ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 790
ตอนที่ 790 ฉันก็แค่อยากอ้อน
ลั่วหานนอนหลับอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตื่นขึ้น เนื่องจากเธอหลับสนิทและคล้ายกับฝันถึงอะไรบางอย่างที่น่าตื่นเต้น แต่เธอก็กลับมาตื่นขึ้นเสียก่อน
เธอลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง แสงแดดจากนอกหน้าต่างส่องมากระทบบนใบหน้าเธอ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหลงเซียวนั่งอยู่บนโซฟา เขาวางคอมพิวเตอร์ไว้บนตักและกำลังพิมพ์ไปที่แป้นคีย์บอร์ด
ลั่วหานไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา เพียงแค่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มเพื่อมองดูเขา แสงอาทิตย์อันอบอุ่นจากนอกหน้าต่างกระทบเข้าที่ใบหน้าของเขา ยิ่งทำให้เป็นประกายมีออร่า
เมื่อรู้สึกได้ว่าเธอกำลังมองเขาอยู่ หลงเซียวก็หยุดเคาะคีย์บอร์ดแล้วถามขึ้นว่า “ตื่นแล้วเหรอ?”
ลั่วหานกดผ้านวมลงและแอบมองเขาเหมือนลูกแมว เธอตอบกลับไปว่า “ค่ะ เพิ่งตื่นเมื่อสักครู่ กำลังมองสุดหล่อนั่งทำงานอย่างขยันขันแข็งเชียว”
ได้ยินมาว่าผู้ชายเวลาจริงจังขึ้นมาจะดูหล่อและมีเสน่ห์ เขาเป็นตัวแทนที่บ่งบอกได้ดีที่สุด ตอนที่เขาตั้งใจทำงานมันช่าง……หล่อไร้ซึ่งคำบรรยาย!
คอมพิวเตอร์วางอยู่บนหน้าตัก เขายังอ่านอีเมลไม่จบ “ถือว่าคุณกำลังชมผมอยู่แล้วกันนะ จะลุกเลยไหมครับ?”
ลั่วหานเหยียดแขนสองข้างออกมาจากผ้าห่ม แขนของเธอเสียดสีเข้ากับผ้าห่มทำให้ปกเสื้อเผยอ เผยให้เห็นผิวขาวด้านใน เธอกระดิกนิ้วแล้วพูดว่า “ค่ะ อุ้มฉันหน่อย!”
หลงเซียวยิ้มอย่างเงียบๆแล้วพูดว่า “ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
เขาวางคอมพิวเตอร์ลง ขาเรียวยาวของเขาเดินก้าวเข้าไป มือทั้งสองข้างโอบไปที่บ่าของเธอ แล้วค่อยๆไล่ลงเพื่อจะอุ้มเธอขึ้นมา แต่กลับถูกลั่วหานล็อกคอเอาไว้ จึงทำให้หลงเซียวล้มลงบนเตียง
หลงเซียวไม่สามารถหลบได้ทัน จึงทับลงไปบนร่างกายเธอ คางของเขาสัมผัสเข้าตรงกระดูกไหปลาร้า “ลั่วลั่ว……”
ลั่วหานหัวเราะขึ้น นิ้วเรียวยาวของเธอจับไปที่ผมของเขาจากนั้นลูบไล้มัน พูดด้วยเสียงกระเส่าว่า “เมื่อสักครู่ฉันนอนหลับฝันไป แล้วตอนที่ฉันตื่นมาก็อยากจะทำกับคุณแบบนี้”
หลงเซียวได้ยินดังนั้นก็กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกกลิ้งไปมา การทับอยู่บนร่างกายเธอแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับเข้าใกล้ภูเขาไฟเลย ความปรารถนาของชายหนุ่มถูกจุดขึ้นมา “ครับฝันว่าอะไร?”
ลั่วหานโอบเขา ลมหายใจของทั้งสองคนประสานกันอย่างอบอุ่น รู้สึกจักจี้เล็กน้อย “ฉันฝันว่า พวกเราย้อนกลับไปตอนเรียนมหาวิทยาลัย คุณเองก็เหมือนกัน พวกเราพบกันครั้งแรกในสวนดอกไม้ของมหาวิทยาลัย คุณสวมเสื้อสีขาวกางเกงสีดำ ถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือ”
เมื่อเธอนึกถึงฉากในความฝันนั้นและมองไปยังใบหน้าที่อยู่ตรงข้ามกับเธอตอนนี้ คล้ายกับว่าความฝันนั้นคือความจริง ใช่แล้ว!ชายหนุ่มคนที่ใส่เสื้อสีขาวคนนั้นทะลุมิติออกมาแน่ๆ
หลงเซียวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ที่จริงดูจากเวลาแล้วตอนที่คุณเรียนมหาวิทยาลัย ผมเองก็อยู่ที่ประเทศอเมริกาด้วย เพียงแค่พวกเราไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน”
ดวงตาของลั่วหานทอดยาวแล้วยิ้มว่า “คุณว่าพวกเราเคยเจอกันที่อเมริกามาก่อนไหมคะ?หรือพวกเราเคยเจอกันที่ไหนสักแห่งหรือเปล่า?แต่พวกเราไม่รู้จักกันหรืออาจจะเคยเดินผ่านสวนทางกันก็ได้”
หลงเซียวทำท่าครุ่นคิด “ก็อาจจะเป็นไปครับ ได้อเมริกาไม่ได้ใหญ่โต สถานที่สำคัญก็มีไม่กี่ที่ พวกเราน่าจะเคยไปที่เดียวกันมาก่อน”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นค่ะ!”
หลงเซียวกดทับมาที่หน้าอกของเธอด้วยลมหายใจไม่สม่ำเสมอเขาพูดว่า “คุณแน่ใจนะว่าจะให้ผมนอนอยู่แบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ขึ้นมา คุณจะโทษผมไม่ได้นะ!”
ลั่วหานหาวขึ้นแล้วพูดว่า “เอาล่ะค่ะ ช่วยพยุงฉันขึ้นที ตอนนี้คุณอุ้มฉันไม่ไหว”
หลงเซียวจับมือเธอให้ลุกขึ้นจากเตียง แล้วหวีผมที่ยุ่งเหยิงจากการนอนของเธอ “ไปล้างหน้าก่อนนะครับ”
ลั่วหานดึงรองเท้าแตะเข้ามาสวม จากนั้นคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ ใช่แล้ว!คุณพบถังจิ้นเหยียนหรือยังคะ เขาอยู่ที่ไหน?”
หลงเซียวขมวดคิ้ว นี่เธอนอนหลับไปแล้วทำไมยังไม่ลืมเรื่องนี้อีกนะ!
“ยังไม่เร็วขนาดนี้หรอก อาหย่งกำลังตรวจสอบอยู่ พวกเราไม่ได้เป็นหน่วยข่าวกรองของอเมริกานะครับ ให้เวลาเขาหน่อยโอเค?”
ลั่วหานยักไหล่แล้วพูดว่า “เอาเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปที่โรงพยาบาลหน่อยนะคะ ตอนนี้ที่นี่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร”
“ครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขับรถไปเองก็ได้ ฉันอยู่ไฟครบแล้วตอนนี้ร่างกายฟื้นฟูดีมากแล้วค่ะ แต่ว่าคุณยังเป็นผู้ป่วยอยู่เลย”
ลั่วหานเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ จากนั้นก็ได้ยินเสียงน้ำไหล
หลงเซียวจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาจางหย่งแล้วถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
จางหย่งพูดอย่างเศร้าโศกว่า “เจ้านายครับ กำลังพยายามยื้อชีวิตพ่อของถังจิ้นเหยียน ตอนนี้ยังไม่สิ้นสุด แม่ของถังจิ้นเหยียนเป็นลมไปเนื่องจากภาวะโศกเศร้า เจิ้งซิ่วหยากำลังดูแลแม่ของเขา ถังจิ้นเหยียนกำลังรอพ่อของเขา ครอบครัวพวกเขาคงจะ……”
หลงเซียวเอามือคลำไปที่ขมับ “เดี๋ยวถ้าคุณผู้หญิงถามเรื่องถังจิ้นเหยียนให้ตอบเธอไปว่ายังไม่รู้นะ”
จางหย่งสะดุ้งเล็กน้อย “เอ่อ ได้ครับ”
หลังวางสายลงลั่วหานเดินออกมาพอดี เธอล้างหน้าแล้วแต่งหน้าบางๆ “หลงเซียวคะ คุณมีเรื่องอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า?”
ลั่วหานยืนพิงไปที่ประตูแล้วถามเขา
“มีครับ”
“ฉันว่าแล้วเชียว บอกมาเลยนะคะว่าถังจิ้นเหยียนอยู่ที่ไหน?”
หลงเซียวหัวเราะแล้วพูดว่า “เมื่อสักครู่คุณละเมอ ในฝันคุณสารภาพรักกับผม บอกว่าผมเป็นรักแรกพบของคุณ”
ลั่วหาน “……”
เปลี่ยนหัวข้อคุยด้วยมุกตื้นๆแบบนี้เหรอ พอเถอะ
“เอาล่ะครับ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว ตอนนี้ข่าวของถังจิ้นเหยียนผมยังไม่รู้ คุณไปโรงพยาบาลเถอะครับคนไข้คงจะคิดถึงคุณแย่แล้ว” หลงเซียวคิดว่าการปล่อยให้เธอไปโรงพยาบาลที่ค่อนข้างจะเป็นแหล่งปิดของข่าว คงจะสามารถปกปิดสถานการณ์ที่แท้จริงของถังจิ้นเหยียนได้
……
ลั่วหานขับรถไปยังโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ในแผนกหัวใจต่างพากันตื่นเต้น
พวกเขาเพิ่งดูข่าวงานครบรอบหนึ่งเดือนของชูชูไปเมื่อเช้า ลั่วหานได้กุมอำนาจไว้ในมืออย่างเด็ดขาด ในตอนบ่ายพวกเขาได้เจอเข้ากับลั่วหานตัวจริงก็รู้สึกเหมือนกับเจอไอดอล
คุณหมอซุนและคุณหมอหวางที่กลับมาทำงานตามปกติแล้ว อีกทั้งพยาบาลทั้งหลายในแผนกผ่าตัดหัวใจ ก็พากันยกย่องเธอขึ้น
“คุณหมอฉู่สุดยอดเลย! คลิปวิดีโอครบรอบหนึ่งเดือนของเจ้าตัวเล็กเป็นที่นิยมมาก คุณและคุณชายหลงเก่งมากจริงๆ เป็นคู่สามีภรรยาที่เก่งที่สุดในจักรวาล!”
“คุณหมอฉู่!คุณหมอฉู่!เจ้าหญิงน้อยของพวกเราหน้าตาเป็นยังไง ช่วยโพสต์ให้เพื่อนๆเห็นหน่อยสิ เราจะได้เห็นหน้าตาใกล้ๆขององค์หญิงน้อยสักที!”
“หลินซีเหวินบอกว่าชูชู น่ารักแบบไร้คำบรรยาย ขนตายาวงอนชี้ขึ้นฟ้า ได้โปรดให้พวกเราเห็นขนตาของเธอก็ยังดี”
ผู้คนและคำพูดต่างๆนานาล้วนถามถึงชูชู ลั่วหานยิ้มแล้วพูดว่า “อยากจะเห็นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นช่วยทำบันทึกการวินิจฉัยและการรักษาของเดือนนี้ให้ดี ถ้าทุกคนผ่านมาตรฐานฉันจะลงรูปให้ดู”
“จริงหรอคะ ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้!”
คุณหมอหลายๆคนเมื่อได้ยินดังนั้นก็หันหลังกลับไปทำงาน
คุณหมอซุนและคุณหมอหวางคุ้นเคยกับกลอุบายเหล่านี้ของเธอดี จึงไม่ได้ขยับไปไหน “คุณหมอฉู่ ครั้งที่แล้วคุณให้พวกเราเขียนรายงาน แต่พอเราเขียนมันเสร็จสุดท้ายก็ถูกหลอก เจ็บใจจริงๆ!”
คุณหมอหวางกอดขาตัวเองอย่างน่าสงสาร “คุณหมอฉู่ ฉันเกือบจะตายในหน้าที่แล้วนะ”
“ถ้าครั้งหน้าตายในหน้าที่จริงๆก็มาหาฉันนะคะ เอาล่ะ สู้ๆคุณหมอหวาง การประเมินใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว”
ลั่วหานยิ้มแล้วเดินจากไปอย่างสง่า
คุณหมอซุนและคุณหมอหวางได้แต่หันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างขมขื่น “รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เหนื่อยใจจริงๆ!”
ลั่วหานกลับมายังห้องทำงานแล้วสวมชุดคลุมสีขาวเข้าไป หลายวันมานี้ที่ห้องทำงานของเธอมีคนคอยทำความสะอาดเสมอ บัดนี้ภายในห้องจึงได้สะอาดสะอ้านเหมือนกับตอนที่เธอจากไป เธอนำปากกาใส่ไว้ที่กระเป๋าหน้าอก และใส่ป้ายชื่อ ลั่วหานหันหลังเดินไปที่โต๊ะพยาบาลแล้วถามถึงห้องพักของอานอาน จากนั้นเดินตรงไปยังห้อง ICU
ลั่วหานเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป จ้าวฟางฟางนั่งอยู่ที่หัวเตียง สายตาของเธอสิ้นหวังเหม่อมองมาทางลูกชายด้วยความมืดมน
คิดไม่ถึงว่าลั่วหานจะมาอย่างละทันหันแบบนี้ จึงทำให้จ้าวฟางฟางรู้สึกตกตะลึง “คุณหมอฉู่!คุณ…คุณมาได้ยังไง?”
ลั่วหานนำมือสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก้มมองลงไปดูตาแดงบวมของเธอแล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ถ้าฉันมาช้ากว่านี้ คงจะต้องไปหาคุณที่ห้องเก็บศพแล้วล่ะ”
จ้าวฟางฟางก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “คุณรู้ทุกอย่างแล้วสินะ?”
“เล่ามาเถอะ ทำไมต้องลงมือกับอานอานด้วย ตอนนี้ร่างกายเขาดีมากแล้วเดิมทีสมควรจะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนี้ แล้วตอนนี้ล่ะ?ถูกคุณทำให้เป็นแบบนี้ !” ลั่วหานพูดออกมาโดยไม่รู้สึกเห็นใจ แต่ละคำช่างบาดแทงหัวใจ
น้ำตาของจ้าวฟางฟางร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง เธอพูดทั้งน้ำตาว่า “ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะ ถ้ายังพอมีวิธีบ้างฉันก็ไม่อยากจะทำร้ายอานอาน แต่ว่าฉัน……ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ ตระกูลเสิ่นไม่รับฉันอีกต่อไป!”
คิ้วดำเข้มของลั่วหานขมวดเข้ามารวมกัน “อะไรนะ?”
จ้าวฟางฟางร้องไห้แล้วพูดว่า “ตระกูลเสิ่นการลงทุนล้มเหลวในไห่วาน อีกทั้งเหตุผลอื่นๆทำให้หุ้นของบริษัทเสิ่นซื่อลดลงอย่างรวดเร็ว ตระกูลเสิ่นกำลังดิ้นรนอยู่ในเมืองเจียงเฉิง เสิ่นคั่วอารมณ์ไม่ปกติ เขาทำร้ายฉันทุกวัน ฉัน ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!”
เธอพับแขนเสื้อขึ้น แขนขาวของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นทั้งเก่าและใหม่ บริเวณที่เป็นหนักก็ยังปรากฏรอยฟกช้ำเป็นเลือด
ลั่วหานตกตะลึงมากที่เห็นดังนั้น “ความตายไม่ใช่ทางออก ตอนนั้นที่เธอแต่งงานเข้าไปในตระกูลเสิ่นก็เพราะเห็นแก่ทรัพย์สินของตระกูลเสิ่นไม่ใช่หรือ?ทำไมถึงไม่รอต่อไป?”
จ้าวฟางฟางร้องไห้เธอพูดออกมาไม่เป็นศัพท์ “รอไม่ไหวแล้ว ฉู่ซีหรานเธอไม่ให้โอกาสฉันอีกแน่นอน ถ้าฉันตายไปเธอก็จะทำร้ายอานอาน ฉันจะปล่อยเขาไว้คนเดียวไม่ได้ ทรัพย์สินอะไรทุกอย่างฉันไม่เอาแล้ว ไม่ต้องการเลยจริงๆ!ฉันเพียงแค่อยากจะอยู่กับลูกชาย”
ฉู่ซีหราน เธอช่างโหดร้ายจริงๆ!
ลั่วหานกำมือของเธอไว้แน่น “ไม่ใช่เรื่องยากเข็ญอะไร ฟังฉันนะ คุณและอานอานจะไม่เป็นอะไรเด็ดขาด”
จ้าวฟางฟางคล้ายกับกำลังจับมือของต้นหญ้าอ่อนผู้ช่วยชีวิต ขาของเธออ่อนลงและคุกเข่าต่อหน้าลั่วหาน “จริงเหรอ คุณจะช่วยฉันหรือ?”
ลั่วหานรีบจับเธอขึ้นมา “อย่าคุกเข่าต่อหน้าฉันเชียว เดี๋ยวฉันอายุสั้น ใช่แล้วค่ะ ฉันช่วยคุณได้ ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากการควบคุมของเสิ่นเหลียวโดยเร็วที่สุด
แม้ว่าจะพูดประโยคนี้ออกไปแล้ว แต่จะทำอย่างไรลั่วหานเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
“ค่ะ ฉันเชื่อคุณ แต่ว่าทำไมคุณต้องช่วยฉันด้วย ความร่วมมือก่อนหน้านี้ที่เราตกลงกันไว้ ฉัน ฉันช่วยคุณไม่ได้!” จ้าวฟางฟางก้มหน้าด้วยความละอายใจ
“อาจเป็นเพราะพวกเราต่างเป็นแม่คนก็ได้ค่ะ” ลั่วหานมองไปทางอานอาน ร่างกายของเขาดูเจ็บปวดขนาดตอนนอนยังขมวดคิ้ว มองแล้วช่างน่าสงสารเหลือเกิน
เมื่อเดินออกมาจากห้อง ICU ลั่วหานก็ได้กลับไปดูคนไข้ในแผนกผู้ป่วยก่อนหน้านี้ และได้พบเข้ากับหวาเทียน
หวาเทียนออกมาจากห้างสรรพสินค้าเมืองแห่งนางฟ้าเมื่อเช้าหลังจากได้รับเคสฉุกเฉิน เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาดูแลคนไข้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นลั่วหาน หวาเทียนก็ตัวแข็งทื่อด้วยความเคยชิน
“คุณหมอฉู่มาได้ยังไงกันครับ คุณเริ่มทำงานแล้วเหรอ?”
ลั่วหานยักคิ้วถามว่า “ไม่ได้เหรอคะ?”
“ได้ ได้ ได้ครับ! ได้แน่นอน! ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว พวกคนไข้ทั้งหลายที่ผมช่วยดูแลแทนคุณเนี่ยไม่เบาเลย เหนื่อยจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว คุณหมอถังก็ยังหายไปกลางคันอีก ผมกำลังปวดหัวอยู่เลย”
หวาเทียนพูดบลาๆๆออกมาอย่างตื่นเต้น
“คุณได้ข่าวคราวของคุณหมอถังบ้างไหม?”
“ไม่เลยครับ โทรศัพท์ก็โทรไม่ติดWeChat ก็ไม่มีคนตอบ ช่องทางอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมกลัวว่าเขาจะถูกคนจับตัวไปเรียกค่าไถ่แล้วล่ะ” หวาเทียนเบ้ปากพูด
ลั่วหานก็กำลังเป็นห่วงอยู่เช่นกัน “ไม่หรอกค่ะ”
หวาเทียนโบกไม้โบกมือและกล่าวต่อไปว่า “ผมกลับไปที่ห้องทำงานก่อนนะครับ อ้อ ใช่แล้ว! หลินซีเหวินกำลังอยู่ที่ห้องผ่าตัด ผมนับถือเพื่อนหมอของโรงพยาบาลเราจริงๆ ตอนเช้าแต่งตัวสวยงามถือแก้วแชมเปญ ตอนบ่ายกลับสวมชุดเสื้อคลุมสีขาวช่วยเหลือผู้ป่วย เปลี่ยนบทบาทได้โดยไม่มีแรงกดดันเลย”
ลั่วหานโบกมือเป็นสัญญาณให้เขารีบไปซะไม่ต้องพูดมาก
หลังจากนั้นเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาจางหย่ง
เมื่อจางหย่งเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของนายหญิง มือถือที่อยู่ในมือของเขาก็กระเด็นกระดอนกว่าจะจับให้มั่นคงได้ จากนั้นเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณนายครับ มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่า?”
ลั่วหานถามอย่างเย็นชาว่า “หลงเซียวให้คุณตรวจสอบถังจิ้นเหยียนใช่ไหม คุณพบอะไรบ้าง?”
เป็นจริงดังคาด เจ้านายของเขารู้ไปซะทุกเรื่อง
“ยังตรวจสอบไม่พบเลยครับ ผมสงสัยจริงๆว่าคุณหมอถังหายตัวได้หรืออย่างไร แม้แต่ขนสักเส้นก็หาไม่พบ” จางหย่งรีบทำตามคำสั่งของเจ้านาย
“อย่างนั้นเหรอ?”
ลั่วหานยิ้มแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “จางหย่ง คุณไม่ได้เรียนจิตวิทยามาใช่ไหม?การพูดที่ละเอียดมากเกินไปแบบนี้เป็นการโกหก บอกมาตามตรงว่าเขาอยู่ที่ไหน?