหานกระซิบบอกกับโม่หรูเฟย
แต่ว่า เสียงของลั่วหาน ทุกๆคำได้ถูกหลงเซียวและจางหย่งได้ยินอย่างชัดเจน
ชั่วขณะที่โม่หรูเฟยไม่สามารถหาคำมาโต้ตอบการข่มขู่ของลั่วหาน นอกจากพยักหน้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ฉัน….ตกลง”
ลั่วหานพยักหน้าพอใจ “ดีมาก งั้นก็บอกกับบรรดาช่างภาพที่กระตือรือร้นพวกนี้ซะ”
โม่หรูเฟยปิดศีรษะ ไม่ให้ความอับอายของตนแพร่ออกไป “คุณลั่วหานจิตใจดีไม่ถือสาเอาความกับฉัน แต่ฉันรู้สึกผิดต่อเธอ….ฉันตัดสินใจแล้วว่าต่อไปจะดูแลคุณลั่วหาน จนกระทั่งเธอคลอดลูก แบบนี้….หวังว่าจะสามารถชดเชยความผิดที่ก่อไว้กับเธอได้”
คนอื่นๆยังคิดว่ามันยังไม่เพียงพอ อะไรกัน ตอนนั้นทำกับเธอขนาดนั้น มาเป็นพี่เลี้ยงแค่ไม่กี่เดือนก็พอแล้วหรอ อีกอย่าง ไปเป็นพี่เลี้ยงตระกูลร่ำรวยขนาดนั้น สวัสดิการก็ต้องดีแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ถือว่าได้รับการลงโทษเลยสักนิด
ลั่วหานเอ่ยขึ้น “ทุกท่าน คงดูพอแล้วใช่ไหมคะ”
เพียงประโยคเดียว เปรียบเสมือนการส่งแขก ทุกคนต่างไม่กล้าอยู่ต่อ ไม่ทานอาหารเย็นต่อรีบลุกออกไป
ด้านนี้ เหลือเพียงลั่วหานและโม่หรูเฟยเพียงสองคน ห้องอาหารกว้างใหญ่ เสียงเปียโนไพเราะยังคงบรรเลง บรรยากาศคล้ายกับกลับเข้าสู่ความโรแมนติกเช่นเดิม
ใบหน้าโม่หรูเฟยเข้มขึ้น “เธอได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เมื่อไหร่จะช่วยซุนปิงเหวินออกมา”
ลั่วหานนั่งลง บอกอย่างไม่เดือดไม่ร้อน “โม่หรูเฟย นี่เธอกำลังพูดกับใครอยู่”
โม่หรูเฟยชะงัก “…………..”
ลั่วหานมองอาหารบนโต๊ะ “ตอนนี้ฉันเป็นเจ้านายของเธอ เธอเป็นคนรับใช้ฉัน เธอมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งฉัน”
โม่หรูเฟย “………”
“เป็นคนใช้ของฉัน ในขณะที่เจ้านายกำลังทานข้าวอยู่ควรทำยังไง คุณหนูโม่ปกติอยู่บ้านเสื้อมาค่อยชูมือ ข้าวมาค่อยอ้าปาก(ทำอะไรเองไม่เป็น มีคนทำให้หมด) คงไม่ต้องให้ฉันช่วยใช่ไหม” ลั่วหานใช้คางชี้ไปที่จานอาหาร บอกใบ้ให้โม่หรูเฟยเริ่มทำงานได้แล้ว
——
“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ เจ้านายครับ ต้องขอโทษที่ผมทนไม่ได้หัวเราะออกมาก่อน ฮ่าๆ นายหญิงเท่มากจริงๆครับ แฉโม่หรูเฟย การกระทำและคำพูดสุดท้ายเยี่ยมยอดไปเลย ผม…..หลงรักเธอแล้ว
แต่ว่า ประโยคหลังให้ตายเขาก็ไม่กล้าพูดออกมาหรอก
กู้เยนเซินเองก็ยกนิ้วชื่นชม “เยี่ยมมาก ให้โม่หรูเฟยเป็นคนใช้ให้เธอ ขยี้ได้ทั้งทางกายและจิตใจ เยี่ยม นับถือ”
จี้ตงหมิงเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตค่อยเอ่ย “เจ้านายครับ ก่อนหน้านี้คุณหมอฉู่ถูกใส่ร้าย ตอนนี้ล้างสะอาดแล้ว บนเว็บต่างพากันยืนยันให้เธอ แถมยังมีคนสร้างกลุ่มแฟนคลับในเว่ยป๋ออีกด้วย”
จางหย่งอยากดู รีบเข้าไปค้นหา ขึ้นเทรนด์จริงๆด้วย
“คู่เซียวลั่ว รักแท้ไร้ศัตรู”
ชื่อกลุ่มเหลือเชื่อเลย ต้องเข้าร่วมให้ได้ ต้องโพสต์ ต้องติดอันดับหนึ่ง
อีกด้าน บริษัทใหญ่ๆเช่นบริษัทฉู่ซื่อ บริษัทอึนเคอ MBK บริษัทหลันเทียน บริษัทซุนซื่อ บริษัทเสิ่นซื่อ บรรดาบริษัทใหญ่ล้วนได้ข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อม
บนอินเทอร์เน็ตนั้นสนับสนุนการคืนดีกันของหลงเซียวและลั่วหานโดยไม่สนใจว่าจะเสียผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ทำให้ความคิดของผู้คนกลับตาลปัตร
โพสต์ แวดวงสังคม กลุ่มต่างๆ facebookที่เคยต่อว่าลั่วหานก่อนหน้านี้ ต่างก็ถูกปิด ลบ แอคเคาท์ที่เป็นผู้นำในการด่าต่างก็ถูกปิดภายในหนึ่งชั่วโมง
ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์น้อยใหญ่ ราวกับได้นัดพูดคุยกัน ในเวลาเดียวกัน การกระทำเดียวกัน คล้ายมีคนออกคำสั่งชี้นำ
จางหย่งพิมพ์คำที่เกี่ยวข้องติดต่อกันหลายครั้ง ไม่ใช่ “ไม่เจอหน้าเว็บ” ก็เป็นสิ่งที่ออกมาใหม่
“เฮ้ย เทพไปเลย โพสต์ของกลุ่มแอนตี้แฟนที่ลบยังไงก็ลบไม่หมด ลมพัดไปก็เกิดขึ้นมาใหม่ วันนี้ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ไม่เหลือเลย”
จี้ตงหมิงเองก็รีบเข้าไปเสิร์ช ไม่มีแล้วจริงๆ
กู้เยนเซินอดไม่ได้ ใช้อำนาจตรวจสอบเว็บทั้งในและต่างประเทศ พบว่าไม่มีแล้วจริงๆ
ดังนั้น หึหึหึ ทั้งสามพุ่งความสงสัยไปยังท่านเซียว
กู้เยนเซินเอ่ยถาม “คุณชายหลง นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม ไม่อธิบายหน่อยหรอ”
หลงเซียวยกมุมปาก สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ด้านนอกหน้าต่าง ไป๋เวยและเจิ้งซินทั้งคู่ไม่รู้กำลังคุยอะไรกัน แต่ดูเหมือนว่าเจิ้งซินจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
หลงเซียวตอบกลับเพียง “ไม่มีอะไรต้องบอก”
เมื่อเขาพูดจบ ก็ไม่สนใจข้อความในวีแชทอีก แต่กลับต่อสายไปยังเมืองหลวง ขณะเดียวกันก็วางแก้วไวน์ลง ร่างสูงเดินอ้อมโซฟา เดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
โทรศัพท์ของลั่วหานสั่นขึ้น โม่หรูเฟยหั่นสเต๊กวางลงในจานของลั่วหาน ก้มลงไปเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอของเธอ
สามี
ลั่วหานรับรู้ถึงสายตาของโม่หรูเฟย ทำเป็นไม่สนใจ
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ลั่วหานถามอย่างอารมณ์ดี “คุณ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
หลงเซียวยืนอยู่ด้านนอก ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดพาอยู่รอบตัวเขา ปัดเป่ากลิ่นแอลกอฮอล์ที่ดื่มเมื่อสักครู่ สร่างเมาไปเยอะมาก “คืนนี้คุณแสดงออกมาได้น่าตื่นเต้นมาก ผมได้เห็นหมดแล้ว”
ลั่วหานทานสเต๊กไปหนึ่งคำแล้วถามยิ้มๆ “แล้วไง”
หลงเซียวย้ายโทรศัพท์มาไว้มืออีกข้าง “ดังนั้น ผมคิดวิธีที่ดีกว่าออกแล้ว ให้คุณรอบคอบมากขึ้น ระบายความโกรธให้…สะใจหน่อย”