ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 737
ตอนที่ 737 จุ๊บแห่งความโชคดี
“ตายแล้วๆ!โทษฉันที่ไม่ได้วางของให้ดี”
ส้งชิงเซวี๋ยนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของหวังเค่ย รีบลงมาจากเก้าอี้ทันที เตรียมที่จะหยิบเอกสารวินิจฉัยในมือของเขามา
หวังเค่ยกลับเร็วกว่าหนึ่งก้าวเอาเอกสารอื่นๆวางเก็บไปไว้บนโต๊ะ เหลือเพียงแค่เอกสารฉบับนั้นฉบับเดียว“ผมขอดูหน่อยได้ไหม?”
ส้งชิงเซวี๋ยนกุมหน้าด้วยความรู้สึกเสียดาย“เอ่อ……คุณอยากดูก็ดูสิ จริงๆแล้วก็ไม่ต่างอะไรกันกับเคสของเถียนเถียน ก็แค่อาการของคนเขาในตอนนี้ดีกว่าเถียนเถียนในตอนนั้นนิดหน่อย พบได้ทันเวลา”
“อื้อ”หวังเค่ยพยักหน้า เปิดเอกสารออกดู มุมขวาบนติดรูปถ่ายสีขนาดสองนิ้วไว้หนึ่งใบ เด็กผู้ชายในรูปอายุน่าจะประมาณหนึ่งถึงสองขวบ ดูขาวสะอาดสะอ้าน ตาทั้งสองข้างเหมือนกับจ้าวฟางฟางมาก ตาคู่นี้เนื่องจากเหมือนกับจ้าวฟางฟางมาก ก็เลยดูคล้ายกับเถียนเถียนเช่นกัน
มองเผินๆนึกว่าเป็นน้องชายแท้ๆของเถียนเถียนอยู่ไม่น้อย แต่แค่……หวังเค่ยยิ้มอย่างขมขื่น มันเป็นไปไม่ได้หรอก
ข้างล่างเป็นข้อมูลเอกซเรย์ วันเดือนปีเกิด พวกข้อมูลส่วนสูงน้ำหนักเมื่อตอนที่ได้รับการรักษา แล้วก็ยังมี ภาพรวมของโรคด้วย พื้นที่ว่างเปล่าข้างล่างเป็นลายมือเฉพาะของพวกหมอที่อ่านยากไม่เป็นรูปเป็นร่างของส้งชิงเซวี๋ยน
หวังเค่ยเปิดไปทีละหน้าๆ ทำความเข้าใจกับโรคของเสี่ยวอานอานสักหน่อย มีประสบการณ์จากโรคของเถียนเถียนแล้ว เขาจึงพอจะรู้จักโรคของเด็กคนนี้อยู่บ้าง
“เห้อ……ผมคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเป็นแบบนี้”หวังเค่ยวางเคสประวัติลงอย่างเป็นระเบียบ
ลั่วหานเห็นเขาแววตาเศร้าสร้อย จึงพูดปลอบขึ้น“ศาสตราจารย์ส้งสามารถรักษาเถียนเถียนให้หายดีได้ ก็ต้องรักษาอานอานได้เหมือนกัน คุณอย่าเป็นห่วงไปเลย อานอานตรวจพบเร็ว โอกาสในการรักษาก็มีสูงกว่า”
หวังเค่ยนั่งกลับลงไปที่เก้าอี้ด้วยจิตใจที่ซับซ้อน“ยังดีที่มีศาสตราจารย์ส้ง ไม่อย่างนั้นเด็กทั้งสองคน……ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าพวกเขาจะเป็นยังไง”
ลั่วหานพูดยิ้มๆ“ถ้าสมมติฐานเป็นไปไม่ได้ก็อย่าพูดมั่วซั่วสิ มีแต่จะข่มขู่ตัวเองซะเปล่าๆ ผลการรักษาด้านหลังของอานอานคุณก็เห็นแล้ว ไม่ได้หนักหนาอะไร เลี้ยงดูดีๆก็รักษาได้แล้ว”
ส้งชิงเซวี๋ยนพูดขึ้น“มีอีกหนึ่งคำถาม เถียนเถียนโตขนาดนี้แล้ว ต่อจากนี้เรื่องต่างๆที่จะทำให้คุณไม่สะดวกก็จะยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ คุณกะจะไม่หาแม่ให้กับเธอบ้างเลยเหรอ? เด็กผู้หญิงอ่อนไหวง่าย ถ้าไม่มีความรักจากแม่มันไม่ค่อยดีเท่าไรนะ”
หวังเค่ยพยักหน้าด้วยความลังเล“ผม…จะพยายามแล้วกัน”
ลั่วหานพูดขึ้นอย่างยินดี“โรงพยาบาลของพวกเรามีสาวโสดอยู่หลายคน ฉันแนะนำให้คุณรู้จักสักหน่อย กลับไปฉันส่งข้อมูลให้คุณดู คุณลองดูๆว่ามีคนไหนถูกชะตาบ้าง”
หวังเค่ยโบกๆมืออย่างอึดอัด“อย่าๆๆ ผมโตขนาดนี้แล้วแถมยังมีลูกติดอีก ไม่อยากจะไปเสียเวลาคนเขา”
ลั่วหานพูดขึ้น“ในใจของคุณยังคิดถึงอยู่แต่จ้าวฟางฟาง?”
“ไม่ใช่!ไม่ใช่เหตุผลนี้สักหน่อย ผม……ผม……”หวังเค่ยพูดผมอยู่นานสองนานแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ
ส้งชิงเซวี๋ยนมองลั่วหาน ลูบๆเคราสองสามที ก่อนจะเปิดปากขึ้น กำลังที่จะพูดอะไร แต่ก็กลัวพูดไปแล้วบรรยากาศจะยิ่งแย่ลง จึงหาวแทนก็แล้วกัน“เสี่ยวลั่วลั่ว ใบสั่งยาที่ฉันสั่งให้เธอ เธอมีกินตามเวลาบ้างไหมในแต่ละวัน!”
“ใบสั่งยาที่อาจารย์อุตส่าห์สั่งให้ หนูจะกล้าไม่เชื่อฟังได้ยังไงล่ะคะ? ดื่มยาทุกวันเลย ตรวจครรภ์ครั้งหน้าจะต้องทำให้คุณพอใจแน่นอน!”ลั่วหานเชิดคออย่างภูมิอกภูมิใจ
ส้งชิงเซวี๋ยนทำปากอื้มๆ“พอได้อยู่!วันนี้หลงเซียวโทรมากำชับฉันไว้แล้ว ว่าให้เธอทำตัวเชื่อฟังตอนอยู่ที่โรงพยาบาล อย่าโถมงานหนัก พักผ่อนเยอะๆ ถ้าเกิดไม่ยอมทำตามล่ะก็จะพาเธอกลับบ้าน!”
ลั่วหานหัวเราะฮ่าๆ“แหมตาแก่ คุณอย่าพออกพอใจเกินไปสิ จะข่มขู่เด็กหรือไง? หนูเป็นคนท้อง ไม่ใช่นักโทษสักหน่อย”
หวังเค่ยเห็นว่าตัวเองอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เถียนเถียนก็ยังไม่ได้กลับมา จึงลุกขึ้นยืนขอตัว“ศาสตราจารย์ส้ง หมอฉู่ ผมจะไปดูเถียนเถียนสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกคุณคุยกันต่อเถอะ”
ลั่วหานพยักหน้า“ได้ ไปดูเธอสักหน่อย อีกเดี๋ยวก็พาเธอกลับมาที่นี่สักแป๊บสิ นานแล้วที่ฉันไม่ได้เจอเธอ คิดถึงเธอมาก”
หวังเค่ยออกไปจากห้องทำงาน ส้งชิงเซวี๋ยนเปลี่ยนท่าไปนั่งพิงพนักพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าหนักแน่นจริงจัง“เสี่ยวลั่วลั่ว เธอกับเซียวเซียวนี่ช่างกล้าจริงๆ ส่งแม่ของพวกเธอไปที่ประเทศอังกฤษนู้นแล้ว? กล้าไม่เบาเลยจริงๆ!”
ลั่วหานคำนับขอโทษ“ค่ะๆๆ อาจารย์พูดถูก แต่แม่ของฉันยืนยันจะไปให้ได้ แถมเธอมีเหตุผลที่ต้องไปให้ได้ของเธอด้วย แล้วหนูจะไปบังคับให้เธออยู่ต่อได้ยังไง? อีกอย่างคุณพูดกับปากเองว่า ตอนนี้เธออยากทำอะไรก็ให้เธอทำซะ อย่าให้มาเสียใจภายหลัง แล้วตอนนี้ดันมาตำหนิหนูเนี่ยนะ”
ส้งชิงเซวี๋ยนหรี่ตาจนเล็กเป็นเส้น“ยัยเด็กน้อย ยิ่งอยู่ยิ่งพูดไม่ได้แล้วสินะ พูดไปแค่ประโยคเดียวเถียงกลับมาสิบประโยค”
ลั่วหานแลบลิ้น“ก็เพราะคุณนั่นแหละ”
ส้งชิงเซวี๋ยนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“แม่ของเธอไปลอนดอน เธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรือไง? ลอนดอน……ไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไรเลยนะ”
ลั่วหานก็ไม่ได้ยิ้มเล่นๆต่อ“หนูรู้ค่ะ ว่าลอนดอนเป็นสถานที่ที่มีคนหรือไม่ก็ของที่เธอปล่อยวางไม่ได้อยู่ หรือไม่ก็มีปัญหาที่มันยังแก้ไขไม่ได้ด้วย”
ส้งชิงเซวี๋ยนหายใจเข้าด้วยความรู้สึกหดหู่หนึ่งที เหมือนกับกำลังพูดกับลั่วหาน แต่ก็เหมือนกับกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง“คนที่ใช้ชีวิตมาหลายสิบปี ใครมันจะไม่มีความลับบ้างเลยเหรอ? สิ่งที่คุณได้เห็น ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาอยากให้คุณเห็น ถ้าไม่เต็มใจให้คุณเห็น แล้วคุณจะเห็นได้ยังไง?”
……
เถียนเถียนออกมาจากห้องน้ำ รู้สึกสับสนมึนงง พอออกมาจากห้องน้ำมีทางเดินยาวๆสองทาง เธอลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะเลือกทางที่อยู่ตรงข้าม
ยิ่งเดินยิ่งห่างไกล สุดท้ายก็หลงทิศหลงทางช่วงปลายทาง
เถียนเถียนมองสำรวจรอบๆด้วยความสับสน แต่ไม่เห็นสิ่งที่คุ้นตาเลยแม้แต่นิดเดียว สาวน้อยกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย พอเห็นหนทางที่หาไม่พบ ก็ขึ้นลิฟต์ไปทันที เธอไม่รู้ทางไปห้องทำงานของส้งชิงเซวี๋ยน แต่รู้ว่าห้องทำงานของลั่วหานอยู่ที่ชั้นแปด ออกจากลิฟต์ไปก็เจอแล้ว
ถือโอกาสไปเยี่ยมๆคุณป้าคนสวยพอดีด้วยเลย!
ลิฟต์เพิ่งจะลงมาได้ชั้นเดียวก็เปิดออก เถียนเถียนเห็นคุณหมอสาวใส่ชุดกาวน์สีขาวสวมรองเท้าส้นสูงเดินผ่านไป จึงรีบวิ่งตามไปด้วยความดีใจ
หมอหญิงเดินเร็วมาก เถียนเถียนสับฝีเท้าวิ่งตามไป ตามไปได้ครึ่งทาง หมอผู้หญิงก็เข้าไปในห้องผู้ป่วย เถียนเถียนอยากที่จะตะโกนเรียกด้วยความลนลาน แต่สะดุดล้มลงไปที่พื้น
“อุ้ย!”เข่าของเถียนเถียนกระแทกลงไปที่กระเบื้องเซรามิก ร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่ไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
“หนูน้อย หกล้มเหรอ? เดี๋ยวป้าช่วยพยุงหนูเอง”
เกาหยิ่งจือที่เพิ่งจะตรวจเสร็จ ออกจากประตูมาก็เห็นเด็กผู้หญิงนอนอยู่ที่พื้น ก้มลงไปช่วยพยุง แต่พละกำลังไม่ค่อยพอ ขมวดคิ้วออกกำลังสุดแรง กว่าจะอุ้มเธอขึ้นมาได้
เถียนเถียนลุกขึ้นยืน เงยหน้ามองเธออย่างเชื่อฟัง มองสำรวจเกาหยิ่งจือตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งรอบ ตาใสแป๋วกระพริบๆ“ขอบคุณค่ะพี่สาว”
เกาหยิ่งจือใจอ่อนกับดวงตากลมโตที่แสนใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอ ก้มลงไปลูบหัวของเธอ พร้อมกับพูดยิ้มๆ“อายุของฉันเป็นพี่สาวของหนูไม่ได้หรอกนะ หนูต้องเรียกฉันว่าคุณป้าสิ”
เถียนเถียนพยักหน้า“อ้อ ขอบคุณคุณป้านะคะ คุณป้าป่วยเหรอคะ?”
เกาหยิ่งจือจิ้มๆคาง สีหน้าของเธอขาวซีด ที่ตัวสวมเสื้อหมายเลขผู้ป่วย เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ป่วย“ใช่แล้ว คุณป้าป่วยน่ะ คุณป้าป่วยเป็นโรคร้ายแรง คงจะหายดีไม่ได้แล้วล่ะ”
เถียนเถียนเม้มปากน้อยๆที่นุ่มนิ่มราวกับวุ้น“ทำไมถึงหายไม่ได้ล่ะคะ? หนูก็เคยป่วยเป็นโรคเหมือนกัน เป็นโรคที่ร้ายแรงมากๆเลย คุณลุงต่างชาติบอกว่าหนูรักษาไม่หาย แต่หนูเจอเข้ากับคุณป้าคนสวยแล้วก็คุณปู่เครายาว พวกเขารักษาหนูหายด้วยแหละ!”
คุณป้าคนสวย?
คุณปู่เครายาว?
คงจะไม่ใช่พวกซานตาคลอสอะไรแบบนั้นใช่ไหม?
เกาหยิ่งจือพูดขึ้นอย่างอิจฉา“ดีจังเลย หนูโชคดีจริงๆ!”
เถียนเถียนเอียงหัวคิดๆ เขย่งปลายเท้าจุ๊บไปที่แก้มของเกาหยิ่งจือหนึ่งทีอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย“อื้อ……ตอนนี้คุณป้าก็โชคดีแล้วนะคะ!คุณพ่อหนูบอกว่า ปากของหนูจะนำพาโชคมาให้ หนูจะจุ๊บเขาทุกครั้งที่เขาออกไปข้างนอก”
แก้มของเกาหยิ่งจือถูกริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอจุ๊บจนรู้สึกอุ่นๆชื้นๆ ความรู้สึกที่แปลกใหม่แล้วก็หอมหวานไม่เคยรุนแรงแบบนี้มาก่อน“ขอบคุณมากนะ หนูชื่อว่าอะไรเหรอ? รอคุณป้าหายดีแล้วจะไปหาหนูนะ”
“หนูชื่อเถียนเถียนค่ะ”
“เพราะจังเลย! คุณป้าจำไว้แล้วนะ ขอบคุณมากนะเถียนเถียน”
เถียนเถียนแววตากลมโตเปล่งประกาย“ไม่เป็นไรค่ะ หนูจะไปหาคุณป้าคนสวยก่อน แล้วเจอกันนะคะคุณป้า”
เกาหยิ่งจือลูบๆผมของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ทรงผมสองจุกที่แสนน่ารักของเธอ ข้างบนมัดด้วยหมีน้อยสีชมพูสองอัน“แม่ของหนูสุดยอดจริงๆ ทรงผมสวยมากเลยนะเนี่ย”
เถียนเถียนพูดแก้อย่างภาคภูมิใจ“คุณพ่อของหนูช่วยมัดให้ต่างหากล่ะคะ คุณพ่อต่างหากที่สุดยอด!”
“ว้าว!จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อของเถียนเถียนก็เยี่ยมจริงๆ!”
พูดจบ เกาหยิ่งจือก็ตามนางพยาบาลเข้าไปในห้องผู้ป่วย เถียนเถียนก็รู้สึกสับสนมึนงงขึ้นมาอีกครั้ง
แย่แล้ว ตะกี้ควรจะถามเธอสักหน่อยว่าคุณป้าคนสวยอยู่ไหน?
“เถียนเถียน”
หวังเค่ยตามหาอยู่สองชั้นแล้ว ถามนางพยาบาลไปตั้งหลายคนกว่าจะหาลูกสาวเจอ ก่อนจะวิ่งเข้ามากอดเถียนเถียนไว้ในอ้อมแขน“ลูกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ถ้าวิ่งหายไปจะทำยังไง?”
เถียนเถียนซบลงในอ้อมกอดของหวังเค่ย พูดยิ้มๆ“คุณพ่อสุดยอดมากเลย ถูกคุณพ่อตามหาจนเจอแล้ว!”
หวังเค่ยใจไม่แข็งพอที่จะตำหนิต่อว่าเธอ บีบๆจมูกเธอด้วยความเอ็นดู“เจ้าเด็กหัวแหลมเอ้ย!”
เถียนเถียนมองไปทางที่เกาหยิ่งจือเดินจากไป“คุณพ่อ มีคุณป้าคนหนึ่งป่วยอยู่ หนูจุ๊บเธอไปแล้ว หนูให้ความโชคดีกับเธอ เธอจะต้องหายแน่นอน ใช่ไหมคะ?”
ไปจุ๊บคนป่วย!!
ปฏิกิริยาแรกของหวังเค่ยก็คือพาเธอไปฆ่าเชื้อ เกรงว่าจะทำให้ลูกตกใจ จึงพูดให้กำลังใจ“ใช่แล้ว!ได้รับความโชคดีของเถียนเถียนไปแล้ว จะต้องหายได้แน่นอน!”
เถียนเถียนยิ้มแย้ม“อื้อ!”
หวังเค่ยมองไปยังทางที่เกาหยิ่งจือเดินจากไป คนไปแล้ว เหลือเพียงแค่เงาหลังหนึ่งเงา
——
ณ บริษัทฉู่ซื่อ
หลงเซียวเดินถือมือถือที่กำลังสั่นอยู่ไปหยุดที่ริมหน้าต่าง“อาหย่ง ผลเป็นยังไงบ้าง?”
จางหย่งที่อยู่ในสายทำใจอยู่นาน อึกๆอักๆอยู่นานสองนานกว่าพูดออกมา“บอส ผมสงสัยว่าผมจะเข้าร่วมการแสดงละครน้ำเน่าที่ชวนเพ้อฝัน ระทึกขวัญ ทันสมัย มีจริยธรรม แฟนตาซีเรื่องหนึ่งเข้าแล้ว”
หลงเซียวพูดอย่างเย็นชา“พูดจาให้มันดีๆ”
จางหย่งคร่ำครวญออกมาราวกับชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว“บอส……ผมไม่เต็มใจที่จะบอกความจริงกับคุณจริงๆ แต่ความจริงมันก็เป็นแบบนี้……ฮือๆ ใจของผมเต้นไม่หยุดเลย……”
“ฉันบอกให้นายพูดดีๆ!”หลงเซียวพูดตัดท่าทีที่ชวนให้อยากรู้อยากเห็นของจางหย่ง
“ครับ!”จางหย่งไม่กล้าโหวกเหวกอีก กางเอกสารข้อมูลที่พิมพ์ออกมา ระมัดระวังราวกับจุดธูปไว้พระ“เอ่อ……ผมแฮกเข้าไปในคลังเก็บข้อมูลของกรมตำรวจอังกฤษ แต่ก็ยังไม่พบข้อมูลของหลินเหว่ยเย่ จากนั้น ผมก็……”
“พูดผลออกมาตรงๆเลย ไม่ต้องสาธยายกระบวนการจนละเอียด”หลงเซียวพูดตัดบทเกริ่นปูทางของจางหย่งทิ้งอีกครั้ง
จางหย่งพูดตอบ“ครับ……ได้ครับ ผลก็คือ ชื่อภาษาอังกฤษในตอนนั้นของหลินเหว่ยเย่ก็คือรุ่นเอิน แถม ที่น้ำเน่ากว่านั้นคือ เมื่อก่อนหน้าตาของเขาไม่ใช่แบบนี้ สามปีก่อนใบหน้าของเขาได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่รักษาซ่อมแซมแล้วจึงกลายมาเป็นแบนี้”
หลงเซียวขมวดคิ้วอย่างแรง“รุ่นเอิน?”
“อ่า……ใช่ครับ รุ่นเอิน รุ่นเอินคนที่เข้าร่วมในคดีฆาตกรรมของตระกูลมู่คนนั้นแหละครับ หรือจะพูดได้ว่า รุ่นเอินคนที่ช่วยหลงถิงยุบทำลายตระกูลมู่ลงก็ได้ ถ้าจะพูดให้เข้าใจหน่อยก็คือ เขาเป็นผู้ที่เข้าร่วมคดีฆาตกรรมการฆ่าล้างตระกูลมู่คนหนึ่งนั่นเอง สรุปก็คือ บอส……พ่อของ……คนที่หลงจื๋อแต่งงานด้วย……เป็น เป็นศัตรูของคุณจริงๆ”
หลงเซียวนิ่งเงียบไป
จางหย่งพูดขึ้นต่อ“นอกจากนี้ หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลมู่แล้วหลินเหว่ยเย่ก็ปิดบังชื่อสกุลหายตัวไป แต่เห็นได้ชัดว่าเงินทุนที่ทำให้บริษัทหลินซื่อร่ำรวยขึ้นมาก็เป็นเงินทุนจากตระกูลมู่นี่แหละ”
หลงเซียวยังคงนิ่งเงียบ
จางหย่งพูดขึ้นอย่างใจเต้นตึกตัก“บอส? คุณ……ตอบอะไรกลับมาสักหน่อย……สิครับ?”
จางหย่งยัดลูกอมเข้าไปในปากหลายสิบเม็ด แกล้งตายรอปฏิกิริยาตอบสนองกลับจากบอส
หลงเซียวหลับตาลง ฝ่ามือกดลงที่สองตา การมองเห็นมืดมิด