ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 712
ตอนที่ 712 แน่นอนว่าอูฐที่ตายแล้วสู้ม้าที่มีชีวิตไม่ได้
ลั่วหานปวดกระดูกสันหลังเล็กน้อย นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ค่อยสบาย จึงได้พิงไปด้านหลัง เรียนและทำงานตลอดหลายปีมานี้ อาการป่วยของกระดูกสันหลังเธอนับวันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มแรกแค่เป็นอาการเหนื่อยล้าและหนึบชาธรรมดา ด้วยท้องโตขึ้น อาการก็ยิ่งหนักขึ้นตามไปด้วย เธอมักจะรู้สึกปวดมากจนรู้สึกได้อย่างชัดเจน
“ถ้าบอกระบายความโกรธ ความจริงคืนนี้ก็มากพอแล้ว คุณยังมีวิธีอะไรอีก” ลั่วหานพ่นลมหายใจออกมา หยิบหมอนรองสองอันวางรองไว้ด้านหลัง แบบนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย
โม่หรูเฟยยังคงหั่นสเต๊กให้ลั่วหานด้วยท่าทางเต็มใจตรงข้ามกับความรู้สึก แต่ลั่วหานไม่ได้มีความอยากอาหารเลยสักนิด
หลงเซียวถาม “หลังจากที่ผมกลับเมืองหลวง ไปพักที่สอร์ทหยีจิ่ง ตอนนั้นคุณถูกเอาเปรียบอยู่ที่นั่น ยังดีที่สามารถชดเชยกลับคืนมาได้ แบบนี้จะไม่ยิ่งได้ระบายความโกรธมากขึ้นหรอ”
ลั่วหานยิ้มร้าย สายตามองไปยังโม่หรูเฟย เรื่องราวในอดีตผ่านเข้ามาในดวงตา….โม่หรูเฟยฉีกรูปของเธอได้ยังไง เข้าไปครอบครองห้องนอนใหญ่ได้ยังไง ใช้อำนาจนายหญิงของบ้านมากดดันเธอได้ยังไง
ไม่คาดคิดว่าจะไม่ลืมเลยสักนิด
ลั่วหานยังนึกว่าตัวเองไม่ได้แค้นเคียงอะไร ที่แท้………เธอไม่ได้ใจดีขนาดนั้นนี่นา
“ฟังดูไม่เลวนี่ แต่ว่า……ฉันว่าช่างมันดีกว่า” ใจหนึ่งของลั่วหานก็คิดอยากปล่อยมันไป ความจริงการให้โม่หรูเฟยมาเป็นสาวใช้ให้เธอ เธอก็ไม่ได้ต้องการ
นำหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความแค้นต่อเธอมหาศาลเอามาไว้ข้างกาย ไม่แน่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอมีหวังจะแก้แค้นคืน ทำอะไรแบบปลารอดออกจากแห งั้นเธอคงเสียเปรียบยิ่งใหญ่เป็นแน่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอกำลังตั้งครรภ์ ลูกน้อยในครรภ์ยังสู้กับคลื่นลมพายุไม่ได้
หลงเซียวขมวดคิ้ว “คุณไม่เต็มใจหรอ ตอนนั้นเธอทำให้คุณเสียหาย คุณไม่คิดแค้นเคืองสักนิดเลยหรอ”
ลั่วหานสะบัดมือไม่ให้โม่หรูเฟยทำต่อ แต่กลับโบกมือบอกให้เธอไปได้แล้ว โม่หรูเฟยพยักหน้า อยากพูดอะไร แต่ว่าลั่วหานกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เธอทำได้เพียงเก็บไว้ก่อน
ลั่วหานขมวดคิ้วมุ่นเพราะอาการปวดหลัง ให้ตายสิ ถ้ารู้แต่แรกว่าท้องแล้วจะปวดหลังขนาดนี้ ตอนนั้นเธอจะระวังการนั่งและพักผ่อนแน่นอน คงไม่ทำลายสุขภาพ
“คุณคิดจริงๆหรอว่าฉันจะให้โม่หรูเฟยมาเป็นสาวใช้ของฉัน ฉันแค่ต้องการให้เธอเสียหน้าต่อสื่อให้ถึงที่สุดแค่นั้นเอง เก็บคนแบบนี้ไว้ข้างกาย เหอะ ฉันบ้าไปแล้วหรอ”
หลงเซียวผิดหวังเล็กน้อย ทั้งรู้สึกปวดใจ “ความจริงคุณสามารถเอาคืนเธอได้ ยังไงตอนนั้นเธอก็ร้ายกาจกับคุณ………”
เกินไปจริงๆ
ลั่วหานลูบท้องน้อยของเธอ “ไม่ต้องหรอก ถือว่าฉันมีเมตตาแทนลูก อีกทั้ง โม่หรูเฟยได้ขอโทษฉันแล้ว ถูกเผยแพร่ออกไปทั่ว คนที่เคยต่อว่าฉันตอนนี้ก็คงปิดปากเงียบไปแล้ว ยังไงซะโม่หรูเฟยก็ใช้หน้าของเธอล้างคำด่าทอต่อฉันจนสะอาดแล้ว แม้ว่าฉันเองก็อยากจะบีบคอเธอให้ตาย แต่ลุงส้งพูดก็ถูก ให้อภัยได้ก็ให้อภัย ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็จะเป็นเหมือนเธอฆ่าไปหมดก็ไม่ได้ถูกไหม ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะต่างอะไรจากเธอล่ะ”
ไม่ใช่คนดีหรอ
ในใจของเขา ลั่วลั่วของเขาดีที่สุดไม่มีอะไรมาเทียบได้แล้ว
หลงเซียวชื่นชมกับเหตุผลนี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากสนับสนุนวิธีการของลั่วหาน “ลั่วลั่ว โม่หรูเฟยทำผิดจนชินแล้ว คุณให้โอกาสเธอมาหลายครั้งแล้ว เขาแก้ความร้ายกาจไม่ได้แล้ว”
ลั่วหานยิ้ม “ในเมื่อรู้ว่าเธอเปลี่ยนไม่ได้ ทารุณอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ฉันรู้ว่าตอนนี้ในใจเธอนั้นเป็นไปด้วยความโกรธแค้น และไม่แน่ว่ากำลังหาทางจัดการฉัน”
หลงเซียวจ้องเขม็ง “ผมจะช่วยคุณจัดการเธอ”
ความหมายก็คือ ฆ่าเธอให้ตายโดยไม่มีใครรับรู้
“ไม่ได้ โม่หรูเฟยมีความแค้นรุนแรง แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เคยทำใครตาย ดังนั้นไม่สมควรให้เธอตาย ครั้งนี้ที่เธอขอฉัน ก็เพื่อซุนปิงเหวิน ความหมายของคุณล่ะ”
นิ้วเรียวยาวของหลงเซียวที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงเคาะเบาๆที่ขา “ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ”
ลั่วหานรู้ว่าต้องได้รับคำตอบแบบนี้ “งั้นลองบอกความคิดของคุณมา”
หลงเซียวอธิบายด้วยท่าทางใจเย็น “ซุนปิงเหวินหนีภาษี ความจริงจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องเล็กก็ได้ เพียงชดเชยภาษีก็พอ สำหรับการติดสินบน หัวหน้าไม่ได้รับเงิน ข้อหาติดสินบนไม่สำเร็จ เรื่องนี้แค่ปรับแต่งเล็กน้อยก็สามารถปกปิดได้แล้ว รู้หรือเปล่า”
ลั่วหานเข้าใจ “คนของซุนปิงเหวินอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ คณะทนายของเขาไม่ได้เลี้ยงเสียข้าวสุก แต่สิ่งที่ฉันอยากรู้ก็คือการตัดสินใจของคุณ”
เพียงแค่หลงเซียวลงมือ ซุนปิงเหวินไม่มีโอกาสได้พลิกสถานการณ์แน่ แต่การลงมือทำก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังไงซะ…..ก็ไม่ได้ซื่อตรงอะไรเท่าไหร่
ลมด้านนอกพัดเส้นผม เมืองเจียงเฉิงที่สว่างไสวราวกับจุดศูนย์รวมแสงนีออน เจียงเฉิงโชยเข้ามา พัดพาความชื้นเข้ามาทำให้คนมีสติ
สายตาหลงเซียวมองเห็นไป๋เวยและเจิ้งซินยังคุยกันอยู่ตรงนั้น เจิ้งซินยื่นมือออกไปเตรียมทำร้ายไป๋เวย แต่ถูกไป๋เวยยกมือขึ้นมาขวาง และยังคว้าข้อมือของเจิ้งซินเอาไว้ ไม่ให้โอกาสเธอได้ตอบโต้
“พักเขาไว้ก่อน ให้ซุนปิงเหวินอยู่ในคุกไปสักสองสามวัน รอให้เรื่องของผมจัดการเรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน”
ลั่วหานอดไม่ได้ หัวเราะพลางถาม “พักไว้หรอ ดูเหมือนไม่ใช่นิสัยของคุณเลยนะ คุณจะให้เวลาซุนปิงเหวินได้วางแผนหรอ ไม่จัดการให้เด็ดขาดล่ะ”
มุมปากของหลงเซียวเผยรอยยิ้ม “จัดการเลยไม่ได้ ซุนปิงเหวินจะล้มไม่ได้ คุณลองคิดถึงสถานภาพของบริษัทใหญ่ๆในเมืองหลวงสิตอนนี้สิ ก็รู้แล้วว่าทำไม”
ลั่วหานมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงดาวพราวระยับท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ทอดสายตามองไปยังด้านล่างคือภาพทิวทัศน์ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวง แต่….
ลั่วหานเข้าใจขึ้นมาทันที “ซุนปิงเหวินกับบริษัทหมิงรุ่ย เกิดความสมดุลระหว่างกันกับบริษัทเฟยเคอ เพียงซุนปิงเหวินล้ม หมิงรุ่ยและบริษัทเฟยเคอก็จะแข่งกันยึดตลาด ก่อให้เกิดการผูกขาด งั้น เป้าหมายต่อไปของพวกเขาก็คือบริษัทอึนเคอ บริษัทฉู่ซื่อ”
หลงเซียวชอบความเฉลียวฉลาดของลั่วหานเป็นอย่างยิ่ง “ไม่ผิดเลย ถ้าให้ซุนปิงเหวินล้ม เท่ากับฝังอันตรายที่ซ่อนอยู่ ปัญหาที่ตามมายังคงเกิดขึ้น ตอนนี้เป็นช่วงการพัฒนาของบริษัทฉู่ซื่อ ผมไม่มีเวลามากมายมาทำสงครามกับพวกเขาหรอก”
นี่…….
ลั่วหานถามพลางหัวเราะเจื่อนๆ “หลงเซียว เงินทุนของบริษัทฉู่ยังหนักไม่พอจริงหรอ เงินในมือฉันก็ไม่น้อยแล้ว เอาไปทั้งหมดก็ไม่พอหรอ”
หลงเซียวได้ยินที่ลั่วหานบอกแบบนั้น ก้มหน้าหัวเราะ สายลมพัดผ่าน ทั่วทั้งร่างสบายขึ้นเยอะ “เรื่องนี้หรอ ต้องดูว่าแข่งกับใคร แข่งกับบริษัทฉู่ซื่อที่เละเทะแบบเมื่อก่อน ตอนนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นมาก แต่เทียบกับMBK บริษัทเสิ่นซื่อ มันต่างกัน…ค่อนข้างมาก”
แตกต่างมากจริงๆ
“เข้าใจแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ สร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองก่อนค่อยว่ากันใหม่”
“ครั้งนี้ซุนปิงเหวินหาเรื่องบริษัทฉู่ซื่อก่อน ไม่งั้นผมก็ขี้เกียจจะแตะต้องเขา แต่การแตะต้องเขาไม่เป้าหมายของผม” หลงเซียวใช้นิ้วนวดคิ้ว
ลั่วหานเข้าในสถานการณ์คร่าวๆแล้ว จึงถาม “ดี ฉันรู้ว่าต้องทำยังไงแล้ว แต่ว่า คุณมั่นใจในโครงการของเมืองเจียงเฉิงมากแค่ไหน”
หลงเซียวตอบอย่างเรียบนิ่ง “ไม่มั่นใจ”
ลั่วหาน “……..ไม่เลยหรอ ไม่เป็นไร ไม่มีก็ไม่มีเถอะงานใหญ่ขนาดนี้ เกรงว่าบริษัทฉู่ซื่อจะรับไม่ไหว”
“ดี เจ้านายผ่อนลมหายใจ ความกดดันของผมก็ลดลงแล้ว ไม่งั้นอาหารมื้อนี้ผมคงไม่กล้ากินเยอะ”
คนด้านหลังเข้ามาทักทาย หลงเซียวเอ่ย “วางก่อนนะ คุณกลับไปรีบพักผ่อน”
ลั่วหาน “……..”
เมื่อวางสายแล้ว หลงเซียวหันกลับมา เสิ่นเหลียวยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าอันตราย ท่าทางเยือกเย็น ท่าทางหาเรื่อง
“ประธานเสิ่น มีธุระอะไรหรอครับ”
เสิ่นเหลียวมุมปากกระตุก “หลงเซียว คุณเสแสร้งเก่งจริงๆ ตั้งแต่การประชุมเมื่อบ่ายจนถึงงานเลี้ยงตอนเย็น การแสดงออกของคุณทำให้ผมนับถือจริงๆ เหอะ เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังเป็นบริษัทที่ไม่ได้ซื่อตรงอะไร ยังอยากจะแย่งชิงโครงการที่เขตเมืองเก่าของเมืองเจียงเฉิงอีก คุณไม่กลัวว่าจะโลภไปหน่อยหรอ”
ดวงตาของหลงเซียวเยือกเย็น น้ำเสียงต่ำลงแฝงไปด้วยการโจมตี “ประธานเสิ่นพูดก็ไม่ผิด บริษัทฉู่ซื่อในตอนนี้คงสู้บริษัทเสิ่นซื่อไม่ได้ เพียงแต่ว่าผมเองก็เหมือนจะเคยได้ยินว่าประธานเสิ่นเข้ามาการหุ้นก็ต่ำลงมาก หุ้นหดตัวลงหนึ่งพันล้านภายในสองวัน นี่เป็นเพียงข้อมูลอย่างเป็นทางการเท่านั้น ตัวเลขจริงๆนั้น ประธานเสิ่นสะดวกที่จะบอกผมบ้างไหมครับ”
เสิ่นเหลียวส่งเสียงต่อต้าน “อูฐที่ผอมตายใหญ่กว่าม้า แม้บริษัทเสิ่นซื่อจะหดตัวลงแล้วครึ่งหนึ่ง ก็ยังกลืนกินบริษัทฉู่ซื่อเลย คุณอย่าคิดว่าใช้วิธีเล็กๆน้อยๆแล้วจะข้ามบริษัทเสิ่นซื่อไปได้”
เสิ่นเหลียวออกแรงเคาะไปที่พื้น ก๊อกก๊อกสองครั้ง เสียงดังขึ้น
หลงเซียวหัวเราะ “ถึงอูฐที่ผอมตายจะใหญ่กว่าม้า แต่อูฐที่ตายจะสู้ม้าที่มีชีวิตได้ยังไงครับ”
การเล่นคำ เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเหลียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ เพียงเอ่ยออกไป ก็ไม่มีเสียงอะไรโต้ตอบกลับมา
หลงเซียวยังคงเอ่ยต่อ “เมื่อสักครู่ประธานเสิ่นบอกอะไรเล็กๆน้อยๆ หมายถึงอะไรหรอครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย”
“คุณจะเสแสร้งอะไรอีก รูปคุณก็เป็นคนปล่อย คุณกล้ายอมรับหรือเปล่า ในเมื่อทำแล้ว ก็อย่าทำเป็นเต่าหดหัว” ความโกรธของเสิ่นเหลียวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โกรธมากราวกับไปแทบกลืนกินสติไปแล้ว อยากจะใช้ไม้ตีหลงเซียวให้ตายในนาทีนั้น
ดวงตาทะมึนของหลงเซียว เกิดประกายขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ “ที่ประธานเสิ่นพูดก็ถูกในเมื่อคุณทำแล้ว ก็จะทำตัวเป็นเต่าหดหัวไม่ได้ ใช้ผู้หญิงเป็นของเล่น ยังกลัวว่าจะมีคนเห็นอีกหรอ ประธานเสิ่นเป็นคนทำเรื่องยิ่งใหญ่ ทำไมถึงได้มาใส่ใจรายละเอียดอะไรเล็กๆน้อยๆล่ะครับ”
ความดันเลือดของเสิ่นเหลียวได้พุ่งปรี๊ดขึ้นไปยังสมองแล้ว เกือบทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายแล้ว “หลงเซียว คุณอย่าโอหังไปเลย โครงการนี้คุณแย่งไปไม่ได้หรอก ถึงผมจะแพ้ เหนือคุณยังมีMBK คุณอย่าลืมล่ะ ตำแหน่งของMBKในวงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ในจุดไหน บริษัทฉู่ซื่อก็เป็นแค่บริษัทถั่วงาเล็กๆ อย่าได้ฝัน”
หลงเซียวขมวดคิ้ว ยิ้มบางๆ พยักหน้า “ประธานเสิ่นพูดไม่ผิดครับ”
อะไรนะ
ไม่มีการตอบโต้หรอ
“ทำไม ตอนนี้เสียดายที่ออกจากMBKแล้วหรอ อยากแสดงความดีต่อตระกูลหลง แล้วกลับไปหรือไง คุณช่างใส่ใจMBKจริงๆ” เสิ่นเหลียวหัวเราะเย้ยหยัน
ทั้งสองโต้ตอบกันอยู่ตรงนี้ ผู้นำของMBKมองเห็นทั้งหมดแล้ว ส่งข้อความหาหลงถิง “ท่านประธาน หลงเซียวและเสิ่นเหลียวคุยกันอยู่สักพัก ไม่รู้กำลังคุยอะไรกันอยู่ ดูเหมือนอารมณ์หลงเซียวจะดูไม่เลว”
หลงเซียวกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ไม่ว่าจะพูดยังไง MBKก็เป็นผลงานที่ผมวางรากฐานเอาไว้ ผลงานจากความเหนื่อยยากของผมถูกประธานเสิ่นชื่นชม ผมรู้สึกปลื้มใจมาก สำหรับโครงการ แพ้ให้กับMBKผมก็ยินดีด้วยใจ ถ้าแพ้ให้กับประธานเสิ่น เหอะ”
เสิ่นเหลียวกัดฟันแน่น “หลงเซียว ผมจะปล่อยให้คุณโอหังได้วันสุดท้าย พรุ่งนี้เรามาวัดผลกัน”
“ผมนี่เฝ้ารอเลยครับ” หลงเซียวไม่แยแส เก็บรอยยิ้ม ใบหน้าเยือกเย็น
เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ไป๋เวยและเจิ้งซินได้กลับไปแล้ว หลงเซียวยกขายามขึ้น เตรียมกลับไปจัดการ จากนั้นกลับโรงแรม
ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเสิ่นเหลียวก็ดังขึ้น เขาเหล่ตามองหลงเซียว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ว่า”
อีกฝ่ายน้ำเสียงกดต่ำ ยิ้มยโส “ท่านเสิ่น บรรลุเป้าหมายแล้ว”
ความมืดหม่นของเสิ่นเหลียวให้ไปมากเลยทีเดียวในทันที ยกคิ้วขึ้น “ดีมาก ส่งไปที่ห้องฉัน”