ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 744
ตอนที่ 744 แสดงความรักอย่างไม่สนคนโสด
“จะเอาหรือเปล่าล่ะ? หลงเซียวเปลี่ยนจากสภาพที่อ่อนโยนเมื่อครู่
“เอาสิครับ! แหมพี่ ผมต้องเอาอยู่แล้ว พี่วางใจได้เลยผมจะทำให้ดีที่สุด” เกาจิ่งอานพูดออกมาจากใจจริง เขาแสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง
หลงเซียวส่งเสียงหัวเราะแล้วพูดว่า “เสิ่นเหลียวต้องการจะพัฒนาชุมชนบินหูจงเข้าไปแทรกกลางเรื่องนี้ เอาให้เขาทำตัวไม่ถูก มีอะไรไม่เข้าใจให้รีบถาม”
เกาจิ่งอานดีใจมาก “ขอบคุณมากครับพี่ ผมจะทำภารกิจให้สำเร็จ อ้อพี่! เรื่องจัดการเสิ่นเหลียวผมจะไม่ให้พลาดแน่นอน รอดูผมเถอะ ว่าแต่ทำไมพี่ถึงดีกับผมอย่างนี้ล่ะ?”
เหอะๆ แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีใจอย่างสุดซึ้งแต่ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดแปลกไป
แน่นอนว่าหลงเซียวไม่พูดออกไปแน่ เรื่องที่เกาจิ่งอานช่วยเขาใช้แอคหลุมจัดการกับพวกนั้น การที่เขาจะมอบเค้กก้อนใหญ่ให้แบบนี้ก็ถือว่าสมควรแล้ว
“ถ้าให้พูดในเชิงธุรกิจ แกมีความสามารถถึง”
เกาจิ่งอานมีความสุขมาก ฮ่าๆๆ! เขาได้รับคำชมเชยจากพี่!
เกาจิ่งอานหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “พี่พูดแบบนี้ ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน”
หลงเซียวพูดต่อไปว่า “โจวโร่หลินบินไปที่เมืองAเพื่อทำการเจรจาธุรกิจ จะกลับมาอีกในอีกสัปดาห์หน้า ทางบริษัทจัดเตรียมให้เธอพักที่โรงแรมสี่ตี้อยู่ในตึกเดียวกันกับบริษัทเซิ่งซื่อ”
เกาจิ่งอานกำมือถือไว้แน่น เขาอ้าปากค้าง “พี่ครับ! พี่ดีกับผมมากจริงๆ ข้อมูลที่พี่ให้ผมมันมีค่ามหาศาล พี่ครับผมรักพี่รัก พี่จัง จุ๊บๆ!”
เกาจิ่งอานดีใจจนกระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ รองเท้าArmaniสีสดใสเสียดสีกับพื้นดังเอี๊ยดอ๊าด
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ห่างออกจากหูแล้วขมวดคิ้วขึ้น “จิ่งอาน……แกอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย?”
เกาจิ่งอานครุ่นคิดสักครู่ “เอ่อ……”
พี่กำลังบอกเขาเป็นนัยๆว่าเขาไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆอย่างนั้นเหรอ มันไม่ใช่นิสัยของเขานี่นา!
ทำไมทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กับพี่ เหมือนกับว่าไอคิวของเขาจะลดลงทุกครั้งเลย นี่มันเป็นปัญหาโลกแตกชัดๆ
หลงเซียววางโทรศัพท์ลง จากนั้นมองไปที่นาฬิกาข้อมือได้เวลาประชุมพอดี ขณะที่สายตาของเขามองไปยังนาฬิกาก็เหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วนางเข้า บนแหวนนั้นมีรอย? เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกัน ณ ห้องประชุม MBK
หลงจื๋อนั่งอยู่แถวหน้าสุด เขาเผยอปากขึ้นแล้วพูดว่า “ดูเหมือนพวกคุณจะมีความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับโครงการล่าสุดของ MBK ในเมืองเจียงเฉิง ถ้าอย่างนั้นเชิญพวกคุณแสดงความเห็นออกมาเถอะครับ”
สมาชิกกรรมการอาวุโสที่สำคัญหลายๆคน กระซิบกระซาบกันอยู่ด้านล่าง
“MBK ส่งมอบโครงการให้กับบริษัทหลันเทียน มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก……”
“ความสามารถส่วนตัวของตู้หลิงเซวียนมีมาก แต่ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่คนของเรา”
“จากที่ผมดู ผมว่าบริษัทของพวกเราไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว จำเป็นที่จะต้องหาความช่วยเหลือจากด้านนอก ถ้าคุณชายใหญ่ยังอยู่ที่นี่คงจะไม่ต้องเกิดเรื่องยุ่งยากแบบนี้”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา สายตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความคลุมเครือ พวกเขามองไปยังหลงจื๋อ ทุกคนรู้สึกจากใจจริงว่าหลงจื๋อไม่ได้มีความสามารถมากนัก มีคนกระซิบกระซาบกันว่า “เรื่องเล็กๆแบบนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ พวกเราต้องเป็นกังวลแทน MBK อยู่แล้ว”
หลงจื๋อไม่ได้หูหนวก แต่วินาทีนี้เขาตัดสินใจที่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน การที่พ่อเขาขับไล่พี่ใหญ่ แต่กลับยกตนขึ้นสู่ตำแหน่งจักรพรรดิเป็นเพียงหุ่นเชิด
ประชดประชันกันชัดๆ!
“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะไม่มีข้อขัดข้องใดๆอีกนะครับ หัวข้อต่อไป ผมได้ยุติหน้าที่และตำแหน่งทั้งหมดของหลงยี่ในบริษัทแล้ว”
หลงจื๋ออธิบายออกมาอย่างคร่าวๆเกี่ยวกับประกาศเรื่องการถอดตำแหน่งหน้าที่ของหลงยี่ เขาไม่ได้อธิบายรายละเอียดใด
ทุกคนพยักหน้าและยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน พวกเขาให้ความร่วมมือกันอย่างดีและพูดเสริมเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีของหลงยี่
การประชุมจบลงโดยไม่ราบรื่นนัก
หลงจื๋อนั่งอยู่คนเดียวในห้องประชุมขนาดใหญ่อันหรูหรา
เฟอร์นิเจอร์ต่างๆถูกประดับประดาไว้มากมายคงเดิม แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตนเองช่างเหงานัก
หลงจื๋อนั่งอยู่สักพัก โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“คุณชายรอง วันนี้ฉันไม่มีเคสผ่าตัด เลิกงานแล้วมารับฉันไหมคะ?” เป็นสายจากหลินซีเหวินนั่นเอง
ความมืดมนหม่นหมองในใจของหลงเขา บัดนี้เปลี่ยนเป็นแสงอาทิตย์ส่องประกาย “แน่นอนครับ เจ้าหญิงของผม”
ลินดาเคาะประตูห้องประชุม “ท่านประธานคะประธานซุนรออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะจะไปพบเขาตอนนี้เลยไหม?”
“ซุนปิงเหวินงั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เขารออยู่สักพักแล้ว บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” ลินดาเอ่ยย้ำ
หลงจื๋อหมุนโทรศัพท์มือถือแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ “ตอนนี้ซุนปิงเหวินวิ่งขอความช่วยเหลือไปทุกหนทุกแห่ง เขาไปขอความช่วยเหลือจากทุกที่จริงๆ ไม่หัดดูตัวเองบ้างว่าตอนนี้สภาพเป็นยังไง ไม่ไป! บอกเขาว่ามายังไงให้ออกไปอย่างนั้น!”
“ท่านประธานคะ เป็นเพราะคุณชายใหญ่กับซุนปิงเหวินขัดแย้งกัน ทำให้คุณรู้สึกเกลียดเขาขนาดนี้เหรอคะ? ที่จริงแล้วฉันรู้สึกว่าท่านประธานไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ในธุรกิจการค้าก็เหมือนการสนามรบ การที่มีเพื่อนเพิ่มขึ้นดีกว่ามีศัตรูนะคะ บริษัทของซุนปิงเหวินก็ไม่ใช่จะเล็กมาก ท่านประธานจะลองคิดทบทวนดูใหม่ไหมคะ?”
ลินดาพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างเต็มที่ เธอวิเคราะห์ดูแล้วว่าซุนปิงเหวินคงจะไม่มีที่ไปจริงๆ เนื่องจากเขาเป็นคู่แข่งที่ไม่ลงรอยกันกับหลงเซียว การที่เขาหน้าด้านหน้าทนมาขอความช่วยเหลือจาก MBK นี้ คงจะตั้งใจทำความร่วมมือกับคุณชายรองแน่ๆ
โอกาสแบบนี้ไม่ควรปล่อยไปง่ายๆ
หลงจื๋อหัวเราะออกมาด้วยความเยือกเย็น เขามองดูลินดาที่ยืนท่าทางจริงใจอยู่ตรงนั้น “ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงพาแอนดี้ไป แต่ไม่พาคุณไปด้วย คุณเห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไป คุณฉลาดนะ คุณคิดเรื่องกำไรขาดทุนได้อย่างดี แต่คุณอย่าลืมว่าคนอย่างซุนปิงเหวินที่สามารถฆ่าพ่อตาของเขาได้อย่างเลือดเย็น เขาจะจงรักภักดีต่อผมอย่างนั้นหรือ?”
ลินดาก้มหน้าก้มตาแล้วพูดว่า “ฉันก็แค่คิดแทนท่านประธานเท่านั้นค่ะ ตั้งแต่ท่านเข้ามารับตำแหน่งก็ยังไม่ได้ทำผลงานอะไร ฉันไม่อยากได้ยินพวกคณะกรรมการต่อว่าลับหลังอีก”
หลงจื๋อเงียบลงทันใด มือทั้งสองข้างของเขาใส่เข้าไปในกางเกงแล้วพูดออกมาว่า “คุณจะให้ผมทำความร่วมมือกับซุนปิงเหวินเพราะเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอไม่มีทาง!”
เมื่อพูดจบเขาก็ก้าวขาเดินออกไป เหลือไว้แต่เพียงเงาที่มุ่งมั่น
ลินดาตัวสั่น เธอเอามือกุมหน้าอกแล้วหันเดินไปที่ห้องรับรอง
“ท่านประธานซุนคะ ต้องขออภัยด้วย บัดนี้ท่านประธานหลงยังมีธุระอื่นอยู่ไม่สามารถมาพบคุณได้ เชิญคุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ” ลินดาพูดอย่างอ้อมค้อม เธอไม่กล้าที่จะพูดอย่างเด็ดขาดต่อหน้าเขา
วงการธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หากทำให้เขาต้องขุ่นเคืองเกรงว่าอาจจะไม่มีผลดีต่อเธอและบริษัท
ซุนปิงเหวินนั่งรออยู่เกือบชั่วโมงแล้ว แต่เขากลับได้ยินคำตอบนี้ ในใจของเขามีไฟลุกโชนด้วยความโกรธเคือง แต่เขายังคงยิ้มอย่างสงบนิ่งและตอบว่า “ครับ ขอบคุณมากนะครับ รบกวนคุณมอบสิ่งนี้ให้กับคุณชายรองหน่อยได้ไหม?”
ลินดาลังเลแล้วตอบว่า “ท่านประธานซุนคะ ท่านประธานไม่รับของขวัญค่ะ”
ซุนปิงเหวินยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วตอบว่า “ของขวัญอื่นๆเขาอาจจะไม่รับ แต่ของขวัญนี้เขาจะต้องรับแน่นอน รบกวนด้วยนะครับ”
ลินดารับกล่องสี่เหลี่ยมสีดำขนาดประมาณ 10 เซนติเมตรเห็นจะได้ มันไม่หนักจึงเดาไม่ออกว่าข้างในคืออะไร
จากนั้นก็เดินออกไปอย่างสุภาพ ลินดาเดินเข้าไปหาหนูเจอด้วยความลังเล
“ท่านประธานคะ เขาบอกว่าคุณจะชอบของขวัญชิ้นนี้ ฉันไม่กล้าเปิดออกดู คุณลองดูสิคะ”
หลงจื๋อเบ้ปากแล้วพูดว่า “คนอย่างซุนปิงเหวินจะมีของดีๆอะไรให้ผมอย่างนั้นเหรอ ขอดูหน่อยสิ!”
เขาใช้มือข้างหนึ่งเปิดกล่องออกมาดู ด้านในมีกระดาษหนึ่งใบ หลงจื๋อหยิบกระดาษนั้นขึ้นมาแล้วพบว่ามีซีดีอยู่ด้านล่าง กล่องมีขนาดพอดีกับซีดีคล้ายกับจัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะ
บนกระดาษนั้นมีตัวหนังสือเขียนอยู่ว่า
“คุณชายรอง ของขวัญชิ้นนี้ผมคิดว่าคุณคงจะสนใจมันไม่น้อย ผมรอคำตอบของคุณอยู่”
หลงจื๋อหรือสอดนิ้วเข้าไปในรูกลมตรงกลางของแผ่นซีดี มองเห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนมาในแผ่น “ซุนปิงเหวิน!ไอ้สาระเลว คนอย่างเขามีอะไรทำให้ผมต้องรู้สึกชื่นชมกัน ผมไม่เชื่อหรอก!”
——
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ลั่วหานใช้ชีวิตไม่ต่างจากศาสตราจารย์ที่เกษียณแล้ว เธอไม่มีเคสผู้ป่วยมาครึ่งวันแล้ว หากห้อง ICU ต้องการแพทย์ พยาบาลจึงจะเดินเข้ามาเชิญเธอออกไปด้วยความเคารพ
ลั่วหานรู้สึกไม่สบายใจกับบรรยากาศแปลกๆแบบนี้เลย
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงWechatจากโทรศัพท์ของลั่วหานดังขึ้น เป็นภาพถ่ายหลายใบถูกส่งมา ด้านในเป็นของลู่ซวงซวงกับหวาเทียนทั้งสองถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกันที่มัลดีฟส์ ด้านหลังเป็นบรรยากาศภาพทะเลสีครามและท้องฟ้าสดใส แม้จะดูผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือก็คล้ายกับได้กลิ่นอันบริสุทธิ์ของอากาศที่ทะเลและท้องฟ้าจริงๆ
“ที่รักฉันสวยไหม? ที่นี่ร้อนมากเลยฉันเติมหน้ามาสามครั้งแล้ว นี่ฉันแทบจะทำหน้ากากผิวมนุษย์ได้แล้วเนี่ย!”
“ว้าวเมื่อกี้มีผู้ชายเหมือนซูเปอร์โมเดลเลย หล่อมาก”
ลั่วหานนั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ฟังดูเสียงของลู่ซวงซวงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขแล้วรู้สึกว่าตนเองถูกกระตุ้น
“ซวงซวง แฟนเธออยู่ไหนน่ะ? จับตามองเขาให้ดีอย่าให้ถูกใครฉกไปล่ะ ผู้หญิงสาวสวยโสดที่นั่นมีไม่น้อย พวกเธอเป็นนักล่ามืออาชีพเลยเชียว!”
ซวงซวงไปลากหวาเทียนมาถ่ายวิดีโอสั้นๆส่งไปให้ลั่วหาน “นางฟ้าของฉัน คุณหมอหวาถูกแดดเผาจนดำหมดแล้ว ผิวสีแทนแบบนี้หล่อกว่าเดิมไหม?”
ลั่วหานเอามือกุมคางแล้วมองดูรูปถ่ายทั้งสองคนของพวกเขา เมื่อมองดูคลื่นนั้น หัวใจของเธอคล้ายกับลอยไปที่ทะเลแล้ว “หล่อค่ะ! แต่สำหรับฉันแล้วผู้ชายของฉันหล่อที่สุดเสมอ!”
ลั่วหานรีบตัดบท ซวงซวงทำท่าถุยน้ำลายแล้วพูดว่า “ฉันแอบขโมยรูปภาพสวยๆจากกล้องของช่างภาพมาให้ดู!ฉันสวยเหมือนนางฟ้าเลยไหม?”
ติ๊ง!
บนจอมือถือปรากฏรูปเดี่ยวของลู่ซวงซวง เธอสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์มีผ้าคลุมผมยาวลงสู่พื้น ยืนอยู่บนก้อนหินถือดอกทิวลิปสีแดงน่าหลงใหลไว้ในมือ ฉากที่ท้องฟ้าสีครามบรรจบกับชายกระโปรงยาวกว่าสิบเมตรของเธอมันเป็นภาพที่สวยงามมาก หัวใจของลั่วหานก็สั่นไหว
“แม่ทูนหัวของลูกสาวฉันทำอะไรก็สวยไปหมดค่ะ อย่าถูกใครฉกไปละกัน”
ครั้งนี้ที่ลั่วหานส่งออกไป นานทีเดียวกว่าจะมีคนตอบกลับมา หวาเทียนส่งคลิปเสียงด้วยท่าทางรีบร้อนมาว่า “คุณหมอฉู่ครับ ซวงซวงไปเปลี่ยนชุดแล้ว วางใจได้ผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุดไม่ให้ใครมาแย่งไป!”
อืม……เขากลัวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
ลั่วหานทำการบันทึกรูปภาพอันงดงามที่ลู่ซวงซวงส่งมา เมื่อคิดดูแล้วเธอก็ตัดสินใจส่งมันเข้าไปในโพสต์ของตนเอง
ลู่ซวงซวงชอบบ่นเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนของเธอว่าไม่มีใครโพสต์โมเมนต์น่าสนใจเลย ตอนนี้เธอจะไปโพสต์สักหน่อย
“สุดที่รักของฉัน วันนี้คุณสวยมาก คุณจะต้องมีความสุขตลอดไป!”
หลังจากโพสต์เรียบร้อยแล้ว ลั่วหานก็เดินออกตรวจผู้ป่วยอย่างมีความสุข
เมื่อตรวจเสร็จแล้ว ลั่วหานก็ตั้งใจจะเดินไปคุยกับส้งชิงเซวี๋ยน แต่พอเธอเดินไปถึงหน้าห้องทำงานของเขา ก็ได้ยินเสียงเขาคุยโทรศัพท์อยู่ ลั่วหานจึงไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะ แต่กลับรอเขาอยู่ด้านนอก
“ผมเดาว่าที่คุณเดินทางไปลอนดอนเพราะยังไม่ลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?มีอะไรคืบหน้าบ้างหรือเปล่า?”
ลั่วหานตกตะลึง คุณลุงส้งคุยโทรศัพท์กับแม่เธอเหรอ?
แม่เพิ่งเดินทางไปลอนดอน หลังจากที่รายงานว่าถึงที่นั่นแล้วก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรสำคัญมาอีก
“ผ่านไปตั้ง 30 ปีแล้ว จะไปตามหาเพียงคนคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่าทำให้ตัวเองลำบากเลย”
ตามหาคนอย่างนั้นเหรอ? แม่ไปลอนดอนเพื่อตามหาใครกัน?
ส้งชิงเซวี๋ยนหยุดพูดไปชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยออกมาว่า “ฆ่ากันไปมา สุดท้ายแล้วก็มีแต่คนบาดเจ็บ อย่าได้ให้มีใครต้องตายอีกเลย”
ตายอย่างนั้นเหรอ? เมื่อลั่วหานได้ยินคำนี้สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“แม้ว่าอาเสิ่งจะเป็นฝ่ายผิด แต่เขาก็ได้ชดใช้ความผิดนั้นไปแล้ว แก้แค้นกันไปมาสุดท้ายแล้วใครก็ไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้”
อาเสิ่งเป็นใครกัน?
ลั่วหานคิดว่าเธอจะได้ยินอะไรมากกว่านี้ แต่โทรศัพท์ก็ถูกวางสายลงเสียแล้ว
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่รู้ว่าเดินออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเอามือลูบไปที่ลั่วหานแล้วยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร “เสี่ยวลั่วลั่ว ฝึกวิชาแอบฟังมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ดีสำหรับเด็กในท้องนะ?”
ลั่วหานยักไหล่ของเธอและอธิบายอย่างไร้เดียงสาว่า “ใช่เหรอคะ?ฉันแค่บังเอิญเดินผ่านมาและคุณไม่ได้ปิดประตู และบังเอิญว่าเสียงมันดัง ช่างบังเอิญเหมาะสมพอดี!”
ส้งชิงเซวี๋ยนพยักหน้าและลูบหัวของเธอ “จ้า แม่คนมีเหตุผล เข้ามาเถอะในเมื่อได้ยินแล้วก็ไม่อยากจะปิดบังเธออีก”
——
ณ ห้องทำงานของประธานบริษัทฉู่ซื่อ
เงาของหลงเซียวอันสูงใหญ่ยืนอยู่ที่หน้าต่าง กระทบมาที่พื้นทำให้รู้สึกว่าเขาสูงกว่าเดิม
“คุณฟางครับ บทบาทของคนดูจะเล็กกว่าที่ผมคิดไว้มาก”
ฟางหลิงหยู้แก้ตัวด้วยคำพูดที่เป็นกังวลว่า “ครั้งก่อนฉันก็บอกไปแล้ว ฉันบอกราคาต่ำสุดของคุณให้กับเสิ่นเหลียวฟัง หลังจากที่ข่าวอื้อฉาวของเขาออกมา ข้อมูลที่ฉันให้ไปก็ไร้ค่า”
หลงเซียวหน้าบึ้งตึงไม่มีอารมณ์ใดๆ “แตกต่างกันหรือ?”
“หลงเซียวคะ ให้โอกาสฉันอีกครั้งหนึ่งนะ ฉันจะต้องช่วยคุณแน่ๆ ตอนนี้เสิ่นเหลียวเชื่อใจฉัน คำพูดของฉันเขายอมฟังแน่นอน” ฟางหลิงหยู้จิกนิ้วลงไปที่โซฟา นิ้วมือประดับคริสทัลสวยงามของเธอฝังเข้าไปด้านในจนเล็บของเธอแทบจะหัก
หลงเซียวพูดอย่างผิดหวังว่า “ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้งก็ได้ แต่คุณจะคว้ามันไว้ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณเอง”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีที่สุด ฉันจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง!”
ในที่สุดสีหน้าของฟางหลิงหยู้ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เธอตั้งใจฟังคำแนะนำของหลงเซียวอย่างละเอียดโดยไม่ตกบกพร่องแม้แต่คำเดียว
“จำได้หรือยัง?” เสียงของหลงเซียวช่างเย็นชา ทำให้บรรยากาศโดยรอบราวกับน้ำแข็ง
“จำได้แล้วค่ะ ฉันจำได้แล้ว จำได้ทุกคำพูดเลย” ฟางหลิงหยู้เกือบจะท่องประโยคเมื่อสักครู่ออกมาเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เขาฟังแล้ว
ก๊อกๆๆ!
โทรศัพท์ถูกวางสายลง ประตูของห้องทำงานก็ถูกเคาะขึ้น หลงเซียวหันกลับมาพูดว่าเข้ามาได้
“พี่ครับ ผมเอง!”
หลงจื๋อที่เดินเข้ามา ท่าทางเขารีบร้อน เหงื่อไหลซึมบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่เขาวิ่งมาด้วยความรวดเร็ว ผมเผ้าที่เดิมทีถูกจัดแต่งเอาไว้ก็กระจัดกระจายออกมาด้วยแรงลม มองไปแล้วรู้สึกน่าสงสาร
หลงเซียวมองดูท่าทางของเขาแล้วชี้ไปที่โซฟาพูดว่า “เรื่องอะไรกันทำให้รีบร้อนขนาดนี้?”
หลงจื๋อกลืนน้ำลายลงไปแล้วสายตาเหลือบไปเห็นกาแฟวางอยู่บนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมาหวังจะดื่มลงไป แต่นึกขึ้นได้ว่าพี่ชายของเขาดื่มกาแฟรสขม เขาจึงได้อดทนไว้
“พี่ครับวันนี้ซุนปิงเหวินมาหาผม” หลงจื๋อพูดด้วยน้ำเสียงแห้งแล้วนั่งลงไปที่เก้าอี้
โชคดีที่แอนดี้รู้หน้าที่ของตัวเองดี เธอถือน้ำแก้วใหญ่เดินเข้ามาแล้วยิ้มให้เขา
หลงจื๋อพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับ!”
เขาดื่มน้ำเข้าไปสามอึกใหญ่ๆ น้ำเต็มแก้วใบใหญ่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง “พี่ครับ คนของพี่รู้วิธีการทำงานดีจริงๆ! เฮ้อ……หลงจื๋อได้แต่อิจฉา
หลงเซียวขยับขาเรียวของเขาเข้ามาพิงพนักโซฟา “เรื่องอะไรกัน?ทำไมซุนปิงเหวินถึงไปหาแก อยากจะทำความร่วมมือแล้วมาจัดการฉันสินะ?”
หลงจื๋อดื่มน้ำเข้าไปอีกอึกหนึ่ง “พี่ครับ พี่ดูดวงเป็นอย่างนั้นเหรอ?”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ลองพูดมาซิ”
“ถูกต้องแล้วครับ เขามาหาผมก็เพราะต้องการที่จะหลอกใช้ผม……แล้วก็เขา……” หลงจื๋อรีบพูดขึ้น “แล้วก็เขาให้ซีดีผมมาแผ่นหนึ่ง ผมเปิดดูข้างในแล้ว ซุนปิงเหวินทำการบ้านมาได้ดีทีเดียว”
หลงเซียวพยักหน้า จากนั้นเปิดดูแผ่นซีดี ภาพถูกถ่ายไปบนหน้าจอขนาดใหญ่ที่กำแพง
ในภาพนั้นเป็นภาพเงาคลุมเครือ เหมือนถ่ายจากหน้าต่างอีกฝั่งหนึ่ง มองไม่เห็นหน้าชัดเจน แต่สามารถได้ยินเสียงซึ่งไม่ได้ถูกใช้โปรแกรมดัดแปลง
ผู้ชายทางด้านซ้ายพูดขึ้นว่า “นี่คือเงินก้อนสุดท้าย หลังจากจัดการธุระเสร็จก็สามารถวางมือจากเรื่องนี้ได้ ต่อจากนี้ผมจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคุณอีก”
หลงจื๋อกดไปที่ปุ่มหยุด “พี่ฟังออกไหมว่านี่คือเสียงใคร?”
“พ่อของแก”
หลงจื๋อกระอึกกระอัก “ครับ พ่อผม”
หลังจากนั้นเขาก็กดปุ่มเพื่อเล่นต่อ ผู้ชายทางด้านขวาพูดขึ้นว่า “ยังไงเสียก็เคยเป็นพ่อลูกกันมาก่อน คุณทำแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า?”
หลงจื๋อกดหยุดอีกครั้งหนึ่ง เขามองมาทางพี่ชายแล้วถามว่า “คนนี้ล่ะ?”
หลงเซียวมองไปที่หลงจื๋อแล้วตอบว่า “ไม่รู้”
ว้า! หลงจื๋อผิดหวังจริงๆ
“พี่ไม่รู้ได้ยังไงเนี่ย? ผมคิดว่าพี่จะรู้ไปซะทุกอย่างเสียอีก” หลังจากที่หลงจื๋อพูดจบก็หัวเราะเหอะๆแล้วพูดว่า “ผมพูดเล่นนะครับ เรามาฟังกันต่อเถอะ”
หลงถิงพูดว่า “วงการธุรกิจไม่มีคำว่าพ่อลูก ถ้าผมไม่ตายเขาก็ตาย คุณทำเรื่องของคุณให้ดีเถอะ อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องรู้”
ชายแปลกหน้าคนนั้นยิ้มออกมา ควันบุหรี่ที่เขาสูบเข้าไปลอยฟุ้ง “ตกลงครับ ผมรับเงินคุณมาแล้วก็จะทำหน้าที่ให้ดีข้อนี้ผมเข้าใจ”
ภาพทุกอย่างถูกตัดลง
ทั้งหมดไม่ถึง 1 นาที
หลังจากวิดีโอเล่นจบแล้ว หลงเซียวก็ถามขึ้นว่า “เอาเรื่องที่พ่อพยายามจะจัดการฉันมาให้ฉันดูเพื่ออะไรกัน?”
หลงจื๋อพูดอย่างสงบนิ่งว่า “พี่ครับในมือของซุนปิงเหวินมีสิ่งนี้อยู่ เขาต้องการให้ผมเห็นว่าพ่อตั้งใจจะขยี้พี่ จากนั้นล่อลวงให้ผมร่วมมือกับเขาช่างหน้าด้านจริงๆ”
“ผมแค่อยากจะเตือนพี่ว่า พ่อผมไม่ชอบพี่มานานแล้ว คิดว่าเขาคงจะไม่อยากทนอีกต่อไป ยิ่งพี่ทำทุกอย่างราบรื่นมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่พอใจและจะลงมือกับพี่ในไม่ช้าก็เร็ว แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะลงมืออย่างไร”
หลงเซียวพยักหน้าแล้ววางแขนลงที่โซฟา “ทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินการเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถโต้ตอบกลับได้ ฉันพอจะเดาออกแล้วและจะเตรียมรับมือให้ดี ขอบใจที่มาเตือนนะเสี่ยวจื๋อ แกทำผิดกฎอีกแล้ว!”
“พี่ครับ พี่ไม่คิดถึงตัวเองก็ไม่เป็นไรแต่พี่ก็ต้องคิดถึงพี่สะใภ้ด้วย ถ้าพ่อทำอะไรกับพี่สะใภ้เข้าล่ะ?” หลงจื๋อพูดด้วยท่าทางจงรักภักดีเขาไม่เหมือนกับศัตรูเลย
หลงเซียวตบลงที่บ่าเขาแล้วพูดว่า “เสี่ยวจื๋อ อย่าลืมไปสิว่าพวกเราคือคู่ต่อสู้กัน คู่ต่อสู้เข้าใจไหม?”
“ผมไม่รู้ ผมไม่สนใจ สมองผมก็เป็นแบบนี้ ผมจะสนับสนุนพี่ ถ้าพ่อกล้าทำร้ายพี่ ผมก็จะไม่จบกับเขาง่ายๆแน่!” หลงจื๋อพูดออกมาอย่างแน่วแน่ เขายืนอยู่ข้างความยุติธรรมเสมอ
หลงเซียว “……”
เหอะๆ
เมื่อทั้งสองคนเงียบเสียงลง โทรศัพท์ของหลงเซียวก็ดังขึ้น
เขาทำการปลดล็อกหน้าจอจากนั้นก็ปรากฏรูปภาพและข้อความบรรทัดหนึ่ง
หลงจื๋อเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขายื่นหน้าเข้ามาดูและเห็นภาพด้านใน “พระเจ้า! พี่สะใภ้ของผมเขียนโพสต์เหรอเนี่ย? เธอโพสต์รูปแต่งงานของพี่สาวโลลิ!”
เดี๋ยวนะ?
หลงจื๋อเบิกตากว้าง “พี่ครับ จากที่ผมรู้มาในWeChatไม่มีฟังชั่นการแจ้งเตือนนี้นี่ พี่ไม่ใช่ว่าต้องการจะรู้ถึงความเคลื่อนไหวของพี่สะใภ้เป็นคนแรก จึงได้ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินใช่ไหม?”
ยังไม่ทันจะพูดจบเสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในคราวนี้เป็นWeiboของลั่วหานขึ้นมา
เป็นเนื้อหาเดียวกัน
หลงจื๋อเงยหน้ามองฟ้า “นี่พี่บ้าไปแล้วหรือไง พวกพี่แต่งงานกันมาเจ็ดปีแล้วจริงหรือเปล่า?ทำไมผมรู้สึกว่าพี่เพิ่งจะจีบกันเท่านั้นเอง?”
ขณะที่หลงจื๋อกำลังตกใจจนหัวใจแทบจะวาย ตาของเขาก็เหมือนจะมืดบอด
หลงเซียวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโพสต์ของลั่วหานเมื่อสักครู่
“ที่รักของคุณอยู่นี่ต่างหาก”
เมื่อเขาแสดงความคิดเห็นใน WeChat เสร็จแล้วก็เข้าไปในWeiboอีกครั้ง
“ครับ ผมได้ยินแล้ว”
ให้ตายสิ เขาเห็นใครในสายตาบ้างเนี่ย