ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 718
ตอนที่ 718 เรามาพนันกันดูสักตั้ง ใช้ชีวิตของคุณมาพนัน
เกาหยิ่งจือและเกาจิ่งอานเงียบลงพร้อมกัน
ลั่วหานชี้เกาจิ่งอานพูดกับเกาหยิ่งจือ “ดูให้ชัดนะ นี่คือน้องชายของคุณ คนที่มีสายเลือดเดียวกันกับคุณคนเดียวที่เหลืออยู่ เขาก็เหลือเพียงคุณที่เป็นพี่สาวเพียงคนเดียว เข้าใจไหม”
ลำคอเกาหยิ่งจือคอแข็ง “เขาเติบโตแล้ว”
ลั่วหานอยากจะแหวกศีรษะเธอออกมาดูจริงๆว่าข้างในมันมีแต่ผ้าฝ้ายหรือเปล่า แม่ง คนอะไร
ไม่รู้จะทำยังไง ลั่วหานจึงจำต้องขู่ “เอาสิ งั้นก็ไปฆ่าโม่ล่างคุน ฆ่าน้าของคุณ ฆ่าลูกพี่ลูกน้องของคุณ ให้พวกเขาทั้งสามได้ไปรวมตัวกันที่ภพภูมิอีกครั้ง ให้น้องชายคุณต้องโศกเศร้าเสียใจกับการสูญเสียญาติเพียงคนเดียวที่เขามี ให้ทุกคนมองเขา ดูถูกเขา ให้ทุกคนได้รู้ ว่าเขาเป็นน้องชายของผู้ร้ายฆ่าคน พี่สาวของเขาถูกขังคุกไม่พอ ครั้งเดียวสามอย่างเลยนะ เหอะ ฟังแล้วดูพาลจังเลยนะ ถูกไหม”
ลั่วหานพูดไม่เว้นช่องว่าง การแสดงออกของเธอค่อยๆสงบลง กระทั่งเผยรอยยิ้มบางๆออกมา น้ำแข็งและหิมะที่สะสมจากความโกรธของเธอเมื่อสักครู่ ถูกลมพัดสบายไปในทันใด ความโกรธมลายหายไป รอยยิ้มนั้นราวกับดอกบัวหิมะบนทุ่งน้ำแข็ง
เกาหยิ่งจือและน้องชายก็ตะลึงงันในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะเกาหยิ่งจือ เธอจ้องมองเกาจิ่งอานนิ่ง ชั่วขณะที่ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรกับเขา ไม่รู้จะพูดอะไรดี ยิ่งไม่รู้ว่าต้องแสดงบทบาทเป็นพี่สาวที่แสนดียังไงถึงจะไม่ทำร้ายเขา
เกาจิ่งอานใช้แขนหนาของตนโอบกอดพี่สาวที่ล่องลอยราวกับต้นหลิว นำปลายคางฝังลงไปที่หน้าอกของเธอ “พี่ พี่เป็นญาติคนเดียวที่ผมมี อย่าจากผมไปอีกเลย อย่าจากผมไป”
น้ำเสียงของลั่วหานไม่แข็งอีกต่อไป แต่กลับผ่อนคลายอ่อนโยนขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในมือของเกาจิ่งอานมีบริษัทอึนเคอ นี่เป็นสมบัติที่พ่อแม่พวกคุณเหลือไว้ให้ และเป็นเลือดเนื้อของพวกเขา ถ้าคุณฆ่าคน อึนเคอยังคงอยู่ต่อไปได้หรอ ทำร้ายคนอื่นเจ็ดส่วน ทำร้ายตัวเองสิบส่วน ทำไมกัน ฉันคิดว่าคุณฉลาดมาตลอด อย่าให้ฉันต้องดูถูกคุณหน่อยเลย ยังไงซะ……”
ลั่วหานยิ้ม “ไม่มีศัตรูมันเงียบเหงาเกินไป ฉันต้องการคู่ปรับที่ฝีมือใกล้เคียงกัน ดังนั้น ฉันจะหาวิธีรักษาคุณ ตัวคุณเองก็พยายามหน่อย อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวัง”
เกาจิ่งอานฟังจนเกือบจะโง่ โน้มน้าวคนแบบนี้ก็ได้หรอ เกินสมควรหรือเปล่านะ สมแล้วที่เป็นฉู่ลั่วหาน
ใบหน้าซูบโทรมของเกาหยิ่งจือเผยรอยยิ้มไม่น่ามองออกมา “ฉู่ลั่วหาน ฉันแพ้แล้ว เธอมองฉันขาดเลย ฉลาดกว่าฉัน”
“ไม่ ไม่แน่หรอก ถ้าคุณมีชีวิตต่อไป คุณก็ชนะแล้ว นึกว่าฉันเคยตายไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่คุณไม่ต้อง” เธอจะมีอดีตที่น่าเศร้า พูดแล้วก็เหมือนเรื่องของคนอื่น ประโยคอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มนวล ไม่มีความโกรธ ไม่มีความแค้น
แต่ดาบที่อ่อนโยนเช่นนี้ ได้แทงลงไปในห้องใจของเกาหยิ่งจือ
ใช่ เธอเคยตายไปแล้วหนึ่งครั้ง เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้าตา ปืนจากจุดต่ำสุดขึ้นมา
เพียงแค่เธอไม่ตาย เธอก็ชนะแล้ว
ความคิดนี้เปรียบเหมือนอะดรีนาลีนที่ถูกฉีดเข้าไปในเส้นเลือด ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ลั่วหานยกยิ้มมุมปากยิ้มท้าทาย “งั้นเกาหยิ่งจือ เรามาแข่งกันหน่อย ใช้ชีวิตของคุณเป็นเดิมพัน”
เกาจิ่งอานราวกับอยู่ระหว่างจิตใจและแขนของหญิงสาวแข็งแกร่งทั้งสอง ทันใดพลันรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอ ไม่สามารถเอ่ยแทรกได้
เกาหยิ่งจือเสียดสี ยิ้มเย็น จากนั้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาที่ชัดเจนและเย็นชาคู่นั้น ถูกแล้ว เพราะดวงตาคู่นี้ แม้เปลี่ยนใบหน้าของเธอไปได้แต่ก็ไม่สามารถลดความมั่นคงในสายตาของเธอได้
“ได้ ฉันจะพนันกับคุณ”
เกาจิ่งอานคำนับลั่วหานอยู่ในใจสามครั้ง นับถือเลย เขานับถือด้วยใจ นับถือจริงๆ เขามีชีวิตมายี่สิบกว่าปี คิดว่าตัวเองเป็นคนเกเร แต่สำหรับลั่วหาน เขานับถือจริงๆ
เมื่อเกาหยิ่งจือตอบแล้ว อารมณ์ก็สงบลงไปมาก “คุณมาหาฉัน คงไม่ใช่แค่มาพนันหรอกใช่ไหม”
แน่นอนว่าไม่ใช่ และการพนันเป็นเพียงสิ่งที่เธอคิดขึ้นได้ตามสถานการณ์
ลั่วหานพยักหน้า “ไม่ใช่ ที่จริงมีอีกเรื่อง ตอนนี้มีสองเรื่อง เรื่องแรก จิ้นเหยียนเคยรับปากคุณ ว่าเมื่อไหร่ที่คุณผ่าตัด เขาจะกลับมาดูคุณ ตอนนี้คุณทำการผ่าตัดไม่ได้ แต่ฉันหวังว่าคุณจะหลอกเขา…..สักครั้ง ให้เขากลับประเทศ”
อะไรนะ
เกาจิ่งอานลูบใบหู “พี่สะใภ้ ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม หลอกเขากลับมา คุณคิดว่าเรื่องของพี่สาวผมกับเขามันเป็นไปไม่ได้มาตลอดไม่ใช่หรอ ทำไมให้เขากลับมา ถ้าเขากลับมา สถานการณ์จะไม่อึดอัดมากขึ้นหรอ”
แค่คิดก็รู้สึกอึดอัดเป็นบ้าแล้ว
เกาหยิ่งจือยังเป็นผู้หญิงที่เงียบสงบ “ทำไม”
“เรื่องงานน่ะ ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆ” เป็นการอธิบายง่ายๆ แต่ชัดเจน
“ฉันรับปากคุณ ฉันจะบอกเขาว่าการผ่าตัดเลื่อนเข้ามา ให้เขารีบกลับมา” เกาหยิ่งจือตอบตกลงสบายๆ เพราะยังไงนี่ก็เป็นผลดีกับเธอ ทำไมจะไม่ทำ
เกาจิ่งอานขมวดคิ้ว เฮ้อ……พี่นะพี่
ลั่วหานพูดต่อ “เรื่องที่สอง เกี่ยวกับโม่ล่างคุน เมื่อกี้ฉันพูดไม่ให้คุณฆ่าเขา เพราะฉันมีวิธีอื่น”
พูดถึงตรงนี้ เกาจิ่งอานมีท่าทางนับถือลั่วหานราวกับเด็ก “พี่สะใภ้ ผมเห็นคลิปแล้ว พี่หล่อมาก เท่มากเลย โม่หรูเฟยคุกเข่าให้พี่ พี่สามารถควบคุมผู้คนทั้งหมดแล้วบีบให้เธอยอมพี่ โดยเฉพาะ ตอนนี้เธอเป็นคนรับใช้ให้พี่ด้วย สะใจจริงๆ วันหลังผมจะไปทานข้าวที่บ้านพี่ ออกคำสั่งให้เธอรับใช้ผม”
ลั่วหานกลอกตา “ใส่ใจจังเลยเรื่องชาวบ้านเนี่ย แต่เธอคิดเยอะเกินไปแล้ว สาวใช้แบบนี้ฉันไม่กล้าใช้หรอก ฉันให้เธอกลับบ้านไปแล้ว”
“เฮ้ย ง่ายไปไหมอ่ะ” เกาจิ่งอานบ่นไม่พอใจ เขาอยากจะเอาคืนแทนเธอสักครั้งจริงๆ
“เอาล่ะ นายหุบปากก่อน ให้เธอพูดให้จบ” เกาหยิ่งจือมีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วต่อลั่วหาน ทำให้เกาจิ่งอานตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ลั่วหานเอ่ยถาม “ตามที่คุณรู้จักโม่หรูเฟย เธอเสียเปรียบให้ฉัน แล้วเธอจะทำยังไงต่อ”
เกาหยิ่งจือส่งเสียงหึในลำคอ “เธอน่ะหรอ คนแบบนั้น แน่นอนว่าคงยอมรับไม่ได้ เธอจะแก้แค้นคุณต่อไป โม่หรูเฟยเดิมก็เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยมีความคิดอยู่แล้ว เธอก็คงจะใช้วิธีที่หยาบและป่าเถื่อนเหมือนที่เคย”
ลั่วหานพูดติดตลก “อย่างเช่นลักพาตัวหรอ”
เอ่อ…..
อันนี้……….
ทั้งสองกระอักกระอ่วน ยังไงซะก็เคยลักพาตัวเธอจริงๆ
“บางทีอาจจะไม่ซ้ำแบบเดิม แต่อาจจะเป็นอุบัติเหตุ ลอบฆ่า ข่มขืนประมาณนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่ง ยังไงซะตอนนี้คุณกำลังท้อง ก็คงจะจับจุดอ่อนของคุณ ดังนั้น คุณต้องระวังตัว” เกาหยิ่งจือวิเคราะห์
ลั่วหานปรบมือให้เธอ “คุณเข้าใจเธอจริงๆ ดูเหมือนฉันจะหาคบถูกคนแล้ว งั้น เรามาร่วมมือกันหน่อย เป็นไง”
“คุณจะร่วมมือยังไง” เกาหยิ่งจือถาม
ลั่วหานยิ้ม “ง่ายมาก คุณเป็นเบี้ยเธอต่อไป คิดหาวิธีมาเอาคืนฉัน จากนั้น….”
บอกแผนการอย่างละเอียดแล้ว ลั่วหานหัวเราะรอการตอบสนองจากพวกเขา
เกาจิ่งอานอ้าปากกว้าง “ผม……เฮ้ย พี่สะใภ้พี่ร้ายกาจขนาดนี้เลยหรอ เลเวลพี่สูงมากเลย”
ลั่วหานไม่สนใจเขา “เป็นไงบ้างคุณหมอเกา มีความคิดเห็นยังไง”
เกาหยิ่งจือหัวเราะพยักหน้าเห็นด้วยทั้งใจ “ฉู่ลั่วหาน คุณช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมจริงๆ ฉันจะสู้กับคุณไปสนตายเลยล่ะ ดูเหมือนการอยู่อีกกี่สิบปีจะมีความหมายขึ้นมาเลยทีเดียว”
ลั่วหานโยกน้ำอุ่นไปมา “งั้นก็มีชีวิตอยู่ต่อสิ”
พูดเรื่องสำคัญจบแล้ว ลั่วหานเดินออกจากห้องไป เธอก้าวขาออกจากห้องได้เพียงก้าวเดียว ท้องน้อยพลันปวดขึ้นมา ปวดมากกว่าตอนที่อยู่ในห้องมะเร็งวิทยาเมื่อครู่ด้วยซ้ำ คล้ายมีมีดสั้นแทงเข้าไปด้านในแล้วบิดไปมา
ลั่วหานเจ็บจนก้าวเดินต่อไปไม่ไหวต้องนั่งยองๆลง สองมือโอบอุ้มท้องน้อยหายใจไม่ออกอยู่นาน
ความเจ็บปวดโจมตีด้านหลังของเธอ ลามไปทั่วทั้งกระดูก ราวกับถูกทรมานจากการเกิด
ความเจ็บปวดผ่านไปอีกไม่กี่วินาที แต่เป็นเหมือนผ่านไปหลายร้อยวันสำหรับเธอ แทบอยากจะตายในเวลานั้น
ความเจ็บปวดหายไป ทั่วทั้งร่างของลั่วหานชื้นเหงื่อไปหมด เธอพิงผนังค่อยๆปรับลมหายใจให้สงบ
การปวดเอวไม่ได้ส่งผลไปถึงท้อง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ลั่วหานก้มหน้ามองท้อง หน้าท้องนูนขึ้นมาแล้ว บ่งบอกว่าเด็กน้อยกำลังเติบโต แต่ว่า….ลั่วหานกัดฟัน ไม่กล้าคิดต่อไป
ไม่พูดอะไรอีก ลั่วหานเดินตรงไปยังแผนกกุมารเวช ไม่ตรวจให้แน่ใจเธอไม่วางใจ
——
เมืองเจียงเฉิง
ผ่านการตรวจไปสี่วันหลังจากการตรวจสอบ ฟื้นฟูเขตเมืองเก่าของเมืองเจียงเฉิงมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว
กู้เยนเซินและหลงเซียวรวมไปถึงไป๋เวยที่เป็นตัวแทนของบริษัทตระกูลฉู่นั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง MBK เสิ่นเหลียว รวมทั้งบริษัทต่างๆต่างก็อยู่ในโซนของตนเอง
กู้เยนเซินนั่งอยู่ระหว่างสองคน เอ่ยเสียงเบา “บรรยากาศแปลกๆนะคุณชายหลง คุณไม่คิดว่าบรรยากาศวันนี้มันสงบไปหนอ”
ไป๋เวยเตะเขาไปครั้งหนึ่ง “ไม่ได้มาดูหนังสักหน่อย คุณยังอยากจะให้เดินเรื่องอีกหรอ”
กู้เยนเซินมองตัวแทนจากMBK ยิ้มเยาะ “นั่งยังกะคุณชาย อีกหน่อยไม่รู้ว่าใครจะได้ร้องไห้”
และหลงเซียวยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีความรู้สึกใดๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้สนใจเรื่องแพ้ชนะ
ไป๋เวยมองไปทางเสิ่นเหลียวอย่างไม่สบายใจ “ท่านประธาน วันนี้เขาคงไม่กล้ามีแผนร้ายอะไรหรอกใช่ไหมคะ”
นิ้วมือของหลงเซียววางไว้บนเข่า นิ้วทั้งห้าราวกับกำลังบรรเลงปุ่มขาวดำของเปียโน ท่าทางสบายๆ
“เขาจะทำอะไร ก็ให้เขาทำไปเถอะ คืนนี้เขาไม่ชนะแน่”
คำพูดนั้น ไป๋เวยเชื่อมั่นไม่สงสัย ยังไงซะคู่แข่งสำคัญของพวกเธอคือMBK
กู้เยนเซินมองไปยังเวที ตอนนี้เจิ้งเฉิงหลินพวกเขาขึ้นมาแล้ว เฉินว่านเหนียนก็อยู่บนนั้น บุคคลที่มีบทบาทของเมืองเจียงเฉิงล้วนอยู่ที่นี่
“ที่แท้ก็เป็นโครงการใหญ่ ดูการต่อสู้ ราวกับกลุ่มผีดูดเลือดที่ถูกดึงดูดมา”
ไป๋เวยเอ่ยยิ้มๆ “คุณชายกู้ อย่าบ่นแบบนั้น วันนี้คนเหล่านี้เป็นคนควบคุมเส้นทางการเงินของเรานะ ตอนนี้พวกเขาเป็นคุณชาย”
“ใช่ คุณภรรยาพูดถูก” กู้เยนเซินหยอกเย้าไป๋เวย ใบหน้าหนาไร้ขอบเขต
ดวงตาหลงเซียวเย็นวาบ ไม่ควรให้กู้เยนเซินเข้ามาจริงๆ
กู้เยนเซินตั้งใจถาม “คุณชายหลง หลายคืนมานี้หลับสบายหรือเปล่า สีหน้าคุณดูไม่ปกตินะ เกิดความผิดปกติของต่อมลูกหมากหรอ”
ไป๋เวยปิดหน้า คุณชายนะคุณชาย
หลงเซียวบอกช้าๆ “ใช่ ผิดปกตินิดหน่อย ดังนั้นตอนนี้อยากต่อยใครสักคน”
คุณ
“หึหึ ประชุม ประชุมต่อ เมื่อกี้ถูกขัดจังหวะจนลืมเลย”
เล่นเยอะเกินไป กู้เยนเซินมองไปทางเสิ่นเหลียว กำหมัดแน่น
ไอ้เสิ่นเหลียว ไม่ช้าก็เร็วจะทำให้มันดูแลตัวเองไม่ได้
ตามรูปแบบพิธี ก่อนที่จะเริ่ม พิธีกรจะเริ่มแนะนำแขกผู้มีเกียรติ โดยเฉพาะบริษัทที่เข้าร่วมประมูล พูดสิ่งที่ไพเราะแต่ไร้ประโยชน์
ต่อมา ประกาศเริ่มการประมูลอย่างเป็นทางการ
เจิ้งเฉิงหลินจับไมค์โครโฟน “ทุกท่าน วันนี้เราจะมาแจ้งคำตอบ หวังว่าทุกคนอย่าพึ่งใจร้อนไป”