ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 779
ตอนที่ 779 ที่รัก ให้ผมกอดหน่อย
มีรายงานประโคมข่าวการประชันระหว่างพ่อ – ลูกทางอินเทอร์เน็ตและความคิดเห็นของสาธารณชนต่างวิพากษ์วิจารณ์หลงถิงอย่างล้นหลามว่าใช้กลยุทธ์ตีชิงตามไฟ มีหลายคนบนโลกอินเทอร์เน็ตที่ไม่ระบุตัวตนสนับสนุนหลงเซียวและเป็นปากเป็นเสียงแทนเขา
ในการประชุมช่วงเวลาสั้น ๆ เว็บไซต์หลัก ๆ ได้รับ “พ่อลูกปะทะ เสือร้ายกินลูกตัวเอง” คำพูดที่ร้ายกาจเหล่านั้นและพัฒนาการของสถานการณ์ก็เกินความคาดหมายไปมาก
ตามแผนการของหลงถิง เขาเข้าซื้อหุ้นของฉู่ซื่อและยึดครองฉู่ซื่อได้อย่างสบายในช่วงที่หลงเซียวนอนซมอยู่บนเตียง เขาตัดเส้นทางชีวิตของหลงเซียว ไม่ให้เขาได้มีโอกาสได้ฟื้นตัวอีกต่อไป
บรรดาผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการก็เลือกจะยอมรับเช่นกันเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และจะปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพและให้เกียรติ แต่คิดไม่ถึงว่าหลงเซียวจะมีโอกาสปรากฏตัวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลงถิงอ่านข่าวผ่านไปหลายหน้า ก็โยนไอแพดทิ้งลงกับพื้น หน้าจอแกร่งถูกเขาทิ้งจนมันแยกออกจากกัน
เหลียงจ้งซุนก้มลงเก็บไอแพดที่แตกกระจายแล้วพูดขึ้นด้วยความระมัดระวัง “ท่านประธาน เพียงแค่ฉู่ซื่อไม่สามารถรุกรานเราได้ ข่าวพวกนี้เป็นกระแสอยู่ได้ไม่นานหรอก MBK เป็นเรือลำใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลกับเรือเล็กอย่างฉู่ซื่อ”
หลงถิงมองเขาและพูดอย่างเย็นชาและอารมณ์เสีย “แกจะรู้อะไร?”
เหลียงจ้งซุนที่ถูกต่าว่าไม่กล้าออกความคิดเห็นอะไรอีก เขาประสานมือไว้ที่หน้าตัก “ครับ ผมไม่ควรพูดมาก”
หลงถิงดื่มน้ำอึกใหญ่ หลังจากพักผ่อนครู่หนึ่งเขาก็เหล่มองเขา “แกอย่าลืมสิว่า MBK พัฒนามาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร หลงเซียวนำ MBK จากสถานการณ์ล้มละลายมาสู่จุด ๆ นี้ในปัจจุบัน ใช้เวลาเพียงสิบปีเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่มีความรู้ขั้นตอนธุรกิจและไม่เคยเข้ามาสัมผัสในวงการนี้อย่างลึกซึ้งด้วยซ้ำ ตอนนี้ล่ะ? เขามองเห็นกฎของเกมอย่างทะลุปรุโปร่ง”
เหลียงจ้งซุนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เมื่อคิดแบบนี้ หลงเซียวใช้ฉู่ซื่อเป็นฐานเพื่อก้าวข้ามผ่าน MBK น่าจะไม่ใช่เรื่องยาก…
“ท่านประธานครับ พวกเราคงจะไม่เอาแต่นั่งรอความตายใช่ไหม?”
นิ้วของหลงถิงกุมขมับแน่นและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนี้ MBK เพิ่งจะถูกคำวิพากษ์วิจารณ์ถล่มยับ ไม่เหมาะที่จะทำการใหญ่”
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะเสียงของหลงถิง เหลียงจ้งซุนตะโกน “ใคร?”
หลงจื๋อตอบเสียงทื่อ ๆ “ผมเอง”
เหลียงจ้งซุนสังเกตสีหน้าและคำพูด “ท่านประธานครับ?”
“ให้เขาเข้ามา แกออกไปก่อน”
หลงจื๋อเปิดประตูเข้ามา เหลียงจ้งซุนก้มศีรษะแล้วเดินออกไป หลงจื๋อปิดประตูและล็อกประตู และร่างตรงก็เดินเข้ามาตรงกลาง “พ่อ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก หากเนื้อหาที่สื่อรายงานเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าเป็นการเปิดโลกให้ผมจริง ๆ”
หลงถิงเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างพิจารณา “อยากจะพูดอะไร? แกจะเข้ามาเยาะเย้ยพ่อตัวเองเหมือนนักข่าวพวกนั้นงั้นเหรอ?”
หลงจื๋อใช้สองมือยันโต๊ะ ก้มตัวและหัวเราะเจื่อน “ผมจะกล้าได้ยังไง? พ่อฉลาด ขนาดนี้พี่ใหญ่ยังคิดจะเอาเปรียบ แล้วผมจะกล้าท้าทายพ่อได้ยังไง ผมมาหาพ่อก็เพื่อจะมาเตือนเท่านั้น พี่ผมไม่ใช่ลูกพลับอ่อน อย่าละโมบโลภมาก อย่าทำให้เรื่องให้มันดูแย่เกินไปเลย”
ดวงตาที่เย็นชาของหลงถิงทะลุเข้าไปในรูม่านตาของหลงจื๋อและมองเห็นส่วนลึกของหัวใจ “เสี่ยวจื๋อ แกกล้าขู่ฉันงั้นเหรอ? แกเชื่อไหมล่ะว่าฉันไล่แกออกจาก MBK ได้ในตอนนี้เลย?”
“ผมเชื่อ แต่พ่อทำไม่ได้ ผมเป็นทายาทคนเดียวของMBK ไม่ใช่เหรอ?” หลงจื๋อยิ้มอย่างอ่อนโยนและไม่รู้สึกว่าตนเองกำลังข่มขู่เขาเลยสักนิด
หลงถิงขว้างแก้วที่อยู่บนโต๊ะลงพื้นแตกดัง “เพล้ง”!
“หลงจื๋อ แกคิดว่าแกปีกกล้าขาแข็งแล้วงั้นเหรอ? งั้นก็ดี ฉันจะเตือนแกให้นะว่าแม่แกอยู่ในมือฉัน เธอจะอยู่หรือตายทุกอย่างขึ้นกับการแสดงออกของแก อีกอย่างแกคิดว่าวันนี้หลงเซียวชนะแล้วก็จบกันงั้นเหรอ? แกไปเช็คดูว่าเงินทุนและหุ้นของMBK แล้วลองไปดูว่าฉู่ซื่อเป็นยังไง แล้วจะเข้าใจ ให้ฉันเล่นงานฉู่ซื่อให้แหลกมันง่ายกว่าการบี้มดให้ตายเสียอีก!”
สีหน้าของหลงจื๋อเปลี่ยนไปอย่างมากนิ้วที่โค้งงอของเขาเกร็ง “พ่อ พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง!”
สีหน้าของหลงถิงนิ่งงัน น้ำเสียงเฉกเช่นปีศาจ “ฉันทำอย่างนี้? ทางที่ดีแกลองไปสืบดู หลงเซียวทำอะไรไว้ แกคิดว่าเล่นอย่างยุติธรรมแล้วจะช่วยบริษัทไว้ได้? ฝันไปเถอะ ฉันบอกแกได้เลย ต่อให้ฉันไม่บีบฉู่ซื่อ ก็สามารถหาทางทำให้เขาหมดหนทางได้”
“พ่อ เป็นพ่อลูกกัน พ่อใจดำขนาดนี้! สามสิบปีก่อนพ่อทำร้ายพ่อของเขา ตอนนี้ยังจะทำร้ายเขาอีก!”
“เพี๊ยะ!”
หลงถิงง้างมือตบ นิ้วทั้งห้าของเขาประทับลงบนใบหน้าของหลงจื๋อ จนเป็นรอยแดงบนใบหน้า
“สารเลว! ใครบอกแก!”
หลงจื๋อโดนเขาตบจนหน้าหันและหันกลับมา “พ่อบันดาลโทสะแบบนี้? ดูแล้วคงจะจริง ผู้ที่มีส่วนในคดีฆาตกรรมตระกูลมู่ตอนนั้น มีพ่อ ใช่รึเปล่า?”
ใบหน้าของหลงถิงเย็นชาและเยือกเย็นกว่าเดิม “ไสหัวไป!”
“พ่อ กลับตัวเถอะ!”
“ไสหัวไป!”
……
หลงจื๋อกลับมาที่ห้องทำงานและนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความสิ้นหวังเขาไม่รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะพัฒนาไปสู่สถานการณ์ในปัจจุบัน สิ่งนี้อยู่เหนือการควบคุมของเขา เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้ว
ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาสั่นอยู่บนโต๊ะ
หลงจื๋อหยิบมันขึ้นมาและเป็นเบอร์ของหลินซีเหวิน
“หลงจื๋อ ฉันเห็นข่าวแล้ว นายไม่เป็นไรนะ? นายคงไม่ได้ไปคุยกับพ่อหรอกใช่ไหม?” นี่คือสิ่งที่หลินซีเหวินกลัว
“คุยแล้ว โดนตบมาทีหนึ่ง” ส่วนเรื่องสาเหตุนั้นหลงจื๋อไม่คิดจะเล่าให้เธอฟัง มันจะลุกลามใหญ่โต ยิ่งกว่านั้นจะกลายเป็นเรื่องบ้านแตกสาแหรกขาด
หลินซีเหวินหลับตาลงอย่างหดหู่ “ฉันรู้แล้ว…คุยแล้วก็แล้วไป นายไม่เป็นไรนะ?”
“ยังดี อีกเดี๋ยวมีประชุม”
หลินซีเหวินได้ยินเสียงของเขาและรู้ว่ามันไม่ดีแน่ “หลงจื๋อ ความขัดแย้งระหว่างพ่อนายกับพี่นายมันลึกเกินไป ทางที่ดีที่สุดนายอย่าเข้าไปยุ่งเลย นายห้ามพ่อนายไม่ได้และไม่สามารถจะปกป้องพี่ชายได้ ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนายคือทำเรื่องของตัวเอง ไม่อย่างนั้นถ้ายั่วโมโหพ่อนายแล้วโดนไล่ออกมาล่ะก็ พี่นายจะไม่เหลืออะไรเลย”
หลงจื๋อรู้สึกประหลาดใจหลินซีเหวินหมอในเสื้อคลุมสีขาวรู้เยอะขนาดนี้เชียวหรือ “ซีเหวิน คุณรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?”
“ฉันถามพ่อของฉัน เขาบอก พ่อฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนนาย ฟังเขาพูดไม่มีทางพลาด ยิ่งกว่านั้นพ่อฉันรักนายขนาดนั้น นายเป็นลูกเขยเขา เขาต้องปกป้องนายอยู่แล้ว”
หลงจื๋อหัวเราะอย่างขุ่นเคืองใจ “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอบคุณคุณพ่อตา”
ไม่รู้ด้วยเหตุใดหลงจื๋อจึงรู้สึกไม่ค่อยดี เขามักรู้สึกอยู่เสมอว่าความห่วงใยของหลินเหว่ยเย่ที่มีต่อเขาไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ว่าบริสุทธิ์ใจตรงไหนนั้น เขาก็พูดไม่ออก
เมื่อดูข่าวอีกครั้ง หลงจื๋อก็พูดขึ้นด้วยอย่างปวดหัว “คุณทำงานดี ๆ ล่ะ ผมไปประชุมก่อน”
ข่าวยังคงดำเนินต่อไปและในพริบตาก็มาถึงช่วงปิดการซื้อขายช่วงบ่าย
ช่วงเวลาปิดทำการซื้อขายตรงกันกับช่วงที่หลงเซียวประชุมรอบสุดท้ายเสร็จพอดี หลังจบการประชุมจี้ตงหมิงพูดขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา “เจ้านายครับ เริ่มกลับมาแล้วและเห็นผลทันที”
หลงเซียวพยักหน้า “ดี”
กู้เยนเซินมองไปที่หลงเซียวดังมองดูเทพเจ้า “ผมว่านะคุณชายหลง คุณยังไม่ประชุมต่ออีกใช่รึเปล่า? วันนี้ผมใจหายใจคว่ำ ผมกลัวจริง ๆ ว่าคุณจะทนไม่ไหวและล้มลงในห้องประชุม”
หลงเซียวไม่ได้ล้มลง แต่เขากินยาแก้ปวดไปแล้วสามเม็ดและไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไปแล้ว “ไม่ประชุมแล้ว เตรียมรถ ผมจะกลับบ้าน”
จี้ตงหมิงรีบโทรหาหยังเซินและพูดขึ้น “คุณหมอซุนจะกลับไปเป็นเพื่อนคุณและสามารถทำการรักษาคุณระหว่างทางได้”
หลงเซียวปลดเนกไทและยิ้ม “เขา? หมอซุนคงช่วยฉันไม่ได้หรอก”
ลุกขึ้นออกจากที่นั่งร่างยาวของหลงเซียวเดินออกจากห้องประชุม
“เอ๊ะ? ถ้าหมอซุนยังไม่ได้? คุณชายหลงอย่าทำให้ผมกลัวสิครับ ผมลงทุนให้คุณตั้งมาก ผมเป็นเจ้าหนี้คุณนะ คุณอย่าทิ้งสิ”
หลงเซียวมองกลับมาที่เขาอย่างเย็นชา “นายมองฉันดีหน่อยไม่ได้? ฉันจะกลับบ้านไปหาลูกเมีย”
อ๋อ…หมายความว่าอย่างนี้ เขาต้องการความอบอุ่นจากครอบครัว ดังนั้นหมอซุนจึงไม่ช่วยอะไร? เขาจะพูดให้ชัดเจนไม่ได้รึไง? ทำคนตกใจหมด!
หยังเซินขับรถพาหลงเซียวกลับบ้าน พอเขาถึงประตูวิลล่า ลั่วหานก็ออกมา “ฉันเห็นข่าวแล้ว วันนี้ฉู่ซื่อชนะ…เฮ้ย!”
ก่อนที่เธอจะพูดจบด้วยความตื่นเต้นร่างสูงของหลงเซียวก็ล้มลงในอ้อมแขนของเธอเหมือนภูเขา ลั่วหานตกใจรีบประคองเขาด้วยมือทั้งสองข้าง
“หลงเซียว คุณเป็นอะไร? คุณอย่าทำให้ฉันตกใจสิ!”
ลั่วหานตกใจกลัวจนหน้าซีด พยุงเขาไว้และไม่กล้าขยับ
หลงเซียวซบไหล่และแขนยาวโอบรอบเอวของเธอ “ให้ผมพิงนิดสิ เหนื่อยนิดหน่อย”
ลั่วหานปวดใจและพิงประตูและกอดเขาแน่น “ประชุมทั้งวันเหรอ?”
“อืม ในที่สุดก็โจมตี ฉู่ซื่อประสบความสำเร็จในการลงทุนจากหลงเซียว ตอนนี้หลงถิงเป็นผู้ถือหุ้นของฉู่ซื่อ เพื่อประโยชน์ของเขาเอง เขาไม่สามารถจะทำอะไรฉู่ซื่อได้ในระยะนี้”
ลั่วหานไม่มีแก่ใจจะสนใจเรื่องนี้ “ได้ ๆ ๆ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ให้ตายสิหลงถิงทำให้สามีฉันเหนื่อยถึงไหนกันเนี่ย ทางที่ดีเขาอย่าได้ป่วยเลย ไม่งั้นฉันจะเย็บเขาหลายสิบเข็ม ให้เขาตายไปเลย!”
หลงเซียวหัวเราะร่วน “หมอฉู่ ไม่ช่วยผู้บาดเจ็บแล้วเหรอ?”
ลั่วหานหน้ามุ่ย “ช่วยสิ! แต่ฉันไม่ใช่สัตวแพทย์ ไม่รักษาสัตว์!”
เป็นการเปรียบเทียบที่ดี หลงเซียวชอบมันมาก “อือ เป็นหมอที่ดีจริง ๆ”
หลงเซียวพิงไหล่ลั่วหานอยู่ครู่หนึ่งและไม่ยอมทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงไปที่ตัวเธอ และยืนตรงหลังจากมีกำลังกลับมา “ลูกสาวล่ะ?”
ลั่วหานถูคางแล้วยิ้ม “อยู่ข้างใน แม่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ยังมีนะ…วันนี้พ่อกับแม่ของฉันก็มาจากอเมริกา ตั้งใจเพื่อเยี่ยมหลานของพวกเขา คุณ…ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
อะไรนะ?
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลงเซียวก็ขมวดคิ้ว “พ่อแม่คุณมาเหรอ? ทำไมไม่บอกให้เร็ว ๆ หน่อย?”
ลั่วหานยักไหล่อย่างไร้เดียงสา “ฉันก็คิดนะ แต่ข่าวก็กำลังร้อนแรง ฉันคงไม่สามารถทำให้หลังบ้านมีเรื่องอะไรอีกหรอก? พ่อแม่ฉันพูดจาดี คุณผ่อนคลายเถอะ”
ผ่อนคลายสิแปลก ไม่ว่าจะพูดดียังไงก็เป็นพ่อตาแม่ยายของตัวเอง
หลงเซียวกำลังคิดว่าจะพูดจากับเฉียวหย่วนฟานและได้มิ้นอย่างไร ใครจะรู้ว่าที่ด้านหลังจะมีคนพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม คนที่พูดก่อนคือได้มิ้น เธอนั่งอยู่บนรถเข็นและเงยหน้ามองหลงเซียว “เมื่อกี้ฉันยังงงว่าทำไมถึงไม่เข้าบ้าน ที่แท้ทั้งคู่ก็มาพลอดรักกัน”
ลั่วหานยิ้มพูดอย่างเขินอาย “แม่คะ ออกมาตอนไหนคะเนี่ย?”
ได้มิ้นเอียงศีรษะเพื่อแกล้งพวกเขา “ก็ตั้งแต่ตอนที่ลูกเขยแม่รักแกลูกสาวแม่”
เฉียวหย่วนฟานพูดด้วยใบหน้าสงบและพับแขนเสื้อขึ้น “ลูกเขยอะไรกัน? ตอนนี้คุณไม่ใช่ลูกเขยของผม!”