ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 821
ตอนที่ 821 จะยกโทษให้เขาไหม
เจิ้งซิ่วหยาละสายตาไปจากหน้าจอโทรศัพท์ไม่ได้ รูปที่ถูกส่งมาทำให้เธอนิ่งนอนใจไม่ลง
เป็นเขา……
ไม่คิดว่าจะเป็นเขาคนนั้น!
จวงหยู่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ “ฮัลโหล คงไม่ตกใจค้างไปแล้วนะ? คนๆ นี้มีชื่อว่าเหมาจู้น เคยเข้าร่วมกลุ่มมาเฟียมาก่อน พ่อของเขาก็เคยมีประวัติอาชญากรรมด้วย สรุปง่ายๆคือทั้งบ้านไม่มีดีเลย คุณรู้ว่านายคนนี้ยังเข้าร่วมกลุ่มอะไรอีกไหม?
เจิ้งซิ่วหยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ “รู้สิ เขาเคยก่อคดีหนึ่งอยู่”
ผู้ชายคนที่ตั้งใจขับรถชนส้งชิงเซวี๋ยนให้ตายก็คือเขาเอง!
เพียงแค่ช่วงเวลาเดียว เจิ้งซิ่วหยาก็เข้าใจขึ้นมาทันที
เป็นส้งชิงเซวี๋ยนคนแรก ต่อมาคือหยวนชูเฟิน หลังจากนั้นก็เป็นถังจงรุ่ย วนไปวนมา เป้าหมายหลักของพวกเขาคือคนห้าคนบนรูปภาพปีนั้น
ถ้าอย่างนั้น……
เจิ้งซิ่วหยามองไปยังตัวบ้านด้วยความเหม่อลอย ถังจิ้นเหยียนกำลังอยู่กับพ่อของตนในบ้าน กำแพงที่ถูกกั้นอยู่ ระหว่างความดีกับความเลว
คนที่กำลังนอนหลับยังไม่ตื่นอยู่ตรงนั้น ก็เป็นคนหนึ่งในรูปภาพเหมือนกัน
ถังจงรุ่ย……เฉียวจื้อถัง
เจิ้งซิ่วหยาหลับตาลงอย่างทรมาน
“คดีอะไร? นานแค่ไหนแล้ว? ทำไมถึงไม่มีใครจับได้เลย? มีความคืบหน้ายังไงบ้าง?” อาชีพในสายเลือดของจวงหยู่พรั่งพรูออกมา จี้ถามเจิ้งซิ่วหยาต่อไม่หยุด
“คุณสืบประวัติคดีเขาก็จะรู้ ส่วนรูปคดีฉันพอเข้าใจแล้ว ต้องพยายามอย่างถึงที่สุดในการตามจับเหมาจู้น เขาคือตัวการสำคัญของคดี!” เจิ้งซิ่วหยากัดฟันกรอดขึ้นมา
เหมาจู้น! จะไม่ให้เขาทำตัวเร่ร่อนมีอิสระเหนือกฎหมายอีกต่อไป ต้องจับตัวสารเลวนั้นมาให้ได้!
ถังจิ้นเหยียนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงรีบเดินออกมา “ซิ่วหยา ทำไมยังไม่นอนอีก?”
“หือ? ฉันจะไปเข้าห้องน้ำน่ะ ก็เลยลุกขึ้นมาตอบข้อความในวีแชตด้วยเลย คุณล่ะ?” เจิ้งซิ่วหยารีบสอดมือถือลงในกระเป๋า
“ตื่นแล้วน่ะ เมื่อกี้ได้ยินเสียงคุณคุยโทรศัพท์ ที่โรงพักมีเรื่องเหรอ?” ถังจิ้นเหยียนลูบเรียวหน้าเธออย่างอ่อนโยน
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก โจวจั่นโทรมาหาน่ะ มาเล่าเรื่องไร้สาระมากกว่า คงจะให้ฉันซื้อของฝากกลับไปให้ด้วย เหอะๆ!” เจิ้งซิ่วหยาแต่งเรื่องขึ้นมา
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้ถามต่อ “อีกไม่กี่วันคุณก็ต้องกลับไปแล้ว ยังต้องไปทำงานต่ออีก”
เจิ้งซิ่วหยาพยักหน้า ก่อนจะเม้มปากแน่น หลังจากที่ถังจิ้นเหยียนออกมาจากห้องน้ำแล้ว เธอรีบเดินไปดึงมือเขาไว้ “จิ้นเหยียน ฉันนอนไม่หลับ คุณลองเล่าเรื่องของพ่อคุณให้ฉันฟังได้ไหม?”
“พ่อของผม? คุณอยากฟังเรื่องไหนล่ะ?” ถังจิ้นเหยียนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
“เรื่องไหนก็ได้ พ่อของคุณเริ่มเป็นครูตั้งแต่ตอนไหนเหรอ? แล้วแต่ก่อนประกอบอาชีพอะไร?” เจิ้งซิ่วหยาทำเป็นออดอ้อนขึ้นมา
“ไม่ใช่ ได้ยินมาจากแม่ว่าแต่ก่อนเขาทำธุรกิจส่วนตัว ก่อนจะตัดสินใจวางมือน่ะ”
“เล่ามาให้ฉันฟังเร็ว! ฉันอยากฟัง!”
“ได้เลย”
——
“คุณชายหลง เอ่ยถามมาแล้ว ผู้หญิงที่ชื่ออิสซาให้พวกเขาไปแข่งรถกับหมอฉู่ ฝั่งตรงข้ามบอกอิสซานับถือในตัวหมอฉู่และคุณเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงอยากรู้จักคุณผ่านวิธีนี้ เหมือนว่าจะไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง”
หลังจากที่กู้เยนเซินได้รับคำตอบมาก็รีบกลับมารายงานให้หลงเซียวทราบ
หลงเซียวเพิ่งจะคุยกับทนายไป นั่งอยู่ในห้องหนังสือพิงหัวอยู่ “อิสซาคือใคร?”
“ผู้หญิงต่างชาติคนหนึ่ง รายละเอียดส่วนตัวยังสืบหาไม่ได้ พวกเราไม่เคยคลุกคลีด้วย อิสซาไม่เคยมีประวัติเคยเข้ามาเหยียบแผ่นดินใหญ่ เคยไปแค่ฮ่องกงและมาเก๊า”
“เอาช่องทางการติดต่อของเธอมาให้ฉัน”
“ครับผม คุณถามเธอด้วยตนเองคงจะเร็วกว่า” กู้เยนเซินให้เบอร์โทรศัพท์ของเธอแก่หลงเซียว ก่อนจะให้คำแนะนำ “หรือไม่ก็ลองให้อาหย่งต่อVPNออกไปสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ ดูว่าช่วงนี้เธอมีแผนที่จะมาจีนหรือไม่ ทางที่ดีถามต่อหน้าจะดีที่สุด”
“อืม ติดต่ออาหย่ง”
หลังจบบทสนทนา หลงเซียวก็คัดลอกเบอร์ของอิสซาไว้ ก่อนจะใช้วิธีซ่อนเบอร์ของตนและกดโทรสายออกไป
เสียงรอสายดังอยู่เกือบหนึ่งนาทีก่อนจะถูกรับขึ้น หลงเซียวรอฟังน้ำเสียงจากปลายสาย
อิสซากำลังนอนงัวเงียอยู่ น้ำเสียงไม่ค่อยชัดเจน “ใคร?”
หลงเซียวตอบกลับไปด้วยภาษาอังกฤษ “คุณ อิสซา”
น้ำเสียงท่วมต่ำประดุจเหล้าลื่นไหลผ่านหูไป เพราะจนทำให้คนตัวสั่นขึ้นมา น้ำเสียงของชายคนนี้จะเซ็กซี่ไปแล้ว!
อิสซารีบนั่งตรงขึ้นมา ก่อนจะรีบเกี่ยวผมที่ยุ่งเหยิงไปทัดหู “ฉันเอง คุณเป็นใคร?”
“หลงเซียว”
คำพูดสั้นกะทัดรัดสองพยางค์ ไม่มีคำอธิบายอื่นอีก
อิสซาหลับตาลงพักหนึ่ง ก่อนจะรีบลืมตาขึ้น หลงเซียว? ไม่น่าเชื่อว่าเป็นหลงเซียว? ไม่ได้ตั้งตัวเลย!
สงบจิตสงบใจลงแล้ว อิสซาบอกกับตัวเอง ฉันไม่ได้ติดค้างอะไรไว้กับเขา ฉันจะกลัวเขาทำไม? ฉันไม่กลัวเขาหรอก!
ดีมาก ในที่สุดจิตใจเธอก็สงบลงแล้ว “สวัสดีค่ะคุณชายหลง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“การแข่งขันรถเมื่อเช้านี้ คุณจัดการขึ้นเหรอ?” หลงเซียวถามออกมาตรงๆ น้ำเสียงเย็นชาไม่เหมือนกับเสียงเกรงใจเมื่อครู่
อิสซาตอบกลับ “ฉันจัดการเอง แต่ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย แค่อยากจะประชันมือกับหมอฉู่เฉยๆ”
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าภรรยาผมแข่งรถเป็น?” หลงเซียวถามออกมาต่อ
“เพื่อนฉันบอกมาน่ะ” อิสซาไม่ได้ระแวงใจ
“อ้อ? ใครเหรอ?”
“พูดไปคุณก็ไม่……”ก่อนจะบอกว่าเขาไม่รู้จัก แต่ลองคิดๆ ดู “ใครบอกก็ไม่สำคัญหรอกมั้ง?”
“คุณอิสซา ทางที่ดีบอกมาตามตรงเถอะ อย่าทำให้ต้องเสียเวลาเลย” หลงเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาสุดจะทน
อิสซาเคาะหัวเตียง “คุณชายหลง คุณกำลังขู่ฉันอยู่เหรอ?”
“คุณจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้ ทางที่ดีที่สุดคือคุณยอมบอกออกมาดีๆ”
“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ?”
“ผมจะเชิญคุณมาเป็นแขกที่จีน ไม่รู้ว่าตอนนั้นจะเกรงใจแบบนี้ได้อยู่หรือเปล่า ไม่แน่ใจเช่นกัน”ความอดทนของหลงเซียวหมดไปอย่างสิ้นเชิงเหมือนเม็ดทราย
อิสซากล่อมตัวเองว่าตนไม่เคยกลัวใครมาก่อน แต่ว่าสัญชาตญาณของเธอมีความกลัวเขาขึ้นมา “เควินบอกมาน่ะ เขาบอกว่าความช่ำชองในการแข่งรถของแอนน่าไม่เลวเลย ดังนั้นฉันจึง……”
ติ๊ด
โทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้ว
อิสซามองโทรศัพท์ค้างไป “……”
หลงเซียวเหยียดมุมปากขึ้น ตู้หลิงเซวียน เหอะ!
หลงเซียวโทรสายไปหาตู้หลิงเซวียน ก่อนจะได้ยินเสียงปลายสายเอ่ยว่าหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
ไม่สามารถติดต่อได้?
หลงเซียวรีบโทรหาจี้ตงหมิง “สืบหาความเคลื่อนไหวของตู้หลิงเซวียน ณ ตอนนี้”
ผ่านไปห้านาที จี้ตงหมิงตอบกลับ “นายท่าน ไฟลต์บินตอนเช้าของตู้หลิงเซวียน ออกบินไปนิวยอร์กแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่บนเครื่องบิน”
“อ้อ? เขาหนีไปไวเหมือนกันหนิ อยากจะสะบัดตูดหนีไปแล้วเด็ดหัวเขาทิ้งเหรอ? ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!” ปากกาในมือของหลงเซียวหักลงเป็นสองท่อน ก่อนที่โต๊ะจะแตกเป็นเศษกระจายเสียงดังตามมา
“เรื่องของคุณหญิงเกี่ยวข้องกับเขาเหรอ?” จี้ตงหมิงคาดคิดไม่ถึงว่าจะเกี่ยวโยงกับตู้หลิงเซวียนด้วย!
“ถูกต้อง เขาและหลงถิง ทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้อง”
จี้ตงหมิงไม่กล้าพูดต่อ เพราะน้ำเสียงของนายท่านราวกับจะฆ่าคนได้
จี้ตงหมิงทำตัวเป็นหลานที่เชื่อฟังขึ้น “ผมจะพยายามติดต่อ……”
“ไม่จำเป็น”
ไม่ต้องให้เขาลงมือ เขาจะลงมือด้วยตัวเอง
ณ โรงพยาบาลที่นิวยอร์ก
หลังจากฟังถังจิ้นเหยียนเล่าเรื่องของพ่อจบ เจิ้งซิ่วหยารู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกมีดแทงเข้าทะลุหัวใจ
เธอมองไปยังถังจิ้นเหยียนอย่างเหม่อลอย ในสายตาของเขานับถือคุณพ่ออย่างสุดหัวใจ แต่ว่าเขาไม่รู้ว่า พ่อที่สมบูรณ์แบบที่ออกมาจากปากของเขานั้น เป็นฆาตกรฆ่าคน
เจิ้งซิ่วหยากะพริบตาไปมา ไล่น้ำตาที่เอ่อขึ้นมาให้หายจากไป ก่อนจะเช็ดอย่างลวกๆ และยิ้มออกมาพร้อมเอียงหัว “คุณลุงถัง พ่อของคุณเก่งขนาดนี้ ทรัพย์สินมหาศาลเอาไปบริจาคหมด ยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมมาก!”
ถังจงรุ่ยเคยบริจาคเงินห้าพันล้าน ในสมัยนั้น ห้าพันล้านคือทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของครอบครัวเขาแล้ว
เพื่ออะไรกัน?
ซื้อความปลอบใจให้กับตนเอง? หรือว่าทำให้ต้นรู้สึกพ้นโทษ?
ขอบตาของถังจิ้นเหยียนมีความชื้นขึ้น “พ่อของฉันมองชื่อเสียงและเงินทองเป็นของนอกกาย เขามักจะพูดเสมอว่า คนใช้ชีวิตครั้งหนึ่ง มีชีวิตอย่างเรียบง่ายดีที่สุด แต่มีชีวิตอย่างเรียบง่ายนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเหมือนกัน”
เจิ้งซิ่วหยาพยักหน้าหนักๆ “คุณลุงถัง พ่อของคุณเป็นคนดี แต่ว่าคุณลุงถังนั้น……คุณรู้ไหมว่าต่อให้บางคนดีขนาดไหนก็เคยทำความผิดมา
“หือ?”
“เอ่อ……ฉันหมายความว่า ไม่มีใคร สมบูรณ์แบบ สมมุติว่า ฉันแค่สมมุติ ถ้าหากแต่ก่อนพ่อของคุณเคยทำอะไรผิดไป คุณจะยกโทษให้ท่านไหม?” เจิ้งซิ่วหยาบีบมือของเขาไปมา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลากไปตามฝ่ามือเขา
“เขาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีอะไรที่จะให้อภัยไม่ได้อีก? อย่าพูดเรื่องโง่ๆเลย รีบนอนเถอะ” ถังจิ้นเหยียนผลักตัวเธอให้นอนลง ก่อนจะยกมาห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอไว้
ยังไม่ทันที่ถังจิ้นเหยียนจะเดินจากไป โทรศัพท์ของเจิ้งซิ่วหยาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
จวงหยู่โทรเข้ามา เจิ้งซิ่วหยาไม่กล้าพอที่จะไม่รับ ถ้าหากเป็นเรื่องด่วนล่ะ?
“มีอะไรเหรอ?”เจิ้งซิ่วหยาใจเต้นเร็วมาก ตอนนี้เธอยังไม่มีพร้อมมากนักในการรับรู้เรื่องหนักๆ
“มีความเคลื่อนไหวของเหมาจู้นแล้ว เขาอยู่ที่ลาสเวกัส” จวงหยู่หัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น แสดงความอวดออกมาอย่างเต็มที่
“เร็วขนาดนี้?! ส่งคนไปหรือยัง? รีบส่งคนไปเร็ว อย่าให้เขาหลบหนีไปอีก! “เจิ้งซิ่วหยารีบดึงผ้าห่มออก ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงทันที
ถังจิ้นเหยียน:“……”
“ติดต่อกับตำรวจในพื้นที่แล้ว คุณวางใจเถอะ ผมรู้สึกว่าประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจของอเมริกาจะสูงกว่าของจีน” จวงหยู่ลืมสัญชาติของตนเองไปสนิท
อ้อ เขาแค่มีเชื้อสายจีน
“ไร้สาระ! ถ้ามีความสามารถจริงก็ต้องจับตัวกลับมาให้ฉันให้ได้!”
“วางใจเถอะ ไปอาศัยอยู่ในถิ่นที่มีอิทธิพลของอเมริกา เรื่องถึงตำรวจแล้ว คนเลวจะถูกจับได้แน่ เขาหนีไม่พ้นหรอก” จวงหยู่พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“เหอะๆ!”
ถังจิ้นเหยียนมองไปยังเธออย่างเงียบๆ
เจิ้งซิ่วหยาแกล้งทำเป็นหลงลืมขึ้น “เอ่อ……เรื่องคดี เรื่องคดี”
ณ ห้องประธาน บริษัทฉู่ซื่อ
หลงเซียวออกจากบ้านกลับไปยังบริษัท บนหัวของเขามีแต่บรรยากาศแห่งความอึมครึม
หวังเค่ยยืนอยู่ตรงข้ามเขา โดนความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากตัวเขาสร้างความอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก “นายท่าน ได้ทยอยลบโพสต์ออกตามคำมอบหมายของท่านแล้ว”
หลงเซียวลองเสิร์ชคำว่า “ฉู่ลั่วหาน” “การแข่งรถ” “หมอฉู่” “หวาเซี่ย” และคำเกี่ยวข้องอื่นๆ โพสต์ที่ปรากฏออกมานั้นน้อยลงทุกที
“ทำต่อไป ลบให้เกลี้ยง” เห็นได้ชัดว่าเขายังคงไม่พอใจกับผลการทำงานนี้
“ครับ ผมจะทำต่อไป”
กู้เยนเซินเขย่ามือถือ ตอนที่เดินเข้ามานั้นเดินสวนไหล่กับหวังเค่ยพอดี
“คุณชายหลง ฝีมือของหวังเค่ยถึงขั้นนี้แล้ว คุณก็วางใจเถอะ!”
หลงเซียวเลื่อนสายตาไปมองเขา “ปฏิบัติเสร็จแล้ว?”
“แน่นอนครับ ผมลงมือทำเองมีเรื่องที่ไม่สำเร็จด้วยเหรอ แต่ว่าเกาจิ่งอานทำดีต่อคุณมากจนหมดคำจะเอ่ย ถ้าหากว่าคุณทั้งไม่ได้มีผู้หญิงของตนอยู่แล้วล่ะก็ ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าเขาตกหลุมรักคุณเข้าให้”
หลงเซียวยกคิ้วขึ้นมา “ไม่แน่”
กู้เยนเซินเกือบไม่ปลอดภัยแล้ว “เกาจิ่งอานจะจับตามองตู้หลิงเซวียนเอง ทันทีที่เขาก้าวลงจากเครื่องบิน เกาจิ่งอานก็จะให้เขาได้ลิ้มลองรสของหวานทันที แต่ว่าคุณชายหลง ทำแบบนี้จะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?
หลงเซียวมองเขาด้วยหางตา
กู้เยนเซินทำเป็นตบหน้าตัวเองขึ้นมา “ถุย! สำหรับคนอย่างเขาแล้ว ก็ควรจะใช้วิธีแบบนี้! พักนี้ที่เกาจิ่งอานดูแลพี่สาวของเขาก็จะว่างเกินไปแล้ว ควรจะขยับเขยื้อนกระดูกบ้าง”
ณ รีสอร์ทหยีจิ่ง
นักเลี้ยงสัตว์หัวเราะพร้อมหยิบผลการตรวจของสัตวแพทย์ส่งมอบต่อให้ลั่วหาน “คุณหญิง ผลการตรวจทางเคมีของฟู้กุ้ย คุณลองวินิจฉัยดู”
ลั่วหานหยิบผลการตรวจที่เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษขึ้นมา ก่อนจะอ่านจบ และตกตะลึงขึ้น “melancholia?”