ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 778
ตอนที่ 778 นั่งบนบัลลังก์อย่างมั่นคงและรวบรวมเงินอย่างง่ายดาย
ดูเหมือนว่ามีแสงส่องมาจากท้องฟ้าทำให้ความสง่างามทั้งหมดบนร่างกายของชายคนนั้นดูสะอาดและห่างไกลจากกลุ่มฝูงชน
ทุกคนหันไปตามเสียงเพื่อดู และพวกเราก็ต้องตกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นหลงเซียว!
นี่ไม่ใช่หลงเซียวที่มีข่าวลืออยู่ตลอดว่าป่วยจนลุกไม่ขึ้นและใกล้ตายหรอกเหรอ? ทำไมเขาถึงได้ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวดูแล้วไม่มีร่องรอยความเจ็บป่วยใด ๆ เลย? !
ดูไม่ออกเลยสักนิด!
นักข่าวที่เพิ่งแก้ไขต้นฉบับบนแท็บเล็ตและเตรียมส่งข่าว การกระทำทั้งหมดเหมือนถูกสกัดจุด
ตากล้องมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว เขาแพนกล้องเข้าหาหลงเซียว ภายใต้เลนส์ความละเอียดสูงไม่มีความผันผวนทางอารมณ์บนใบหน้าของหลงเซียว
เขายัดไมโครโฟนกลับไปที่มือของนักข่าวและสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา พร้อมกับออร่าที่โดดเด่น
หลงถิงที่ถูกสายตาของเขาจับจ้องยังไม่ทันได้นั่งลง เขาลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าเกร็งและนิ่ง “ดูแล้วข่าวลือคงจะไม่จริง”
หลงเซียวเดินแหวกกลุ่มคนเข้ามา ตามด้วยกลุ่มนักข่าว ข้างกายเขามีจี้ตงหมิงและแอนดี้ขนาบข้าง สองคนทั้งซ้ายขวาเป็นเหมือนแนวป้องกันที่แข็งแกร่ง
“ข่าวลือนั้นจริงหรือไม่ ตอนนี้คุณก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลงถิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นพวกเรามาที่ขั้นตอนสุดท้ายดีกว่า ฉันมีหุ้นบริษัทฉู่ซื่ออยู่ร้อยละสามสิบห้า ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของฉู่ซื่อ วันนี้เป็นวันที่จะต้องมอบตำแหน่ง นายมาก็ดีแล้ว”
หลงเซียวยิ้มเล็กน้อยและเจ้าเล่ห์บนใบหน้า “ร้อยละสามสิบห้า? คุณแน่ใจว่าคุณเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทฉู่ซื่องั้นเหรอ?”
หลงถิงหันหน้าไปทางนักข่าวมองไปที่สมาชิกของคณะกรรมการที่อยู่ในปัจจุบันและกล่าวว่าขึ้นอย่างกำชัย “แน่นอน เมื่อเทียบกับหุ้นร้อยละยี่สิบในมือนาย ฉันมีมากกว่าสิบห้าจุด ฉันยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นประธานคณะกรรมการอีกงั้นเหรอ?”
กู้เยนเซินมองไปที่จี้ตงหมิงที่อยู่ข้างหลงเซียวซึ่งเขาส่งยิ้มกลับมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าจัดการได้แล้ว ไม่ต้องเป็นกังวล เขาพยักหน้าและส่งสัญญาณให้ไป๋เวย
หินก้อนใหญ่ในใจไป๋เวยถูกยกออกจากอกอย่างราบรื่น
รอจนหลงถิงพูดจบ หลงเซียวจึงหันไปมองคณะกรรมการเหล่านั้น “คณะกรรมการทุกท่าน ดูเหมือนทุกท่านจะคลั่งไคล้การเปลี่ยนประธานนี้มาก ทำไมเหรอ? ในช่วงเวลาที่ผมดำรงตำแหน่งประธานบริษัทฉู่ซื่อ ทำให้ทุกท่านต้องขาดทุนงั้นเหรอ? หรือว่าทุกท่านไม่ได้รับความยุติธรรม?”
พวกเขาอยากจะบอกว่าขาดทุนแน่นอนอยู่แล้ว! หุ้นฉู่ซื่อตกลงไปในหลายวันที่ผ่านมา เงินของพวกเขาหดหายไปกว่าครึ่งก่อนจะถึงมือพวกเขา ตอนนี้หุ้นแทบจะกลายเป็นเศษกระดาษ พวกเขาทุบฉู่ซื่อทิ้งก็ถือว่าสุภาพมากแล้ว!
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้และเป็นการดีที่จะพูดคุยกันอย่างลับ ๆ ต่อหน้าหลงเซียวการพูดอะไรสักคำมันเป็นเหมือนอาชญากรรม
ดังนั้นทุกคนจึงเงียบและสำรวจกันเอง จากนั้นก็แกล้งทำเป็นบ้าใบ้อย่างว่าง่าย
หลงเซียวขยับมุมปากเล็กน้อย
กู้เยนเซินหัวเราะอย่างเย็นชา พวกที่ชอบตามน้ำ ในสายตาพวกเขามีเพียงเงินของตัวเอง ไม่มีความคิดที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันแม้แต่น้อย สังคมทุนนิยมที่แปรปรวนนี่นะ ไม่โหดคงอยู่ไม่ได้
เมื่อสำรวจดูท่าทีของเหล่าคณะกรรมการแล้ว หลงเซียวจึงพูดกับหลงถิง “แน่นอนว่าหุ้นร้อยละสามสิบห้านั้นไม่น้อยเลย คุณหลงนั้นมีสายตาหลักแหลม เลือกลงทุนกับบริษัทฉู่ซื่อเป็นเงินมากเท่านี้ ผมต้องเป็นตัวแทนฉู่ซื่อแสดงความขอบคุณคุณ”
ลงทุน?
การซื้อหุ้นฉู่ซื่อร้อยละยี่สิบเป็นการลงทุนเป็นจำนวนเงินไม่น้อย คนเขามาด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเข้ามาเป็นผู้นำ แต่กลับถูกเขาเขียนเพียงคำว่าขอบคุณให้ไป
หลงเซียวพยักหน้าเบา ๆ มันยากที่จะพูดว่าพยักหน้า ในขณะที่หลงถิงกำลังจะเปิดเผยรอยยิ้ม หลงเซียวก็พูดขึ้นอย่างไม่หนักไม่เบาประโยคหนึ่ง
“แต่ว่า การที่คุณหลงคิดผิดแล้วที่คิดว่าถือหุ้นร้อยละสามสิบห้าแล้วจะดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ”
หลงถิงหยิบเอกสารขึ้นมาและเกือบจะโยนใส่หน้าของหลงเซียว “หึ หุ้นร้อยละสามสิบห้า ฉันไม่เชื่อว่าแกจะมีกรรมสิทธิ์ในหุ้นได้มากกว่าฉัน หลงเซียว แกดูสถานการณ์ให้ชัดเจน อย่าพยายามโน้มน้าวผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเพราะราคาหุ้นของฉู่ซื่อลดลง แกจะชดเชยความสูญเสียให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างไร?”
หลงเซียวดูกลุ่มคณะกรรมการที่นั่งเรียงรายอยู่สองด้านของโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ เขายังไม่เข้าใจพวกนี้?
ของเพียงเขากลับมา ราคาหุ้นของฉู่ซื่อจะต้องพุ่งขึ้น เงินที่พวกเขาขาดทุนเสียไปจะถูกส่งกลับเหมือนเดิมหรือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า พวกเขาไม่ใช่คนโง่และรู้ว่าควรเลือกอะไร
“หุ้นของผม ผมต้องรับผิดจนถึงที่สุด แน่นอนว่ารวมถึงคุณหลง”
“หลงเซียว แกอย่ายโสให้มากไป!” หลงถิงโกรธอย่างเห็นได้ชัด ความอดทนของเขาหมดไปกว่าครึ่ง เขาต้องการต่อสู้อย่างรวดเร็วและเตะหลงเซียวออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการ!
หลงเซียวยังคงยิ้มอย่างนิ่งเฉย “คุณหลง ที่นี่คือฉู่ซื่อเป็นถิ่นของผม คำว่ายโสของคำนี้ เหมาะที่จะใช้กับคนนอกมากกว่า”
อย่างเช่น คุณ!
เมื่อเขาพูดจบ จี้ตงหมิงก้าวมาด้านหน้าแล้วเปิดกระเป๋าเอกสารและหยิบระเบียบออกมาแล้วส่งให้หลงถิงสองมือ
“ท่านประธานหลง นี่คือใบหุ้นของฉู่ซื่อที่ประธานของเราถืออยู่ในปัจจุบัน ท่านประธานของเรานั้นมีหุ้นฉู่ซื่ออยู่ในมือทั้งสิ้นร้อยละสี่สิบซึ่งมากกว่าคุณอยู่ร้อยละห้า ยิ่งกว่านั้น ท่านประธานของเรายังมีหุ้นลมมากกว่าคุณอยู่ร้อยละสิบ ดังนั้นเก้าอี้ตัวนี้ เกรงว่าคุณคงจะไม่สามารถนั่งมันได้”
อะไรนะ? !
หลงถิงไม่อยากจะเชื่อ เลยคว้าเอกสารที่มีตราประทับสีแดงติดไว้มันระบุชัดเจนว่าส่วนแบ่งทุนของหลงเซียวอยู่ที่ร้อยละสี่สิบ!
“เป็นไปได้ยังไง? หลงเซียว แกหลอกลวง แกแอบซื้อหุ้นของฉู่ซื่อ นี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย” เขาโยนเอกสารทิ้งลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง พูดคำเดียวก็ทำให้นักข่าวยิ่งตื่นเต้น!
การกระทำผิดกฎหมาย? ข้อกล่าวหานี้มันใหญ่มาก
หลงเซียวเดินตรงปรี่เข้าไป ไป๋เวยลากเก้าอี้ท่านประธานให้เขานั่ง
“คุณหลง การใส่ร้ายป้ายสีดูเหมือนจะเป็นอาชญากรรมร้ายแรงในรัฐธรรมนูญของเรา ผมหวังว่าคุณจะใช้ด้วยความระมัดระวัง” หลงเซียวพูดขึ้นอย่างสุภาพแต่แข็งกร้าว *สี่ตำลึงปาดพันชั่ง ต่อหน้านักข่าวจำนวนหนึ่งเขาดับความหยิ่งผยองของหลงถิงได้เจ็ดหรือแปดสิบเปอร์เซ็นต์
หลงถิงสงบสติอารมณ์และใช้ความอาวุโสถามขึ้น “อ้อ ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายช่วยอธิบายว่าหุ้นเหล่านี้ในมือนายนั้นมีที่มาอย่างไร?”
นี่จะเป็นการขุดรากถอนโคนอาชญากรหรืออย่างไร?
หลงเซียวนั่งอยู่ที่เก้าอี้และหัวเราะออกมาช้า ๆ “แล้วหุ้นของประธานหลงล่ะครับมาจากไหน?”
“ก็ซื้อมาน่ะสิ” แต่จะซื้อมาอย่างไร ซื้อมาจากที่ไหน ช่องทางปกติหรือไม่ ไม่ต้องพูดแม้แต่นิด
“ในเมื่อประธานหลงรู้ แล้วจะมาถามผมทำไม? หรือว่าผมเป็นเพียงกบในกะลา? ถ้าอย่างนั้นขอถามว่านอกจากซื้อมาแล้ว ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่?”
ทันทีที่หลงเซียวพูด จากแง่มุมต่าง ๆ หลงถิงถูกสกัดกั้นและไม่สามารถหักล้างอะไรได้อีก
หลงถิงหน้าดำคร่ำเครียด “หลงเซียว แกอย่าดีใจจนลืมตัว”
“ได้โปรดวางใจ ไม่ว่าจะเวลาไหน ผมยังคงระลึกถึงสถานะของตัวเองเสมอ”
ผมเป็นลูกชายคนโตของตระกูลมู่!
หลงถิงเงียบไปในทันที
กลุ่มนักข่าวเฝ้าฟังบทสนทนาของพวกเขาทั้งสองอย่างตื่นเต้นและไม่กล้าถามอะไรสักคำ ใครก็ตามที่มีสายตาที่ชาญฉลาดจะเห็นได้ว่าถ้าหลงเซียวและหลงถิงต่อสู้เพียงลำพังดูเหมือนหลงถิงคงสู้ไม่ได้
ความสัมพันธ์พ่อลูกกว่าสามสิบปีดูเหมือนจะขาดสะบั้นลงแล้ว
จี้ตงหมิงพูดขึ้นอย่างนอบน้อม “ท่านประธานหลง ที่ของท่านอยู่ทางนี้ เชิญนั่งครับ”
ในฐานะผู้ถือหุ้นของฉู่ซื่อ เขาทำได้เพียงนั่งอยู่ในตำแหน่งของกรรมการเท่านั้น นี่ถือเป็นการดูถูกประธาน MBK
MBK ถือเป็นนายใหญ่แห่งวงการอสังหาฯในเมืองหลวง ถือเป็นราชาแห่งสวรรค์ นับอะไรกับบริษัทฉู่ซื่อ? เป็นเพียงผู้พิพากษาในมุมเล็ก ๆ เท่านั้น แต่กลับให้เขานั่งที่นั่งสำหรับแขก? !
หลงถิงไม่แม้แต่จะมอง เขาหันหลังและพูด “ในเมื่อแกกลับมาแล้ว ต่อไปก็ดูแลฉู่ซื่อให้ดี อย่าก่อเรื่องวุ่นวายอีก ฉันคงจะไม่ตามเช็ดตามล้างให้แกทุกครั้งหรอกนะ!”
เพื่อรักษาหน้า หลงถิงพูดอย่างไร้ความปรานีแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องประชุม เหลียงจ้งซุนเดินตามติดเขาไปอย่างใกล้ชิด พยักหน้าและเก็บแฟ้มบนโต๊ะไป
เมื่อหลงถิงจากไป จากสนามรบและกลิ่นดินปืนได้กลายเป็นสถานที่แห่งการสมานฉันท์ข้อพิพาทภายในของฉู่ซื่อ หลงเซียวหันไปพูดกับจี้ตงหมิง “ปิดประตู”
“ครับ!”
กลุ่มคณะกรรมการจับหางตัวเองแน่น ตอนนี้กลายเป็นพวกกลัวจนตัวงอ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรและรอการลงโทษของท่านเซียว
หุ้นจำนวนร้อยละสี่สิบมากกว่าสัดส่วนที่เขาเคยมีมาก ซึ่งมีความได้เปรียบแน่นอน เขาจะเตะใครออก เป็นเรื่องที่แค่พูดคำเดียวก็พอ
หลงเซียวกลับเปิดคอมพิวเตอร์อย่างเรียบเฉยสีหน้าเย็นชาเล็กน้อยและพูดขึ้น “ประชุม”
ประชุม? ! แค่คำง่าย ๆ สองคำแค่นั้น? คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่คาดโทษคนที่ไม่เชื่อฟังเลย?
ไม่หรอกมั้ง?
แอนดี้ทำหน้าที่แจกเอกสาร “ทุกท่าน หลายวันนี้เนื้อหาการประชุมค่อนข้างเยอะจึงใช้เวลามากกว่าปกติ โปรดเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
คณะกรรมการมองหน้ากัน คนที่แยกแยะบุญคุณความแค้นชัดเจนมาตลอดอย่างท่านเซียวจะไม่ให้พวกเขารับโทษเลยเหรอ? ทำไม?
ด้านนอก
หลงถิงตบเบาะรถ “ให้ตายสิ หลงเซียวไม่ได้ตายแล้ว ทำไมจู่ ๆ ก็ปรากฏตัว!”
เหลียงจ้งซุนก้มหน้าแล้วพูด “เกรงว่าข้อมูลจะไม่ถูกต้อง หรือว่าเขาจะจงใจปล่อยให้พวกเราโดนหลอก”
หลงถิงใบหน้าบูดบึ้งด้วยความหงุดหงิด “ไอ้เลวเอ๊ย! ที่พวกเราลงทุนไปกับฉู่ซื่อก็เสียเปล่าแล้ว?”
เงินไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญคือวันนี้เขาต้องขายหน้าต่อบรรดาหน้าสื่อมวลชน การสูญเสียนี้ไม่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถแก้ไขได้
เหลียงจ้งซุนกระซิบ “เงินพวกนี้เข้ากระเป๋าฉู่ซื่อไปแล้ว เกรงว่าคงไม่ง่ายที่จะถอนกลับมา ขั้นตอนการถอนหุ้นมีความซับซ้อน อีกทั้งการถอนตัวในตอนนี้จะทำให้เราเสียเงินไปจำนวนมาก”
เท่ากับว่าเงินจำนวนนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
หลงถิงทอดถอนใจออกมา นิ้วของเขากุมขมับแน่น “กลบข่าวเสียก่อน เรื่องในวันนี้ยิ่งคนรู้น้อยก็ยิ่งดี”
“ครับ ท่านประธาน ผมจะแจ้งให้สื่อทราบ”
“ไป กลับบริษัท” หลงถิงโกรธจนหน้าเขียวจนต้องเค้นคำพูดเหล่านี้ออกมาจากลำคอ นิ้วที่หยาบกร้านกำเป็นกำปั้นและฟาดออกไปด้วยความโกรธ! ไม่หรอกมั้ง?
เหลียงจ้งซุนนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับและคนขับรถขับรถออกไป โทรศัพท์มือถือสว่างขึ้น เขาเห็นข่าวและพูดขึ้นด้วยความกระวนกระวาย “ท่านประธานครับ ข่าวออกไปแล้ว เร็วกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้ คาดว่าครั้งนี้ พรุ่งนี้หุ้นของMBK คงราคาตกแน่”
“ต่อให้ MBK จะตกลงไปถึงจุดต่ำสุดก็ยังบดขยี้ฉู่ซื่อได้! หลงเซียวไอ้คนเลว ฉันจะไม่ยอมให้มันได้สมหวังอีกต่อไป”
……
สามชั่วโมงผ่านไป การประชุมบอร์ดจบลง คณะกรรมการรู้สึกโล่งใจกับสิ่งที่หลงเซียวพูด พวกเขาทุกคนขอโทษและพูดด้วยถ้อยคำที่ดีและแสดงความภักดีต่อฉู่ซื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลงเซียวทำเหมือนหูทวนลมสำหรับคำพูดเหล่านี้และไม่ได้เชื่อถือ ถึงแม้การแสดงออกจะยิ้มแย้มและพูดว่าทุกคนจะร่วมกันทำเงิน
หลังจากทุกคนแยกย้าย หน้าผากของหลงเซียวบิดเบี้ยวและในที่สุดท่าทางราบเรียบก็ไม่สามารถยันอยู่ได้ ข้อศอกของเขาถูกกดลงบนโต๊ะและเหงื่อเย็นที่หลังของเขาก็ทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกชุ่ม
จี้ตงหมิงรีบเข้าไปพยุงเขา “เจ้านายครับ หมอซุนรอคุณอยู่ที่ห้องทำงาน ผมพยุงคุณไปเอง”
บาดแผลถูกยิงที่หลังของหลงเซียวยังไม่หายดี การฝืนออกมาในวันนี้อีกทั้งการประชุมอีกสามชั่วโมง การกระทำทั้งหมดที่ดูหนักแน่นนี้ทำให้หลังของเขาถูกกดทับมากเกินไปและเกรงว่าจะแย่ลงไปอีก
เขาขมวดคิ้วแน่น หน้าของเขาซีดขาวกว่าเมื่อครู่มาก “เอายาแก้ปวดให้ฉัน”
“ได้ ได้…”
จี้ตงหมิงเทยาออกมาหนึ่งเม็ดและส่งน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว หลงเซียวหยิบยาแล้วยัดเข้าปากแล้วดื่มน้ำในแก้วอึกหนึ่งและกลืนยาลงไป
จี้ตงหมิงไม่สบายใจและไม่กล้าที่จะปล่อยมือ “เจ้านายครับ ผมไปส่งคุณที่บ้านก่อนดีกว่า คุณเป็นแบบนี้ไม่ไหวหรอก”
เขาเอนหลังเบา ๆ บนเก้าอี้และหายใจออก “ตั้งแต่วันนี้ไปหุ้นของฉู่ซื่อจะกระเตื้องกลับมา แต่ MBK จะกดดันฉู่ซื่อไม่ยอมหยุด ต่อไปเรามีการต่อสู้ที่ยากลำบากเพื่อต่อสู้ แจ้งฝ่ายการเงินและการตลาด อีกหนึ่งชั่วโมงมีประชุม”
ประชุม?