ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 846
ตอนที่ 846 ภรรยาสวยเหมือนไม่ใช่คน
ถังจิ้นเหยียนออกไปจากห้องทำงานของหลงเซียว ปิดประตูด้วยสีหน้านิ่งขรึม เมื่อหันกลับมามองก็พบว่ามีคนมากมายมองเขาอยู่ ประธานบริษัทฉู่ซื่อมีสาวสวยวัยรุ่นอยู่ไม่น้อยอยู่ในบริษัทของเขา ในอดีตในสายตาของทุกคนมีเพียงเจ้านายของตัวเอง แต่เจ้านายของตัวเองมีเจ้าของแล้ว ไม่บ่อยนักที่จะได้เจอผู้ชายหน้าตาโดดเด่นอย่างวันนี้ สายตานินทาของทุกคนเบิกกว้าง
ถังจิ้นเหยียนส่งยิ้มให้ทุกคน ยังไม่ทันได้จัดการอารมณ์ตัวเอง พลันร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามา รวบเอาตัวเขาไป
เข้าไปในห้องทำงานห้องหนึ่ง ถังจิ้นเหยียนก็เห็นว่าคนเมื่อกี้คือกู้เยนเซิน
“ประธานกู้ คุณทำอะไรน่ะ?”
กู้เยนเซินเดินรอบถังจิ้นเหยียน “หมอถัง เมื่อกี้คุณเข้าไปนานขนาดนั้น พอออกมาก็หน้าขาวซีด สายตาเลื่อนลอย สภาพคนทั้งคนมีสามพยางค์นี้เขียนไว้——โดนทารุณ หลงเซียวทำอะไรคุณเหรอ?”
“หลงเซียวไม่ได้ทำอะไรฉัน คุณดูผิดแล้วรึเปล่า? ประธานกู้ยังมีธุระกับฉันอีกไหม? ถ้าไม่มีงั้นฉันขอตัวกลับก่อน”
“เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อน สภาพคุณเป็นแบบนี้กลับบอกฉันว่าไม่เป็นอะไร คุณคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ? แต่ว่านะหมอถัง คุณทำใจให้สบายเถอะ หลงเซียวน่ะเป็นพวกปากแข็งแต่ใจอ่อน”
เอาตบหน้าอกของถังจิ้นเหยียน เป็นเชิงให้เขาวางใจ
ถังจิ้นเหยียนยิ้มขืน “ขอบคุณการเตือนสติของคุณชายกู้ ฉันขอตัวกลับก่อน”
กู้เยนเซินมาส่งเขาหน้าลิฟต์ด้วยตัวเอง “หมอถัง บริษัทของพวกเรายังมีสาวโสดคุณภาพดีอีกเยอะมาก ยินดีต้อนรับกลับมาเยี่ยมชมเสมอ”
ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ถังจิ้นเหยียนก็เอ่ยแก้เสียงจริงจัง “ฉันมีแฟนแล้ว”
“นี่…….”
ประตูลิฟต์ปิดลงอย่างตรงไปตรงมา
ไป๋เวยเข้าไปหาหลงเซียวเพื่อให้เขาดูการออกแบบแผนวิลล่าชานเมืองหลวงพอดี เดินผ่านหน้าประตูลิฟต์ก็พบว่ากู้เยนเซินกำลังบ่นพึมพำฟังไม่รู้เรื่อง
เสียงกระทบของรองเท้าส้นสูงเดินต๊อกแต๊กเข้าไป มุ่งเตะที่น่องของกู้เยนเซินไปที “ทำอะไรน่ะ?”
“กลางวันแสกๆ จะมาทำให้คนอื่นตกใจไม่ได้ คนทำให้คนตกใจบางทีถึงตายได้เลยนะ!” กู้เยนเซินหันขวับกลับไปมอง แล้วก็เซอร์ไพรส์เมื่อพบว่าเป็นภรรยาของตัวเอง
คิ้วดั่งใบหลิวที่ประณีตและสมบูรณ์แบบของไป๋เวยค่อยๆ ยกขึ้น ปากสีแดงยกรอยยิ้มเซ็กซี่ขึ้นสูง “ฉันทำให้คุณตกใจ?”
“ไม่ไม่ไม่ เปล่า! ในใจฉันคุณไม่ใช่คน! คุณเป็นเทพธิดาสวรรค์ เจ้าแม่กิวเทียนเหี่ยงนึ่ง เจ้าแม่กวนอิม คุณไม่มีทางอยู่ที่เดียวกับคนธรรมดาได้!”
ปากกู้เยนเซินก็ประจบสอพลอเธอ มือก็ไม่ได้อยู่เฉย เห็นว่าหน้าหลงไม่มีคน ก็ใช้โอกาสนี้จับมือของเธอ ลูบไล้ผิดเนียนละเอียดของเธอไม่อยากปล่อย
“ประธานกู้ คนเยอะแยะคุณทำอะไร?” ไป๋เวยสะบัดมือเขาออกอย่างแรง กอดแฟ้มเอกสารปกป้องหน้าอกตัวเองไว้
กู้เยนเซินกระแอม “จะแต่งงานกันอยู่แล้ว จะพะว้าพะวังมากไปทำไม ได้เจอภรรยาแล้วลูบๆ หน่อยไม่ได้เหรอ?”
“ใครจะแต่งงานกับคุณ? ฉันจะไปหาประธานแล้ว”
“ไปหาเขาก็ไร้ประโยชน์ เขาแต่งงานแล้ว”
“เขาไม่ได้หย่าแล้วเหรอ”
กู้เยนเซิน: “……” เชี่ย เขาลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง?
จะว่าไป ทำไมคุณชายหลงไม่กลับมาแต่งงานกับหมอฉู่อีก? ถ้าเขาไม่มีใบทะเบียนสมรส ก็ล้วนเป็นอันตรายกับทั้งคู่ ความเข้มของอากาศในเมืองหลวงเพิ่มขึ้นอีกสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เพราะกลิ่นน้ำส้มสายชู
“ประธาน นี่คือแบบแผนล่าสุดที่แผนกออกแบบทำออกมา บนพื้นฐานของการออกแบบแผนเดิม เราปรับเครื่องป้องกันไฟ แล้วก็แบบแผนเส้นทางฉุกเฉิน ตอนนี้แบบแผนสะดวกรวดเร็วกว่าเดิม พื้นที่ที่ใช้ก็ลดลงไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ พื้นที่ที่มีประสิทธิภาพบนพื้นโดยเฉลี่ยเพิ่มมากกว่าห้าสิบตารางเมตร ดาดฟ้า หน้าต่างลอย……”
ไป๋เวยรายงานแบบแผนใหม่อย่างละเอียด แล้วรอข้อเสนอแนะของหลงเซียว
หลงเซียวเปิดดูแบบแผนไปครู่ กลุ่มวิลล่ามีทั้งหมดสิบสองชุดที่สไตล์ แตกต่างกัน วิลล่าเดี่ยวและวิลล่าทาวน์เฮ้าส์ล้วนออกแบบสไตล์สถาปัตยกรรมของเวนิส ภายนอกสวยประณีต และใช้ถนนเลียบแม่น้ำในชานเมืองหลวง กลุ่มวิลล่านี้ก็ได้ตำแหน่ง “เมืองน้ำของเมืองหลวง เวนิสตะวันออก”
รูปภาพทั้งสิบสองรูปมีรูปแบบที่แตกต่างกันและเป็นไปตามสไตล์ของเวนิสไม่เปลี่ยนแปลง แบบแผนนี้ไม่มีปัญหา
“เอาพิมพ์เขียวสิ่งอำนวยความสะดวกของกลุ่มวิลล่ามาให้ฉัน” หลงเซียว หลงเซียวดูหัวข้อแบบแผนการก่อสร้างจบ ไม่ได้ชี้ข้อบกพร่องออกมาชัดๆ เรื่องรายละเอียดต้องปรึกษาหารือกับทางบริษัทMBK
“ได้ค่ะ ที่นี่คือห้างสรรพสินค้า สวนสนุก ลานออกกำลังกาย โรงเรียน……”
“โรงเรียนอนุบาล”
หลงเซียวให้ความสนใจกับร่างออกแบบโรงเรียนอนุบาลมากที่สุด ไม่ได้ดูอย่างอื่นมากนัก
“โรงเรียนอนุบาลเป็นร่างฉบับแรกของนักออกแบบ ยังคงเป็นสไตล์เวนิส เน้นใช้สีฟ้า รอบๆ มีแม่น้ำผ่านพอดี ทางนี้เป็นสะพานโค้ง ผ่านมาจากโรงเรียนอนุบาล สองฝั่งนี้เป็นลานจอดรถ”
หลงเซียวพยักหน้า เขาดูร่างออกแบบอย่างละเอียด แต่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยจะพอใจ
“เอาพิมพ์เขียวไว้ที่นี่ก่อน หัวข้อการก่อสร้างไม่มีปัญหาแล้ว เรื่องรายละเอียดต้องปรึกษากับบริษัทMBK แบบแผนโรงเรียนอนุบาลฉันจะกำหนดเอง”
หลงเซียวมองสิ่งก่อสร้างนั้น ตรงหน้าปรากฏภาพตัวเขากับลั่วหานจูงมือเด็กน้อยเข้าโรงเรียนอนุบาลคนละข้าง
เด็กสาวมัดผมแกละสองข้าง สวมชุดกระโปรงลายดอกไม้เล็กๆ สีชมพูอ่อน เดินกระโดดข้ามสะพานไป
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าหล่อราวที่เหมือนถูกแช่แข็งมาหมื่นปี ก็ยิ้มออกมาอย่างไม่มีสัญญาณ
ไป๋เวยเห็นก็รู้สึกตาลาย ยิ้มน่าหลงใหลเกินไปแล้ว “ประธาน ยังมีอย่างอื่นอีกหรือเปล่าคะ?”
หลงเซียวไม่ได้รู้เลยว่ายิ้มของตัวเองเมื่อกี้ทำเอาคนมองเพ้อไปไกล เขาดึงรั้งจิตใจตัวเอง “ไม่มีอะไรแล้ว”
“ฉันจะไปMBKเดี๋ยวนี้ เจรจาเสร็จแล้วจะมารายงานกับคุณอีกที” ไป๋เวยม้วนรูปออกแบบเก็บเรียบร้อย หางตาก็ลอบมองหลงเซียว
“ตอนคุณไปอเมริกากับคุณชายกู้ ได้เจอครอบครัวของเขาหรือเปล่า?” หลงเซียวเอ่ยเปิดประเด็นใหม่เสียงเรียบ
ไป๋เวยชะงัก “ได้เจอแล้ว พ่อแม่และครอบครัวของเขาดีมากค่ะ”
หลงเซียวพยักหน้า “งั้นก็ดี”
“ใช่……อา ดีค่ะ” ไป๋เวยยิ้มเกร็งหน้าเล็กน้อย ดีอะไร รื่นเริงกันเกินไปแล้ว ปวดหัวจริงๆ
“ยินดีด้วย”
“……”
เก็บของเสร็จ ไป๋เวยถึงสงบใจลงแล้วนึกไปถึงคำของหลงเซียว ไอ้คำว่ายินดีด้วยหมายถึงอะไรกันแน่? ทำไมคิดไปคิดมาแล้วรู้สึกประหลาดๆ?
กู้เยนเซินอ่านรายงานจนรู้สึกง่วงเล็กน้อย ดื่มกาแฟไปหลายอึกแล้วก็นังไม่กระปรี้กระเปร่า ทนนั่งเฉยอยู่ในห้องทำงานไม่ได้ จัดวางดอกไม้ เลื่อนเมาส์ไปมา เหม่อมองนอกหน้าต่าง ตอนที่ออกกำลังกายราวกับลิงไฮเปอร์ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หลงเซียวส่งข้อความมา “เจมส์มาถึงพรุ่งนี้ คุณไปรับเขาที่สนามบิน”
“ฟัค! เร็วจังวะ! นี่มันเร็วเกินไปแล้ว!”
กู้เยนเซินเกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งเหมือนโดนมันเผาลวกมือ
ตาสว่างเลย!
คืนเดียวกัน สถานีตำรวจ
ไฟลท์รอบดึกของโจวจั่นบินตรงสู่มาเก๊า ก่อนเดินทางประชุมกับเพื่อนร่วมงาน
การประชุมเริ่มตั้งแต่บ่ายสามถึงหนึ่งทุ่มครึ่ง มุ่งเป้าไปยังการกำหนดแผนการจับตัวเหลียงหยู้คุนทั้งหมดสองแผนนี้ล้วนจำขึ้นใจดี
ประชุมจบ เพื่อนร่วมงานก็แยกย้าย ห้องประชุมเหลือเพียงเฉินเจาและโจวจั่นสองคน
โจวจั่นดึงเก้าอี้ไปข้างหน้าหลายตำแหน่ง “หัวหน้าทีม ลุงนามสกุลเหลียงข้างในนั้น พวกเราต้องถ้ายังไม่ถามอะไรอีก เกรงว่าจะต้องพ้นโทษไปนะครับ”
เฉินเจาดีดไฟแช็กจุดบุหรี่หนึ่งมวน “ไอ้แก่นี้ปลิ้นปล้อนนัก พวกเราไม่มีหลักฐานโดยตรง ไม่มีหนทางพิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้บงการ ดูท่าจะต้องปล่อยตัวไป”
“แม่งเอ๊ย ไม่อยากยอมเลย! คุณนายหลัวบอกมาชัดแล้วแท้ๆ ว่าเขาบงการ!” โจวจั่นทุบโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์
เฉินเจามองบนใส่เขา “แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ? คุณนายหลัวพูด เหลียงจ้งซุนให้เงินเธอ เป็นการทำดี สนับสนุนให้เธอปกป้องสิทธิของเธอด้วยวิธีการทางกฎหมาย ก็เป็นการทำดี จะแนวตั้งหรือแนวนอนก็สมเหตุสมผล”
“แม่ง! เจ้าเล่ห์สารพัดพิษจริงๆ คนพวกนี้หาช่องว่างจากกฎหมายเก่งกันเกินไปแล้ว!” โจวจั่นโมโหจนจิกหัว อยากจะจัดการเหลียงจ้งซุนให้พิการไปเลย
เฉินเจาก็สูบบุหรี่เข้าแรงๆ อย่างอารมณ์เสีย “เหลียงจ้งซุนเป็นคนของหลงถิง เรื่องแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก ต้องพูดว่าเข้าใจและรู้กฎหมายดี ทนายในมือของหลงถิงทุกคนล้วนเป็นพวกฉลาดเกินมนุษย์”
“เพราะงั้นจะปล่อยเขาไปจริงๆ เหรอ?”
“ต้องปล่อย”
หลงเซียวได้รับโทรศัพท์จากสถานีตำรวจ เพื่อทราบว่าเหลียงจ้งซุนพ้นข้อกล่าวหาถูกปล่อยตัว ปฏิกิริยาของเขาเรียบนิ่ง “งั้นก็ปล่อยเลย”
หลังรับรู้แล้ว หลงเซียวกวาดตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ “หลงถิงช่วยเหลือผู้ต้องสงสัยคดีผิดกฎหมายเป็นพิเศษ ไร้ซึ่งข่าวคราวการจับกุมจนถึงวันนี้” ในสองวันนี้ ข่าวเกี่ยวกับเหลียงจ้งซุน หลงถิงแพร่กระจายออกมาทางอินเทอร์เน็ตหลายๆ ด้าน
ทำนบพันลี้ทลายลงมา เพราะรังมดที่เจาะอยู่ภายใน หินฐานรากนี้ถูกงัดเปิดออก เหอะ……
เฉินเจาสูบบุหรี่หมดไปม้วน “หลงเซียวไม่ได้เอ่ยข้อเรียกร้องอย่างอื่น แจ้งไปแล้ว ก็ปล่อยตัวไป”
“ตึงตึง!” โจวจั่นทุบโต๊ะลงไปสองครั้ง “กว่าจะจับตัวมาได้ไม่ง่ายเลย แต่ต้องปล่อยตัวออกไป แม่งน่าเซ็งจริงๆ!”
“มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง ผู้ต้องหาแบบนี้ไม่ได้มีแค่คนสองคน จะต้องมีโอกาส”
โจวจั่นขุ่นเคือง “พรุ่งนี้ฉันไปรวมตัวที่มาเก๊าพร้อมกับบอส จะต้องจับเป็นไอ้เหลียงหยู้คุน! ฟัค นามสกุลเหลียงอีกแล้ว พวกเรามีปัญหากับคนตระกูลเหลียงแล้ว”
เฉินเจาหัวเราะ “ไม่ใช่คนตระกูลเหลียง แต่เป็นพวกอาชญากร”
เหลียงจ้งซุนออกจากคุก หลงถิงส่งคนขับรถมารับ ขับมาส่งที่คฤหาสน์เก่าตระกูลหลง
แต่เหลียงจ้งซุนไม่รู้เลยว่า ตระกูลหลง ณ ตอนนี้ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว
การสังเกตที่เฉียบแหลมและประสบการณ์ที่มาจากการอยู่กับหลงถิงมาหลายปีเตือนเขา ตระกูลหลงเกิดเรื่องแล้ว
เป็นดั่งที่คาดไว้ ตอนที่เขาเข้าประตูมา เขาก็เข้าใจแล้ว เขาเห็นหยวนชูเฟินนั่งอยู่ข้างๆ หลงถิงอย่างอ่อนโยนและสุขุมเยือกเย็น เอาใจใส่ดูแลต้นไม้ดอกไม้ ไม่มีการขับไล่หลงถิง ไม่มีการต่อต้านที่เขาแตะต้องดอกไม้ของเธอ
หลงถิงเหมือนคนไม่มีอะไรทำอย่างไรอย่างนั้น “เล่าเหลียง ออกมาแล้ว”
เหลียงจ้งซุนก็แสดงออกอย่างไร้กังวล “ครับ ท่านประธาน”
หยวนชูเฟินพยักหน้าให้เขาเป็นการทักทาย แต่หลงจื๋อเห็นได้ชัดเจนว่าเขาเผยความไม่สบอารมณ์ออกมา
หลงถิงส่งดอกกุหลาบป่าให้หยวนชูเฟิน “ถอนหนามออกหมดแล้ว ไม่ทิ่มมือ”
หยวนชูเฟินรับไป “ขอบคุณ”
เมื่อหลงถิงก้มหน้าลง มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้ม “กับฉันยังจะต้องขอบคุณอะไรอีก? เป็นสามีภรรยากันแล้ว”
ทันทีหลังจากนั้น หลงถิงและเหลียงจ้งซุนก็ขึ้นไปที่ห้องหนังสือชั้นสอง
หลงจื๋อเข้าไปหาก้าวหนึ่ง หยิบดอกไม้ในมือของหยวนชูเฟินไป ไม่แม้แต่จะมองโยนมันเข้าถังขยะ “แม่ ดอกไม้ดอกนี้ไม่สดแล้ว คุณเปลี่ยนอีกอันดีกว่า”
ในมือของหยวนชูเฟินยังมีดอกยิปโซช่อหนึ่ง ยิ้มอย่างนุ่มนวลรักใคร่เอ็นดู “ทำไมไม่สดล่ะ?”
หลงจื๋ออึดอัดใจ “โดนเชื้อโรคแล้ว ก็ไม่สดแล้ว”
หยวนชูเฟินทำเป็นไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ขัดคำแนะนำของหลงจื๋อ “จริงๆ แล้วฉันไม่ชอบดอกกุหลาบป่า”
ที่เธอชอบคือดอกยิปโซ ถึงแม้หลงถิงจะเอาดอกกุหลาบป่าทั้งทุ่งมาให้เธอ เธอก็ไม่ชอบอยู่ดี
หลงจื๋อนั่งข้างๆ เธอ ช่วยเธอตัดก้านดอกลิลลี่ดอกหนึ่ง “จริงแล้วที่แม่ไม่ชอบ คือคนที่ถือดอกไม้ต่างหาก”