ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 813
ตอนที่ 813 สติป่วย ทำไมไม่รักษา
ลั่วหานจับเครื่องฟังตรวจไว้ เดินไปใกล้กับหลงถิงทีละก้าวๆ
หลงถิงจ้องมองสีหน้าของเธอ กดโต๊ะไว้ “คุณจะทำอะไรหรือ?”
ลั่วหานอมยิ้มหนึ่งที “ท่านเป็นประธานกรรมการของโรงพยาบาลหวาเซี่ย ฉันเป็นพนักงานของท่าน มีหน้าที่และมีความรับผิดชอบรับรองความแข็งแรงของร่างกายเถ้าแก่ฉัน ในเมื่อวันนี้ท่านประธานกรรมการได้คุยถึงส่วนของด้านการแพทย์นี้แล้ว งั้นพวกเราก็คุยกันให้ดีๆสักหน่อย”
ลั่วหานพันสายของเครื่องฟังตรวจไว้ในมือ เมื่อกี้ทำท่าดูเหมือนจะตรวจร่างกายให้กับหลงถิง อยู่ในสายตาที่ตื่นตะลึงของเขา ลั่วหานนั่งลงไปโดยตรงอย่างเบาๆมาก
เธอนั่งตรงกันข้ามกับหลงถิง ระหว่างทั้งสองคนผ่านโต๊ะอันหนึ่ง สายตาที่ตึงเครียดของทั้งสองเหนือกว่าระยะห่างของโต๊ะหนึ่งตัวไปแล้ว
หลงถิงยิ้ม มือขวาถือโอกาสหยิบปากกาแท่งหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา “ทดลองอะไรหรือ? คุยอะไรหรือ?”
ขาเรียวยาวทั้งสองข้างของลั่วหานไขว้กัน เครื่องฟังตรวจ ปั้ง ถูกเธอวางไว้อยู่บนโต๊ะ สายตาเช่นดั่งไฟสาดส่องของเธอจ้องมองใบหน้าของหลงถิงอย่างดุร้าย นั่นคือสายตาที่ดู,ฟัง,ถาม,จับชีพจรในเวลาหมอตรวจให้คนไข้ ทั้งดุร้ายและโหดเหี้ยม!
ไม่ว่าใครตอนที่อยู่ต่อหน้าสายตาของหมอแบบนี้ล้วนจะต่อต้านโดยสัญชาตญาณ คนที่ร่างกายไม่ดียิ่งจะหวาดกลัวตัวสั่นงั่นงก ดังนั้นตอนที่ขู่เด็ก เพียงแค่พูดว่าจะพาแกไปฉีดยาที่โรงพยาบาล เด็กก็จะหยุดร้องไห้ทันที เป็นหลักการเดียวกัน
แม้ว่าฝั่งตรงข้ามคือหลงถิง หลังก็จะชาเล็กน้อยเช่นกัน “ฉู่ลั่วหาน นี่คุณกำลังจะทำอะไรหรือ?”
“ชวี่……..” นิ้วของลั่วหานตั้งอยู่บนริมฝีปาก ให้สัญญาณเขาอย่าออกเสียง อยู่สักพักอย่างซื่อๆตรงๆ
คณบดีเฉินที่อยู่ข้างๆก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังใบ้อะไรอยู่ แต่ผลลัพธ์ดีมากจริงๆ ตอนเวลานั้นหลงถิงก็เงียบไปไม่พูดเลย ถูกแรงพลังหมอที่อยู่บนกายของลั่วหานกดทับไว้ ถึงขนาดหายใจไม่ออกเล็กน้อย
ใครๆก็ล้วนกลัวตาย ผู้ที่มีเงินยิ่งกลัว เพราะว่าพวกเขาได้รับมากเกินไป สิ่งที่สูญเสียย่อมจะมากกว่าอยู่แล้ว
ลั่วหานไล่ตามโครงหน้า,หลอดเลือด,หนังตา,รูม่านตา,ริมฝีปากของเขา ทุกส่วนล้วนตรวจอย่างละเอียดหนึ่งรอบ
ออฟฟิศเงียบมาก เงียบจนเข็มตกพื้นก็ได้ยิน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ นานจนคณบดีเฉินล้วนรู้สึกว่าหลงถิงอั้นจนแทบตายแล้ว แท้ที่จริงแล้วแค่ผ่านไปสิบกว่าวินาทีเท่านั้น
ในที่สุดลั่วหานก็ไม่จ้องมองเขาอีก แต่คือเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มทีหนึ่ง “ท่านประธานกรรมการ นานขนาดไหนที่ท่านไม่ได้ให้หมอส่วนตัวของท่านทำการตรวจให้ท่านแล้วหรือ?”
หลงถิงถูกเธอปล่อยสายตา อยู่ดีๆ โล่งอกหนึ่งที แต่เขาก็กลับคืนเป็นลักษณะที่อยู่สูงส่งอย่างรวดเร็วอีก “อยากจะขู่ผมยังไงหรือ?”
ลั่วหานหัวเราะ เหอะๆ นิ้วเขี่ยเครื่องฟังตรวจทีละครั้งๆ “ขู่ท่านหรือ? ฉันไม่จำเป็นต้องขู่ท่าน ผลลัพธ์ก็เพียงพอที่จะทำให้ท่านทรมาน”
หลงถิงหน้าบึ้งแล้ว “ฉู่ลั่วหาน ผมไม่มีเวลาเอะอะก่อกวนกับคุณ”
ลั่วหานยักไหล่อย่างบริสุทธิ์ใจ “ถ้าหากคุณหลงรู้สึกว่าเกือบตายเป็นการเอะอะก่อกวน งั้นฉันไม่มีอะไรจะพูด แม้ว่าฉันเป็นหมอ แต่คนไข้จะทิ้งการรักษาหรือไม่ ฉันยุ่งไม่ได้จริงๆ”
คณบดีเฉินมึนงงเล็กน้อย การรักษาหรือ? หรือว่าหลงถิงป่วยแล้วหรือ? แต่ฐานะอย่างหลงถิงอย่างนี้ ไม่น่าจะไม่มีหมอเตือนล่ะ?หมอในครอบครัวของพวกเขาได้นามว่าเก่งที่สุดในประเทศจีน หรือว่าไม่รู้สภาพร่างกายของเขาหรือ?
“เพี้ยง!”
ปากกาของหลงถิงโยนไปบนโต๊ะอย่างเรียบง่าย สะเทือนจนแก้วสั่นระริก “ไสหัวออกไปจากผม!”
ลั่วหานไม่โมโหกลับยิ้ม “ท่านประธานกรรมการ สงบอารมณ์ จริงนะ เริ่มจากตอนนี้ท่านคุยกับฉันอย่างจิตใจสงบเยือกเย็นดีที่สุด ไม่งั้นฉันไม่กล้ารับรองว่าอีกสักครู่ยังมีอารมณ์ที่ดีขนาดนี้ อธิบายกับท่านหรือไม่”
คณบดีเฉินที่อยากรู้อยากเห็นก็งงๆแล้วเช่นกัน เธอปูทางอย่างเต็มที่ขนาดนี้ ตกลงว่าจะทำอะไรกันแน่?
อารมณ์ของหลงถิงถึงขีดสูงสุดแล้ว “ไสหัวออกไป ภายในหนึ่งนาที!”
ลั่วหานกลับอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หยิบมือถือออกมา หาปุ่มนาฬิกา “ได้ หนึ่งนาที” กดนับเวลาถอยหลัง ความเร็วการพูดของลั่วหานไม่รีบไม่ร้อน
“ใต้ตาของท่านประธานกรรมการมีปานสีน้ำตาลอ่อน มีเส้นเลือดแดงนัยน์ตาอย่างน้อยสิบวันไม่ได้จางลงไป ตามจังหวะการหายใจกับจำนวนครั้งที่กระตุกของเส้นเลือดเขียวบนคอของท่าน บวกกับตัวท่านประธานกรรมการก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์เช่นกัน……..”
ลั่วหานจ้องมองเวลานับถอยหลัง ยี่สิบวินาทีแล้ว “อย่างน้อยหกเดือนตอนกลางคืนก่อนตีสองท่านไม่สามารถนอนหลับได้ ท่านกินเมลาโทนิน ยาบำรุงสมองดื่มเหล้าอย่างมาก อีกทั้งเคยอาศัยยานอนหลับมาก่อน แต่ว่าไม่มีผลสักนิด การนอนไม่หลับของท่านหนักกว่าคนปกติมากเหลือเกินแล้ว ร้อนรนกับใจวุ่นวายของท่านยิ่งมายิ่งรุนแรง”
ห้าสิบวินาที
หลงถิงถูกเธอพูดจน อยู่ดีๆอึ้งไปแล้ว เธอทำไมจะ……ทำไมจะ ……
คณบดีเฉินทั้งมองดูเวลานับถอยหลังอย่างตื่นเต้น ทั้งเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของหลงถิงอย่างระวัง สีหน้าของเขาในตอนนี้ ดูเหมือนอยากจะฉีกลั่วหานไปเลย
นั่นเป็นสีหน้าที่ถูกคนอื่นมองเห็นความน่าเกลียดในจิตใจลึกๆและแค้นอับอายจนโกรธแบบหนึ่ง แม้แต่จะซ่อนเร้นก็ซ่อนเร้นไม่ได้
“ท่านตกใจตื่นจากฝันร้ายในทุกคน ตื่นขึ้นมาเหงื่อเย็นทั้งตัว ตอนเวลาที่หนักที่สุดอ่อนแอทั้งตัวยืนขึ้นมาไม่ได้ ท่านถึงขนาดอยากอาศัยมอร์ฟีนทำให้ประสาทสงบ”
ห้าสิบเจ็ดวินาทีแล้ว
สุดท้ายลั่วหานเยือกเย็นงดงามยิ้มอย่างน่าสมเพชใส่เขาหนึ่งที “ทั้งหมดที่ฉันพูดถูกไหม? ท่านประธานกรรมการ”
ถึงเวลาหนึ่งนาทีแล้ว
ลั่วหานปิดเวลานับถอยหลัง หยิบมือถือขึ้นมา ทิ้งเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์อย่างตามใจ ดึงเก้าอี้ออกลุกขึ้นมา “ไม่รบกวนท่านประธานกรรมการไล่ฉันไป ฉันไปเองได้”
เธอพูดอาการจบ กลับไม่ได้บอกเขาด้านการรักษาใดๆให้กับเขาสักคำ ม้วนเครื่องฟังตรวจม้วนแล้วม้วนอีกเข้าไปในกระเป๋าใหญ่ มือวางไว้อยู่ในข้างในไม่ได้เอาออกมา
รองเท้าสั้นสูง ก๊อบแก๊บ ก๊อบแก๊บ เดินไปหลายก้าว
หลายก้าวนี้ เธอเดินไม่เร็ว ไม่เต็มที่ ในเวลาเดียวกันนับถอยหลังในใจ สิบ,เก้า……
หลงถิงเหมือนดั่งสัตว์เลื้อยคลานที่ถูกดึงเกราะหนักๆออก ด้านหนึ่งที่อยู่ในสถานการณ์คับขันลำบากมากที่สุดปรากฏต่อหน้าผู้คนทั้งตัว เขาไม่สามารถปฏิเสธคำพูดที่ลั่วหานพูดเมื่อกี้ ตั้งใจก็ดี เป็นการตรวจอย่างเชี่ยวชาญของหมอก็แล้วแต่ คำพูดเหล่านี้แม้แต่หมอส่วนตัวของเขาล้วนก็ไม่กล้าพูด เธอกลับรู้หมดเลย!
กำกำปั้นอย่างแน่น เส้นเลือดเขียวบนหน้าผากของหลงถิงเต้นอย่างบ้าคลั่ง กดไม่อยู่ “หยุดก่อน”
ลั่วหานเพิ่งเดินถึงหน้าประตู มือจับลูกบิดประตูไว้ ในใจนับถอยหลังถึงหนึ่ง
ลั่วหานได้ยินแต่ไม่ได้หันหน้ากลับไป “เวลาหนึ่งนาทีของท่านประธานกรรมการถึงแล้ว ฉันเป็นผู้รับผิดชอบโครงการการกุศลของโรงพยาบาลหวาเซี่ย การตรวจให้ท่านเมื่อกี้ก็ถือว่าเป็นการกุศลเช่นกัน ท่านประธานกรรมการก็ไม่ต้องขอบคุณล่ะ”
การทดสอบเล็กๆนี้ มีผลอย่างที่คิดจริงๆ!
ตาเย็นชาของหลงถิงมองไปยังคณบดีเฉิน “คุณออกไปก่อน”
คณบดีเฉินตื่นตะลึงจนเซไปเซมา “ท่านประธานกรรมการ ลั่วหานเธออายุน้อยพลังเยอะ ท่านอย่าถือสากับเธอ ท่าน…….”
“ออกไป!”
เขากล้าพูดจาไร้สาระอีก หลงถิงย่อมยิงเขาหนึ่งนัดให้ตายอย่างแน่นอน
ลั่วหานเปิดประตูออก “คณบดี ท่านออกไปก่อน”
“แต่ว่าคุณ……..” ไม่ปลอดภัยนะ!
“ฉันไม่เป็นไร”
ปิดประตูลง ในออฟฟิศมีเพียงแค่สองคน
ลั่วหานพิงประตูไว้ มองหลงถิงจากไกลๆ ในเวลานี้ อยู่ดีๆเธอรู้สึกว่าเขาน่าสงสารมาก น่าสมเพชมาก มาถึงวันนี้ ลูกบุญธรรมจากเขาไป ลูกแท้ๆไม่ช่วยเขา ภรรยาไม่รักเขา โครงการในมือถูกแยกชิ้นส่วนทีละโครงการ
เขาทำให้ตนเองกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงหรือ?
“อย่าใช้สายตาแบบนี้จ้องมองผม” น้ำเสียงหลงถิงไม่เป็นมิตร
“ท่านประธานกรรมการให้ฉันอยู่ต่อ มีธุระอะไรหรือ?”
หลงถิงรู้ว่าเธอตั้งใจทำ แต่ว่าเขาจะต้องอดทนไว้ก่อนเป็นเวลาชั่วคราว “คุณรู้ได้ยังไงหรือ?”
ลั่วหานแกล้งทำไม่เข้าใจ “รู้อะไรหรือ?”
“อย่าแกล้งโง่! คุณรู้ได้ยังไงหรือ?”
“โอ๊ะ ท่านพูดถึงอาการของท่านหรือ? ง่ายมากๆ สีหน้า,รูม่านตา,ลมหายใจ,ชีพจรของท่าน รายละเอียดทั้งหมดล้วนสามารถพิสูจน์ได้ สภาวะสติของท่านเกิดการแปรเปลี่ยนที่ไม่สามารถหมุนทวนได้”
หลงถิงบังคับร่างนิ่งไว้ “คุณอยากจะทำอะไรหรือ? คุกคามผมหรือ?”
“อย่าเอาจิตใจที่คับแคบของตนไปคิดกับผู้ดีที่ใจคอกว้างขวาง! คุกคามท่านหรือ? ท่านรู้สึกว่าตอนนี้ท่านจำเป็นต้องให้ฉันใช้เรื่องนี้มาคุกคามหรือ? ท่านมีอะไรคุ้มค่าที่จะให้ฉันมาคุกคามหรือ?” มือทั้งสองของลั่วหานวางไว้ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ทำให้เธอแฝงไว้ด้วยแรงพลังที่กดดันฝ่ายเดียว
“คนอย่างคุณแบบนี้หรือ? คู่ควรเป็นผู้ดีหรือ?” หลงถิงเหน็บแนม
“ฉันจะเป็นผู้ดีหรือไม่ไม่เป็นไร แต่ขอโทษจริงๆพอดีฉันรู้ถึงความลับของท่าน” ใบหน้าลั่วหานอมยิ้ม สงบเยือกเย็นเหมือนเดิม
“ต้องการเงินเท่าไหร่? หรือว่าอยากจะได้อย่างอื่นจากผมที่นี่หรือ?” หลงถิงทำท่าเจรจา
“ท่านพูดถูกแล้ว ฉันอยากได้เงินจริงๆ ฉันอยากให้ท่านสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ว่าเงินที่ได้มาจากมือของท่าน ฉันรู้สึกสกปรกมาก ดังนั้น ง่ายมาก ออกจากโรงพยาบาลหวาเซี่ย เพิกถอนการประเมินผลที่ไม่สมเหตุสมผลสำหรับโรงพยาบาลหวาเซี่ย มิฉะนั้น ฉันจะประกาศเรื่องของท่านอยู่ต่อหน้าฝูงชน”
ลั่วหานพยักหน้า “ท่านประธานกรรมการ อาการสติของท่านในตอนนี้ ลักษณะน่าจะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วล่ะ? หมอส่วนตัวของท่านไม่รู้ แต่ว่าจิตแพทย์ของท่านน่าจะรู้”
เธอยิ้มแล้ว เยือกเย็นมาก
เส้นเลือดเขียวอยู่บนหลังมือของหลงถิงกระตุกดั่งฟ้าผ่า
“ผมดูคุณผิดไปแล้วฉู่ลั่วหาน คุณโหดร้ายยิ่งกว่าที่ผมคิด”
“เช่นกัน เช่นกัน ท่านประธานกรรมการ”
“ผมเพิกถอนคำสั่งที่มีต่อโรงพยาบาลหวาเซี่ย เป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องนี้ …….”
“ฉันจะให้มันเน่าอยู่ในท้องของฉัน แต่ว่า…….ฉันก็จะเตือนท่านคำหนึ่ง อุปสรรคทางด้านจิตสติ ยังต้องลางานยาวๆอย่างสงบดูก่อน โอ๊ะ ใช่แล้ว ทำเรื่องไม่ดีมากเกินไป หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว”
——
พลบค่ำของฤดูหนาวมาอย่างรวดเร็ว หลังเลิกงานตามมาตรฐานก็สามารถเห็นพระอาทิตย์ตก
รถของหลงเซียวขับไปยังห้างสรรพสินค้าเมืองแห่งนางฟ้าเงาสะท้อนที่อยู่บนถนนของพระอาทิตย์ตกจากบนฟ้าตกอยู่บนพื้น แสงเงินแสงทองกะพริบอยู่นอกหน้ากระจก
ฤดูหนาวที่ร่วงโรยเพราะว่าแสงเงินแสงทองกลายเป็นงดงาม เหลือเกิน
เป็นเถ้าแก่ของห้างสรรพสินค้าเมืองแห่งนางฟ้าเพื่อไม่ทำให้เกิดการความวุ่นวาย หลงเซียวตั้งใจสวมใส่หมวกแก๊ปที่กดกะบังหมวกลงต่ำอย่างมากหนึ่งใบ เสื้อกันลมขนาดกลางสีดำที่อยู่ข้างนอกเสื้อสูทก็ทำให้กลายเป็นลูกค้าทั่วไปอย่างสมบูรณ์
การแต่งตัวเช่นนี้ ตอนที่หลงเซียวเข้าไปหลีกเลี่ยงความยุ่งยากจากการทักทายของยามรักษาความปลอดภัยอย่างราบรื่น
นี่เป็นครั้งแรกที่หลงเซียวใช้ฐานะลูกค้าทั่วไปมาถึงห้างสรรพสินค้า กับอารมณ์ที่มาตรวจสอบงานต่างกันโดยสิ้นเชิง
ผ่อนคลายและสะดวกสบาย
โซน A ชั้นหนึ่งหลักๆเป็นของใช้ของหญิงตั้งครรภ์ โซน B เป็นอาหารเสริมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เป็นพวกอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ ใช้ในบ้านอย่างง่ายๆ
ชั้นที่สองคือของใช้ที่หญิงตั้งครรภ์รอคลอดในโรงพยาบาล ของใช้ของเด็กอ่อน
ตามนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นที่หก บริการทั้งหมดที่นี่ถึงเด็กอายุแปดขวบ
หลงเซียวเพิ่งเดินถึงปากทางบันไดเลื่อน มีเงากายที่คุ้นเคยเงาหนึ่งเดินเข้ามาต่อหน้า หยุดอยู่ที่เคาน์เตอร์สำหรับอาหารของใช้หญิงมีครรภ์โดยเฉพาะ
“แพ้ท้องหนักมากควรจะกินอะไรหรือ? ฉันจะรักษาหุ่น จำนวนแคลอรีจะต้องต่ำกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์”
โม่หรูเฟยมือเรียวดันท้องไว้ น้ำเสียงที่โอหังอวดดีเหมือนกันกับเวลาที่ผ่านมาอย่างมากมาย
ทันทีนั้นพนักงานขายก็จำเธอได้ ยิ้มอย่างเกรงใจว่า “คุณนายซุน หากท่านแพ้ท้องหนักมากละก็ แนะนำให้กินอาหารรสเปรี้ยวมากหน่อย สินค้าหลายอย่างที่อยู่ที่นี่ท่านลองดูสิ นำเข้ามาจากออสเตรเลียกับประเทศนิวซีแลนด์ แคลอรีล้วนไม่เกินกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ฉันแกะสินค้าทดลองให้คุณสักอัน คุณลองชิมรสชาติสักหน่อย”
โม่หรูเฟยหยิบเม็ดกรดผลไม้หนึ่งเม็ดเล็กวางเข้าไปในปาก กัดเข้าไปหนึ่งคำ
“เอี๊ยะ!!!”
กินเข้าไปเมื่อกี้หนึ่งคำ เธอคายเม็ดเดิมที่กัดเป็นสองชิ้นคายออกมาเต็มพื้น
“ของอะไรเนี๊ยะ! อยากจะทำให้ฉันเปรี้ยวตายหรือ!”