ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 772
ตอนที่ 772 คุณภรรยา ให้เงินผมใช้หน่อยสิครับ
เมื่อเริ่มเข้าสู่ยามราตรี แสงจันทร์กระจ่างอยู่บนท้องนภา ภายในเมืองหลวงที่แสนจะคึกคักก็ค่อยๆเงียบสงบลง ยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร มองลงมาจะเป็นทะเลแสงไฟภายใต้อาคาร ราวกับว่าสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเมืองทั้งเมือง
ด้านหน้าของหน้าต่าง ถังจิ้นเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือกำลังหยิบปากกาอยู่แท่งหนึ่ง บนกระดาษเต็มไปด้วยคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ถูกเขียนอย่างไม่เป็นระเบียบ เขาเขียน แล้วขีดเส้นทิ้ง แล้วเขียนใหม่ การไม่ทันรู้ตัวก็เขียนจนเต็มหน้ากระดาษ
“โอ้! ทำไมนายยังอยู่ที่นี่อยู่อีก?” เจิ้งซิ่วหยาค่อยๆผลักประตูกลับบ้าน เงยหน้าขึ้นก็มองเห็นเขาอยู่ใต้แสงไฟสีเหลืองที่ส่องลงมากระทบตัวที่หันหลังให้กับประตู ช่างเป็นภาพที่ทำให้คนตกใจกลัวจริงๆ
ถังจิ้นเหยียนเมื่อเห็นเธอกลับมา ก็วางปากกาลงพร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “คุณตำรวจเจิ้งของพวกเรา ทำโอทีอีกแล้ว ผมอยู่ที่บ้านก็ควรที่จะทำอะไรสักอย่างจริงไหม?” เมื่อรับกระเป๋าถือมาจากเเจิ้งซิ่วหยาแล้ว จึงแขวนมันไว้บนที่แขวนหมวก ถังจิ้นเหยียนมองเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนรักใคร่
เจิ้งซิ่วหยาไม่อยากแม้แต่จะเปลี่ยนรองเท้า ยื่นมือออกไปโอบรอบคอเขาอย่างเกียจคร้าน พร้อมกับยื่นปากออกไปเล่าถึงความเหน็ดเหนื่อย “ลุงถัง การเป็นตำรวจประชาชน นั้นลำบากจังเลย จับคนร้ายช่วยประชาชนนั้นไม่ง่าย ฉันกดดันมากเลย”
มือของถังจิ้นเหยียนยื่นไปโอบเอวด้านหลัง มือใหญ่โอบหลังของเธอเอาไว้พร้อมกับดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดอย่างอ่อนโยน “อยากให้ผมช่วยตอบแทนคุณอย่างไร? อยากกินมื้อดึกไหม? ผมไปทำ”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่กินแล้ว ฉันน่ะ…..แค่อยากจะมองคุณอยู่แบบนี้ แฟนของฉันหล่อขนาดนี้ แค่ได้จ้องมองก็อิ่มแล้ว ฮิฮิ อีกอย่างใบหน้าที่หล่อเหลาสามารถรักษาทุกความเศร้าได้ โอ้ย ลุงถัง ทำไมคุณถึงได้หล่อแบบนี้นะ?”
ในที่สุด ถังจิ้นเหยียนที่ทนฟังคำพูดของเธอก็กลั้นต่อไปไม่ไหว จึงหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ชมผมทุกวันอย่างนี้ ใบหน้าของผมจะไม่มีที่ให้วางแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยากลับมองเขาเหมือนมองของล้ำค่าก็ไม่ปาน มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อจึงจ้องไปยังหน้าเขาตรงๆ
“ลุงถัง รอให้ฉันจัดการธุระให้เสร็จก่อน แล้วคุณพาฉันไปเที่ยวนะ พวกเราไปเที่ยวกันดีไหม?”
ถังจิ้นเหยียนตอบตกลงด้วยความสงสาร “ได้ คุณอยากไปที่ไหนเราก็ไปที่นั่น ต่างประเทศหรือในประเทศ คุณเลือกได้เองตามใจชอบเลย”
เจิ้งซิ่วหยาจูบลงไปบนใบหน้าของถังจิ้นเหยียนไปทีนึง “อืม! คุณช่างดีเหลือเกิน! ฉันรักคุณเพิ่มอีกแล้วทำอย่างไรดี! ฮ่าฮ่า!”
ใบหน้าของถังจิ้นเหยียนร้อนผ่าว ถ้าหากไม่ใช่เพราะถูกเจิ้งซิ่วหยาทำแบบนี้หลายครั้ง เขาคงทำเหมือนเมื่อก่อน ที่คอยรีบหาเหตุผลเพื่อหลบเลี่ยง “ระยะนี้ยุ่งเรื่องคดีอะไรอยู่? ทำไมถึงทำโอทีทุกวัน?”
เจิ้งซิ่วหยาถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “อย่าพูดถึงอีกเลย เป็นคดีที่ถูกฝังไว้ลึกมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้ยังหาหลักฐานไม่ได้สักชิ้น เรื่องราวที่ผ่านมาก็ไม่มีคนรู้ เนื่องจากว่าตอนนั้นไขคดีไม่ได้ จึงถูกตัดสินให้เป็นคดีที่ยืดเวลาดำเนินการเป็นอันเสร็จสิ้น ตอนนี้เป็นเพราะว่า คนกลุ่มหนึ่ง เรื่องบางอย่าง ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผ่านมา”
เจิ้งซิ่วหยาเตะรองเท้าออก ไม่ได้ใส่รองเท้าแตะ สวมเพียงถุงเท้าเดินตรงไปยังห้องรับแขก
ถังจิ้นเหยียนรินน้ำให้เธอแก้วหนึ่ง “ฟังดูก็ค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่เหมือนกัน คดีอะไร? บางทีผมอาจจะสามารถช่วยคิดหาทางออกให้ได้ ถึงแม้จะหาทางออกไม่ได้ คุณบอกผมอย่างน้อยก็ยังช่วยลดแรงกดดันของคุณได้บ้าง”
เจิ้งซิ่วหยาถือแก้วน้ำ พร้อมกับมองเขาด้วยใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มไม่อยากจะละสายตาอีกครั้ง “คดีนี้…..อืม……ฉันว่าไม่ให้คุณรู้จะเป็นการดีที่สุด ถ้าคุณรู้แล้วอาจจะไม่สบายใจก็ได้”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“อืม…..” เจิ้งซิ่วหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเรื่องจรรยาบรรณของตำรวจ เธอไม่สามารถบอกความคืบหน้าของคดีและข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องให้คนภายนอกรู้ แต่ว่าเมื่อเห็นถังจิ้นเหยียนแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะนำความลับที่กลืนไว้ในท้องบอกให้เขาได้รู้ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เจิ้งซิ่วหยาก็แพ้ให้กับความรัก “คดีนี้เกี่ยวข้องกับแม่สามีของหมอฉู่ อีกอย่างความสัมพันธ์ก็ลึกซึ้งมาก แม่สามีของหมอฉู่เคยเพราะ…….” เคยถูกจับข้อหาฆาตกรรม เจิ้งซิ่วหยาไม่ได้พูดประโยคหลังออกมา จึงหัวเราะเหอะเหอะก่อนพูด “เอาเป็นว่า คุณนายของตระหูลหลงเป็นคนที่มีอดีตแล้วกัน เอาล่ะเอาล่ะ ฉันหิวแล้ว ฉันอยากกินเกี๊ยว ทำเกี๊ยวให้ฉันสักชามนึงได้ไหม?”
หยวนชูเฟิน? เธอมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคดีนี้กันแน่? และยังมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องเมื่อสิบปีก่อน?
ถังจิ้นเหยียนรีบดึงสติกลับมาที่เดิม “ได้ ผมไปทำให้ คุณพักผ่อนที่ห้องรับแขกนี่ก่อน อีกเดี๋ยวผมก็ทำเสร็จแล้ว” สายตาที่เต็มไปด้วยความสุขของเจิ้งซิ่วหยาเปล่งประกายขึ้น “ได้เลย ได้เลย!”
ถังจิ้นเหยียนไปห้องครัว ส่วนเจิ้งซิ่วหยานั้นไม่มีอะไรทำจึงได้แต่เดินไปมาภายในบ้าน พอเดินไปยังด้านหน้าของหน้าต่าง พอก้มหัวลงก็เจอกับคำศัพท์ที่ถูกเขาเขียนไว้บนกระดาษ จึงหยิบมันขึ้นมาพลิกไปมาเพื่อสำรวจดู “เขียนอะไรกันแน่นะ?” พอมองอยู่สักพัก เจิ้งซิ่วหยาก็พบคำศัพท์ที่ถูกเขียนมากที่สุด
“โรคหัวใจขาดเลือด” “อุบัติเหตุ” “ความทรงจำ” ยังมีคำศัพท์บางคำที่ถูกขีดฆ่าไปแล้ว เจิ้งซิ่วหยาขมวดคิ้วแสดงถึงความงุนงง
ในไม่ช้า เกี๊ยวก็ทำเสร็จแล้ว เจิ้งซิ่วหยากระโดดโลดเต้นไปด้วยความดีใจ “ว้าว หอมจัง!” ถังจิ้นเหยียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ความคาดหวังของคุณนั้นต่ำเกินไป อะไรๆก็ล้วนอร่อยหมด”
เจิ้งซิ่วหยาตักขึ้นมาชิมคำหนึ่งก่อนจะพ่นลมออกเพราะความร้อน “อ้อ จริงสิ คุณกำลังเขียนอะไรอยู่? บนกระดาษมีคำศัพท์หลายคำที่ฉันไม่รู้จัก”
ถังจิ้นเหยียนพูดขึ้น “ผู้ป่วยรายหนึ่ง คุณไม่รู้จักก็เป็นเรื่องปกติ ล้วนแต่เป็นศัพท์ทางการแพทย์”
เจิ้งซิ่วหยาไม่ได้ถามอะไรมากนัก “โอเค แค่ฉันมีเกี๊ยวแสนอร่อยก็พอแล้ว”
——
วันต่อมา
หลังจากที่ลั่วหานตื่นขึ้น เรื่องแรกที่ต้องทำคือการลืมตามองผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆ ตอนที่พลิกตัวไม่ทันระวังจึงทับไปโดนมือของหลงเซียว ลั่วหานจึงถอยออกไปด้วยความตระหนก
พอหันกลับมา ก็พบหลงเซียวกำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มพอดี “กลัวอะไร? กลัวว่าผมจะสลบไปอีกหรือ?”
ลั่วหานพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “งูกัดไปครั้งเดียว กลัวเชือกไปสิบปี ไม่วางใจเลยจริงๆ คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
หลงเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำให้ตัวเองสบายขึ้น มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ นิ้วมือใหญ่ลากผ่านบนแก้มนวลของเธอ “สบายดี ผมไม่เป็นอะไร ที่รักไม่ต้องเป็นกังวลไป”
หลงเซียวพูดแบบนี้แล้ว ลั่วหานจึงสบายใจขึ้นเล็กน้อย “ฉันลุกไปก่อน ประเดี๋ยวจะอุ้มลูกมาอยู่เล่นเป็นเพื่อนคุณ แต่ว่าช่วงนี้เวลาส่วนใหญ่เธอมักจะนอนหลับ คุณก็ด้วย ต้องนอนอยู่บนเตียง อีกเดี๋ยวค่อยให้เธอนอนกับคุณแล้วกัน”
“ไม่ได้ บนตัวผมมีกลิ่นยา จะรบกวนการนอนหลับของเธอ ให้เธอนอนห้องเด็กอ่อน”
ในใจของหลงเซียวนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกสาวจะนอนอยู่ข้างกายเขา แต่ว่าสุขภาพของลูกสาวนั้นกลับสำคัญที่สุด ลั่วหานเท้าคางมองเขา “หลงเซียวดูคุณจะทำดีกับคนรักในอดีตชาติ ของคุณมากกว่าฉันอีกนะ ฉันนอนอยู่ข้างคุณ ทำไมคุณไม่กลัวว่ากลิ่นยาคุณจะรบกวนฉันบ้างล่ะ?”
หลงเซียวจูบลงไปบนหน้าผากของเธอ “กับลูกสาวผมรอได้ แต่กับคุณผมรอไม่ได้ ทนไม่ไหว”
ดวงตาลั่วหาน แสดงออกถึงความพึงพอใจในการไม่ยอมรับอย่างมีความสุข “ฮึ ปากดี!”
หลังจากมื้อเช้า หลงเซียวเปิดคอมพิวเตอร์ อีเมลของจี้ตงหมิงกับไป๋เวยก็เด้งขึ้นมาตามๆกัน
เวลานี้ บริษัทฉู่ซื่อ
กู้เยนเซินในมือถือแก้วกาแฟ สายตาจ้องมองอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูกระดาน “ประธานไป๋ คุณคิดว่าหุ้นของเราจะขยับตัวขึ้นเท่าไหร่?”
ไป๋เวยยุ่งมากจนไม่มีเวลาที่จะสนใจเขา “คุณคิดว่าจะเพิ่มสักเท่าไหร่ล่ะ? ร่างกายของประธานก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก สื่อจากภายนอกก็ถูกผลักโดยบริษัทMBK สถานการณ์โดยรวมทั้งหมดของหน้ากระดานล้วนแต่ไม่ดี คุณคิดจริงๆหรือว่า แค่มีคนซื้อหุ้นไปหมด ถือเป็นเรื่องดี?”
กู้เยนเซิน เพ่ย เพ่ย เพ่ย “รีบถุยน้ำลายซะ! อย่าพูดจาเหลวไหล! หุ้นถูกซื้อไปอย่างน้อยพวกเราไม่ต้อง
ออกไปหาเงินจากภายนอกไม่ดีหรือไง?”
ไป๋เวยจัดการกับเอกสารการประชุมก็หยุดไปอยู่พักหนึ่ง “ได้ คุณว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ฉันจะไปประชุม คุณอยู่ลำพังละกัน”
ในที่สุด เวลาเปิดกระดานหุ้นก็มาถึง
กู้เยนเซินเปิดดูหน้ากระดาน แต่ว่าผลที่ได้กลับทำให้เขาต้องเบิกตาขึ้น
หุ้นบริษัทฉู่ซื่อนั้น ไม่ได้ดีขึ้นเหมือนกับที่เขาคิดไว้เมื่อวาน ยังคง……ตกต่ำอยู่เหมือนเดิม
“ให้ตายเถอะ ทำไมนะ?!” กู้เยนเซินเข้ามาในห้องทำงานของจี้ตงหมิงด้วยความเกรี้ยวโกรธ
จี้ตงหมิงมองที่เขา “เห็นแล้ว?”
“ให้ตายสิ ทำไมถึงยังตกอยู่? นี่ต้องไม่ปกติแน่จริงไหม?” กู้เยนเซินถึงกับกุมขมับ โกรธจนเดินไปเดินมาอยู่ที่เดิม จี้ตงหมิงหัวเราะ “หุ้นตกก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดี โลกวุ่นวายจึงจะมีอัศวิน อย่าพึ่งรีบ เยือกเย็นไว้”
กู้เยนเซินมองบน “เยือกเย็นอะไรอีก ต้องเป็นฝีมือของหลงถิงแน่ๆ!”
“ในเมื่อรู้แล้ว ยังจะกระวนกระวายไปทำไมอีก?” จี้ตงหมิงยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น
กู้เยนเซินมองดูที่เขาตั้งแต่บนลงล่าง “นายมันแน่ ฉันไปประชุมแล้ว”
ผ่านไปไม่กี่นาที ก็ได้รับโทรศัพท์จากหลงเซียว
“บอส เหมือนอย่างที่ท่านคิดไว้ หุ้นยังคงตกต่ำอยู่”
“อืม ซื้อต่อไป”
“ครับ!”
………..
ห้องทำงานประธานของบริษัทMBK
“เฮ้อ! หุ้นตกต่ำ? ดูเหมือนว่าการที่บริษัทฉู่ซื่อแยกตัวจากหลงเซียว ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว ซื้อต่อไป ไม่ว่าจะมีคนปล่อยหุ้นเท่าไหร่ ต้องกวาดซื้อให้หมด หากต้องการเงินไปเอาที่แผนกการเงิน”
หลงถิงเซ็นชื่ออย่างคนที่มีชีวิตชีวา แล้วจึงยื่นเอกสารออกไปด้านหน้า
เหลียงจ้งซุนพูดเตือนอย่างไม่วางใจ “ประธาน พวกเราซื้อหุ้นบริษัทฉู่ซื่อมากมายแบบนี้ ถ้าหากว่าบริษัทล้มละลายจะทำอย่างไร?”
หลงถิงพูดเย้ยหยันในความกลัวของเขา “ขอเพียงแค่ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฉู่ซื่อ ก้าวขึ้นมาแทนตำแหน่งประธานของหลงเซียวได้อย่างราบรื่น บริษัทฉู่ซื่อยังจะล้มละลายได้อีกหรือ? เมื่อถึงเวลานั้น หุ้นของบริษัทฉู่ซื่อต้องเพิ่มขึ้นสูงแน่ สิ่งที่ฉันกุมอยู่ในมือก็จะไม่ใช่สิ่งที่ไร้ประโยชน์อีกแล้ว”
“ครับ ประธานคิดได้รอบคอบกว่าผม แต่ว่า กวาดซื้อหุ้นของบริษัทฉู่ซื่อต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เงินทุนไหลเวียนในบริษัทอยู่ๆก็หายไป จะไม่เป็นปัญหาจริงหรือครับ?” เหลียงจ้งซุนพูดเสริมอีกครั้ง
หลงถิงหัวเราะ “MBKซื้อบริษัทฉู่ซื่ออีกเป็นร้อยบริษัทก็นับว่าเหลือเฟือ จะอะไรกับการซื้อหุ้นเรื่องแค่นี้?
เล่าเหลียง ความกล้าของนายเล็กเกินไปแล้วนะ”
…………
โทรศัพท์มือถือของหลงเซียวสั่นขึ้น เป็นประธานของบริษัทไห่ลุนโทร.มา
“คุณหลง ได้ทำตามที่คุณต้องการแล้ว ผมกำลังพยายามแย่งซื้อหุ้นของบริษัทฉู่ซื่อ ตอนนี้ในมือของผมกุมไว้ได้เจ็ดเปอร์เซ็นต์ เทียบกับเป้าหมายแล้วนับว่ายังอีกไกล”
หลงเซียวพูดขึ้น “ไม่รีบ วันนี้ฉันจะปล่อยหุ้นเเรกเริ่มออกไป”
“ครับ ทางนี้ผมจะคอยดูความเคลื่อนไหว!”
สิบห้านาทีผ่านไป ส่งคอมพิวเตอร์ให้ลั่วหาน “คุณภรรยา ต้องการเงินใช้จ่าย จะให้ผมไหม?”
ลั่วหานก้มดูหน้านั้น “ความอยากมีมากขนาดนี้ ต้องการเงินใช้จ่ายก็ต้องให้ฉันออกให้ ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินแบบนี้ฉันเลี้ยงไม่ไหวหรอก”
หลงเซียวหัวเราะ “บอสไม่อยากเลี้ยงแล้ว?”
ลั่วหานกรอกรหัสหุ้นของตัวเองลงไป แล้วจึงนำคอมพิวเตอร์ส่งคืนให้เขา “เลี้ยงสิ! ทุบหม้อขายเหล็กก็ต้องเลี้ยง!”
เมื่อครู่หลงเซียวให้เธอกรอกรหัสเพื่อขายหุ้น อีกอย่างเธอได้เห็นจำนวนเงินของหุ้นแล้ว พูดตามตรงเธอรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทฉู่ซื่ออยู่ที่หุ้นละสามสิบ แต่เขาปล่อยราคาหุ้นออกไปหนึ่งครั้งกลับเป็นสามร้อยล้าน ตัวเลขนี้ไม่น้อยเลยจริงๆ
ผ่านไปไม่ถึงสามนาที หลงเซียวก็ส่งคอมพิวเตอร์มาอีก “คุณภรรยา เงินจ่ายไม่พอใช้ ให้อีกนิดนึงสิครับ?”