ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 837
ตอนที่ 837 ผมหน้าด้าน ผมไม่กลัว
คำพูดนั้นสนั่นทั่วฟ้า ถังจิ้นเหยียนโซเซขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาของเขาเบิกกว้างเป็นเวลานานเขารู้สึกงุนงงไปหมด
เจิ้งซิ่วหยากลืนน้ำลายลงและเขย่าแขนของเขาเบา ๆ “คุณ … คุณสบายดีไหม? คุณอย่าทำให้ฉันตกใจสิ อย่าทำให้ฉันกลัวสิจิ้นเหยียน”
แขนของถังจิ้นเหยียนจับไหล่ของเธอไว้แน่นอย่างควบคุมไม่ได้ “เมื่อกี้คุณ ……. พูดว่าอะไรนะ? ”
เจิ้งซิ่วหยารู้สึกปวดไหล่ คิ้วที่สวยๆ ทั้งสองข้างของเธอขมวดขึ้นจนเป็นปม “จิ้นเหยียน คุณใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหม? อย่าเป็นแบบนี้ … คุณอย่าเป็นแบบนี้เลย หลักฐานตอนนี้สามารถพิสูจน์ได้จริงๆ ว่าคุณลุงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมของตระกูลมู่ในตอนนั้น แต่ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้และฉันเชื่อว่ามันต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ ”
มือคู่นั้นที่กดไว้ตรงไหล่ของเธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ รู้สึกได้ว่าคนรอบข้างกำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่ยิ่งอยากเขาข่มอารมณ์ตัวเองมากแค่ไหน ความตกใจและความสับสนก็ยิ่งคลุ้มคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าจะทะลุออกมา
“พ่อของผม …ทำให้พ่อของหลงเซียวต้องตาย? ”
เจิ้งซิ่วหยาจับมือใหญ่ๆ ของเขาไว้ นิ้วที่เล็กเรียวของเธอจับนิ้วทั้งสี่ของเขาไว้ “หลักฐานที่เรามีอยู่ในตอนนี้ … ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น … แต่พวกเราสงสัยว่าคดีนี้มีเงื่อนงำบางอย่าง มิฉะนั้นจะไม่มีคนมาฆ่าปิดปากคุณพ่อของคุณ”
เจิ้งซิ่วหยาสบตากับดวงตาที่เจ็บปวดของเขา หัวใจของเธอก็เจ็บขึ้นมา “จิ้นเหยียน ทุกคนมีอดีตและมีด้านที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็น บางทีอดีตของพ่อของคุณ ….. อาจจะเป็นสิ่งที่คุณไม่รู้พอดี แต่ฉันเชื่อว่าพ่อของคุณเป็นคนดี! ฉันเชื่อจริงๆ! ”
ถังจิ้นเหยียนเอนตัวพิงไปที่อ่างล้างหน้าอย่างอ่อนแรง ร่างกายที่สูงผอมทรุดลงมาดูเตี้ยไปครึ่งหนึ่ง “ถ้าการฆาตกรรมของตระกูลมู่ในตอนนั้นมันเกี่ยวข้องกับพ่อของผมจริงๆ พ่อของผมจะเป็นศัตรูของหลงเซียว ศัตรูที่ฆ่าพ่อของเขา คุณรู้ไหมว่านี่หมายความว่ายังไง? ”
ตาของถังจิ้นเหยียนแดงขึ้นมา รอบๆ ของตาดำล้อมรอบไปด้วยเส้นเลือดสีแดง
เจิ้งซิ่วหยาโอบเอวของเขาไว้ “ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร แต่อย่าพูดตอนนี้ อย่าพูดอะไรทั้งนั้น จนกว่าเรื่องนี้จะได้รับการตรวจสอบอย่ากระจ่าง และก่อนที่พ่อของคุณจะฟื้นตัวอย่าคิดมากเลยตกลงไหม? พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง พยายามให้เรื่องนี้มันกระจ่าง! ”
ถังจิ้นเหยียนหลับตาลงอย่างเศร้าโศก คางของเขาวางลงบนศีรษะของเจิ้งซิ่วหยา “ตระกูลของผมเป็นศัตรูชั่วโคตรของตระกูลมู่ และผมเองก็เป็นคนบาปหนึ่งในนั้นด้วย”
เมื่อเผชิญหน้ากับรับความผิดทุกอย่างมาไว้ที่ตัวเองของถังจิ้นเหยียนเจิ้งซิ่วหยาที่พูดเก่งกลับไม่สามารถนึกคำพูดใด ๆ ออกมาได้เลย แม้แต่คำปลอบโยนของเธอก็ดูซีดเซียวมาก “จิ้นเหยียน ฉันหวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง และ …… สัญญากับฉันนะไม่ว่าพ่อของคุณจะเป็นฆาตกรหรือไม่ ยังไงเขาก็เป็นพ่อที่ดี”
เบ้าตาของถังจิ้นเหยียนเจ็บปวดขึ้นมา นำเสียงที่เจ็บปวดของเขาดังออกมาจากลำคอ “ซิ่วหยา … ผมต้องกลับประเทศ”
ประเทศจีน เมืองหลวง
ลั่วหานมีกะดึก ขณะที่เธอเข้ากะไปได้ครึ่งหนึ่ง ส้งชิงเซวี๋ยนก็เดินถือกาต้มน้ำมาเคาะประตูห้องทำงานของลั่วหาน และยื่นหัวเข้าไปข้างใน
“เสี่ยวลั่วลั่ว งานยุ่งรึเปล่า?”
ลั่วหานกำลังดูเคสของคนไข้ที่จะผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเขา “ไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ ลุงส้งเข้ามาได้เลยค่ะ”
“วางงานในมือลงก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณสักหน่อย” ส้งชิงเซวี๋ยนจิบชาผู่เอ๋ออุ่น ๆ จากปากกาน้ำชา
“ค่ะ”
โรงพยาบาลในเวลากลางคืนนั้นเงียบสงบเป็นพิเศษ ข้างนอกมีสายลมยามค่ำคืนที่หนาวเย็น ส่วนข้างในห้องเป็นฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นซึ่งมีความร้อนที่เพียงพอ มองออกไปนอกหน้าต่าง ยอดกิ่งไม้ที่เปล่าเปลี่ยวทอดความเหงานั้นยาวไปถึงบนท้องฟ้า และผ่าให้ยามค่ำคืนนี้มีรูปร่างที่ไม่แน่นอน
ส้งชิงเซวี๋ยนจิบชาอีกรอบ และเอนตัวลงบนเก้าอี้แล้วไขว้ขาขึ้นมา “จ้าวฟางฟางถูกจับตัวเข้าคุกไปแล้วเธอถูกคุมขังในข้อหาสมรู้ร่วมคิด … เฮ้อไม่มีใครคาดเดาได้ว่าผลมันจะเป็นแบบนี้”
ลั่วหานหมุนแก้วในมือของเธอ “คุณอยากจะพูดเกี่ยวกับอานอานเหรอ? ”
ส้งชิงเซวี๋ยน พยักหน้าอย่างไม่รู้ควรทำยังไง “เด็กคนนี้ยังเด็ก และอาการป่วยของเขาก็ยังไม่คงที่ ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับแม่ของเขา มันเป็นปัญหาอย่าหนัก นอกจากจ้าวฟางฟางแล้วดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีญาติคนอื่นเลย”
ลั่วหานจิบชาไปหนึ่งคำ “มันเป็นปัญหาจริงๆ เด็กคนนี้ยังสามารถอยู่รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย แต่แม่ไม่ใช่ใครที่ไหนก็สามารถแทนที่ได้ … คุณมีวิธีอะไรไหม?”
ส้งชิงเซวี๋ยนไอไปสองรอบ “คือว่า …..ถ้าผมพูดไปแล้วคุณอย่าโกรธนะ”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะโกรธอะไรกัน? คุณมีความคิดเห็นอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยค่ะ ถ้าฉันช่วยได้ฉันจะช่วยอย่างแน่นอน” ลั่วหานสัญญาไปอย่างจริงใจ
“ดีเลย ในเมื่อคุณพูดมาแบบนี้ ผมก็จะพูดแล้ว……. ผมอยากให้ต้องการให้หวังเค่ยดูแลเด็กคนนี้ … ” ส้งชิงเซวี๋ยนหัวเราะอย่างขมขื่น
ลั่วหานขมวดคิ้ว “คุณล้อเล่นอะไรกัน? หวังเค่ย? ให้หวังเค่ยเลี้ยงลูกที่อดีตภรรยาไปมีกับผู้ชายคนอื่น?? ”
“คุณอย่าเพิ่งใจร้อน ฟังผมพูดให้จบก่อน หนึ่งคือหวังเค่ยมีประสบการณ์ เถียนเถียนก็เป็นโรคนี้เหมือนกัน หวังเค่ยมีประสบการณ์การรับมือแล้ว ดังนั้นผมเลยไม่กังวลใจ สองคือหวังเค่ยเป็นผู้ชายที่มีจิตใจดี เห็นได้ชัดว่าความรักที่เขามีให้จ้าวฟางฟางมันลึกซึ้งมาก แน่นอนว่าเขาจะไม่ยืนดูเฉยๆ โดยไม่ช่วยอะไรเลย ส่วนด้านที่สามคือแม้ว่าผู้ใหญ่จะผิด แต่เด็กบริสุทธิ์นิ! พวกเราคิดโดยใช้เหตุผลใช้ความรู้สึก ผมคิดว่าเขาจะตอบตกลงอย่างแน่นอน”
ส้งชิงเซวี๋ยนพูดไปพูดมาเขาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเขินอาย
ลั่วหานขยี้ไปที่กลางคิ้วของเธอ”ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ? ”
“ไม่มีแล้ว จ้าวฟางฟางไม่มีญาติคนอื่นที่อยู่ในตระกูลเสิ่น หลังจากที่ตระกูลเสิ่นล้มละลายคนของตระกูลเสิ่นก็หายไปจนหมด สองพ่อลูกเสิ่นเหลียวเข้าคุกไปทั้งคู่ ยื่นอุทธรณ์ก็ต้องใช้เวลานาน แม้ว่าตระกูลเสิ่นจะมีญาติคนอื่นๆ อีก แต่คุณไว้ใจที่จะฝากเด็กตัวแค่นั้นไว้ที่พวกเขาหรือ?”
ลั่วหานใช้นิ้วแตะไปที่คิ้วของเธอ “แต่ … แบบนี้มันจะเป็นการไปบังคับเขาไหม? จะให้ฉันเอ่ยปากพูดยังไงล่ะ? ”
“หรือให้ผมเป็นคนไปพูด? ผมหน้าด้าน ไม่กลัวที่จะไปทำเรื่องนี้! ”
ลั่วหานยิ้มมุมปากขึ้นมา “คุณไปงั้นหรือ? ”
“ผมไป! เรื่องแค่นี้เอง! ขอแค่คุณตอบตกลง หวังเค่ยต้องไว้หน้าคุณอย่างแน่นอน”
คิดไปคิดมา ลั่วหานก็รู้สึกว่าตอนนี้ก็คงต้องทำแบบนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่คุณบอก”
ส้งชิงเซวี๋ยนรู้สึกโล่งใจทันที “อีกเรื่องหนึ่ง ถังจิ้นเหยียนเป็นยังไง? ….. ทำไมไปสหรัฐอเมริกาแล้วก็อยู่ที่นั่นยาวเลย? เขาจะกลับมาเมื่อไหร่? ”
ลั่วหานส่ายหัว “พ่อของเขายังไม่ฟื้น ฉันเดาว่า … ”
พูดไปได้ครึ่งเดียว เสียงโทรศัพท์มือถือของลั่วหานก็ดังขึ้นถังจิ้นเหยียนโทรมาพอดี
“พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา จิ้นเหยียนโทรมา ฉันถามให้”.
ลั่วหานเลื่อนเปิดโทรศัพท์และกดเปิดลำโพงทันที”จิ้นเหยียน”
เมื่อได้ยินเสียงของลั่วหาน ถังจิ้นเหยียนรู้สึกเพียงว่าหัวแน่นมาก มีแรงที่อธิบายไม่ได้มาบีบหลอดลมหายใจของเขาไว้จะถอนหัวใจออกมาทั้งรากเลย
“ลั่วหาน เรื่องรับตำแหน่งรองคณบดีที่คุณบอกมาผมคิดดีแล้ว ช่วงสองวันนี้ผมจะกลับไปเตรียมเอกสารที่ประเทศจีน”
“จริงเหรอ?! ”
ลั่วหานหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขและกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“อืม … ” ถังจิ้นเหยียนเขย่ามือเบาๆ และดื่มวิสกี้แก้วเล็ก ๆ ลงไป “นอกจากนี้ ..ผม…ผมกลับประเทศจีนมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ”
ลางสังหรณ์ของลั่วหานบอกเธอว่าเขามีเรื่องอยู่ในใจ “จิ้นเหยียน คุณเป็นอะไรไป? ”
ส้งชิงเซวี๋ยนเองก็มองไปที่เธออย่างระแวง และพูดกับโทรศัพท์มือถือของเธอว่า “นายไปซ่อนตัวอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แล้วให้ลั่วลั่วสู้คดีแทนนาย นายยังไม่รีบกลับมาขอบคุณเธอด้วยตัวเองอีกหรือ? ”
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้คาดคิดว่าส้งชิงเซวี๋ยนจะอยู่กับเธอด้วย เขาเก็บความเจ็บปวดในใจไว้แล้วหัวเราะออกมาอย่างลำบาก “ศาสตราจารย์ส้ง … คุณพูดถูกครับ ผมจะกลับไปที่ประเทศจีนเร็วๆ นี้เลยครับ และผมจะอธิบายต่อหน้าเธอใช้ชัดเจนครับ”
เจิ้งซิ่วหยาที่ยืนอยู่ข้างถังจิ้นเหยียนกำลังกัดเล็บมืออยู่ และเขย่งเท้าด้วยความวิตกกังวล
“ครับครับครับรีบกลับมาเร็วๆ มาชิงตำแหน่งรองคณบดีไปให้ได้ แล้วเลี้ยงข้าวพวกเรานะ!” ส้งชิงเซวี๋ยนพูดติดตลก
แต่ลั่วหานสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เคร่งขรึมของอีกฝ่าย ถังจิ้นเหยียนมีเรื่องใจใน
เมื่อวางโทรศัพท์ลง ลั่วหานก็งงงวยเล็กน้อย “คุณลุงส้ง ฉันกำลังกังวลใจ เหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
ส้งชิงเซวี๋ยนลูกไปที่หัวของเธอ “พูดอะไรไร้สาระ? คุณไม่ใช่เทพเจ้าสักหน่อย ทราบเหตุการณ์ร่วงหน้า? อย่าทำให้ตัวเองตกใจ มันไม่มีอะไรหรอก”
ลั่วหานถอนหายใจออก “ฉันหวังว่าฉันจะคิดมากไป”
ส้งชิงเซวี๋ยนตบไปที่ไหล่ของเธอ “อย่าระแวงไปเลย ถ้าคุณเหนื่อยก็ไปนอนพักเถอะ เข้ากะทำไมคุณไม่ใช่หมอเวร หาเรื่องให้ตัวเองเก่งจริงๆ เลย รีบไปพักผ่อนได้แล้ว”
เข้ากะกลางคืนเล็กๆ มันไม่ยาก ไม่นานก็ถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้ว ลั่วหานเก็บข้าวของเสร็จ ตอนที่กำลังจะเดินออกจากประตูไปเธอก็รู้สึกว่ามีร่างสีดำสูงใหญ่กดลงตรงหน้าเธอ
เธอยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นเธอก็ได้กลิ่นหอมของหางจระเข้ที่คุ้นเคยก็โชยเข้าจมูก ความตึงเครียดของลั่วหานก็ผ่อนคลายลง
“คุณมาได้ยังไง?”
หลงเซียวรับกระเป๋าถือในมือของเธอไป แล้วโอบเอวไว้ด้วยแขนข้างเดียว “ผมเพิ่งทำงานเสร็จแล้วมารับคุณกลับบ้าน เหนื่อยไหม?”
ลั่วหานเอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ “เหนื่อยนิดหน่อย อืม…..หิวนิดหน่อยด้วย”
มือที่ใหญ่ๆ ของหลงเซียวก็ลูบไปที่ท้องของเธอ “หิวจนท้องแบนหมดแล้ว ตอนเย็นไม่ได้กินข้าวเหรอ? คุณอยากกินอะไร?”
ลั่วหานเล่นหูเล่นตากับเขาอย่างสบายๆ “ฉันอยากกินกุ้งตุ๋นน้ำมัน! หอยเม่นนึ่ง! ปลาหมึกตุ๋นซอสดำขาหมูตุ๋นซีอิ๊ว! ”
หลงเซียวฟังจนสีหน้าจะเปลี่ยน “ดึกขนาดนี้แล้วกินหนักแบบนี้เลยเหรอ? กินอะไรที่มันเบาๆ จืดชืดหน่อยดีกว่าไหม?”
“ฮ่าฮ่า ล้อเล่นหน่า จะไปกินของพวกนั้นได้ยังไง อืม …… ฉันอยากกินโจ๊ก โจ๊กพุทราจีนต้มมัน แล้วก็ซาลาเปาเนย มีไหมคะ? ”
ของที่เธออยากกินมันไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่ดึกขนาดนี้แล้วร้านอาหารจีนปิดไปหมดแล้ว หาซื้อยากหน่อย
แต่เมียอยากกิน ท่านเซียวจะบอกว่าไม่มีได้ยังไง!
“โอเค เดี๋ยวผมพาคุณไปกิน”
หลังจากขึ้นรถไป หลงเซียวก็ปรับระบบทำความร้อนเรียบร้อย ลั่วหานเหนื่อยมากเธอเอนกายพิงไปที่ที่นั่งข้างคนขับ เธอหรี่ตาแบบง่วงๆ เล็กน้อย “คุณสามีคะ สองสามวันนี้ถังจิ้นเหยียนจะกลับมา”
หลงเซียวจัดผมที่ปิดหน้าไว้ตรงหน้าของเธอ “รีบขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
“อืม ฉันขอให้เขากลับมาชิงตำแหน่งรองคณบดีของหวาเซี่ย เขาตอบตกลง”
หลงเซียวครุ่นคิด ฉันเกรงว่ามันคงจะไม่ใช่แค่นั้นรึเปล่า?
“ก็ดีนะ” เขามองลงไปที่ลั่วหาน “คุณง่วงไหม? นอนสักพักก็ได้ เจอร้านโจ๊กแล้วผมจะปลุกคุณเอง”
“อืม … ฉันขอนอนสักพัก ตอนดึกฉันไปห้องฉุกเฉินมาหลายรอบ เหนื่อยนิดหน่อย”
เสียงของลั่วหานค่อยๆ เบาลง ท่านอนไม่ได้สบายตัวแต่เธอกลับนอนหลับไปแล้ว
หลงเซียวขับไปตามGPSเรื่อยๆ ขับผ่านร้านโจ๊กไปห้าหกร้าน ร้านปิดหมดเลย เขาขับวนไปเกือบครึ่งชั่วโมงไม่เจอร้านไหนเปิดเลย
ในที่สุดไปเจอร้านหนึ่งเปิดไฟไว้ หลงเซียวลงจากรถไปถาม ร้านบอกว่าโจ๊กขายหมดแล้ว แต่ซาลาเปามีอยู่หลายอัน เอาไปอุ่นหน่อยก็ยังกินได้อยู่ อาหารเช้าจะเริ่มขายตอน 6 โมงเช้า
เขามองกลับไปที่ภรรยาที่กำลังหลับอยู่ในรถ หลงเซียวดึงธนบัตรออกมาจากกระเป๋าสตางค์มาสองใบ “เถ้าแก่ครับ ผมขอยืมวัตถุดิบและเครื่องครัวของคุณหน่อย เดี๋ยวผมทำเองครับ”
เถ้าแก่ตกตะลึงอย่างมาก เขามองไปที่เงินแล้วมองไปที่หลงเซียวที่ดูดี “ครับครับครับ วัตถุดิบคุณใช้ได้ตามสบายเลยครับ ข้าวและแป้งอยู่ในนั้นหมดเลย คุณจะต้มโจ๊กแบบไหนครับ? หม้อความดันให้คุณใช้ มันทำโจ๊กได้ไวมาก! ”
หลงเซียวพูดขอบคุณ เขาถอดเสื้อกันลมออกแล้วพับแขนเสื้อขึ้น และซาวข้าวอย่างจริงจัง …
ลั่วหานลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือแล้วพบว่ารถจอดอยู่ข้างทาง หลงเซียวไม่ได้อยู่ที่ที่นั่งคนขับ มีป้ายร้านอาหารเช้าแขวนอยู่ด้านนอกกระจก ประตูร้านก็เปิดอยู่
ลั่วหานมองไปที่โทรศัพท์แบบครึ่งหลับครึ่งตื่น นี่มันตี1แล้วเหรอเนี่ย