ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 740
ตอนที่ 740 ริมฝีปากของคุณเหมาะกับการจูบ
เล่าเรื่องตลก?
ปล่อยหมอฉู่ไปเถอะ เธอเล่าเรื่องตลกเป็นที่ไหน เธอทำเป็นแค่พูดศัพท์ที่ทำให้คนไข้ตกใจเวลาที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการรักษาเท่านั้น
แต่……ผู้ชายรูปหล่อที่ดูเศร้าโศกเสียใจตรงหน้านี้อุตส่าห์เสนอมาแล้วว่าอยากฟังเรื่องตลก เธอก็จะลองพยายามดูแล้วกัน!
คิดอยู่สักพัก ก็คิดได้อยู่เรื่องหนึ่ง พูดขึ้นวางท่าทางใหญ่โต“สมัยที่ฉันยังเรียนอยู่ มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่กำลังทำวินิจฉัยร่วมกันอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษา พบกับคนไข้คนหนึ่ง เขาถามอาจารย์ที่ปรึกษาว่า ผมจะทำยังไงถึงจะอายุยืนนานร้อยปี?
อาจารย์ตอบว่า ก่อนอื่น เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ คนคนนั้นบอกว่า ผมไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่
อาจารย์พูดอีกว่า อันที่สอง เลิกผู้หญิง คนคนนั้นรู้สึกไม่เป็นธรรม คุณหมอครับ ใช้ชีวิตมาสามสิบปีแล้วยังเป็นหนุ่มโสดอยู่ แทบจะไม่เคยทำอะไรอย่างว่าเลยสักครั้ง
อาจารย์มองดูเขา อ้อ อย่างที่สาม กินเนื้อสัตว์ให้น้อยๆ คนคนนั้นขำ คุณหมอ ผมเป็นมังสวิรัติ!
อาจารย์ทำหน้าย่นทันที ใช้ชีวิตสภาพแบบนี้แล้วยังจะมีอายุยืนไปอีกร้อยปีอีกหรืองั้นเหรอ? เชิญท่านต่อไป!
ฮ่าๆๆ!ตอนนั้นฉันหัวเราะอยู่ข้างๆแทบตาย!นี่เป็นเรื่องตลกที่ฉันสงวนเอาไว้เลยนะ!”
เล่าเรื่องตลกโดยแสดงอารมณ์ เลียนแบบน้ำเสียงของอาจารย์และคนไข้ ลั่วหานหัวเราะจนตัวโก่ง
ผ่านไปสักพัก หลงเซียวก็ค่อยๆเผยให้เห็นฟันเรียงขาวสวยอย่างช้าๆ สีหน้าอ่อนโยน
ลั่วหานโค้งมุมปาก“ไม่ตลกเหรอ?”
หลงเซียวส่ายหัว อุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้นกว่าเดิม“ตลก ในส่วนของเรื่องตลกไม่ตลก แต่คนที่เล่าตลกมากๆ แถมยังน่ารักอีก”
ลั่วหานหน้าเริ่มร้อน อายุปูนนี้แล้วยังชมว่าน่ารักอีก จริงๆเลย……
“อารมณ์ดีขึ้นมาสักนิดแล้วยัง?”ลั่วหานจับคางมองเขาอย่างเจ้าชู้ เพื่อที่จะให้เหมาะกับคำว่าน่ารักคำนั้น ลั่วหานก็พยายามสุดความสามารถแล้ว
หลงเซียวเอื้อมมือไปลูบผมยาวๆของเธอ“ดีขึ้นสิ ผลลัพธ์ดีมากๆเลย!เรื่องที่หมอฉู่สงวนเอาไว้สุดยอดสุดๆเลย”
ลั่วหานคีบผักกาดกว้างตุ้งใส่ไว้ในจานของเขา“อยากไปที่สักที่หนึ่งไหม?”
“หือ?”
ทานข้าวเสร็จ ลั่วหานนำทาง พาหลงเซียวไปที่จัตุรัสเมืองหลวง
ในตอนกลางคืนลมแรงมาก ภายใต้แสงไฟนีออนและสีสันยามค่ำคืนที่ดึงดูดใจผู้คน เหล่าคู่รักและบรรดาคู่สามีภรรยาต่างมาเดินเล่นกันที่จัตุรัส มีเสียงเพลงลอยคลอๆมาจากตู้คาราโอเกะที่อยู่ข้างทาง บนพื้นมีคนกำลังเล่นโรลเลอร์สเก็ต เป็นค่ำคืนที่เสียงดังครึกครื้น
หลงเซียวกับลั่วหานจูงมือกันแน่“ไม่เคยมาใช่ไหม?”
“เคยมาแล้ว แต่ความรู้สึกไม่เหมือนกัน?”แต่ความรู้สึกในตอนนี้มันดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ลั่วหานชี้ไปที่ตู้คาราโอเกะ“อยากลองหน่อยไหม?”
หลงเซียว“……ผมร้องไม่ค่อยเป็น”
“ร้องไปเลย ไม่มีคนรู้ว่าคุณเป็นใคร แถมคนที่ฟังก็มีแค่ฉัน คุณจะกลัวอะไร? ร้องไม่เพราะฉันก็ไม่มีทางขำคุณหรอก!ไปๆๆ ไปลองสักหน่อย”
ลั่วหานจูงหลงเซียวเข้าไปในตู้ว่างตู้หนึ่ง ข้างในมีเก้าอี้สองตัว ไมโครโฟนสองอัน ลั่วหานยัดเข้าไปในมือของเขาหนึ่งอัน“ร้องเพลงอะไรเป็นบ้าง?”
หลงเซียวกวาดสายตามองเมนูเพลง ร้องไม่เป็นทั้งนั้น“คุณเลือกเถอะ เลือกที่คุณชอบ”
“ฉันเลือกแล้วคุณต้องร้องด้วยกันนะ ห้ามเห็นแก่ตัว”ลั่วหานเปิดเมนูค้นหา เลือกมาหนึ่งเพลง
หลงเซียวขมวดคิ้วเพลง“《จิงจงเป้ากั๋ว》?”
“ใช่แล้ว!เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ต้องเปิดเวลามาKTV เพลงลดความเครียด ฉันก็ร้องไม่เป็น พวกเรามาแหกปากด้วยกันเถอะ!”
แหกปาก……นี่แสดงว่าไม่มีใครอื่นอีกแล้ว
ในความจริง ก็แหกปากร้องกันจริงๆ
ในตอนแรกหลงเซียวก็ไม่ได้ร้องแบบปลดปล่อยออกมา น้ำเสียงที่กดต่ำต่อให้ผิดคีย์ก็ยังไพเราะสุดๆ ต่อมาภายใต้การกระตุ้นของลั่วหานทั้งสองคนก็เต้นแร้งเต้นกากันวุ่นวายไปหมด ร้องเพลงเพลงเดียวร้องจนฟ้าดินแทบจะสนั่นหวั่นไหว
ต่อมาก็เป็นพวกเพลง《Love When I Die》、《Farewell My Concubine》ถูกพวกเขาร้องจนทำเพลงเขาเสียหมด ร้องจนมาถึงเพลงที่ห้า หลงเซียวปลดปล่อยอารมณ์จนไม่สามารถฉุดตัวเองขึ้นมาได้แล้ว ละทิ้งมาดเท่ดูแพงแบบปกติไปจนหมด
ในที่สุดก็สิ้นสุดลง ลั่วหานพูดขึ้นอย่างรู้สึกสบายมีความสุขไปทั่วทั้งตัว“เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม?”
“ดีขึ้น สบายใจขึ้นเยอะ!คิดไม่ถึงว่าหมอฉู่จะรู้วิธีการแบบนี้ด้วยนะเนี่ย”
“หลินซีเหวินบอกฉันมาน่ะ เด็กพวกนี้ชอบหาอะไรแปลกๆที่เราไม่เคยเจอทำกันน่ะ”
อ๋อ……เธอเหรอ?
หลงเซียวพยักหน้า“ตัวเองก็ยังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่เลย ยังจะพูดถึงคนอื่น”
ลั่วหานยิ้มเจื่อนๆ“อย่ามาแขวะฉันสิ ฉันอายุปูนนี้แล้วนะ——เห้อ!”
พูดพลาง จู่ๆลั่วหานก็เอามือกุมท้อง มองไปยังหลงเซียวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด หลงเซียวสองมือจับท้องของเธอ ถามขึ้นอย่างจริงจัง“เป็นอะไร? ตะกี้ร้องเพลงจนเหนื่อยเกินไป? ผมไปส่งที่โรงพยาบาลแล้วกัน!”
ลั่วหานแววตาเต็มไปด้วยความสุข“ไม่ใช่ๆ!เธอขยับแล้ว เพิ่งจะขยับเมื่อตะกี้นี่เอง!”
“เหรอ?!”หลงเซียวเอาตัวเข้าไป หันข้างเอาหน้าแนบท้องป่องๆของลั่วหานอย่างจริงจัง พยายามสัมผัสถึงชีวิตน้อยๆที่อยู่ข้างในอย่างตั้งใจ
“สัมผัสได้แล้วยัง?!เธอกำลังขยับอยู่ เจ้าหนูน้อยเพิ่งจะถีบท้องฉันเมื่อตะกี้นี้เอง!”ลั่วหานโอบไหล่ของหลงเซียวด้วยความดีใจ จู่ๆในตาก็เริ่มมีน้ำตา
อุ้มท้องมาจนถึงตอนนี้ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธอเพิ่งจะขยับ เมื่อก่อนเป็นเด็กดีไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยอย่างไม่มีเหตุมีผล!ทำเอาลั่วหานตกใจนึกว่าลูกจะเป็นอะไรไป
หลงเซียวหันหน้าเข้าไปแนบชิดกับเจ้าหญิงตัวน้อยราวกับกำลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รออยู่สักพัก เจ้าหนูน้อยก็ขยับตามจังหวะดนตรีในจัตุรัส แรงขยับเล็กน้อยที่กั้นไว้ด้วยผิวหนังและเสื้อผ้ากระทบมาที่หน้าของเขา มันชัดเจนและอ่อนไหว
สายสตริงที่อยู่ในใจถูกเจ้าหนูน้อยทำให้สั่นไหวไปหมด ความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นเร้าใจเอ่อล้นออกมาเป็นคำพูด หลงเซียวฟังอย่างนิ่งสงบอยู่สองสามนาที ใบหน้ายิ้มจนแทบจะหยุดค้างไว้“ใช่!เจ้าหนูน้อยของพวกเรากำลังขยับ สัมผัสได้แล้ว!ลูกรัก พ่อเป็นพ่อนะ ถ้าได้ยินเสียงของพ่อให้ขยับอีกรอบ”
แต่ถึงยังไงเจ้าหนูน้อยก็ไม่ไว้หน้าเลย
ลั่วหานเช็ดน้ำตา“ตาบ๊อง ตอนนี้เธอฟังไม่เข้าใจหรอก แต่ก่อนหน้านี้เธอไม่ยอมขยับมาตลอด พอคุณร้องเพลงเธอกลับขยับขึ้นมา หลังจากนี้คุณต้องร้องอีกหลายๆเพลงแล้วล่ะ เด็กที่เคลื่อนในครรภ์เป็นเรื่องที่ดีนะ”
หลงเซียวสูดหายใจ หัวเราะทั้งน้ำตา“ฉันก็อยากฟังเหมือนกัน ตอนนี้ร้องสักหนึ่งเพลงสิ!”
หลงเซียวหันมองพวกกลุ่มคนชอบเผือกที่กำลังเดินไปเดินมา“ผมว่า……กลับไปร้องที่บ้านกันดีกว่า”
เนื่องจากการขยับของเด็กในครรภ์ ทั้งสองคนตื่นเต้นดีใจอยู่สักพักใหญ่ ไม่ทันได้รู้ตัวก็มาอยู่ที่นี่ตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้ว
ทั้งสองคนเดินจูงมือกันไปลานจอดรถ ระหว่างทางก็ยังพูดคุยถึงเรื่องการเติบโตของเจ้าหนูน้อย เดินมาถึงจุดที่อยู่ห่างจากลานจอดรถไม่มากนัก แต่กลับเห็นเกาจิ่งอานโดยบังเอิญ
ลั่วหานพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ“เขาไปรับโจวโร่หลินเลิกงานไม่ใช่เหรอ? แล้วมาที่นี่ได้ยังไง?”
ในมือของเกาจิ่งอานหอบดอกกุหลาบช่อใหญ่ กำลังเช็คดูหน้าตาผมเผ้าจากกระจกมองหลัง ก่อนจะเดินหอบดอกไม้สดออกมาอย่างพออกพอใจ
หลงเซียวตาไวมือไว ประคองลั่วหานถอยไปอยู่ข้างๆ หลบสายตาของเกาจิ่งอาน
หลงเซียวยกไหล่“อยากจะไปลองดูสักหน่อยไหมล่ะ?”
“ได้สิ!”
ทั้งสองเดินตามทางที่เกาจิ่งอานเดินนำไป แอบเข้าไปในภัตตาคาร
กั้นด้วยที่นั่งสองสามที่ โจวโร่หลินกำลังอยู่ที่นั่งริมหน้าต่าง ดูเหมือนกำลังรอใครอยู่
ลั่วหานพูดเสียงเบาๆ“ดูทรงแล้วเกาจิ่งอานคงเตรียมที่จะพิชิตโจวโร่หลินแล้วสินะ”
หลงเซียวพยักหน้า“พรุ่งนี้เธอต้องออกไปศึกษาดูงานที่เมืองAแล้ว จิ่งอานก็เลยรีบคว้าโอกาสไว้สินะ”
ลั่วหานหยิบเมนูมาบังหน้าไว้ แอบส่องราวกับนักข่าวเรื่องซุบซิบ“โอ้ หัวแหลมมาก”
หลงเซียวขมวดคิ้ว“ผมไม่คาดหวังมากเกินไป”
“มาพนันกันไหมล่ะ ฉันรู้สึกว่าวันนี้โร่หลินจะต้องรับไว้แน่นอน”
หลงเซียวยกคิ้ว“ถ้าคุณแพ้ล่ะ?”
“ให้คุณร้อยนึง!”
หลงเซียว“……”
โจวโร่หลินรับโทรศัพท์บอกว่าจะเจรจากับแขกคนสำคัญคนหนึ่ง รอไปรอมาไม่เห็นวี่แววของคน พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแล้วยังต้องเก็บสัมภาระอีก รอจนจะทนไม่ไหวแล้ว
แต่พอหันสายตาไป คิดไม่ถึงว่าจะเห็นเกาจิ่งอานเดินถือดอกกุหลาบมาอย่างฮึกเหิมไฟแรง โจวโร่หลินตกใจจนตาทะลึง!
โอ้อะไรกันเนี่ย!เขามาได้ยังไง!? แถมดอกกุหลาบอีกนี่มันอะไรเนี่ย!
ทำยังไงดี! ทำยังไงดี!
โจวโร่หลินพอเห็นว่าหลบไม่ได้แล้ว จึงก้มลงแอบใต้โต๊ะอย่างฉลาด
ตาจ้องมองที่พื้น รองเท้าหนังแวววับหนึ่งคู่เดินเข้ามาใกล้โต๊ะอาหารของเธอ หยุดลงอยู่ห้าวินาที ก่อนเสียงทุ้มต่ำของเกาจิ่งอานจะดังขึ้นมา“พนักงาน คุณผู้หญิงที่นั่งตรงนี้ล่ะ?”
คุณผู้หญิงบ้านนายสิ!
โจวโร่หลินขดตัวอยู่ใต้โต๊ะแอบสบถอยู่ในใจ
“เมื่อตะกี้ยังอยู่อยู่เลยนะคะ ดูเหมือนว่าจะไปห้องน้ำแล้วล่ะคะ”
“ครับ ผมจะรอเธอแล้วกัน”
ยังดีที่ผ้าคลุมโต๊ะอาหารตะวันตกยาวมาก ยาวจนมาถึงพื้น สามารถปิดบังคนที่อยู่ข้างในได้พอดี แต่ว่านะ ไม่คิดว่าเกาจิ่งอานจะนั่งลงซะแบบนี้!
นั่งลง!
โจวโร่หลินกอดเข่าก้มหัวฝึกฝนวิชาตัวอ่อนอยู่ใต้โต๊ะ แต่เกาจิ่งอานนี่นั่งลงอย่างไม่เชื่อฟังเลยสักนิด ยืดขาแกว่งเท้า สักพักปลายเท้าก็เข้ามาอยู่ใกล้เธออย่างรวดเร็ว สักพักก็เลื่อนออกไป ทุกครั้งที่เธอถอนหายใจเขาจะถูฝ่าเท้าราวกับจงใจ
ให้ตายสิ!
โจวโร่หลินย้ายไปข้างๆอย่างระมัดระวัง พอเห็นว่าความจะแตกแล้ว โอ้ๆๆ จะบ้าตาย!
เกาจิ่งอานดมดอกกุหลาบสด ก่อนจะพูดกับตัวเอง“หลบผม? ไม่รับสายผม พอเลิกงานก็แอบกลับไป ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมจะจัดการกับคุณไม่ได้ คุณชายคนนี้หน้าตาก็ดี รวยก็รวย ทำไมคุณถึงไม่เห็นคุณชายคนนี้ในสายตาบ้างเลยนะ?”
โจวโร่หลินเหอะๆ ทำไมนายไม่บอกล่ะว่านายเจ้าชู้!ใจง่าย!ทำตัวแหลกเหลวไม่สนงานการ!แถมยังถูกผู้หญิงล้อมโจมตีอีก!
ให้ตายสิ!
ทางนี้ ลั่วหานตื่นตกใจกับปฏิกิริยาของโจวโร่หลิน“จะเป็นลม แบบนี้ก็ได้เหรอ?!ทำไมเธอถึงหลบเกาจิ่งอาน?”
ตรงหน้าของหลงเซียวมีเมนูอาหารบังไว้อยู่“ผู้หญิงคนก่อนของเกาจิ่งอานมาหาเขา ถูกโจวโร่หลินเห็นเข้าน่ะสิ”
“สมควร!”
หลงเซียวมองเธอ“……”
ลั่วหานพูดขึ้น“วันนี้โม่หรูเฟยมาหาฉัน ฉันสัญญากับเธอแล้วว่าพรุ่งนี้จะปล่อยซุนปิงเหวินออกจากคุก”
หลงเซียวพูดยิ้มๆ“ทำไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต?”
ลั่วหานเงยหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ“เรียนมาจากคุณนั่นแหละ”
หลงเซียวยิ้มอย่างอารมณ์ดีอีกรอบ“พอทำเรื่องดีๆคุณทำด้วยตัวเอง แต่เรื่องร้ายๆก็บอกว่าเรียนรู้จากผม ผมมันเป็นคนที่โดนเอาเปรียบชัดๆ”
“ฮ่าๆ ถูกต้อง!”ลั่วหานลูบๆคาง“เกาจิ่งอานคงจะไม่โง่ถึงขนาดที่ไม่เห็นหรอกใช่ไหม?”
“อยากให้เขาเห็นไหมล่ะ?”หลงเซียวยิ้มอย่างลึกซึ้ง
ลั่วหานพยักหน้า“คุณมีวิธีเหรอ?”
หลงเซียวยิ้มอย่างชั่วร้าย“จุ๊บผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย”
ลั่วหานจุ๊บไปที่แก้มของเขาอย่างไม่ลังเลแม่แต่น้อย“จุ๊บแล้ว”
หลงเซียวอิ่มใจกับริมฝีปากของเธอ“ที่ผมบอกไม่ใช่หน้า แต่เป็นปากต่างหากล่ะ”
ลั่วหานไม่ได้คิดเยอะ แค่อยากดูวิธีการของเขาเท่านั้น ก็เลยจุ๊บลงไปที่ริมฝีปากของเขาหนึ่งที ครั้งนี้หลงเซียวฉวยโอกาสแงะเปิดฟันของเธอ ลิ้นสอดไหลเข้าไปลึก……
ให้ตายสิ!
ภายในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาก็ผละออกจากริมฝีปากแดงๆของเธอ“เคยมีคนบอกคุณไหม ว่าปากของคุณเหมาะกับการจูบมากเลย?”
ลั่วหานกำมัดต่อยเขาไปที่หลังหนึ่งที“เอาหมัดของฉันไปกินซะ!”
หลงเซียวล็อคหัวของเธออย่างยังไม่สาแก่ใจ“อื้อ ยังอยากกินอีกสักคำอยู่เลย!”
ลั่วหานสบถใส่เขา“เสร็จเรื่องแล้วค่อยว่ากัน!”
“ได้”หลงเซียวยกคิ้ว อารมณ์ดีจนสลัดอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีในตอนกลางทิ้งไปจนหมด
ลั่วหานกอดแขนของหลงเซียวไว้อย่างตั้งหน้าตั้งตา รอหลงเซียวแสดงวิธีการให้ดู
หลงเซียวล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างช้าๆ นิ้วมือปลดล็อคหน้าจอ เลื่อนหาเบอร์ของโจวโร่หลิน ริมฝีปากบางๆยกขึ้น รอยยิ้มดูดื้อรั้นแปลกๆ
ลั่วหานมองอย่างดูถูกดูแคลน“วิธีการง่ายๆแบบนี้ฉันก็ทำได้!”
หลงเซียวพูดขึ้น“คุณลองใช้มือถือของคุณโทรไปดูสิ? ดูว่าเธอจะรับหรือไม่”
เอ่อ……ลั่วหานเหอะๆๆ“ไม่ต้องแล้ว คุณทำเถอะ”
ขืนเธอโทรไปจะต้องถูกโจวโร่หลินตัดสายทิ้งแน่นอน แต่โจวโร่หลินจะต้องไม่กล้าตัดสายของหลงเซียวทิ้งอย่างแน่นอน
“แต่ว่า ถ้าเกิดเธอเลือกส่งข้อความด่วนแทนล่ะ?”
หลงเซียวยิ้มนิ่งๆ“เธอกล้าหรอ?”
นิ้วมือกดโทรออกไป หลงเซียวมือถือโทรศัพท์ รอเสียงจากทางนั้นอย่างนิ่งสงบ
ลั่วหานรู้สึกได้อย่างลึกๆว่า หลงเซียวเป็นคนเจ้าเล่ห์จริงๆ!
รอมาประมาณสามวินาที……
จู่ๆมือถือของโจวโร่หลินก็สั่นอยู่ในมือ ใจของเธอเต้นตึกตักๆ อยากที่จะตัดสายทิ้งไปตรงๆ แต่ว่านะ ใครช่วยมาบอกเธอทีว่า ทำไมช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ บอสใหญ่ถึงต้องโทรมาหาเธอด้วย!
บอสใหญ่ คนประเภทที่ไปยุแหย่ให้อารมณ์เสียไม่ได้เด็ดขาด
ใจ……แตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว!