ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 750
ตอนที่ 750 ความรักที่น่าชื่นชม
“มีความสุขไหมครับเด็กน้อยของผม? ในที่สุดก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้ชายเลวๆคนนั้นสักที คุณไม่เสียดายเขาอีกแล้วใช่ไหม?” เกาจิ่งอานปวดหัวจริงๆ สายตาของโจวโร่หลินนี่ช่าง……
โจวโร่หลินเบ้ปากออกมาแล้วพูดว่า “ตอนนั้นฉันยังไม่รู้เรื่องอะไร ”
“ต่อไปนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องอะไรให้มาก ทำตามผมก็พอ” เกาจิ่งอานยิ้มขึ้นแล้วลูบไปที่ผมของเธอแล้วจูบลงตรงหน้าผาก
โจวโร่หลิน “……” คำพูดหวานซึ้งที่สมบูรณ์แบบแบบนี้เขาไปเรียนมาจากไหนกัน?
ทำไมเธอรู้สึกว่าคล้ายกับหลงเซียว
เกาจิ่งอานยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ทุกคนที่เป็นพยานในวันนี้ ขอเชิญกินดื่มอย่างเต็มที่ มื้อนี้ผมเป็นเจ้าภาพเอง แล้วก็เค้กนี้มอบให้กับทุกคนด้วยความชื่นชมยินดีครับ”
โจวโร่หลิน “คุณ……”
เกาจิ่งอานทำท่าเงอะงะ “ขอโทษครับคุณภรรยา นิสัยผมชินเสียแล้ว แต่ผมจะพยายามปรับปรุงตัวเอง วันนี้เป็นวันดีขอให้ผมทำตามใจตัวเองสักครั้งหนึ่งได้ไหมครับ?”
คนอื่นก็พากันอิจฉาตาร้อน เขาจัดสถานการณ์ใหญ่โตขนาดนี้ช่างไม่สงสารคนโสดเลยจริงๆ
โจวโร่หลินพูดว่า “เกาจิ่งอานคะ คุณทำแบบนี้จะทำให้ฉันติดนิสัยเสียนะคะ ฉันยิ่งเป็นพวกเอาแต่ใจตัวเองด้วย”
เกาจิ่งอานพาเธอเดินเข้ามาในห้อง VIP ที่ใหญ่ที่สุด จากนั้นบริกรก็ถือจานอาหารค่ำที่เตรียมไว้ล่วงหน้าวางไว้บนโต๊ะ ส่วนบริกรคนอื่นๆก็ได้ดูแลเพื่อนของโจวโร่หลิน
เมื่อเขาพาโจวโร่หลินนั่งลงบนเก้าอี้สุดนุ่มแล้ว เกาจิ่งอานจึงได้ตอบกลับเธอท่ามกลางเพื่อนๆทั้งหลายว่า “อะไรคือเอาแต่ใจครับ? ถ้าคุณชอบเสื้อผ้าก็ซื้อ ชอบเครื่องประดับก็ซื้อ นี่เป็นการบริโภคขั้นพื้นฐาน เกี่ยวอะไรกับการฟุ้งเฟ้อกัน?”
หมิงเม้ยและคนอื่นที่นั่งอยู่รอบโต๊ะรู้สึกประหม่า พวกเขาตกใจกับค่านิยมของเกาจิ่งอาน
คนรวยก็คือคนรวยสินะ!
โจวโร่หลินเม้มปากตัวเอง “ฉัน……”
แท้จริงแล้วสิ่งที่เรียกว่าความฟุ้งเฟ้อคืออะไรกัน? การชื่นชมในการได้สิ่งที่ตัวเองไม่สามารถซื้อได้อย่างนั้นเหรอ? แต่หากว่าได้สิ่งนั้นมาด้วยความง่ายใดก็คงจะเป็นเรื่องปกตินะ?
เกาจิ่งอานรู้ทันในความคิดของเธอจึงพูดขึ้นว่า “โร่หลินครับอดีตของคุณผมไม่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้และไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยว แต่ผมสัญญากับคุณว่าต่อจากนี้ไปในทุกๆวัน คุณจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุด ผู้ชายคนหนึ่งแม้แต่ของที่ผู้หญิงตัวเองอยากได้ยังซื้อให้ไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่ง ผมเกาจิ่งอานเป็นขยะแบบนั้นเหรอ?”
โจวโร่หลินกะพริบตา น้ำตาของเธอไหลลงมา “จิ่งอานคะ ฉันดีใจมาก ฉันมีความสุขมากจริงๆนะคะ!”
เกาจิ่งอานลูบหัวของเธอด้วยความเอ็นดูเบาๆ “เอาเถอะครับ อนาคตยังอีกยาวไกล คุณอย่ารู้สึกแบบนี้กับเรื่องเพียงเท่านี้สิ”
“ฉันโง่ไปแล้วนี่!” โจวโร่หลินร้องไห้ออกมาทั้งน้ำตาอย่างมีความสุข น้ำตาและน้ำมูกของเธอก็ไหลออกมา
เกาจิ่งอานหากระดาษทิชชูไม่พบจึงได้ใช้เนกไทของตัวเองเช็ดน้ำตาให้เธอ “คุณไม่โง่หรอกต่อให้โง่ผมก็เอา”
โจวโร่หลินร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม เธอมองไปที่เนกไทเปื้อนน้ำตาน้ำมูกของเธอแล้วรู้สึกเสียดายจึงพูดออกมาว่า “นี่มันแพงมากเลยนะคะ”
เกาจิ่งอานเช็ดน้ำตาของเธอด้วยเนกไทเขาอีกครั้งแล้วพูดว่า “เป็นเกียรติของเนกไทผมที่ได้เช็ดน้ำตาให้คุณ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะครับ ถ้าคุณยังร้องอีกผมจะถอดเสื้อเช็ดให้แล้วนะ!”
“คนบ้า ชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อย!”
หมิงเม้ยและคนอื่นๆดูทั้งสองคนแสดงความรักต่อกัน พวกเขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ ทั้งยังจ้องดูอย่างมีความสุข…… นี่แหละหนา เมื่อถูกทรมานจิตใจไปเรื่อยๆก็คงจะชินไปเอง…… แต่การกระทำในขณะนี้พวกเขาก็รู้สึกว่าช่างน่ายินดี
——
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
เกาหยิ่งจือวางโทรศัพท์ลง เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา น้องชายของเธอคนนี้เป็นคนที่ไม่เหมือนใครจริงๆ สารภาพรักอย่างเดียวก็จัดฉากสวยอลังการ ไม่กลัวว่าจะถูกปฏิเสธหรือยังไง?
แต่ว่าการที่เขาสามารถรักใครบางคนได้อย่างสุดหัวใจแบบนี้ก็เป็นเรื่องดี
หมี่น่าร้องไห้ออกมาน้ำตาไหลเป็นสายฝน “คุณเกาคะ ได้โปรดอย่าตัดโอกาสของฉันเลย ฉันไม่กล้าอีกแล้ว!”
เกาหยิ่งจือหันไปมองเธอแล้วถามว่า “ทำไมยังไม่ไปอีก?”
หมี่น่า ร้องไห้เสียจนน้ำตาจะเป็นสายเลือด “คุณยังไม่ตกลงกับฉันเลย”
เกาหยิ่งจือยักคิ้วแล้วพูดว่า “น้องสาว ต่อให้ฉันไม่ตัดโอกาสคุณ เกาจิ่งอานก็ไม่ปล่อยคุณไว้แน่เข้าใจไหม? ถ้าจะโทษก็โทษที่ตัวเองโง่เกินไป แผนการแกล้งท้องเนี่ยเมื่อสามปีก่อนก็มีคนเคยใช้แล้ว อีกทั้งเธอยังเป็นนักแสดงด้วย ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกนักแสดงอย่างคุณชอบแสดงบทคนท้องมากเลยหรือไง?”
หมี่น่าร้องไห้ออกมาจนหายใจไม่ออก “คุณเกาคะ ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ฉันจะแก้ไขมัน อย่าตัดหนทางของฉันเลย ไม่งั้นฉันคงจะตายแน่!”
เกาหยิ่งจือหัวเราะเหอะๆแล้วพูดว่า “คำว่าผิดไปแล้วจะหักล้างความผิดของคุณได้ทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?มันง่ายเกินไปหรือเปล่า?ไสหัวออกไปซะ!”
หมี่น่าเดินมาถึงประตูก็พบว่าลั่วหานกำลังเดินตรงเข้ามาพอดี เธอเห็นเพียงแค่มีใครบางคนวิ่งออกไปแต่มองไม่เห็นหน้าชัดเจน
“เมื่อกี้ใครกัน?” ลั่วหานเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาวของเธอ
เกาหยิ่งจือยักไหล่แล้วพูดว่า “ผู้หญิงประเภทคล้ายกับโม่หรูเฟย ใช้กลยุทธ์เดียวกันมาจัดการกับเกาจิ่งอาน ต้องการจะปีนป่ายขึ้นมา ไม่หัดดูตัวเองซะบ้าง!”
ลั่วหานพูดว่า “นั่นเป็นเพราะเธอไม่มีอาจารย์ที่เก่งกาจไง”
เกาหยิ่งจือพูดว่า “ถ้าไม่ประชดประชันฉัน น้ำหนักจะลดลงไปกิโลหนึ่งหรือไง?”
ลั่วหานยืนพื้นที่ประตูเธอไม่ได้นั่งลง “แหมถ้าอย่างนั้นก็ไม่สนุกนะสิ อ้อ ใช่สิ! ฉันเห็นข่าวที่เกาจิ่งอานสารภาพรักแล้วนะ เป็นสไตล์ของเขาจริงๆ อลังการสุดๆ!”
เกาหยิ่งจือพูดอย่างช่วยไม่ได้ “จะให้ทำยังไงล่ะ นิสัยเขาก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้”
ลั่วหานไม่ได้พูดตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เธอหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ “ฉันติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกจากต่างประเทศแล้วหลายคน เขาได้เขียนแผนการเอาไว้คุณจะยอมรับมันไหม?”
เกาหยิ่งจือหยิบไปดู แต่ทุกวิธีก็จะมีผลข้างเคียง เรื่องพวกนี้จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ “เดินทางไปรักษาที่ต่างประเทศเหรอ ?ทางตำรวจจะปล่อยฉันไปหรือไง?”
“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง การรักษาทั้งหมดใช้เวลาห้าเดือน ถ้าคุณตกลงแล้วพวกเขาจะเริ่มจัดทีมแพทย์ และฉันจะตามไปในภายหลัง ขึ้นอยู่กับการติดตัดสินใจของคุณแล้วล่ะ” ลั่วหานหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาแล้วพูดว่า “ตามสถิติที่รักษามาเกือบ 10 ปี การบำบัดแบบนี้มีอัตราการรักษาสูงกว่า แม้ว่าจะมีโอกาสแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังมีความหวัง ฉันคิดว่าควรจะลองดู”
เกาหยิ่งจือรู้สึกตื่นเต้น เธออยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป จะมีเรื่องไหนสำคัญกว่าการมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?
“ห้าเดือนอย่างนั้นเหรอ ฉันจะอยู่ถึงไหม……”เธอพึมพำกับตัวเอง
ลั่วหานพูดว่า “ลองดูเถอะ พวกเราจะรอคุณกลับมาอยู่ที่นี่”
เกาหยิ่งจือวางข้อมูลลง แล้วมองไปยังท้องของลั่วหานพูดว่า “ถ้าฉันมีชีวิตกลับมาได้ก็คงจะได้เห็นหลานตัวน้อยแล้ว ช่วงนี้มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นมากจริงๆ บางทีฉันก็ลืมไปว่าเธอกำลังตั้งครรภ์”
ลั่วหานได้แต่ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “นั่นน่ะสิ บางทีฉันก็ลืมเหมือนกันว่าฉันท้อง แต่ช่วงนี้เจ้าตัวเล็กดิ้นบ่อยมากคิดว่าคงอยากจะออกมาแล้วล่ะ”
“ได้ยินมาว่าหลงเซียวร้องเพลงกล่อมลูกทุกคืนก่อนนอน เสียงของเขาไม่น่าฟังขนาดนั้นเลยเหรอ? เจ้าตัวน้อยทนไม่ไหวอยากจะออกมาเตะแล้ว” เกาหยิ่งจือได้โอกาสต่อสู้กลับ
ลั่วหานขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นี่อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ พ่อของเขาก็ดีทุกอย่างเพียงแต่เรื่องร้องเพลงนี่ไม่ไหวจริงๆ!ฮ่าๆๆ!”
เกาหยิ่งจือมองไปที่ใบหน้าอันมีความสุขของหญิงสาวด้วยความอิจฉาและถอนหายใจออกมาว่า “ดีจริงๆเลยลั่วหาน ฉันเองยังไม่กล้าแม้แต่จะคิด”
“เธอก็มีโอกาสแน่ ช่วงนี้ดูแลรักษาตัวเองให้ดี เรื่องของโม่หรูเฟยปล่อยให้เธอมีความสุขอยู่อีกสักพัก รอให้คุณกลับมาหายดีแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เธอและซุนปิงเหวินมีหนี้สินจำนวนมาก เธอไม่มีเวลาที่จะจัดการฉันหรือจัดการคุณ หรือแม้แต่จะทำเรื่องอื่นๆ”
ลั่วหานกำชับ เธอไม่อยากให้เกาหยิ่งจือต้องมายุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ อีกทั้งถ้าเธอต้องการจะจัดการกับโม่หรูเฟยละก็ ไม่จำเป็นต้องให้ถึงมือเกาหยิ่งจือหรอก เพียงแค่ต้องการช่วยรักษาหน้าเกาหยิ่งจือไว้เท่านั้น
เกาหยิ่งจือตอบตกลงและเซ็นสัญญาเดินทางไปรักษาที่ต่างประเทศ
“หวังว่าวันที่ฉันกลับมาทุกคนจะมีชีวิตที่มีความสุขกว่านี้”
“คุณเองก็เช่นกัน”ลั่วหานยิ้มขึ้น
โจวโร่หลินสิ้นสุดงานที่เมืองA เธอกลับมายังบริษัทด้วยท่าทางกระตือรือร้น เธอเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ท่าทางการเดินของเธอกระฉับกระเฉง สนทนากับเธอเพียงไม่กี่ประโยคเธอก็มักจะยิ้มออกมา
แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของประธาน โจวโร่หลินก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองกลับเป็น ที่ว่านอนสอนง่าย
“ท่านประธานคะ รายงานของโครงการอย่างละเอียดอยู่ที่นี่แล้ว บริษัทเซิ่งซื่อมีความละเอียดรอบคอบมาก การลงทุนครั้งแรก เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ 80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากผลตอบรับดีก็จะมีการลงทุนเพิ่มเติม”
โจวโร่หลินรายงานออกมาด้วยความระมัดระวัง เธออดไม่ได้ที่จะบ่นผู้จัดการ คงจะกลัวถูกตำหนิจึงให้เธอมาเป็นกระสุนกันไว้
สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ หลงเซียวไม่ได้ตำหนิเธอ อีกทั้งลงชื่ออย่างว่าง่ายและพูดว่า “OK ทำตามนี้”
เมื่อมองไปเห็นแหวนบนมือของเธอ หลงเซียวก็ยิ้มขึ้น
หือ?
ราบรื่นขนาดนี้เชียว?
“แต่ว่า ท่านประธานคะ งบประมาณของเรายังไม่ได้ตามที่ต้องการ จะไม่มีปัญหาเหรอคะ?” เธอถามขึ้นด้วยความกังวลและเป็นห่วง
หลงเซียวเซ็นชื่อลงไปที่เอกสารนั้น ยื่นให้เธอแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา ในเมื่อเป็นความร่วมมือทั้งสองฝ่ายก็จะต้องปรับความเข้าใจกัน ถ้าเข้ากันได้ก็จะทำความร่วมมือกันในระยะยาว”
โจวโร่หลินรับเอกสารเข้ามากอดไว้อย่างไม่เข้าใจนัก “ได้ค่ะ ขอบคุณท่านประธาน”
หลงเซียวพยักหน้าแล้วอ่านเอกสารต่อไป สักกพักเขาพบว่าโจวโร่หลินยังคงยืนอยู่ที่นั่น จึงเอ่ยถามว่า “มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
โจวโร่หลินพึมพำออกมาว่า “คือว่า……ฉันอยากจะขอลางานค่ะ พี่สาวของเกาจิ่งอานจะไปรักษาตัวที่ประเทศอเมริกา พวกเราอยากจะไปเป็นเพื่อนเธอ ฉันอยากจะขอลาพักร้อนสักหนึ่งสัปดาห์ได้ไหมคะ?”
หนึ่งสัปดาห์ ภายใต้การดำเนินงานของโครงการนี้ที่จริงแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“ไม่มีปัญหา”หลงเซียวตอบกลับมาอย่างเรียบง่ายโดยไม่ต้องคิด
โจวโร่หลินถามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อว่า “ท่านประธานคะคุณตอบเร็วเกินไปหรือเปล่า?”
“ทำไมเหรอ?อยากให้ผมเปลี่ยนคำตอบหรือไง?” หลงเซียวมองไปที่เธอแล้วยิ้มขึ้น
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่!ขอบคุณท่านประธานมาก ฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ” โจวโร่หลินรีบวิ่งออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว หัวใจของเธอพองโตเต้นโครมคราม
ตั้งแต่เธอเป็นแฟนของเกาจิ่งอานชีวิตก็ดูราบรื่นไปหมด แม้แต่ท่านประธานก็ยังพูดง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?
ด้านในห้องทำงาน หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเกาจิ่งอาน
“เรียบร้อยแล้ว”
เกาจิ่งอานเอ่ยขอบคุณจากในสายว่า “พี่ครับ!พี่เป็นพี่ของผมจริงๆ ขอบคุณมากๆเลย พวกเราเดินทางไปอเมริกาครั้งนี้จะไปเยี่ยมพ่อแม่ของพี่สะใภ้ด้วยตัวเอง แล้วก็ไปจัดการกับตู้หลิงเซวียนด้วย พี่ครับผมรักพี่จัง!”
หลงเซียวหัวเราะออกมาแล้วถามว่า “มาประจบประแจงฉันทำไม? จัดการธุระที่ฉันมอบให้ก็พอแล้ว”
“พี่วางใจได้เลย ต่อให้ตายผมก็ต้องทำให้สำเร็จ! ไม่สิ ผมจะตายไม่ได้ เอาเป็นว่าผมจะจัดการให้แล้วกัน เรื่องรถไฟใต้ดินของเสิ่นเหลียวล้มเหลวไม่เป็นท่าแน่ พี่รอดูฉากเด็ดแล้วกัน เหอะๆ! ถ้าไม่มีอะไรผิดแผนตอนนี้ก็ได้แล้ว”
เกาจิ่งอานเข้าใจถึงข้อมูลของโครงการนี้ดี เมื่อเขาพูดจบหลงเซียวก็ได้รับข้อความจากเจิ้งซินว่า
“เสิ่นเหลียวซื้อธุรกิจล้มเหลว!”
ฮ่าๆๆ!!!
หลงเซียวปัดข้อความทิ้งไปแล้วพูดว่า “ดีมาก ขอให้เดินทางไปอเมริกาอย่างราบรื่น”
เกาจิ่งอานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วพูดว่า “พี่ครับพี่สาวผมรักษาตัวอยู่ที่อเมริกา ผมจะบินไปมาตลอด ถ้าพี่ต้องการพวกของใช้เด็กเช่นพวกผ้าอ้อม นมผง เสื้อผ้าหรือถุงเท้าพี่ก็บอกผมมาได้เลย”
ของใช้เด็กอย่างนั้นเหรอ?
หลงเซียวยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง!”
หลังจากวางสายไป หลงเซียวก็ต่อสายภายในแล้วพูดว่า อาหมิง เข้ามาหน่อย”
จี้ตงหมิงได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทำงานแล้วถามว่า “เจ้านายครับมีอะไรให้รับใช้เหรอ?”
หลงเซียวพูดว่า “ห้างสรรพสินค้าของโม่ซื่อที่ตั้งอยู่บนถนนฟางหวานั้นปิดให้บริการมานานแล้ว”
จี้ตงหมิงไม่เข้าใจเขาถามขึ้นว่า “เจ้านายหมายถึงอะไรครับ?”
“ปรับปรุงการออกแบบใหม่ เปลี่ยนห้างสรรพสินค้าทั้งหมดนี้ให้กลายเป็นร้านขายของสำหรับแม่และเด็ก นอกจากนี้ติดต่อซัพพลายเออร์อาหารเด็กรายใหญ่ในอเมริกา นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ให้พวกเขานำสินค้าแบรนด์ของตนเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าโดยตรง”
จี้ตงหมิงสับสนเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นจึงถามขึ้นว่า “เจ้านายครับ พวกเราไม่เคยขายสินค้าของแม่และเด็ก”
“ก็เริ่มตอนนี้ไม่ได้หรือไง?” หลงเซียวยิ้มขึ้น เขาคิดในใจว่าต่อไปนี้ลูกของเขาจะได้เพลิดเพลินกับบริการครบวงจรในห้างสรรพสินค้าของเขาเอง ในฐานะผู้เป็นพ่อ……เขามีความสุขมาก!
“ไม่ครับ! ไม่ช้าเกินไป ผมขอเวลาสองเดือนในการปรับปรุง หนึ่งเดือนสำหรับการนำเข้า หนึ่งเดือนสำหรับการเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ โอ้โห! ทันเวลาคุณหนูคลอดพอดี แผนของเจ้านายสมบูรณ์มาก ผมจะรีบไปจัดการบัดเดี๋ยวนี้”
จี้ตงหมิงวิ่งออกไปจากที่ทำงานอย่างรวดเร็ว เขาคิดอยู่ในใจว่าสินค้าแม่และลูกระดับไฮเอนด์ ต่อจากนี้ถ้าเขามีลูกก็คงจะได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วย
ดังนั้น……การมีลูกน่าจะต้องเพิ่มในรายการประจำวันของเขาเสียแล้ว