ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 754
ตอนที่ 754 อดทนกับเรื่องเล็กน้อยไม่ได้จะทำให้เสียการใหญ่
โรลส์รอยซ์สีดำหยุดลง เทคนิคการจอดรถอย่างรวดเร็วและเสถียรทำให้หลงจื๋อและหลินซีเหวินต้องอ้าปากค้าง
หลินซีเหวินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา “เฮ้ย หลงจื๋อ แต่ก่อนพี่คุณเป็นนักแข่งรถหรือเปล่า”
หลงจื๋อปลดเข็มขัดนิรภัย หันกลับไปยิ้ม “พี่ชายผมเป็นไหมผมไม่รู้ แต่พี่สะใภ้ผมน่ะใช่”
หลินซีเหวิน “…”
ล้อเล่นอะไรเนี่ย คุณหมอฉู่ เธอแสดงออกว่าไม่เชื่อ
ทั้งสองลงจากรถ ประตูรถตรงข้ามปิดลงพร้อมกัน หลงเซียวรีบบึ่งรถมา ไม่ใส่ใจกับเสื้อผ้าและทรงผม ขายาวสาวเท้าเดินเข้ามา ร่างสูงมีไอเย็นยะเยือกกระจายออกมา
“พี่ใหญ่ มีเรื่องด่วนอะไรครับ”
หลงเซียวหันไปมองหลินซีเหวินที่ยื่นอยู่ด้านข้างชายหนุ่มเล็กน้อย ใบหน้าเรียบนิ่งแต่ไม่ได้รู้สึกถึงความห่างเหิน “คุณหลิน วันนี้แม่ผมเจอคุณเป็นยังไงบ้างครับ”
ห๊ะ อะไรเป็นยังไง ต้องตอบยังไง
หลินซีเหวินพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ค่ะ ดีมากเลยค่ะ คุณป้าคุยสนุกมาก อ่อนโยน และดีกับฉันมากเลย เหมือนแม่คนหนึ่งเลยค่ะ”
อ้อ เป็นแบบนี้เหรอ
หลงจื๋อเองก็รีบเสริม “พี่ใหญ่ คืนนี้พี่กับพี่สะใภ้น่าจะมาทานข้าวด้วยกัน บรรยากาศดีสุดๆไปเลย น้อยมากเลยที่ผมจะได้เห็นพ่อใจดีแบบนี้ และวันนี้แม่อารมณ์ดีทานข้าวได้เยอะมากๆด้วย ทำให้พ่อดีใจใหญ่เลย”
งั้นเหรอ
ทำไมเขารู้สึกว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบนี้
มือข้างหนึ่งของหลงเซียวอยู่ในกระเป๋ากางเกง ลมแรงมาก พัดจนเสื้อของเขาปลิวไหว “มีอะไรอย่างอื่นอีกไหม”
ทั้งสองสบตากัน ส่ายหน้าพร้อมกัน “ไม่มีอะไรพิเศษนะคะ คุณป้าถามอะไรฉันเล็กน้อย ล้วนเกี่ยวกับอาชีพของฉันทั้งนั้น แล้วเราก็คุยถึงพี่ลั่วด้วย คุณป้าชอบพี่ลั่วมากๆเลยค่ะ เอ่ยชมเธอใหญ่เลย กลับไปฉันต้องไปบอกพี่ลั่วแน่นอน”
หลินซีเหวินไหนเลยจะรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่หลงเซียวจะถาม เอ่ยออกมายืดยาว
คิ้วของหลงเซียวยังคงขมวด “แบบนั้นหรอ…เสี่ยวจื๋อ พ่อของนายเป็นคนที่คาดหวังอะไรสูง ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องตระกูลหลินสักนิดเลยเหรอ”
หลงจื๋อมองพี่ชายด้วยความไม่เข้าใจ ถามในใจ ทุกคนเป็นอะไรกันหมด สนใจตระกูลหลินขนาดนั้นเลยเหรอ ตระกูลใหญ่ไม่ใช่ว่าจะวุ่นวายเสมอไปนะ ตระกูลหลินนี่แหละบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว โดยเฉพาะพ่อของหลินซีเหวิน เป็นเพียงพ่อที่รักลูกสาวมากๆคนหนึ่งก็เท่านั้น
“ไม่นี่ครับ แม่แค่กล่าวถึงธุรกิจของตระกูลหลินในตอนนี้ แต่ไม่ได้มีความสนใจในวัตถุโบราณก็เลยไม่ได้ถามต่อ อาจจะเพราะกำลังป่วยด้วย จึงไถ่ถามถึงความรู้ด้านการแพทย์บ้าง”
ไม่ได้ถามถึงเบื้องหลังของตระกูลหลินเลยงั้นเหรอ
“แค่นั้นเองเหรอ” นิ้วมือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของหลงเซียวเคาะเบาๆ
หลินซีเหวินทั้งคู่พยักหน้า รีบเอ่ย “ใช่ค่ะ…”
แปลก พี่ใหญ่รีบบึ่งรถมากลางดึก เพื่อที่อยากรู้ว่าเราคุยอะไรกันงั้นเหรอ ฮ่าๆ ที่แท้พี่ใหญ่ก็ยังเป็นห่วงเขา กลัวว่าเขาจะโดนแม่ทำให้ลำบากใจ
หลินซีเหวินเอ่ยขึ้น “ยังมีอีกอย่างค่ะ คุณป้าให้ของขวัญกับฉันหนึ่งชิ้น แต่ว่ายังไม่ให้ฉันเปิด ให้กลับไปถึงบ้านก่อนค่อยอ่าน ยังบอกให้ฉันเอาไปให้พ่อช่วยดูด้วย”
“เอามาให้ผมดูหน่อย” ตอนนั้นเองคิ้วของหลงเซียวก็เกร็งขึ้น เขาเชื่อว่าครั้งนี้แม่เขาคงไม่ใช่การทานข้าวธรรมดาทั่วไป บางทีของขวัญชิ้นนี้ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญก็ได้
หลินซีเหวินยื่นกล่องของขวัญให้หลงเซียว “ฉันเปิดดูแล้วค่ะ เป็นสร้อยข้อมือหยก ดูท่าจะมีคุณค่ามาก”
หลินซีเหวินยื่นกล่องของขวัญให้หลงเซียว อีกฝ่ายเปิดออก ด้านในมีกำไลหยกวางอยู่ ดูเรียบหรู สวยงามจริงๆ เพียงมองครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเป็นของดีขนาดไหน
เพียงแต่…
ทำไมถึงเป็นกำไลหยกล่ะ
หลงเซียวหรี่ตาลงอย่างสับสน เขานึกว่าจะเป็นของที่ทำเตือนความจำให้หลินเหว่ยเย่ เรื่องนี้ทำให้เขาแปลกใจ
“เป็นกำไลที่ไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าเธอจะชอบคุณมากจริงๆ เก็บไว้เถอะ” หลงเซียวสะกดความสับสนของตัวเองเอาไว้ นำกล่องส่งคืนให้หลินซีเหวิน
หลงจื๋อเอ่ยยิ้มๆ “พี่ใหญ่ ถ้าคืนนี้พี่ไม่มีธุระอะไร ไปนั่งเป็นเพื่อนผมที่วิลล่าโรมัน หน่อยสิ ลุงหลินใจดีมาก”
“ไม่ต้องหรอก ฉันต้องกลับไปดูแลพี่สะใภ้ของนาย”
——
หลินซีเหวินกลับบ้านด้วยความดีใจ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านตระกูลหลงให้พ่อแม่เธอฟังอีกรอบ หลินเหว่ยเย่ฟังด้วยความสนใจ ชื่นชมพรสวรรค์ของลูกสาวอันเป็นที่รัก
คุณนายหลินกลับรู้สึกไม่พอใจ “ที่รักอะไร คงจะเห็นธุรกิจของตระกูลหลินล่ะสิไม่ว่า ต่อไปมีประโยชน์ต่อการพัฒนาของตระกูลหลง ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ นักธุรกิจไม่ได้ประโยชน์ไม่ทำหรอก คุณอย่าคิดว่าทุกคนจะเป็นคนดีแบบคุณ”
หลินซีเหวินมองสบตากับหลินเหว่ยเย่ยิ้มๆ มุ่ยปาก
คุณนายหลินตีไปที่ขาของหลินเหว่ยเย่ “หัวเราะอะไร ทุกครั้งที่ฉันพูด พวกเธอก็ทำเป็นคนดีอยู่นั่น ฉันจะบอกอะไรให้นะ พวกคุณใช้ชีวิตง่ายเกินไป เลยไม่รู้ถึงความร้ายกาจของจิตใจคน โดยเฉพาะเธอ เหวินเหวิน แม่จะเตือนแกให้นะ คนที่จิตใจดีมักจะมองว่าคนอื่นจิตใจดีเสมอ ไม่กล้าทำร้ายใคร ดังนั้นคนจิตใจดีที่โง่เนี่ย ถึงได้ถูกหลอกซ้ำๆซากๆ เธอลอกเปิดใจอีกนิด อย่าคิดว่าเป็นแค่หมอเล็กๆแล้วจะสงบตลอดไป”
หลินซีเหวินค้อมตัวเก้าสิบองศา ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ค่ะ ค่ะ ค่ะ อาจารย์สอนถูกแล้ว ศิษย์จะจำให้ขึ้นใจ”
“เจ้าเด็กคนนี้ ชอบเป็นแบบนี้ไง พอแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ พวกคุณก็อย่าอยู่ดึกจนเกินไปล่ะ” คุณนายหลินพูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไป เห็นว่าลูกสาวกลับมาอย่างปลอดภัย เธอถึงได้วางใจ
ดูเหมือนท่าทางของหยวนชูเฟินที่มีต่อซีเหวินจะพิเศษอยู่ หรือจะชอบซีเหวินจริงๆ
เมื่อเห็นว่าแม่ตัวเองเดินขึ้นตึกไปแล้ว หลินซีเหวินขดตัวอยู่บนโซฟา กอดแขนหลินเหว่ยเย่เอาไว้ “แดดดี๊คะ คุณป้ายังให้ของขวัญหนูด้วยนะ แหะแหะ แม่หนูช่างปากร้ายจริงๆ ไม่ให้เธอดู หนูจะให้พ่อดู พ่อช่วยหนูดูหน่อย เป็นของสะสมของตระกูลใหญ่หรือเล่า หนูจะไปอาบน้ำก่อน พ่อค่อยๆดูไปนะคะ”
“ได้ เดี๋ยวแดดดี๊ช่วยหนูดูนะ แดดดี๊เองก็อยากรู้ คุณน้าที่ชมลูกจนแทบจะกลายเป็นนางฟ้าเนี่ย ให้อะไรกันแน่” หลินเหว่ยเย่ลูบผมลูกสาวด้วยเอ็นดู ใบหน้าเต็มไปด้วยความรัก
หลินซีเหวินหยิบกล่องสีแดงออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้หลินเหว่ยเย่
หลินเหว่ยเย่หัวเราะและรับกล่องมา “ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพ่อเอาไปดูที่ห้องหนังสือ”
“โอเคค่ะ รักนะคะแดดดี๊”
หลินซีเหวินกระโดดโลดเต้นออกไปราวกับกระต่าย หลินเหว่ยเย่ค่อยก้มหน้าลงสำรวจกล่องในมือ เพียงแต่ ก้มหน้าลง เพียงยกขึ้นมอง ลมหายใจของหลินเหว่ยเย่ราวกับถูกมือมาหยุดเอาไว้แน่น
กล่องสีแดงในมือราวกับไฟที่แผดเผา เผาไหม้ฝ่ามือของเขา เผาไหม้นิ้วมือของเขา ลวกผิวของเขาไปหมด
กล่องๆนี้…เป็นกล่องที่เขาทำมันหายไปเมื่อสามสิบปีที่แล้ว
ไม่ผิดแน่ แค่ครู่เดียวเขาก็สามารถดูออก นี่เป็นกล่องไม่จันทน์แดงที่ถูกขุดขึ้นมาจากสุสานในสมัยราชวงศ์ชิงไม่สามารถทำเลียนแบบได้ และเขาก็สัมผัสได้ถึงรอยสลักที่ละเอียดใต้กล่องนี้ได้ นิ้วมือของเขายังคงไวต่อสัมผัส แค่สัมผัสก็สามารถบอกถึงอายุของสิ่งของได้แล้ว
เขาสามารถหลอกคนอื่นได้ แต่เขาหลอกตัวเองไม่ได้
หยวนชูเฟินรู้ตัวตนของเขา
การโจมตีโดยไม่ทันได้ป้องกัน ทำให้หลินเหว่ยเย่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับ
……
คฤหาสน์ตระกูลหลง
หยวนชูเฟินดื่มยาแล้ว คลุมผ้าคลุมไหล่ขนแกะนั่งปักดอกไม้อยู่ในห้องรับแขก บนโต๊ะมีดอกไม้สดมากมาย เธอค่อยๆตัดใบออกทีละดอก ตัดก้านออก แล้วเสียบลงบนกระถาง ท่าทางงดงาม
หลงถิงนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ หยิบคาร์เนชั่นขึ้นมาหนึ่งดอก ใช้มือบิดใบส่วนที่เกินออกไป “อาเฟิน วันนี้คุณพอใจกับซีเหวินมากใช่ไหม”
หยวนชูเฟินเปรียบเทียบความยาวและสีของดอกไม้สองดอก เสียบลงไป “งานแต่งของเสี่ยวจื๋อ ฉันเป็นแม่งานไม่ได้”
หลงถิงหยิบกรรไกรตัดก้านส่วนที่แข็งของดอกไม้ออกไป “ซีเหวินเป็นเด็กน่ารัก”
หยวนชูเฟินหัวเราะนิ่งๆ “ที่ดีคงไม่ใช่แค่เธอใช่ไหม”
หลงถิงยื่นดอกไม้ให้เธอ “เสี่ยวจื๋อเป็นลูกของผม ผมหวังว่าเขาจะมีความสุข”
หยวนชูเฟินรับดอกไม้ดอกนั้นมา เสียบลงไป “คุณหมายความว่า ฉันไม่ได้หวังอยากให้เขามีความสุขเหรอ”
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแต่ผม…”หลงถิงอึกอัก เขาไม่รู้ควรจะบอกออกไปหรือเก็บเอาไว้
และในตอนนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น “ผมไปรับโทรศัพท์”
หลงถิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองเห็นชื่อ แล้วเดินออกไปด้านนอกคฤหาสน์
หยวนชูเฟินมองคาร์เนชั่นดอกนั้น ถอดมันออกมา โยนไปที่กองดอกไม้กิ่งก้านที่ถูกตัดคัดทิ้ง
หลงถิงยืนท่ามกลางสายลม ลมฤดูหนาวพัดผ่านเสื้อคลุมอยู่บ้านของเขา “เป็นยังไงบ้าง”
“อาเฟินรู้ตัวตนของผมแล้ว ผมไม่มั่นใจว่าเธอจะรู้ความจริงเรื่องคดีของมู่เส้าเอินแล้วหรือยัง แต่เธอรู้ตัวตนของผมแล้วแน่นอน ของขวัญที่เธอมอบให้เหวินเหวินวันนี้…”
“ของขวัญ ด้านในเป็นโต๊ะธรรมดา ฉันถามเธอแล้ว”
“พี่ใหญ่ กำไลข้อมือไม่ใช่สิ่งสำคัญ เป็นกล่องต่างหากล่ะ กล่องที่ผมทำหายไปเมื่อสามสิบปีก่อน กลับมาอยู่ในมือผมแล้วจริงๆ” หลินเหว่ยเย่ขังตัวเองอยู่ในห้อง สายตาที่มองกล่องนั้นไม่ต่างจากำลังจับจ้องลูกระเบิดลูกหนึ่ง
ขาของหลงถิงเซเล็กน้อย “ที่แท้…”
เธอตอบรับกลับมาอยู่ด้วย เป้าหมายไม่ธรรมดาเลย
“พี่ใหญ่ อาศัยจังหวะนี้ที่เรื่องยังไม่ใหญ่ เราต้องถอนรากถอนโคน ไม่งั้นมันจะไม่จบไม่สิ้นนะครับ” มือของหลินเหว่ยเย่จับกล่องแน่น
ดวงตาเยือกเย็นของหลงถิงไร้ซึ่งอุณหภูมิ “หลงเซียวคิดจะทำอะไรกันแน่ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลย หรือเขาจะไม่รู้”
“พี่ใหญ่ อาเฟินรู้ความจริง พี่คิดว่าการที่หลงเซียวจะรู้มันจะอีกนานเหรอ พวกเขาเป็นแม่ลูกนะ ร่วมกันแบกรับความแค้นของตระกูลมู่ พี่คิดว่าคนอย่างหลงเซียวจะปล่อยเราเอาไว้เหรอ ตอนนี้เขายังไม่ทำอะไร แต่เมื่อไหร่ที่ลงมือขึ้นมาก็รุนแรงเลยนะ”
มันเป็นเรื่องจริง หลงถิงเข้าใจหลงเซียวดี เพียงไม่ลงมือ แต่ถ้าลงมือไปเกรงว่าคงไม่เหลือฝั่งให้ขึ้นแน่
“อาเฟิน…”
หลงถิงมองกลับไปเห็นหยวนชูเฟินที่นั่งจัดดอกไม้อยู่ใต้แสงอบอุ่น เธอเหมือนหญิงสาวที่ออกมาจากภาพวาดโบราณ ตั้งแต่เมื่อปีก่อนปีที่แล้ว สวยมาจนถึงตอนนี้
นี่เป็นสิ่งล้ำค่าที่เขาทำสูญหายไปแล้วได้กลับคืนมา ดั่งต้นอ้อ ยิ่งค้นหา ยิ่งห่างออกไป เขาคิดว่าอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ เธอยิ่งสามารถห่างออกไปได้โดยง่าย ให้เขาได้เห็นเพียงเงาที่มองได้แต่ไม่สามารถสัมผัสได้
“พี่ใหญ่ อดทนกับเรื่องเล็กน้อยไม่ได้จะทำให้เราเสียการใหญ่นะ เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวมันไม่คุ้มหรอกนะ เมื่อสามสิบปีก่อนเราก้าวไปแล้ว เราไม่สามารถถอยกลับได้แล้วนะ ถ้าพี่ไม่กล้าลงมือ เดี๋ยวผมทำเอง”
น้ำเสียงของหลินเหว่ยเย่ฮึกเหิม อารมณ์ระเบิดออกมา
หลงถิงเสียงเย็น “ปิดบังความจริงไม่ได้มีทางเดียวแค่ฆ่าคนปิดปาก ล้มล้างความคิดของอาเฟินฉันมีวิธี”
“พี่ใหญ่ การปิดบังความจริงที่ดีที่สุดคือคนที่รู้เรื่องนั้นไม่สามารถอ้าปากพูดได้อีก” สายตาเยือกเย็นของหลินเหว่ยเย่จับจ้องอยู่ที่กล่องไม้สีแดง ราวกับคืนนั้นที่จ้องมองทะเลเพลิงเผาไหม้
“หากคำพูดของคนคนหนึ่ง สูญสิ้นทางกฎหมายล่ะ”
“พี่ใหญ่ พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” หลินเหว่ยเย่ถามอย่างสับสน
หลงถิงมองไปยังท้องฟ้า หายใจเข้าลึก “เธอจะตายไม่ได้ แต่หากจะรักษาชีวิตของเธอ ก็คงต้องเสียสละอย่างอื่น”