ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 748
ตอนที่ 748 มาท่ามกลางกลีบกุหลาบ
น่ากลัวจริงๆ เมื่อสักครู่ที่เธอเรียกอากวางว่าพี่กวางก็ว่าจะอ้วกแล้ว แต่ตอนนี้คำว่าที่รักที่ออกมาจากปากของเธอมันน่าสะอิดสะเอียนมากกว่า!
โจวโร่หลินพ่นน้ำออกมาดึงดูดสายตาของใครหลายๆคน พวกเขาคงคิดว่าโจวโร่หลินถูกกระตุ้นให้รู้สึกเสียใจ อกหัก ชอกช้ำ?
ถ้าเป็นอย่างนี้ในใจของเธออาจจะยังไม่ลืมอากวาง และยังจำฝังลึกไว้ตลอดเวลา
โจวโร่หลินรีบหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดปากแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ พอดีฉันสำลัก!”
อากวางโอบเข้าที่เอวของเหอหมิ่นด้วยมือข้างเดียวของเขาแล้วถามขึ้นว่า “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ตอนนี้ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปจากเมื่อสักครู่มาก
โจวโร่หลินโบกมืออย่างสง่าแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไร”
ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จับจ้องมาที่พวกเขาทั้งสามคน
อากวางตักกับข้าวให้กับแฟนใหม่ของเขา
อากวางรินน้ำให้กับแฟนใหม่ของเขา
อากวางตักปลาให้กับแฟนใหม่ของเขา
แฟนใหม่ของอากวางคีบเนื้อและป้อนเข้าไปในปากของเขาเหมือนกับกำลังป้อนเด็กๆ “อ้า……”
พระเจ้า!
ให้ตายสิ!!
แววตาของอากวางมองมาทางโจวโร่หลิน เขาอ้าปากและกินมันลงไปอย่าง่ายว่างๆ
เหอะๆ!
เหอหมิ่นยิ้มแล้วถามขึ้นว่า “อร่อยไหมคะ?”
อากวางพยักหน้าตอบว่า “อร่อยครับ อร่อยมากๆ!”
ทุกคน “……”
พวกเขาสวีทกันเกินไปแล้ว ไม่เห็นคนโสดในสายตา!
เหอหมิ่นเป็นคนรู้งานดี เมื่อเห็นว่าเคล็ดลับนี้ได้ผล เธอก็ป้อนมะเขือ ปลาหมึก และหน่อไม้ฝรั่ง……
ดูรู้ว่าโจวโร่หลินที่สงบในตอนแรก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธออึดอัดใจจริงๆ เนื่องจากเธอยังคิดถึงความรู้สึกของรักแรกที่มีต่ออากวางและยังไม่อาจจะลืมมันได้
เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าอากวางจะทำแบบนี้ต่อหน้าเธอ เขานั่งอยู่ข้างๆเธอแล้วหยิบมีดแทงมากลางใจของเธอโดยไม่ไว้หน้ากัน!
เกาจิ่งอานที่นั่งอยู่ห้องข้างๆมองเห็นภาพนี้ก็ด่าเขาออกมา “ไอ้บ้าเอ๊ย บัดซบจริงๆ!”
เขาทนไม่ไหวแล้วและจะไม่ทนอีกต่อไป
เกาจิ่งอานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออก
“ปฏิบัติการได้ อย่าลืมสิ่งที่ผมกำชับ!”
หลังจากวางสายลง เกาจิ่งอานก็คอยดูสถานการณ์อีกฝั่งหนึ่ง ดีนะที่เขาซ่อนเครื่องดักฟังไว้ในชุดของโจวโร่หลินแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าเธอต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้
ไอ้อากวางใช่ไหม ฉันจะจัดการกับแกแน่
ดวงตาของโจวโร่หลินมีน้ำตาซึมออกมา เธอก้มหน้าก้มตากินอาหารพยายามไม่สนใจทั้งสองคน
ที่ด้านนอกประตู บริกรคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ในมือ เขาเดินเข้าไปแล้วมองซ้ายมองขวา
หมิงเม้ยวางตะเกียบลงที่จานแล้วพูดว่า “อากวาง พวกคุณต้องแสดงความรักกันขนาดนี้เลยหรือ?”
เหอหมิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะคะที่รัก เมื่อพูดจบเธอก็ไม่สนใจคนรอบข้างและจูบไปที่เขา”
อื้อ……หือ!
เธอไม่ให้โอกาสอากวางอธิบายอะไร เหอหมิ่นลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะ!”
บริการคนนั้นยืนขึ้นแล้วถามว่า “คุณคือคุณโจวใช่ไหม?”
มือของเหอหมิ่นที่ยื่นออกไปชะงักลงกลางอากาศ เธอหันกลับมามองโจวโร่หลินด้วยสายตาอาฆาตแค้น
โจวโร่หลินงุนงงมาก “ให้ฉันเหรอคะ?”
“ใช่ครับ คุณโจวนี่คือดอกไม้ของคุณ” โจวโร่หลินมองดูดอกกุหลาบสีแดงสดช่องนั้นที่ผลิบานอย่างสง่างาม เธองงมาก
หมิงเม้ยปรบมือขึ้นแล้วพูดว่า “โร่หลิน มีคนมาจีบเธอเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย”
โจวโร่หลินรับดอกกุหลาบนั้นไป เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าเป็นของใคร”
“แหมช่างมันเถอะน่าว่าใครจะให้ ดอกกุหลาบช่อนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ละดอกเป็นดอกที่นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส ดูจากสีสันแล้วน่าจะเป็นดอกไม้ชั้นหรู คนที่จีบเธอต้องเป็นมหาเศรษฐีแน่ๆเลย รสนิยมก็ดี นี่โร่หลิน บอกลากับใบไม้บนต้นไม้และได้รับทั้งป่ามาครอบครองช่างดีจริงๆ”
หมิงเม้ยตั้งใจที่จะเปรียบเทียบออกมา ในแต่ละคำนั้นเธอกำลังเหยียดหยามอากวางอยู่
เหอหมิ่นจึงได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของโจวโร่หลินกับอากวาง เธอรู้สึกโมโหมากและอยากจะเหยียบโจวโร่หลินให้จมดิน
เหอหมิ่นดึงแขนเสื้อของอากวางแล้วพูดว่า “ที่รักคะ……”
อากวางเหมือนจะเข้าใจคำที่ออกมาจากปากเธอทั้งสามคำนั้น เขาจึงได้ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “สักครู่ครับ”
เมื่อพูดจบอากวางก็เรียกบริการเข้ามาแล้วพูดว่า “เสิร์ฟของหวานได้แล้ว”
ด้านของโจวโร่หลินเมื่อเธอได้รับดอกไม้มาเยียวยาจิตใจก็รู้สึกดีขึ้นมาก ว่าแต่ใครกันนะที่ส่งมันมาให้?
ขนมหวานแสนสวยงามวางขึ้นบนโต๊ะ ขนมรูปหัวใจขนาดเล็กบนจานโบไชน่า ที่มีชีสเป็นฐานและมีเฮเซลนัทและทรัฟเฟิลสีขาวประดับตกแต่ง
“ผมตั้งใจจะสั่งทำให้คุณเป็นพิเศษชอบไหมครับ?” อากวางยื่นมือไปลูบผมยาวสลวยของเหอหมิ่น
“ค่ะ ทั้งรูปทรงและวัตถุดิบ ฉันชอบทุกอย่างเลย”
หมิงเม้ยเอามือกุมหน้าผาก เขาคงไม่ได้ซ่อนแหวนไว้ในนั้นใช่ไหม หวังว่าเขาคงไม่เอาไม้เดิมๆแบบนี้มาใช้นะ
แต่แล้วเซอร์ไพรส์ของอากวาง ที่ดูเชยๆก็ปรากฏขึ้น
ด้านในขนมหวานมีแหวนเพชรสองกะรัตปรากฏออกมา
“โอ้โห!สวยมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่รัก ฉันชอบมาก” เหอหมิ่นแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอากวาง เขาสองคนแสดงความรักกันโดยไม่เห็นคนอื่นในสายตา
โจวโร่หลินกอดช่อกุหลาบไว้แน่น เธอขยับเก้าอี้ออกไปแล้วพูดว่า “ฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะ”
หมิงเม้ยมองดูเธออย่างไม่สบายใจแล้วพูดว่า “โร่หลิน……”
โจวโร่หลินยิ้มแล้วตอบมาว่า “ฉันแค่ไปฉี่น่ะ!”
คนอื่นๆ “……”
ภาพและเสียงไม่เหมือนกันเท่าไหร่
เหอหมิ่นสวมแหวนเข้าที่นิ้วของเธอ จากนั้นเอื้อมมือไปจับที่แก้มอากวางและจูบเขา
จังหวะนี้บังเอิญกับที่โจวโร่หลินเดินไปยังประตูแล้วหันหลังกลับมาเห็นพอดี
ความรู้สึกเจ็บปวดนี้ช่างเหมือนมีดที่เสียบเข้ามาในหัวใจของเธอ
เมื่อครั้งก่อนเธอเคยเป็นลมล้มพับไปที่ถนนคนเดิน ในครั้งนี้เธอจะต้องไปเป็นลมที่ห้องน้ำด้วยหรือเปล่า?
เห็นยืนอยู่ด้านหน้าอ่างล้างมือ เธอหลับตาลงและกลืนน้ำลายด้วยความขมขื่น
ต่อให้เธอแต่งตัวสวยขนาดไหนแล้วยังไงล่ะ? ต่อให้เธอสวมเครื่องประดับราคาแพงแล้วยังไงกัน? อยู่ต่อหน้าคู่รักแสนหวานสองคนนั้น แต่เธอเพียงคนเดียวจะต่อต้านความหวานอันร้อนแรงที่พวกเขาแสดงกันออกมาต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร?
ดวงตาของโจวโร่หลินเป็นสีแดง น้ำตากำลังไหลลงมา
“อ้าว! ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่นะคะโจวโร่หลิน” เหอหมิ่นไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือของเหอหมิ่นสวมแหวนวงนั้นไว้ที่นิ้วกลางส่องกระทบกับแสงไฟเป็นประกาย
เหอหมิ่นยิ้มอย่างเยาะเย้ยเธอมองไปทางโจวโร่หลินอย่างดูถูก
โจวโร่หลินล้างมือแล้วถามว่า “คุณไม่กลับไปสวีทกับแฟนคุณต่อล่ะ?มารบกวนกันที่นี่ทำไม?”
เหอหมิ่นหัวเราะเยาะ “โจวโร่หลินอย่าคิดว่าฉันมองไม่ออกนะคะ คุณยังตัดใจจากอากวางไม่ได้ ในตอนนั้นที่เขาเลิกกับคุณแล้วมาคบกับฉัน คุณคงไม่พอใจใช่ไหมล่ะ?”
ตอนนั้นอย่างนั้นเหรอ?เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเหอหมิ่นผู้หญิงคนนี้อยู่ในชีวิตอากวาง
มันช่างน่าขำจริงๆ!เขาบอกเลิกกับเธอเพราะมีคนอื่น……ฮ่าๆๆ!ออกไปต่างประเทศอย่างนั้นเหรอ? รักข้ามประเทศไม่ยั่งยืนอย่างนั้นเหรอ? การงานเหรอ? ทุกอย่างมันเป็นเรื่องหลอกลวง!!!
เหอหมิ่นพูดต่อไปว่า “ฉันและอากวางทำงานอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ อ้อ พวกเราทำงานอยู่ที่บริษัทของคุณพ่อฉันน่ะ เขาไม่ได้บอกเธอใช่ไหมว่าครั้งนี้ที่เขากลับมาก็เพราะว่าจะกลับมาจัดการเรื่องสาขาของบริษัทคุณพ่อที่ประเทศจีน พวกเราว่าจะจัดงานหมั้นหมายกันในเดือนหน้า”
โจวโร่หลินฟังคำพูดของเธอทีละคำละคำจนจบ เธอไม่รู้ว่ามือของเธอถูกน้ำที่ก๊อกน้ำไหลลงมารดมือเป็นเวลานานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มือทั้งสองข้างของเธอเย็นไปหมดแล้ว
“ดังนั้น การที่คุณมาบอกฉัน หมายความว่าอากวางเห็นแก่เงินของพ่อคุณแต่ไม่ใช่คุณอย่างนั้นสินะคะยินดีด้วย!”
“อย่าทำเป็นอวดเก่งไป! คนที่เจ็บปวดไม่ใช่ฉันแต่เป็นคุณต่างหาก สำหรับฉันแล้วไม่ว่าอากวางจะหวังสิ่งใดก็ไม่สำคัญ ขอเพียงแค่พวกเราอยู่ด้วยกันก็พอ”
หึๆๆๆ!
โจวโร่หลินไม่รู้จะพูดอะไรออกไปหักล้างกับเธอ เธอจะไปพูดเพื่ออะไรกัน?
เหอหมิ่นเดินออกไป โจวโร่หลินสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอยังเจ็บปวดหัวใจเหลือเกินจะทำอย่างไรดี?
เธอยังอยากจะร้องมันออกมาทำยังไงดี?
เธอตัดสินใจเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่เธอก็ทนไม่ได้อีกต่อไป โจวโร่หลินเดินไปยังทางเดินแล้วร้องไห้ออกมา
เธอเข้มแข็ง เธอพยายาม เธอเชื่อเขาอย่างสุดหัวใจ!แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นเรื่องตลกโกหกทั้งเพ
“โร่หลิน”
อ้อมกอดของใครบางคนตรงเข้ามาแล้วกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
อากวาง!
“ไปซะ!”
อากวางกอดเธอไว้แน่นกว่าเดิม “โร่หลิน คุณฟังผมอธิบายนะ ผมกับเขาไม่ใช่อย่างที่คุณเห็น ที่จริงแล้วคุณไม่เข้าใจเลย ผมรักคุณมาก รักคุณจริงๆแต่ว่าการงานของผม……”
“อากวาง คุณไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนบ้างเหรอ?”โจวโร่หลินเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงเข้มของเธอมองไปที่เขา
สะอิดสะเอียน?
โจวโร่หลินชี้ไปที่ทรวงอกของเขาแล้วพูดว่า “จะอ้วก”
“คุณ……”
“ไม่ใช่ฉันเป็นคุณต่างหาก!” โจวโร่หลินเบ้ปากแล้วหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น
สีหน้าของอากวางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “โร่หลิน ตอนนี้คุณยังโกรธผมอยู่ผมเข้าใจได้ คุณให้เวลาผมสักหน่อยได้ไหม? เมื่อไหร่ที่ผมโอนบริษัทมาไว้เป็นชื่อของผมแล้วผมจะไปหาคุณ”
“ฝันไปเถอะคุณ ตอนที่คุณสั่งให้ฉันไสหัวออกไปจากชีวิตฉันก็ไปแล้ว แล้วคุณกลับมาหาฉันทำไม? คุณคิดว่าฉันเป็นลูกบอลแล้วจะกลิ้งกลับมาหาคุณได้อย่างนั้นเหรอ?” โจวโร่หลินดึงคอเสื้อของเขาแล้วพูดอย่างช้าๆ
“อากวางคุณมองให้ดีนะ ผู้ชายของฉันเก่งกว่าคุณเป็นร้อยเป็นหมื่นเท่า!”
อากวางตกตะลึงแล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าเสื้อผ้าของคุณมันแพงมาก คุณซื้อมันเองไม่ใช่เหรอ?”
โจวโร่หลินหัวเราะออกมา “ฉันอย่างนั้นเหรอ?ฉันมีผู้ชายที่รักฉันและคอยดูแล ฉันจำเป็นต้องซื้อมันเองอย่างนั้นเหรอ? ผู้ชายของฉันเพียงแค่เอ่ยปากมาก็สามารถกลืนกินบริษัทคุณได้ คุณเชื่อไหม?”
“โจวโร่หลิน แกมันหน้าด้านมาก ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เหอหมิ่นวิ่งตรงเข้ามาแล้วดึงเสื้อผ้าของเธอเสียจนขาด
“ยังไม่เลิกตอแยกับผู้ชายของฉันใช่ไหม? นางสาระเลว!” เหอหมิ่นแยกอากวางและโจวโร่หลินออกจากกันแล้วยืนประกาศตัวตนท่ามกลางทั้งสองคน ทำให้ใครที่พบเห็นฉากนี้เข้าล้วนคิดว่าโจวโร่หลินเป็นมือที่สาม
“โจวโร่หลิน ฉันนึกออกแล้ว ฉันก็ว่าเธอเป็นใครกันนะ ถึงได้คุ้นหน้าขนาดนี้ เธอมันคนที่อยากจะไต่เต้าประธานเกาบริษัทอึนเคอสินะ! หน้าด้านหน้าทนจริงๆ อากวางคุณไม่ได้ดูข่าวอย่างนั้นเหรอ?มือที่สามระหว่างเกาจิ่งอานกับหมี่น่าก็คือแฟนเก่าของคุณไง เธอมันเป็นมืออาชีพ!”
แววตาของอากวางเปลี่ยนไปทันที “โร่หลิน คุณทำเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง?”
โจวโร่หลินหันมาหัวเราะแล้วเงยหน้าขึ้น ที่เธอเงยหน้าขึ้นเพราะไม่อยากให้น้ำตาไหลลงมา อีกทั้งไม่อยากให้พวกเขาเห็นขีดจำกัดของเธอ
เธอไม่อยากจะอธิบายอะไรมากกว่านี้ ในตอนนี้ไม้หน้าสามที่เธอหยิบยกมาป้องกันหมาเอาไว้ก็คือเกาจิ่งอาน แต่กลับถูกเปิดโปงออกมาแล้ว อีกทั้งเธอกลายเป็นมือที่สามไปในทันควัน
คำพูดที่เธอเตรียมไว้จะโต้ตอบออกไปเมื่อสักครู่ทำได้เพียงกลืนมันลงไป
โจวโร่หลินมองไปทางอากวางแล้วยิ้ม เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
หลังกลับมาที่โต๊ะอาหาร อารมณ์ของโจวโร่หลินตอนนี้ไม่อาจรักษาได้ด้วยดอกกุหลาบเพียงช่อเดียว เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วพูดว่า “หมิงเม้ยฉันกลับก่อนนะ พวกเธอสนุกต่อแล้วกัน”
เหอหมิ่นเดินไปขวางทางเอาไว้ด้วยท่าทางหยิ่งยโสแล้วพูดว่า “ทุกคนคะ คาดว่าทุกคนคงยังไม่รู้สินะ วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างบนเรือนร่างของเธอล้วนมาจากการเป็นมือที่สามทั้งนั้น ชุดราคา 6-7 หมื่นหยวนพวกคุณคิดว่าพนักงานธรรมดาๆคนหนึ่งจะมีปัญญาซื้อเหรอ?”
เธอเปิดมือถือขึ้นแล้วชี้ไปยังรูปในข่าว “เธอคือมือที่สามที่เข้าไปแทรกกลางระหว่างเกาจิ่งอานและหมี่น่ายังไงล่ะ!”
เป็นไปได้ยังไง?!
หมิงเม้ย เองก็มองไปยังโจวโร่หลินด้วยสายตาสงสัย เธอไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เธอคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องที่นักข่าวเขียนขึ้น ถึงไม่มีใครเอ่ยถาม แต่จากสายตาของโจวโร่หลินเมื่อสักครู่ทำให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดไป
โจวโร่หลินยิ้มแล้วถามว่า “หมิงเม้ยเธอเชื่อฉันหรือเปล่า?”
“เชื่อสิ!ฉันเชื่อ!”
คนอื่นๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วค้นหาข่าวอย่างรวดเร็ว มีคนเข้ามา comment อีกมากมายเป็นเรื่องเป็นราวปะติดปะต่อกัน
โจวโร่หลินยืนงงท่ามกลางผู้คนทั้งหลาย คล้ายกับนักโทษที่เดินขึ้นไปบนลานประหาร สายตาของทุกคนบ่งบอกถึงทุกอย่าง
ทั้งหลายเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยของเธอ
มันช่างไร้เรี่ยวแรงจริงๆ
เหอหมิ่นคว้าแขนของอากวางเอาไว้แล้วพูดว่า “เมื่อกี้เธอยังพยายามที่จะแย่งอากวางไป เธอเข้ามากอดอากวางของฉัน ฉันก็แค่อยากจะบอกกับทุกคนว่า อย่าถูกเธอหลอกเอาเข้าล่ะ!”
สายตาของทุกคนมองมาที่เธอเปลี่ยนไปทันที แฝงไปด้วยความสงสัย
โจวโร่หลินกำกระเป๋าเอาไว้แน่น อืม……ต่อให้เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมก็เจ็บเหมือนกัน
เสียงไวโอลินดังไพเราะเข้ามาจากภายนอก เพลงคลาสสิคกำลังเริ่มขึ้นชื่อว่า “To Alice” เสียงดนตรีดังขึ้น ทางเดินก็เปิดออกอัตโนมัติ
ตรงกลางมีนักดนตรีในชุดทักซิโด้สีดำกำลังบรรเลงเพลงอย่างได้อารมณ์ สิ่งที่ตามหลังเขามานั้นคือเค้ก 6 ชั้น ด้านล่างประกอบไปด้วยดอกกุหลาบ
บริการเดินเข็นรถเค้กเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นพนักงานเสิร์ฟสิบคนที่ถืออาหารไว้ในมือก็ยืนเรียงรายเป็นสองแถว
จากนั้นผู้ที่บรรเลงไวโอลินก็เดินมาข้างๆโจวโร่หลิน เขาเดินไปรอบๆเธอและบรรเลงโน้ตเพลงเสียงสูงอย่างสง่างาม
สีหน้าของทุกคนประหลาดใจเหอหมิ่นมองไปที่อากวางอีกครั้ง
แต่แววตาของอากวางยิ่งสับสนกว่า!
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งในชุดเจ้าหญิงวิ่งเข้ามาจับมือโจวโร่หลินและดึงเธอออกมาราวกับนางฟ้าที่พาเธอบินออกไป
โจวโร่หลินทำตามไปอย่างไม่รู้ตัว
เธอเดินออกมาจากห้องนั้น
ทันใดนั้นก็พบว่า ด้านหน้าของร้านอาหารหรงเหยียนไฟถูกปิดลง มีเพียงแสงสปอตไลท์ที่ส่องลงมา ราวกับน้ำตกสีเงินที่ตกลงมาจากฟ้าไหลมายังเธอ
แสงไฟเชื่อมตรงไปยังแสงไฟอีกฝั่งหนึ่ง
ในมือของเกาจิ่งอานถือดอกกุหลาบที่กำลังจะแย้มบานเอาไว้ เขายืนอยู่ที่บันได มีกลีบกุหลาบร่วงลงมาคล้ายกับสายฝนท่ามกลางจังหวะบรรเลงของดนตรี……