ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 873
ตอนที่ 873 ผู้หญิงต่างก็ปากไม่ตรงกับใจ
มั่นใจแล้วว่าสมองของโจวจั่นไม่มีปัญหา ร่างกายก็กำลังค่อยๆฟื้นตัว ใจที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายของเจิ้งซิ่วหยาในที่สุดก็สงบลง
ช่วงนี้เรื่องแย่ๆเยอะเหลือเกิน ในที่สุดก็สบายได้สักที
ออกจากโรงพยาบาล เจิ้งซิ่วหยากลายเป็นสัตว์ตัวอ่อนที่ไร้กระดูก ครึ่งค่อนตัวต่างก็อ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนของถังจิ้นเหยียน มือปีนป่ายขึ้นไปที่คอของเขา แขวนตัวเองไว้ที่บนร่างกายของเขา
“ที่รักคะ ฉันอยากทานอาหารที่คุณทำ”
ถังจิ้นเหยียนยังนึกว่าคือเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้เพียงแค่ต้องการทานอาหาร “นี่มีอะไรยากกัน? คืนนี้ผมทำให้คุณทาน อยากทานอาหารอะไร…อ้อ วันนี้ไม่ได้ คืนนี้ผมกะดึก พรุ่งนี้แล้วกัน คืนพรุ่งนี้ผมทำอาหารที่บ้าน”
เจิ้งซิ่วหยาจับนิ้วมือนิ้วหนึ่งของเขาเล่น ในใจเรียกได้ว่าจะบ้าตายแล้ว เขาไม่รู้จริงๆหรอว่าเมื่อครู่นี้เธอกำลังบอกอยู่ตลอดว่าตัวเองชอบแหวน?
แม่ถังต่างก็เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย!
ช่างน่าโมโหจริงๆ!น่าโมโหจริงๆ!
“ลุงถัง นิ้วของคุณสวยจริงๆค่ะ มิน่าคนเขาว่ากันว่ามือของศัลยแพทย์ล้วนคืองานศิลปะ มือของ
คุณควรจะเป็นนักเปียโน!”
เจิ้งซิ่วหยาเห็นมือของเขาเป็นหยกขาวชั้นหนึ่ง ขาวใสไร้ที่ติ ข้อกระดูกต่างก็มองเห็นความเป็นประกายที่กึ่งใส ช่างงดงามจนไร้ที่เปรียบจริงๆ!
“ตอนเด็กคุณพ่อคุณแม่ของผมสนับสนุนผมเล่นเปียโน และก็เคยมีความคิดที่จะให้ผมเป็นนักเปียโนเช่นเดียวกัน แต่ต่อมาพบว่าผมไม่เหมาะกับมัน จึงล้มเลิก” ถังจิ้นเหยียนเปิดประตูรถ ส่งเจิ้งซิ่วหยาเข้าไปในที่นั่งด้านข้างคนขับ
“นิ้วที่สวยขนาดนี้สวมแหวนทองคำขาวจะต้องสวยเป็นพิเศษอย่างแน่นอน!” เจิ้งซิ่วหยาร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นราวกับได้ค้นพบโลกใหม่ยังไงอย่างงั้น ที่จริงกลั่นกรองมานานแล้ว ในที่สุดก็หาจุดที่เสียบลงไปได้อย่างเหมาะสมสักที
ถังจิ้นเหยียนบิดกุญแจรถ ยื่นนิ้วทั้งห้าออกมาลองดู “ไม่เคยลอง อาจจะก็ได้มั้ง”
“งั้น…คุณจะลองดูหน่อยไหมคะ?” เจิ้งซิ่วหยากระพริบตาปริบๆ หากดวงตาสามารถเป็นเครื่องพิมพ์ได้ ลูกตาของเธอจะต้องเขียนตัวอักษรแถวนึงอย่างแน่นอนว่า “เราแต่งงานกันเถอะ!
“ปกติหมอต่างก็ไม่สวมใส่เครื่องประดับ คนที่แต่งงานแล้วทำการผ่าตัดก็ยังต้องถอดออกมา ผมก็อย่าเลยดีกว่า?”
ถังจิ้นเหยียนสตาร์ทเครื่องยนต์ ขับรถด้วยท่าทางตั้งใจ
ฮือๆๆ!
เจิ้งซิ่วหยาจะถูกเขาทำให้โมโหตายแล้วจริงๆ!ระดับสติปัญญาของคนๆนี้ออนไลน์อยู่หรือเปล่ากันแน่? ไม่ใช่ว่าระดับสติปัญญาของหมอต่างก็สูงมากหรอกหรอ? สูงบ้าอะไรกัน!!
ช่างกากจริงๆเลย!
เจิ้งซิ่วหยาตัดสินใจไม่พูดกับเขาแล้ว พิงไปบนเบาะนั่งมองไปที่ด้านนอกด้วยท่าทางโกรธตุ๊บป่อง ตอนที่โมโหจนจะบ้าตายก็กัดเล็บตัวเองอย่างเต็มที่ กัดเล็บทั้งหลายจนกลายเป็นช่องโหว่ทีละนิ้วๆ
ถังจิ้นเหยียนเห็นท่าทีของเธอ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เป็นอะไรไปครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ!”
“โกรธหรอ?”
“เปล่า!”
แทบจะโกรธตายอยู่แล้ว!คุณดูไม่ออก?!
ตอนที่รอไฟแดงถังจิ้นเหยียนดึงมือของเธอเอาไว้ “อย่าโกรธเลย ความโกรธทำร้ายสุขภาพนะครับ”
“ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนเป็นห่วง ฉันก็จะทำร้ายค่ะ!”
ถังจิ้นเหยียนจนปัญญา “ไม่งั้น ตอนดึกผมแลกกะกับหมอคนอื่น? กลับบ้านทำอาหาร?”
เจิ้งซิ่วหยาโมโหจนอยากจะรีบไปตาย “ใครจะทานอาหารกันคะ!!”
ฉันต้องการแหวน!แหวนน่ะ!คนโง่!
“อ้อ ไม่ทาน งั้นก็ช่างเถอะ”
“อ๊ากกกกก!โมโหจะตายอยู่แล้ว!”
ถังจิ้นเหยียน “ไม่ใช่บอกว่าไม่โกรธหรอกหรอ?”
เจิ้งซิ่วหยา “…”
โอ๊ย อยากจะไปตายจริงๆ!
ผู้หญิงล้วนคือสิ่งมีชีวิตที่ปากไม่ตรงกับใจ เข้าใจหรือไม่เข้าใจกันแน่?!
…
บริษัทฉู่ซื่อ ห้องทำงานท่านประธาน
หลงเซียวเตรียมตัวที่จะเลิกงาน สวมชุดสูทเสร็จ หยิบกุญแจรถ ประตูห้องทำงานก็เปิดออก
แอนดี้ค่อนข้างประหลาดใจ “ท่านประธาน ตอนนี้ก็จะไปแล้วหรอคะ?”
“อืม มีธุระนิดหน่อย มีอะไรหรอ?”
รับภรรยาเลิกงาน คือเรื่องที่ใหญ่ยิ่งกว่าการทำงานซะอีก
ในมือของแอนดี้มีจดหมายด่วนจากต่างชาติฉบับหนึ่ง “ส่งมาจากอเมริกา เพิ่งมาถึง คุณดูสักหน่อย”
“ให้ผมเถอะ”
บนหน้าปกจดหมายมีโลโก้ของบริษัทหลันเทียน ส่งมาจากตู้หลิงเซวียน จดหมายที่เขาสงมาไม่มีอะไรมากไปกว่าสัญญาที่ต้องเซ็นชื่อของโปรเจกต์ที่ชานเมืองหลวง
แอนดี้ไม่ได้จากไปในทันที เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างพัวพันกันว่า “ท่านประธาน แล้วก็…มีนักข่าวอ้างว่า คุณแม่ของคุณเป็นโรคเกี่ยวกับด้านประสาท ต้องการบล็อกข่าวคราวที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไหมคะ?”
หลงเซียวทิ้งเอกสารลง แม้แต่ซองก็ยังขี้เกียจที่จะแกะ “เรื่องแบบนี้ยิ่งปกปิดยิ่งเด่นชัด ตอนนี้ไม่ต้องให้ปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ หลังจากที่ข่าวแพร่กระจายออกไปแล้ว คนที่ร้อนรนที่สุดก็คือหลงถิง ดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบยังไง”
แอนดี้คิดไม่ถึงว่าบอสจะสบายๆขนาดนี้ เมื่อครู่นี้เธอยังกลัวว่าจะถูกด่ามายกหนึ่งเสียอีก ถึงอย่างไรมีเรื่องมากมายที่ไม่สามารถรอบอสออกคำสั่งลงมาถึงค่อยไปทำได้
“วันนี้บริษัทMBKปิดกระดานหุ้นล่วงหน้า ดูเหมือนหลงถิงจะกังวลว่าตลาดหุ้นน่าเกลียดมากเกินไป”
“หึ…ที่น่าเกลียดยังอยู่ที่ด้านหลัง”
หลงเซียวเตรียมลงมาชั้นล่าง ถูกกู้เยนเซินเรียกเอาไว้จากทางด้านหลัง
“รอเดี๋ยวๆ!”
กู้เยนเซินกลับมาจากแผนกการตลาด เห็นหลงเซียวจะไปมาแต่ไกลๆ วิ่งเหยาะๆมาระยะทางหนึ่งถึงตามด้านหลังของเขาทัน วิ่งจนหอบเล็กน้อย
หลงเซียวมองสังเกตท่าทีที่ตะลีตะลานของเขา “มีธุระ?”
กู้เยนเซินล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ปัดเลื่อนสองสามทีหารูปภาพจนเจอ “แกไม่ได้ดูวีแชทล่ะมั้ง? สหายอาหย่งถูกเจมส์เล่นจนสาหัสเลย เจมส์กับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเขา เรียกได้ว่าสุดยอดเกินว่ะแม่ง!เห็นอาหย่งเป็นคนงานระยะยาวแล้วจริงๆ แกจะกอบกู้ชีวิตสักหน่อยไหม?”
อาหย่งบนรูปภาพแขวนเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้ง ในมือถือชานมยี่ห้อดังของจีนสองแก้ว ยืนอยู่บนถนนอย่างลำบากจนยากที่จะแสดงเป็นคำพูดออกมาได้
รูปที่สอง จางหย่งหมอบคลานอยู่บนพื้น ในมืออุ้มกล้องเอาไว้ กำลังถ่ายรูปให้กับอิสซา อิสซาที่อยู่ในกล้องขาเรียวงามทั้งสองข้างแย่งซีนเป็นอย่างยิ่ง
รูปภาพเหล่านี้ ล้วนคือภาพที่หลงเซียวจัดการให้บอดี้การ์ดแอบถ่ายมา
ด้านหลังยังมีอีกหลายรูป จางหย่งถูกพวกเขาใช้วิธีการเล่นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมากระทำซ้ำไปซ้ำมาจนยิ่งกว่าทาสคนผิวดำในยุคการค้าสามเหลี่ยมทองคำเสียอีก
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ทำขนาดนี้เกินไปแล้ว”
“มากเกินไปแล้ว!ฉันดูยังปวดใจ!อาหย่งถึงอย่างไรก็เป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ ช่าง…ทนไม่ได้ที่จะมองดูตรงๆ!” กู้เยนเซินเป็นเดือดเป็นร้อน
หลงเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย “อืม ที่พูดก็ถูก เอาอย่างนี้แล้วกัน แกเลิกงานก่อนเวลา ไปช่วยเขา”
กู้เยนเซินชี้ไปที่จมูกของตนเอง “ฉัน? แกไม่ได้พูดผิดมั้ง? หลังจากเลิกงานฉันมีเดท!”
หลงเซียวยิ้ม “ฉะนั้น ฉันให้แกเลิกงานล่วงหน้า”
“เหอะๆ…เหอะๆ เหอะๆๆ!ตอนนี้ก่อนเลิกงานมีเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง!” กู้เยนเซินจิ้มหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ให้เขาดูเวลาที่อยู่ด้านบน
หลงเซียวพยักหน้า “ดังนั้น แกยังไม่รีบไปอีก?”
ลิฟต์ขึ้นมาพอดี หลงเซียวตรงก้าวขาขึ้นไป ตามมาด้วยประตูลิฟต์ที่ปิดสนิทลง ตัดใบหน้าที่หล่อเหลาแต่กำลังโมโหนั้นของกู้เยนเซิน
ครืนๅ โทรศัพท์มือถือของหลงเซียวสั่นขึ้นสองที
ข้อความจากเจิ้งซิ่วหยา “ยินดีด้วยค่ะ จากการตรวจสอบหลักฐาน หลักฐานการเคลื่อนไหวลักลอบค้าของเถื่อนของคุณกับเหลียงหยู้คุนไม่เพียงพอ คุณปลอดภัยแล้ว”
หลงเซียวยกมุมริมฝีปากขึ้น ดวงตาที่ดำขลับเผยออกเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
ไม่ช้า ข้อความที่สองของเจิ้งซิ่วหยาก็เข้ามา “ถังจงรุ่ยถูกทำร้ายด้วยเจตนาที่ไม่ดี ต่อให้เขามีประวัติอาชญากรรม ฉันหวังว่าคุณหลงจะสามารถอดทนเข้าใจและให้การสนับสนุนได้ กรุณาด้วยค่ะ”
รอยยิ้มนั้นของหลงเซียวลดอุณหภูมิเต็มๆ สุดท้ายลดลงจนมาถึงศูนย์องศา แข็งอยู่ที่มุมริมฝีปาก
เขาไม่ได้ให้การตอบกลับใดๆกับเธอ
ลิฟต์ลงมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน หลงเซียวกดปุ่มปลดล็อค โน้มตัวขึ้นรถ ตอนที่สตาร์ทเครื่องนั้น เขาโทรศัพท์ไปหาหยวนชูเฟิน
การใช้ชีวิตช่วงนี้ของหยวนชูเฟินมีกฎเกณฑ์เป็นอย่างมาก ทุกๆวันเข้านอนเร็วตื่นเช้า อ่านหนังสือ วาดรูป เดินเล่น ทานอาหาร ราวกับคุณหญิงคุณนายที่สบายๆไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ปาน ใช้ชีวิตมีเกียรติมั่งคั่งและร่ำรวย ไม่มีเรื่องให้เป็นห่วงเป็นกังวล
จนกระทั่งโทรศัพท์สายนี้โทรเข้ามา ทำให้เธอถอดใบหน้าที่เสแสร้งนี้ลงได้
“เซียวเอ๋อ”
หลงเซียวกุมพวงมาลัยรถเอาไว้ นิ้วมือเคาะลงเป็นระลอกๆ “แม่ ข่าวผมเห็นแล้ว เรื่องนี้ผมจะจัดการอย่างเหมาะสม หากแม่ไม่สบอารมณ์ ผมก็จะบล็อกข่าวทั้งหมดเดี๋ยวนี้”
หยวนชูเฟินยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างรู้ดีทุกอย่าง “เซียวเอ๋อ ลูกกับแม่ก็ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว หากลูกอยากบล็อกทิ้ง ก็คงจะไม่โทรศัพท์หาแม่หาความคิดเห็นจากแม่ แม่เข้าใจความหมายของลูก ข่าวเชิงลบของแม่ คนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดก็คือหลงถิง ข่าวยิ่งรุนแรงมากเท่าไร แรงกดดันของเขาก็จะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น ลูกไม่ต้องสนใจความรู้สึกของแม่ หากเป็นไปได้ทำให้ข่าวรุนแรงมากขึ้นอีกหน่อย”
หลงเซียวกลับถูกเธอพูดให้ขำแทนเสียด้วยซ้ำ “แม่เข้าใจผมจริงๆ”
“ลูกคือคนที่แม่คลอดออกมา แม่ยังไม่เข้าใจลูก?” หยวนชูเฟินไม่ได้เจอลูกชายนานมาก ได้ยินเสียงต่างก็ยังรู้สึกอบอุ่น
“ถ้างั้น แม่ลองเดาดูดีกว่า ว่าก้าวต่อไปผมจะทำอะไร?”
“แม่ไม่สนใจว่าก้าวต่อไปลูกจะทำอะไร? ลูกพาลั่วหานกับชูชูมาที่บ้านเก่าสักรอบ หรือว่ารับแม่ไปที่บ้านพวกลูกก็ได้ แม่คิดถึงหลานสาวสุดที่รักของแม่แล้ว วันนี้ก็ต้องให้แม่ได้เจอ!”
หยวนชูเฟินไม่สนทนากับลูกชายเกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจหรอก เธอคิดเพียงแค่ทั้งครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน!
“…” นี่…
“ครับ คืนนี้ผมพาลั่วลั่วกับชูชูไปบ้านตระกูลหลง”
หลงเซียวส่ายศีรษะอย่างน่าขัน ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าแม่ของเขาจะเล่นลูกไม้เป็นแล้ว
วางโทรศัพท์มือถือลง หยวนชูเฟินเดินออกมาจากห้อง กลับมาสู่สภาพแบบเดิมอีกครั้ง “ขอโทษค่ะหมอหวัง โทรศัพท์จากลูกชายของฉัน”
หมอประจำตระกูลของตระกูลหลงนั่งรออยู่ในห้องรับแขก เขาเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพนอบน้อม “ไม่เป็นไรครับ คุณผู้หญิงเชิญนั่ง”
หยวนชูเฟินรวบชายกระโปรง นั่งลง “เมื่อครู่นี้คุยกันไปถึงไหนแล้วคะ?”
หมอหวังจิ้มไปที่แฟ้มผู้ป่วย “คุณผู้หญิง เซลล์มะเร็งภายในร่างกายของคุณยังคงกำลังแพร่กระจาย ในระหว่างการรักษาจะต้องระมัดระวังการพักผ่อนเป็นอย่างมาก…”
“ค่ะ”
คำแนะนำแพทย์ของหมอหวังยังไม่ทันจะพูดจบ คนรับใช้ก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ เอ่ยขึ้นที่ข้างใบหูของหยวนชูเฟินว่า “คุณผู้หญิง แม่ของคุณชายรองมาค่ะ”
หยวนชูเฟินหัวเราะออกมาทางจมูกเล็กน้อย “รู้แล้ว…หมอหวัง คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ มีเรื่องอะไรฉันโทรศัพท์หาคุณ”
“ครับ คุณผู้หญิงพักผ่อนให้ดี”
หมอหวังเก็บกล่องยาเสร็จ ตอนที่ออกจากประตูนั้นเห็นโฉหวั่นชิงที่ยืนอยู่ด้านนอก เขาจำเธอได้…
ไม่ช้า โฉหวั่นชิงก็ถูกเชิญเข้าไปในบ้าน และหมอหวังที่เดินออกนอกประตูใหญ่ของวิลล่าก็โทรศัพท์ไปหาหลงถิงในทันที
คนรับใช้สุภาพกับโฉหวั่นชิงมาก ยกน้ำชารินน้ำ ดูแลอย่างรอบด้าน
โฉหวั่นชิงเหยียบประตูบ้านเป็นครั้งที่สอง ไม่เสียกิริยาขนาดนั้นอย่างครั้งแรก เธอประคองถ้วยน้ำชา พฤติกรรมต่างก็ควบคุมเอาไว้ดีเป็นอย่างมาก
“พี่ชูเฟิน ฉันมาหาพี่ ไม่ใช่ว่าจะมาสร้างปัญหา หากแต่…มีเรื่องสองสามเรื่อง ฉันอยากจะขอความกรุณาจากพี่”
คิดไม่ถึงว่าจะแก้ปากเรียกพี่แล้ว?
หยวนชูเฟินจิบน้ำชาไปหนึ่งคำ ยิ้มขึ้นอย่างไม่เปิดเผยร่องรอยความรู้สึกใดๆ
“เธอพูดมาเถอะ หากฉันทำได้ จะพยายามอย่างสุดความสามารถแน่นอน”
โฉหวั่นชิงหยิบเอากล่องกำมะหยี่ใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าที่ติดตัวมา วางลงบนโต๊ะด้วยความระมัดระวัง “ฉันจะไปแล้ว อันนี้ รบกวนพี่มอบให้กับเสี่ยวจื๋อ”
หยวนชูเฟินมองไปที่กล่องแวบหนึ่ง ด้านในคงจะเป็นเครื่องประดับที่มูลค่าค่อนข้างสูง “ทำไมไม่ให้เขาด้วยตัวเอง? เธออยู่ที่เมืองหลวง เจอเขาสะดวกมาก”
โฉหวั่นชิงล็อคตัวล็อคที่อยู่บนกระเป๋า ตอนที่ก้มศีรษะดวงตาเปียกชื้น แอบมีน้ำตาอยู่ “ไม่เจอแล้วจะดีกว่า เจอแล้ว ฉันกลัวจะทำใจไม่ได้”