ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 714
ตอนที่ 714 ท่านประธาน คุณเยี่ยมยอดที่สุด
ปลายกระบอกปืนของไป๋เวยจ่ออยู่ที่ศีรษะของเสิ่นเหลียว เขาไม่มีโอกาสได้ต่อรองเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้น…….
ปืนในมือของไป๋เวยเลื่อนลง เชยคางของเสิ่นเหลียวขึ้น กดดันใบหน้าเหยเกของเสิ่นเหลียว บังคับให้จ้องตากับตนเอง
น้ำเสียงของเธอเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง เธอยิ้มเยาะเสียงเย็น พ่นลมหายใจหนาวเหน็บออกมา “กิ่งจนเหลือแต่แครอทแห้งแล้ว ยังไม่ปิดมันอีก รังเกียจใครหรอ”
แครอทแห้ง?
สำหรับความอัปยศของผู้ชายสำหรับบางอย่างนั้น เทียบเท่ากับการทำลายความนพตนเองของชายหนุ่ม จนกระทั่งสามารถบดขยี้ชายได้อย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าของเสิ่นเหลียวพลันดำมืดลงทันใด กลืนน้ำลายลงไปในลำคอสองครั้ง ผิวหนังขยับตาม ทุกๆรายละเอียด ทุกๆการกระทำ บ่งบอกถึงความชราของเขา เขาแย่ลงทุกวัน กำลังเดินไปสู่การไร้ความสามารถ
ปืนของไป๋เวยจี้ไปที่ลำคอของเขา ขากรรไกรของเขา ก็เหมือนกับหลายครั้งที่เสิ่นเหลียวถืออุปกรณ์ทารุณทางเพศใช้กับร่างกายเธอ ทำให้เธออับอายจนอยากตาย แต่ก็ได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ
เขา สม ควร ตาย
เสิ่นเหลียวดึงปลายผ้าห่มไหมขึ้นมาห่อส่วนล่างของเขาไว้ ท่อนบนยังคงเปลือยเปล่า บางทีอาจจะเพราะกลัวว่า เมื่อส่วนหนึ่งในร่างกายเขาหดตัวลงมันจะทำให้เขาดูมีอายุเพิ่มขึ้นมากโข
เมื่อเห็นว่าตัวเองห่อตัวแล้ว ท่าทางคลื่นไส้ของไป๋เวยก็ดูดีขึ้นบ้าง “เสิ่นเหลียว คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ฉันอยากทำอะไรที่สุด”
เสิ่นเหลียวเงยหน้ามองปลายคางของเธอ จากมุมสายตาของเขา มองเห็นเพียงลำคอระหงเรียวขาวของเธอ กับปลายคางกลมมนนั้น เส้นนั้นที่ตอนนี้กลายเป็นสิ่งอันตราย สามารถเอาชีวิตของเขาได้
“คุณคิดอะไร” เสิ่นเหลียวจับยึดผ้าห่ม เคลื่อนย้ายไปที่อีกฝั่งของโซฟา นั่งลง ผ่อนความอับอายจากเมื่อครู่ลงมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้มากมายอะไร ไป๋เวยกัดฟันแน่นจนได้ยินเสียง เธออยากยิงกระสุนออกไปจริงๆ ฆ่าเขาด้วยมือของเธอเอง ฆ่าเขา
เพื่อตระกูลไป๋ เพื่อเธอ เพื่อความอัปยศที่เคยเกิดขึ้น…..เอาคืน!
ความโกรธแค้นและเกลียดชังเกือบจะครอบงำสติของไป๋เวยไปแล้ว ทำให้เธอเกิดแรงจูงใจที่จะฆ่าคนมากขึ้น ทำให้เธอหันกลับไปย้อนนึกถึงเรื่องน่าเศร้าของตระกูลไป๋…..
ปวดหัวมาก ราวกับจะระเบิดออกมา
และในตอนนั้นเอง หลงเซียวที่ยังอยู่ชั้นหนึ่งได้ยินเหมือนเสียงหายใจของไป๋เวยได้เปลี่ยนจังหวะไป หัวใจเย็นเฉียบ
“ไป๋เวย”
เสียงทุ้มต่ำแต่มีพลังถูกส่งเข้ามาในหูของไป๋เวย ราวกับมีมือมาดึงเธอให้หลุดออกมาจากห้วงอารมณ์ ไป๋เวยได้สติกลับคืนมา สายตาที่หลุดโฟกัสเมื่อสักครู่กลับมาโฟกัสดังเดิม ไม่มีภาพเลือดและการสังหารหมู่แล้ว แต่เป็นใบหน้าของเสิ่นเหลียวแทน
หลงเซียวหลับตาลง ผ่อนลมหายใจ บอกเสียงเบา “ประธานไป๋ ผมรู้ว่าคุณอยากฆ่าเขา อยากแก้แค้นให้พ่อแม่และครอบครัวของคุณ แต่การฆ่าคน นี่เป็นสิ่งที่คุณหลบหนีกฎหมายไม่พ้น ไว้ชีวิตหมาอย่างเขา ชีวิตเขาไม่มีค่าพอให้คุณเอาชีวิตไปแลก เข้าใจไหม”
ไป๋เวยไม่ได้พูด ลูกกระสุนในนี้ เพียงแค่กดลงไปมันก็พร้อมที่จะลอยออกไป เจาะทะลุเข้าไปในหัวของเสิ่นเหลียว
แต่สิ่งที่หลงเซียวเตือนก็ถูก เธอทำไม่ได้….ทำไม่ได้….
“เก็บเขาไว้ เปลี่ยนวิธีอื่น แก้แค้นคืน คุณสามารถทำให้เขาตายทั้งเป็น ใช้กระสุนนัดเดียวปลิดชีวิตเขามันง่ายเกินไป เข้าใจไหม”
ไป๋เวยกระพริบตาเร็วๆ มือที่ถือปืนค่อยๆผ่อนแรงลง นิ้วหัวแม่มือผ่อนคลายลง “เสิ่นเหลียว ฉันอยากฆ่าคุณให้ตายจริงๆ แต่เมื่อเทียบกับการฆ่าคุณ ให้คุณใช้ชีวิตอย่างหมามันน่าสนุกกว่าเยอะเลย”
หัวใจเสิ่นเหลียวปล่อยวางลงได้ในวินาที พลันก็หนักขึ้นมาในวินาทีต่อมา น้ำเสียงเย็นถาม “คุณต้องการอะไร วิดีโอก็ให้คุณแล้ว”
ไป๋เวยหัวเราะ ตอนแรกหัวเราะเบาๆ เยือกเย็น จากนั้นเงยหน้าขึ้นไปยังเพดานแล้วหัวเราะเสียงดัง “วีดิโอหรอ เสิ่นเหลียว คุณนี่มันโง่จนน่าตลกจริงเลย แต่ว่าไม่เป็นไร ตอนนี้คุณน่าจะรู้แล้ว……”ตามน้ำเสียง ปลายคางไป๋เวยชี้ไปที่เตียงใหญ่
บนนั้น เจิ้งซินยังสวมเสื้อเชิ้ตไม่เรียบร้อยนอนอยู่ แบบนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลเจิ้งทำลายล้างตระกูลเสิ่นได้อย่างรวดเร็ว
สมองของเสิ่นเหลียวไม่ได้กลวง เขาเข้าใจในทันที เป้าหมายของแผนการนี้คือ……..ทำให้เขาต้องตัดขาดจากตระกูลเจิ้ง ทำให้เขาสูญเสียการพึ่งพาตระกูลเจิ้ง
“ไป๋เวย เธอมันแพศยา เธอกล้าทำแบบนี้กับฉัน ฝีมือเลวทรามดีนี่” เสิ่นเหลียวโกรธจนตัวสั่น ปากกระตุก แต่ก็ด่าได้เพียงเท่านั้น โกรธจนพูดออกมาเป็นประโยคไม่ได้
ฝีมือเลวทรามหรอ
ความจริงไป๋เวยก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอไม่ได้วิจารณ์ว่าเลวทราม
ตอนเธอฟังแผนการของหลงเซียวจบ ทำได้เพียงอุทานออกมา…..
“ท่านประธาน คุณเยี่ยมยอดที่สุด”
ร่างของไป๋เวยสวมชุดราตรีอนุรักษนิยมไม่มีอะไรให้เขาเอาเปรียบได้ “ว้าว ก็ไม่ได้โง่นี่ ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ดีมาก ในเมื่อคุณเข้าใจแล้ว งั้นต่อไปก็ง่ายแล้วสิ”
ใบหน้าของเสิ่นเหลียวนั้นไม่สามารถอธิบายแล้ว
“ด้านหลัง ด้านหลังอะไร”
ไป๋เวยอธิบายอย่างใจเย็น “ทั้งหมดเมื่อครู่ ได้บันทึกไว้หมดแล้ว ชัดเจนด้วย มีโหมดกลางคืน ไม่มีอะไรเล็ดลอดไปได้ ใบหน้าของคุณ การกระทำของคุณถูกถ่ายได้อย่างชัดเจนทุกกระเบียดนิ้ว คุณว่า มีสิ่งนี้แล้ว จะทำให้คุณตายได้หรือเปล่า”
เสิ่นเหลียวหัวเราะขึ้นมาทันที เขาเดาถูกแล้ว
“ไป๋เวย เธอดูถูกฉันมากไปแล้ว หลายปีมานี้ฉันไม่ได้เสียเปล่าหรอกนะ วิดีโอแค่นี้จะมาข่มขู่ฉัน ฉันจะบอกอะไรให้นะ หลักฐานการทุจริตของเจิ้งเฉิงหลินที่อยู่ในมือฉัน เพียงพอให้สองพ่อลูกนั้นได้ติดคุกเลยล่ะ”
ไป๋เวยท่าทางตกใจ “ห๊ะ ร้ายกาจขนาดนั้นเชียว เอางี้ไหม มาลองดูกันดีกว่า ฉันเอาวิดีโอให้เจิ้งซิน คุณไปแจ้งความเจิ้งเฉิงหลิน เจิ้งซินเผยคลิปของคุณ ติดสินบนไม่สำเร็จ วางแผนขืนใจลูกสาวคนอื่น โห เสิ่นเหลียวนะเสิ่นเหลียว บริษัทคุณถึงจุดจบแล้วหรือเปล่า”
“เธอ”
ไป๋เวยควงปืนเล่น “ดังนั้น ทางที่ดีคุณซื่อสัตย์กับฉันหน่อย คุณกล้าแตะต้องเจิ้งเฉิงหลิน ฉันก็จะให้คุณตายสวยๆ สวยมากๆ”
……
เสิ่นเหลียวสวมเสื้อผ้า ออกจากประตูไป
ไป๋เวยพูดกับไมโครโฟน “ท่านประธาน เรียบร้อยแล้ว หลักฐานของเจิ้งเฉิงหลินที่อยู่ในมือของเสิ่นเหลียวจะไม่ถูกเผยแพร่ออกไป อย่างน้อยด้านเสิ่นเหลียว เจิ้งเฉิงหลินก็วางใจได้”
หลงเซียวตอบรับ ร่างสูงออกไปจากห้องจัดเลี้ยง ในตอนที่แขกเหรื่อพากันดื่มกิน เดินหนีออกจากความวุ่นวายไปก่อน เหยียบไปยังแสงจันทร์ด้านนอก เดินออกประตูไป
มายบัคสีดำที่เตรียมรออยู่แล้วขับเข้ามา หวังเจี้ยนลงจากรถ เปิดประตูที่นั่งด้านหลัง ค้อมตัวเอ่ย “ท่านประธาน”
หลงเซียวพยักหน้า ขึ้นรถไป
จากการเคลื่อนไหวที่ดูช้า แต่ความเป็นจริงมันรวดเร็วและงามสง่า
“คืนแรกก็ช่วยเจิ้งเฉิงหลินจัดการตัวอันตรายอย่างเสิ่นเหลียว เขาคงจะดีใจมาก งั้นการแข่งขันครั้งนี้ของเรา จะได้รับการสนับสนุนจากเขาอย่างเต็มที่หรือเปล่าคะ”
ไป๋เวยราวกับมองเห็นชัยชนะ เธอถามยิ้มๆ
รถขับเคลื่อนออกไป สีเขียวด้านข้างถอยหลัง หลงเซียวกลับไม่ได้ยินดี “แน่นอนว่าเขาต้องสนับสนุนบริษัทฉู่ซื่อ แต่โอกาสที่เราจะชนะยังมีไม่เยอะ”
ไป๋เวยกัดฟัน “เพราะMBKหรอคะ”
“อืม”
ไม่พูดไม่ได้ว่า MBK เป็นคู่แข่ง แถมยังเป็นงานแบบนั้น ไม่ต้องทำอะไรมากก็สามารถฆ่าได้ราบคาบ
“ต้องทำให้เจิ้งซินตื่นไหมคะ” ไป๋เวยเก็บปืน เหลือบตามองเจิ้งซิน
“ได้แล้ว เปิดวิดีโอให้เธอดู”
“รับทราบค่ะ”
ไป๋เวยเดินไปหยุดข้างเตียง ตบลงไปที่ใบหน้าของเจิ้งซิน “เพี๊ยะ” หนึ่งครั้ง จากนั้นดวงตาของคนหลังเบิกกว้างขึ้นราวกับจะยิงอะไรออกมา
“โอ๊ย”
สิ่งแรกที่เจิ้งซินทำตอนตื่นขึ้นมาคือร้องเสียงดัง จากนั้น มองเสื้อผ้าตนเอง…..
“กรี๊ด!!”
เมื่อเห็นเสื้อผ้าตนเอง เธอยิ่งกรีดร้องดังขึ้นไปอีก
ไป๋เวยนั่งลงที่โซฟา เท้าคางมองเธอ “เอาล่ะ หยุดกรี๊ดได้แล้ว ถอดก็ถอดแล้ว ร้องไปก็ไม่ได้สวมเข้าไปได้เองหรอกนะ”
เจิ้งซินโกรธจนหน้าแดง “ไป๋เวย เธอโกหกฉัน เธอรับปากว่าแค่ล่อเสิ่นเหลียวมา ทำไม”
ไป๋เวยโบกมืออย่างหมดความอดทน “รีบร้อนอะไร เขายังไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย มีประโยชน์หรอ ถ้าฉันอยากจัดการเธอ คงไม่กระโดดออกมาหรอก ให้เขานอนแล้ว เธอก็ยิ่งไม่ดีหรอ”
ใบหน้าของเจิ้งซินเปลี่ยนจากแดงเป็นซีดขาว “เธอ……..”
ไป๋เวยหัวเราะ โยนโทรศัพท์ไปให้ รับชมหน่อย สนุกดีนะ”
เจิ้งซินกัดฟัน เอ่ยทีละคำ “เธอบันทึกไปเท่าไหร่”
ไป๋เวยยิ้มเย็น “ฉันหรอ ฉันจะเก็บมันไว้ทำไม เอาไปขายส่งหรอ คุณอย่าโวยวายเลยคุณหนูใหญ่ มีแค่อันนี้ชุดเดียว ทางที่ดีคุณเก็บไว้ดีๆจะดีกว่า ก๊อบปี้ไว้บ้างก็ได้”
เจิ้งซินเปิดวิดีโอดู ยิ่งดูสีหน้ายิ่งไม่น่ามอง สุดท้ายก็ไม่กล้าดู
“เฮ้ย เธอให้เสิ่นเหลียวจูบฉัน เชี่ย”
รังเกียจจนอยากจะอาเจียน
ไป๋เวยยักไหล่ “คุณหนูเจิ้ง คุณมีกะจิตกะใจด่าฉัน รีบไปอาบน้ำดีกว่าไหม ให้มันสะอาดหน่อย”
“เธอ…” เจิ้งซินยกนิ้วชี้หน้าไป๋เวย
แต่ไป๋เวยไม่ได้มองเธอสักนิด ลุกขึ้น ก้าวเดิน “อ้อ จริงสิ ครั้งนี้ท่านเซียวช่วยพ่อเธอจัดการเสิ่นเหลียว เขาไม่กล้าเอาเรื่องคอรัปชั่นของพ่อคุณมาข่มขู่พวกคุณอีกแล้ว ดังนั้น โครงการของพวกเรา หวังว่าคุณจะช่วยอีกแรง”
เจิ้งซินเก็บสิ่งที่ตนใช้พรหมจรรย์แลกมาอย่างดี ใช้ฟันกัดริมฝีปาก ตอบเสียงแข็ง “คุณวางใจได้”
ไป๋เวยกลับมาที่ห้องโถง หยิบเสื้อคลุมตัวเองจากราวแขวน สวมเข้ามาผูกเชือกเรียบร้อย สองมียัดลงไปในกระเป๋าชุดคลุม เดินออกไปจากงานเลี้ยง
ลดพัดเข้ามาบนใบหน้า พัดพากลิ่นเหล้าไป เธอเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงจันทร์เบนไปทางตะวันตก ดึกขนาดนี้แล้วหรอ
ไป๋เวยถอนหายใจออกมาหนักๆ บอกเสียงเบา “พ่อคะแม่คะ พวกคุณเห็นแล้วหรือยัง ศัตรูของพวกคุณไม่กล้ารังแกหนูแล้ว พวกคุณรอดูนะ หนูจะค่อยๆให้เสิ่นเหลียวได้ชดใช้”
เรียกรถหนึ่งคัน ไป๋เวยกลับมาที่โรงแรมที่ตนพัก
สแกนบัตรด้วยความเหนื่อยล้า ผลักประตูเข้าไป ไป๋เวยค้ำผนังเตะรองเท้าส้นสูงออก มือพึ่งจะแก้สายชุดคลุม พลันรู้สึกถึงเงาคนด้านหลัง
ไป๋เวยเกิดความสงสัยอยู่ในใจ คนของเสิ่นเหลียวหรอ เฮ้ย!
ไป๋เวยหยิบปืนออกมาช้าๆ ค่อยๆดึงสลักลง จากนั้นหมุนตัวด้วยความรวดเร็ว
“อย่าขยับ”
เสียงของเธอดังขึ้น ร่างสูงใหญ่นั้นก็ไม่กล้าขยับแล้ว จากนั้นมีกลิ่นหอมของดอกไม้ตามมา กลิ่นชัดเจนแพร่กระจาย ทั้งงดงามและมีกลิ่นหอม
ไป๋เวยเสียบการ์ดเข้าไป ไฟในห้องสว่างวาบขึ้น
ภายใต้แสงสว่างจ้า กู้เยนเซินยืนอยู่กลางห้องรับแขกพร้อมกับช่อดอกลิลลี่หอม ยิ้มให้เธอ