ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 739
ตอนที่ 739 บรรยากาศเยี่ยมสุดๆเลย ออกเดทกันเถอะ
ถังจิ้นเหยียนยกมือที่กาแฟอยู่ขึ้นมาดื่มหนึ่งคำ หลังจากที่ครุ่นคิดแล้วก็พูดขึ้น“ผมกับเจิ้งซิ่วหยา……พวกเรากำลังคบกันอย่างเป็นทางการแล้ว”
พูดออกมาแล้วรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ถังจิ้นเหยียนเอาแก้วกาแฟมาปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง มองต่ำลงปิดบังความรู้สึกอึดอัดที่แฝงอยู่ในแววตา
ลั่วหานกลับยิ้มๆอย่างใจกว้าง“คุณไม่พูดฉันก็รู้ ช่วงเช้าซิ่วหยาส่งข้อความมาหาฉัน แจ้งข่าวดีกับฉันเรียบร้อยแล้ว แถมยังกำชับให้ฉันจับตาดูคนเป็นพิเศษอีก อย่าให้ถูกนางพยาบาลสาวสวยในโรงพยาบาลแย่งเอาตัวไป”
ถังจิ้นเหยียนเป็นคนหน้าบาง หลังจากได้ฟังแล้วก็ยิ้มอย่างลำบากใจพร้อมกับพูดขึ้น“ตรงตามนิสัยของเธอเลย ผมเกือบจะเมินเฉยแล้ว ดูเหมือนความสัมพันธ์ของเธอกับคุณจะใกล้ชิดกันมากเลยนะ”
ลั่วหานจัดระเบียบเอกสาร“คุณเหมาะสมกับซิ่วหยาอยู่นะ นิสัยของคุณเงียบๆ ไม่ค่อยชอบพูด เธอกระตือรือร้น แถมยังพูดเก่งอีก พวกคุณสองคน คนหนึ่งเงียบพูดน้อยคนหนึ่งแอคทีฟพูดเก่งเติมเต็มซึ่งกันและกัน ดีจะตาย”
ถังจิ้นเหยียนพูดขึ้นอย่างเขินอาย“เอ่อ……ผมแก่กว่าเธอตั้งหลายปี รู้สึกเหมือนวัวแก่กินหญ้าอ่อนยังไงไม่รู้ คิดไม่ถึงจริงๆ”
“ฮ่าๆๆ!ก็ดีมากไม่ใช่เหรอ!ตอนนี้กลุ่มคุณลุงโลลิได้รับความนิยมจะตาย แถมคุณก็ดูไม่แก่ด้วย อายุไม่สำคัญเลย ที่เธอดูคือนิสัยของคุณต่างหากล่ะ คุณอย่าดูถูกตัวเองสิ”
ถังจิ้นเหยียนยกมุมปาก“ถูกคุณดูออกซะแล้วเหรอ?”
“ออกจะชัดเจนมากขนาดนั้น หน้าคุณตอนนี้มันฟ้องอยู่นะ!”ลั่วหานพูดแฉตรงๆอย่างไม่ไว้หน้าเขา
ถังจิ้นเหยียนราวกับเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ กวนกาแฟไม่หยุด ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความอึดอัด“แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย เรื่องที่ว่าจะแนะนำเธอให้พ่อแม่ของผมยังไงดี……พ่อแม่ของผมเป็นพวกหัวโบราณ ถ้ารู้ว่าผมพาหญิงสาวขนาดนี้กลับไปล่ะก็ จะไม่ลงโทษให้ผมหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดเลยเหรอ?”
พ่อแม่เหรอ?
พอพูดถึงพ่อแม่ของถังจิ้นเหยียน สีหน้าของลั่วหานก็หดหู่ลงไม่น้อยทันที ถังจงรุ่ย……ชื่อนี้เหมือนกับก้างปลา กีดขวางอยู่ในหัวใจของลั่วหาน
ถ้าจะบอกว่าไม่ใส่ใจเลย ก็โกหกแล้ว
“ประมาณว่าไม่มีทางหรอก ปัญญาใหญ่ขนาดนี้ถูกแก้ไขลงได้ พ่อแม่ของคุณแทบจะดีใจด้วยซ้ำ คุณอย่างประเมินค่าความกระตือรือร้นของพ่อแม่ที่อยากอุ้มหลานใจแทบจะขาดต่ำเกินไปนะ”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้า เห็นด้วยกับลั่วหาน
ลั่วหานพูดถามขึ้นอย่างลองเชิง“ใช่แล้ว ครั้งที่แล้วที่ฉันเสนอให้พ่อแม่ของคุณลองมาประเทศจีน พ่อแม่ของคุณว่ายังไงบ้าง?”
นิ้วมือลูบๆแก้ว ใจยกขึ้นตามการกระทำ
“คุณแม่ของผมไม่มีความคิดเห็นอะไร แต่พ่อไม่ค่อยอยากจะกลับประเทศ ทางนี้ไม่มีญาติสนิทอะไรแล้ว แถมเขาคุ้นชินกับชีวิตที่อเมริกาแล้วด้วย ตามใจเขาเถอะ”
ลั่วหานตามตอบอ๋อไปอย่างไม่เห็นด้วย ไม่ได้พูดอะไรต่อ
——
ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ห้องทำงานของลั่วหานมีแขกไม่ได้รับเชิญมาหาหนึ่งคน
รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็พอจะคาดเดาได้
โม่หรูเฟยถอดแว่นกันแดดปราด้าที่ดูเว่อร์วังออก สองตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เธอลากเก้าอี้มาก่อนจะนั่งลง“หมอฉู่ เรื่องมันผ่านไปนานขนาดนี้ เมื่อไรเธอจะปล่อยสามีของฉันออกมาสักที?”
ลั่วหานถอดชุดกาวน์สีขาวออก ก่อนจะสวมเสื้อโค้ทยาวสีเขียวขี้ม้าด้วยท่าทางขี้เกียจ ผูกเข็มขัดเอียงด้านซ้ายอย่างช้าๆ มัดเป็นโบว์อย่างเรียบร้อย
“ฉันจำได้ ไม่ได้ลืม แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ กองตำรวจก็ต้องดำเนินตามกระบวนการ เธอนึกว่าแค่คำพูดของฉันประโยคเดียวจะปล่อยเขาออกมาได้อย่างนั้นเหรอ? เธอคิดว่าฉันเป็นใครกัน?”
โม่หรูเฟยถูกตอกกลับจนพูดอะไรไม่ออก พูดขึ้นอย่างผิดหวังไม่พอใจ“แล้วเธอคิดจะทำยังไงกันแน่? ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทซุนซื่อตกลงเรียบร้อยแล้ว ถ้าตกลงกว่านี้ ก็คงต้องประกาศล้มละลายแล้ว ในเวลาเดือนกว่า บริษัทที่ทำงามร่วมกันก็หายไปตั้งครึ่งหนึ่ง เธอยังไม่พอใจอะไรอีก?”
ลั่วหานใส่เสื้อโค้ทเสร็จ ก็หวีผมให้เรียบร้อย ก่อนจะพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้ม“โม่หรูเฟย เธอพูดคำพูดพวกนี้ให้ใครฟัง? ถ้ารู้ว่าผลมันจะเป็นแบบนี้แล้วจะทำตั้งแต่แรกทำไม? เรื่องชั่วๆของตัวเอง คิดว่าจะเมินเฉยไม่รับผิดชอบอะไรแล้วมันจะจบหรือไง?”
“ฉัน……”กลั้นความโกรธเอาไว้ โม่หรูเฟยพยายามไม่ระเบิดออกมาต่อหน้าเธอ
“พรุ่งนี้”ลั่วหานพูดกับเธอสองคำ
โม่หรูเฟยประหลาดใจ“พรุ่งนี้อะไร?”
“พรุ่งนี้เธอกับสามีก็จะได้อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว ยังสงสัยอะไรอีกไหม?”ลั่วหานหยิบกระเป๋าสะพายไหล่ออกจากที่แขวนชุด แล้วเอามือถือใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ท
“จริงเหรอ?!ได้!หวังว่าคำพูดของเธอในครั้งนี้จะเชื่อถือได้นะ!”โม่หรูเฟยแววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นตัว ลุกขึ้นยืนด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม
“ให้ตายสิ!ทำไมที่ไหนๆก็มีแต่เธอ!เธอแยกร่างได้หรือว่าจงใจจะมาทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนกัน?”จู่ๆเสียงของเกาจิ่งอานก็ดังเข้ามาจากข้างนอก
รูปร่างสูงใหญ่ยืนขวางอยู่ตรงประตู กดโม่หรูเฟยเอาไว้
โม่หรูเฟยกัดฟันกรอด“พี่ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เกาจิ่งอานกอดอกพิงขอบประตู“ตอนเช้าก็มาหาฉันเพื่อขอให้ฉันให้เงินทุนกับบริษัทซุนซื่อ พอฉันไม่ได้ยินยอม ตอนนี้ก็มาหาพี่สะใภ้ของฉันอีก ฉันจะบอกอะไรนะโม่หรูเฟย คุณโม่ หัดใช้สมองบ้างนะ พี่สะใภ้ของฉันไม่มีทางให้เงินทุนกับเธอหรอก!ต่อให้พี่สะใภ้ของฉันจะมีเงินทองเท่าภูเขาก็ตาม ก็ไม่มีทางเลี้ยงหมาป่าที่อกตัญญูจิตใจชั่วร้ายหรอก!”
โม่หรูเฟยถูกเขาพูดจนโกรธจนหน้าแดง พูดขึ้นด้วยความรู้สึกอับอาย“พี่ พี่ไม่ให้เงินทุนกับฉันก็ช่างมัน แต่ทำไมต้องพูดจาประชดประชันเหน็บแนมแบบนี้ด้วย!”
เกาจิ่งอานทุกครั้งที่คิดว่าโม่หรูเฟยถูกลั่วหานจัดการจนยอมคุกเข่าจำนน ก็รู้สึกสาแก่ใจไม่น้อย!
แต่ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องชั่วๆที่เธอเคยทำในอดีต ก็รู้สึกเกลียดแค้นสุดๆเช่นกัน!
“ไม่มีเวลาแล้วก็ไม่มีอารมณ์จะมาสูดอากาศอากาศเดียวกับเธอด้วย รีบไปซะ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็อย่ามาล่องลอยให้ฉันเห็นอีก ละครที่เธอเล่นได้ผลกับพี่สาวของฉัน แต่กับฉันไม่ได้ผลแม้แต่นิดเดียว!”
เกาจิ่งอานพูดจาจิกกัดทิ่มแทง ต่อว่าจนสีหน้าของโม่หรูเฟยซีดขาว เธอกัดฟัน ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ก่อนจะสวมแว่นกันแดดเดินจากไป
ลั่วหานอมยิ้มพูดขึ้น“ถึงยังไงก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของนายนะ ไม่ต้องพูดจาแรงขนาดนี้ก็ได้”
ลั่วหานหยิบกุญแจออกมา หันไปล็อคประตู
เกาจิ่งอานรีบเข้าไปรับกระเป๋าในอ้อมแขนของลั่วหานมาราวกับพนักงานช่วยถือกระเป๋า ยิ้มแย้มพร้อมกับพูดขึ้น“พี่สะใภ้ ผมช่วยคนตามเหตุตามผลไม่ใช่พอเห็นเป็นญาติตัวเองแล้วจะช่วยไม่ลืมหูลืมตาซะหน่อย!”
ลั่วหานล็อคประตูเสร็จ ก็มองสำรวจเกาจิ่งอาน วันนี้เขาสวมชุดลำลองดูดีดูเหมาะ เสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊ก ข้างนอกเป็นเสื้อโค้ทสีกากี บวกเข้ากับกางเกงและรองเท้าหนังสีดำ เรียบแต่โก้
“มาหาพี่สาวของนายไม่ต้องแต่งตัวซะหล่อขนาดนี้หรอกใช่ไหม? คิดจะตกนางพยาบาลทั้งโรงพยาบาลหรือไง?”
เกาจิ่งอานหัวเราะแหะๆ เข้าไปคล้องแขนของลั่วหาน“พี่สะใภ้ คุณว่าผมแต่งตัวแบบนี้ดูเป็นยังไงบ้าง? ให้ผมกี่คะแนน?”
ลั่วหานคิดสักพัก“แปดคะแนนแล้วกัน”
“ให้ตายสิ!ไม่ใช่มั้ง!ผมแต่งตัวอยู่หน้ากระจกตั้งหนึ่งชั่วโมง เปลี่ยนชุดเป็นสิบๆชุด แปดคะแนนเนี่ยนะ!แค่ผมสวมถุงเท้าข้างเดียวก็มากกว่าแปดคะแนนแล้ว!”
ลั่วหานหลุดขำ“เต็มสิบคะแนน นายนึกว่าอะไร?”
“อาฮ่าๆ……แบบนี้นี่เอง พี่สะใภ้ ทำไมถึงไม่พูดให้จบในทีเดียวล่ะ ตกใจหมด อ้อ เอ่อ ผมเพิ่งไปเยี่ยมพี่มาเสร็จ ตอนนี้จะไปรับโร่หลินเลิกงาน ผมแบบนี้……ได้ใช่ไหม?”
ลั่วหานหมดคำพูด“นายอุตส่าห์มาฉันโดยเฉพาะ ก็เพื่อขอให้ฉันให้คะแนนกับนายเนี่ยนะ?”
“อา……ห้ะ!ใช่แล้ว ผมเชื่อในรสนิยมของคุณ พี่ของผมมองว่าผมดีไปหมด สายตาอคติไม่เป็นกลาง ได้รับการยอมรับจากคุณผมถึงค่อยวางใจลงได้ ในเมื่อแบบนี้ผมก็ไปได้แล้วล่ะ!พี่สะใภ้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะครับ!”
เกาจิ่งอานเอากระเป๋าในอ้อมแขนสอดเข้าไปให้ลั่วหาน ก่อนจะสับเท้าลอยจากไปราวกับลม หายจากเข้าไปในลิฟต์ทันที
“จะเป็นลม!!ลองกล้ามีครั้งหน้าดูสิ”ลั่วหานสะพายกระเป๋า พูดแขวะอย่างขำๆ
ขึ้นไปในลิฟต์ ลงมาชั้นล่าง ลิฟต์มาจอดที่ชั้นโรงจอดรถ
ลั่วหานไม่เห็นรถตู้ที่ดูดีสะดุดตาคันนั้น แต่ตรงที่จอดรถดันมีรถโรลส์รอยซ์ที่คุ้นตามากๆจอดอยู่
ลั่วหานไม่ได้เดินเข้าไปในทันที ประตูรถเปิดออกมา เงาที่รูปร่างสูงใหญ่เดินออกมา เสื้อโค้ทสีขาว กางเกงที่ตัดเย็บมาได้อย่างพอดี ท่าทางนิ่งขรึมอ่อนโยน เป็นสามีเก่าของเธอนั่นเอง
ลั่วหานยิ้มเจื่อนๆ“เป็นคุณได้ยังไง? ช่วงนี้โปรเจกต์ยุ่งขนาดนั้นยังจะเลิกงานก่อนอีกเหรอ? ไม่กลัวบอสหักเงินเดือนหรือไง?”
หลงเซียวเดินก้าวขายาวๆสามก้าวเข้ามา โอบเอวของเธอเอาไว้ ไม่รอให้คนในอ้อมแขนขัดขืนใดๆ เขาลูบมือใหญ่ๆไปข้างหลังของเธอ ล็อคตรงข้างหลังของเธอไว้ ก่อนจะกดเธอมาตรงหน้าอก ประกบตัวจูบเข้าไปที่ริมฝีปากของเธอ
“หักไปสิ ขอแค่ไม่กีดกันสิทธิประโยชน์ของผม เงินเดือนจะหักเท่าไรก็ตามใจเลย”
ลั่วหานอึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกว่าอารมณ์ของเขาแปลกๆ ผมยาวๆถูกเขาสางไว้อยู่ในมือ ลมหายใจที่อยู่ใกล้ๆ อุณหภูมิที่อบอุ่น แล้วเขาก็เข้ามาใกล้ซะจนใกล้กว่านี้ไม่ได้แล้ว ริมฝีปากที่กดอยู่ตรงสันจมูกของเธอ คนคนนี้เป็นอะไรไป?
“หลงเซียว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลงเซียวจัดการกับอารมณ์ ค่อยๆกลับมาหายใจเป็นปกติ สีหน้านิ่งๆปกติตามเดิม ก่อนจะจับคางของเธอแล้วก็เคาะๆที่ปลายจมูกของเธอ
“ตะกี้มีเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“หา?”
ตะกี้มีเรื่อง พ่อของหลินซีเหวินเป็นศัตรูของเขา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
ลั่วหานมองตรวจสอบอารมณ์ของเขาอย่างละเอียด ดูทุกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ความคิดที่แว็บเข้ามาอย่างไม่ได้ตั้งใจบอกกับเธอว่า หลงเซียวกำลังรู้สึกไม่สบอารมณ์
“ไม่คิดจะบอกฉัน?”ลั่วหานถาม
หลงเซียวรับกระเป๋าของเธอมา ประคองเธอเข้าไปในรถ ก้มไปรัดเข็มขัดให้กับเธอ“อยากทานอะไร? คืนนี้พวกเราจะทานข้าวข้างนอกกัน ถือโอกาสไปผ่อนคลายสักหน่อย”
เธอท้องอยู่ จะให้ผ่อนคลายอะไร? ไปทำSPAแช่ออนเซ็น? พอคิดๆดูก็รู้สึกอยากนอนแล้ว
“ฉันอยากกิน……ปลาต้มเผ็ด หนวดปลาหมึกผัด เต้าหูราดซอสงา หม่าล่าผัดแห้ง แล้วก็หัวปลานึ่งราดพริก!”
หลงเซียวใบหน้ามืดครึ้มไปครึ่งนึง“ลั่วลั่ว?”
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่น ไปกินอาหารหางโจวแล้วกัน”
“ครับ”
ตอบรับครับไปหนึ่งคำ นิ้วมือของหลงเซียวกดพิมพ์ตัวอักษรในมือถืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ขับรถไปยังร้านอาหาร
พอมาถึงร้านอาหาร ลั่วหานก็มีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างถึงที่สุดขึ้นมา ร้านอาหารว่างเปล่าไร้ซึ่งแขกแม้แต่คนเดียว มีเพียงแค่เหล่าพนักงานหนึ่งแถวที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางมีมารยาท
ลั่วหานเหงื่ออาบเต็มหน้า“หลงเซียว อาการผิดปกติของคุณกำเริบอีกแล้วเหรอ?”
หลงเซียวโอบเอวของเธอนั่งลง“ตอนนี้นอกจากคุณแล้ว ผมก็ไม่อยากเห็นใครอีก”
แม้ว่าจะไม่เต็มใจยอมรับ แต่ในใจก็รู้สึกพออกพอใจอย่างมีความสุขผุดขึ้นมาอย่างช้าๆ!
ร้านอาหารจีนที่เงียบสงบสวยหรู เพลงที่บรรเลงอย่างเอื่อยๆช้าๆ ใจเต้นไปตามทำนอง บรรยากาศเหมาะสมกับการนัดเดทมากๆ
อาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะในไม่ช้า มีครบทุกสีสันรสชาติ
พนักงานเสิร์ฟเปิดไวน์แอลกอฮอล์ต่ำหนึ่งขวดตามที่ต้องการ รินให้กับหลงเซียวครึ่งแก้ว ก่อนจะรินน้ำบ๊วยให้กับลั่วหานหนึ่งแก้ว
มองผ่านๆแล้วเป็นสีที่เหมาะกันมาก
ลั่วหาน“……”แบบนี้ก็ได้เหรอ?
หลงเซียวพูดอมยิ้ม“ดื่มกับผมสักแก้วสิ”
ลั่วหานชักมุมปาก“หลงเซียว ฉันรู้สึกเย็นสันหลังยังไงก็ไม่รู้? คุณไม่พูดอะไรตลอดทั้งทาง ตอนนี้ดันมาดื่มอีก แถมยังทำซะใหญ่โตเว่อร์วังด้วย บอกสิ……ว่าคุณไม่ได้จะมาสารภาพกับฉันใช่ไหม?”
หลงเซียวสำลัก“ถ้าคุณชอบล่ะก็ แถมการบริการไปด้วยก็ได้นะ เอาไหม?”
“ไม่ๆๆ อย่าๆ ฉันกลัวจะทำให้ลูกในท้องตกใจ”
ลั่วหานยกแก้วน้ำบ๊วยขึ้นมาชนกับเขา ดื่มไปหนึ่งอึกใหญ่ ผู้ชายตรงหน้าก็ดื่มไวน์ในแก้วจนหมดเช่นกัน
ลั่วหานสายตาจ้องมองเขา“ที่บริษัทเกิดเรื่องขึ้น? ต้องชดใช้เงินโปรเจกต์? เงินถูกยักยอก?”
หลงเซียวรินไวน์แก้วที่สองให้กับตัวเอง ข้อศอกค้ำบนโต๊ะ พูดขึ้นอย่างเศร้าๆ“ลั่วลั่ว คุณช่วยเล่าเรื่องอะไรตลกๆให้ฟังหน่อยได้ไหม?”