ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 874
ตอนที่ 874 พ่อลูกอ่อนผู้เอาใจใส่อันหล่อเหลา
หยวนชูเฟินไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป “ฉันจะส่งมอบให้กับเขา”
คำแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ในใจของเธอก็ยังคงมีความสงสัย โฉหวั่นชิงสามารถไปหาหลงถิงได้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์หรือว่าเหตุผล ระหว่างพวกเธอไม่จำเป็นจะต้องมีความพัวพันใดๆเพราะเรื่องแค่นี้
โฉหวั่นชิงมองไปรอบๆสิ่งก่อสร้างภายในของวิลล่าอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างในนี้ล้วนหรูหรามีราคาขนาดนั้น คนที่พักอยู่ภายใน ได้สวมใส่วงแหวนรัศมีที่มองไม่เห็น ไม่ว่าไปสถานที่แห่งไหน คนของตระกูลหลงก็สูงกว่าคนอื่นเสมอ
เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าตัวเองทนความอัปยศอดสู แบกรับภาระอันหนักอึ้ง จะต้องแลกมาด้วยโอกาสในการพลิกตัวกลับคืนมาอย่างแน่นอน
แต่ทว่า…
ในใจของโฉหวั่นชิงเศร้ารันทด
“แล้วก็…เสี่ยวจื๋อแม้ว่าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพี่ แต่พี่ก็ดูเขาโตมา ช่วงเวลาที่ไปมาหาสู่กับเขายาวนานกว่าฉันผู้เป็นแม่แท้ๆคนนี้ซะอีก อีกหน่อย…ก็ขอความกรุณาพี่ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่คอยช่วยเหลือเขาด้วย”
หยวนชูเฟินฟังจนขมวดคิ้วขึ้นมา”โฉหวั่นชิง เธอคิดจะพูดอะไรกัน?”
“ไม่มีอะไรค่ะ เสี่ยวจื๋อไม่ใช่ว่าจะหมั้นแล้วหรอกหรอ? แต่งงานแล้วก็ควรจะโตได้แล้ว แต่ว่าสามีภรรยาที่ยังเป็นวัยหนุ่มสาวยากที่จะหลีกเลี่ยงการมีความขัดแย้งกันได้ ฉันไม่สะดวกที่จะออกหน้า ก็รบกวนพี่เป็นห่วงพวกเขามากหน่อยแล้ว”
การแสดงออกในวันนี้ของโฉหวั่นชิงผิดปกติมาก เมื่อก่อนเธอพูดจาต่างก็แฝงไปด้วยความประชดประชันถากถาง ไม่งั้นก็จงใจแสดงว่าอ่อนแอ วันนี้อยู่ๆจริงใจขนาดนี้ แปลก!
“เรื่องเหล่านี้ไม่ต้องให้เธอกำชับฉันก็จะทำให้ดีอยู่แล้ว เสี่ยวจื๋อเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง”
โฉหวั่นชิงยิ้มขึ้นอย่างขมขื่น “พี่ชูเฟิน พี่เชื่อเรื่องโชคชะตาไหมคะ?”
หยวนชูเฟินยิ้มขึ้นอย่างราบเรียบ “ทำไม? ช่วงนี้ดูดวงหรอ?”
โฉหวั่นชิงเอ่ยขึ้นอย่างล้อเล่น “บางทีชาติก่อนฉันอาจจะติดค้างพี่เอาไว้ ชาตินี้ฉันมาชดใช้พี่”
หยวนชูเฟินมึนงง “เธอมีอะไรจะพูดใช่หรือเปล่า? พูดมาตรงๆเถอะ ไม่ต้องอ้อมค้อม”
นิ้วมือของโฉหวั่นชิงบีบกระเป๋าเอาไว้แน่น เธออยากพูดออกมาให้สะใจ อยากด่าแรงๆสักยก อยากถามว่าทำไมเธอไม่เสียแรงแม้แต่น้อยก็ได้รับทุกสิ่ง!ทำไมฉันเสียสละความสุขของทั้งชีวิต สุดท้ายยังต้องเป็นตัวตายตัวแทนให้กับเธอ!
“ฉัน…”
“คุณท่าน กลับมาแล้วหรอคะ”
โฉหวั่นชิงคำพูดนึงเพิ่งจะออกจากปาก อยู่ๆได้ยินคนรับใช้ร้องเรียกหลงถิง สีหน้าซีดเผือดขึ้นมาในทันที!
เขากลับมาได้ยังไงกัน? เวลานี้ไม่ควรจะกลับมาสิ!
หยวนชูเฟินโน้มสายตาลงต่ำ ยิ้มขึ้นเล็กน้อย ข่าวไวจริงๆ
หลงถิงก้าวขากว้างๆเข้าประตู ไม่ได้สนใจคนรับใช้ เข้าประตูก็มองเห็นโฉหวั่นชิง สายตาที่แหลมคมหรี่ลงไปกว่าครึ่ง ลางสังหรณ์ที่ไม่เป็นมงคลฉกฉวยลมหายใจของเขาเอาไว้
ผู้หญิงคนนี้!
“เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
น้ำเสียงของหลงถิงเป็นความตำหนิติเตียนมากกว่า ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
หยวนชูเฟินหันศีรษะด้วยท่าทีที่สง่างาม “ฉันเป็นคนเรียกเธอมาดื่มน้ำชาที่บ้านเองค่ะ ฉันคนเดียวเบื่อจนเคว้ง อยากพูดคุยกับเธอ”
โฉหวั่นชิงเบิกตาโพลงขึ้นด้วยความตกใจ จากนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง “พี่หลง ฉัน…จะไปเดี๋ยวนี้”
หลงถิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งต่อคำอธิบายของหยวนชูเฟิน “อืม”
สายตาที่เหลือของหยวนชูเฟินตรวจสอบโฉหวั่นชิง เกิดจิตใจแห่งความสงสาร “ในเมื่อมาแล้ว ทานข้าวเสร็จค่อยไปเถอะ”
อะไรนะ?
คราวนี้โฉหวั่นชิงกับหลงถิงต่างก็เบิกตาโพลง ทั้งสองคนไม่มีทางเชื่อเป็นอันขาดว่าหยวนชูเฟินจะเป็นฝ่ายให้เธออยู่ต่อ
โฉหวั่นชิงในตอนแรกถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลหลงยังไง ทั้งสามคนต่างก็ความทรงจำลึกซึ้ง ภาพปรากฏขึ้นชัดเจนต่อหน้าต่อตา
ก็ใช่ ความทรงจำของหยวนชูเฟินได้ยุ่งเหยิง เกรงว่าคงจะจำไม่ได้แล้ว
แต่ให้เธออยู่ทานข้าวคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
หลงถิงเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งเฉย “วันหลังแล้วกัน เรียกเสี่ยวจื๋อกับซีเหวินมาด้วย”
ดวงตาที่เปล่งประกายขึ้นมาของโฉหวั่นชิงดับลงอีกครั้ง สำหรับผลลัพธ์นี้ เธอก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายเช่นเดียวกัน “พี่หลงพูดถูก…ฉัน…ฉันกลับไปก่อน”
“งั้นก็รอเสี่ยวจื๋อพาซีเหวินกลับบ้าน ฉันค่อยโทรศัพท์หาเธอ” หยวนชูเฟินแสดงความอ่อนโยนใจกว้างของบ้านใหญ่ออกมาอย่างเต็มที่ ท่าทีที่มีต่อโฉหวั่นชิงเลี้ยวกลับร้อยแปดสิบองศา หลงถิงช็อกไปอีกครั้งหนึ่ง
โฉหวั่นชิงพยักหน้า ขอตัวกลับด้วยรอยยิ้มที่เชื่อฟัง “งั้น…ฉันไปแล้วค่ะ”
ในใจของเธอชัดเจนดี ไปจากที่นี่คราวนี้ ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้กลับมาอีกแล้ว ประตูใหญ่ของบ้านตระกูลหลงไม่มีทางเปิดออกให้เธออีก และประตูอีกบาน กลับอยู่ในความมืดมิดรอเธออยู่
…
“Angel พวกเรามาบ้านคุณย่าแล้วนะจ๊ะ ดูสิ ทางนี้ก็คือห้องของคุณย่า”
บนรถของหลงเซียว ลั่วหานนั่งอยู่ที่เบาะนั่งทางด้านหลัง ในอ้อมแขนกอดชูชูตัวน้อยเอาไว้ ชูชูน้อยสวมชุดกระโปรงลูกไม้สีฟ้าสำหรับฤดูหนาว ศีรษะเล็กๆ ดวงตากลมโต มองไปรอบๆสภาพแวดล้อมที่แปลกหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เด็กน้อยตอนนี้ไม่ได้มีความสามารถในการรับรู้มากมายนัก แต่ว่าฟังน้ำเสียงของหม่ามี๊ ตัวเองก็ตื่นเต้นดีใจตามขึ้นมา เท้าเล็กๆกระโดดถีบไปมาภายในอ้อมแขนของลั่วหาน ใช้การเคลื่อนไหวที่เป็นความจริงแสดงออกถึงความชอบของตนเอง
หลงเซียวจอดรถ เห็นรถของหลงถิงคิดไม่ถึงว่าจะจอดอยู่ที่ด้านนอกวิลล่าเช่นเดียวกัน
“หลงถิงอยู่บ้าน” หลงเซียวเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
ลั่วหานชะโงกศีรษะออกไป มองเห็นลินคอล์นเปิดประทุนคันนั้นของหลงถิง หัวเราะขึ้นมาอย่างประชดประชัน “ยากนะคะ คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาทานอาหารเย็น”
“คืนนี้คงจะไม่ได้มีงานเลี้ยงสังสรรค์ ในเมื่อหลงถิงอยู่ เสี่ยวจื๋อก็คงจะอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน”
หลงเซียวเปิดประตูรถทางด้านหลังออก อุ้มลูกสาวเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเองก่อน ลั่วหานใส่หมวกใบเล็กสำหรับฤดูหนาวที่นุ่มนิ่มให้กับชูชูน้อย หมวกใบเล็กที่บ้องแบ๊วมีหูกระต่ายที่น่ารักสองข้างออกมา เป็นชุดเดียวกับกระโปรงที่อยู่บนร่างกายของเธอ สวมเต็มรูปแบบแล้วยิ่งแบ๊วมากขึ้นไปอีก
ด้านนอกมีลม ชูชูน้อยชิดเข้าไปในอ้อมแขนของแด๊ดดี้ ใบหน้าเล็กๆแนบเข้ากับชุดกันลมของหลงเซียว หลงเซียวเปิดปกคอเสื้อชุดกันลมออก ห่อเด็กน้อยเข้าไปในนั้น ดวงตาของชูชูน้อยโค้งขึ้น รักคุณพ่อสุดที่รักสุดๆ
หลงเซียวมือข้างหนึ่งอุ้มลูกเอาไว้ อีกข้างหนึ่งจับหลังคารถให้ลั่วหานลงมา
“ไม่ได้กลับมาตั้งนาน รู้สึกแปลกๆ” ลั่วหานโค้งริมฝีปากเล็กน้อย ความหมายไม่ต้องบอกก็รู้
หลงเซียวไม่ได้นำลูกส่งให้กับลั่วหาน เธอดูแลเด็กน้อยมาตลอดทางแล้ว ไม่อยากให้เธอเหนื่อยอีก มือซ้ายอุ้มลูกรักเอาไว้อย่างแน่นหนา มือขวากดปุ่มเปิดกระโปรงหลังรถ หยิบของขวัญสองกล่องที่จะมอบให้กับหยวนชูเฟินออกมาจากด้านใน
ลั่วหานจะรับ หลงเซียวพเยิดหน้า บอกให้เธอหยิบเพียงแค่กระเป๋าถือใบเล็กของตัวเองก็พอแล้ว
ลั่วหานยิ้มเล็กน้อย เดินมาที่ด้านซ้ายของเขา เอียงไปทางด้านหลังโอ๋ลูก “ที่รัก คุณอุ้มลูกหล่อจริงๆค่ะ”
หลงเซียวเหลือบมองเธอ “หล่อตรงไหน?”
“ตรงไหนก็หล่อค่ะ!”
หลงเซียวไม่ตอบกลับหัวเราะแทน
ลั่วหานกดกริ่งที่หน้าประตูใหญ่ของวิลล่าไปทีหนึ่ง ด้านในแตกตื่น
คนรับใช้มองเห็นบนจอแสดงผลคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณชายใหญ่และคุณหญิงใหญ่ที่ไม่ได้กลับมานาน แล้วก็…คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอุ้มเด็กมาด้วย!
พระเจ้า!พระเจ้า!
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะได้พบกับองค์หญิงน้อยแล้ว!
คนรับใช้กอดโทรศัพท์เอาไว้ตื่นเต้นจนลืมสถานะของตนเอง ตะโกนเสียงดังเข้าไปด้านใน “คุณท่าน!คุณผู้หญิง!คุณชายใหญ่ทั้งครอบครัวมาแล้วค่ะ!”
เสียงของคนรับใช้ตัดบทสถานการณ์ที่อึดอัดทางนี้อย่างกะทันหัน แม้แต่โฉหวั่นชิงก็ช็อกตามไปด้วย หลงเซียว?
หลงถิงขมวดคิ้วขึ้น “พวกเขามาทำอะไร?”
หยวนชูเฟินนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน “ฉันให้พวกเขามาค่ะ ชูชูน้อยเกิดจนมาถึงตอนนี้ ไม่เคยมาบ้านคุณปู่คุณย่าสักครั้ง ก็ต้องมาสักครั้งล่ะมั้งคะ?”
คุณปู่?
ตอนนี้หลงถิงได้ยินคำเรียกที่แปลกหน้านี้ ดวงตาและมุมปากต่างก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย ระงับความหงุดหงิดและไม่พอใจในใจเอาไว้ “ทำไมไม่บอกผมล่วงหน้าสักคำ?”
หยวนชูเฟินแสดงความอ่อนแอ “เดิมคิดจะบอกกับคุณ แต่คุณกลับมาก่อนแล้ว คุณไม่อยากให้พวกเขามา?”
ในใจของหลงถิงคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ปากไม่สามารถยอมรับตรงๆได้ “ไม่ใช่ ให้พวกเขาเข้ามาสิ”
จุดยืนของโฉหวั่นชิงยิ่งเพิ่มความเก้กังแล้ว ไปก็ไม่ใช่ อยู่ก็ไม่ใช่ ยืนเป็นสากกะเบืออยู่ด้านข้างไม่กล้าพูดออกมาสักประโยค แอบเหลือบมองหลงถิง หวังจะได้รับคำบอกใบ้จากเขา
หลงถิงถอนหายใจออกมา “ช่างเถอะ ในเมื่อต่างก็อยู่ครบ โทรศัพท์หาเสี่ยวจื๋อ ให้เขากลับมาทานอาหารเย็น”
คำพูดคือพูดกับโฉหวั่นชิง ผู้ที่ถูกพูดด้วยดีใจจนน้ำตาไหลอยู่ตรงนั้น รีบตอบรับติดต่อกันในทันที “ค่ะ…ค่ะ ฉันจะโทรศัพท์หาเขาเดี๋ยวนี้”
การมาของหลงเซียวกับลั่วหาน ทำให้ห้องโถงใหญ่ที่อึมครึมอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความงามที่ประดับเพิ่มด้วยความงามของเด็กน้อยยิ่งทำให้บ้านที่กว้างใหญ่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด ชูชูว่านอนสอนง่ายอยู่ในอ้อมแขนของหลงเซียวส่งเสียงเล็กที่น่ารักบ้องแบ๊วออกมา
เรียกได้ว่าทำให้คนทั้งห้องละลาย!
“แม่ ดีขึ้นหน่อยหรือยังคะ?” ลั่วหานโรคการงานกำเริบ มองเห็นหยวนชูเฟินก็เคยคิดที่จะไปตรวจสอบชีพจรให้กับเธอ
“ดีขึ้นเยอะแล้ว เธอดูสิฉันไม่ใช่ว่าดีๆอยู่หรอกหรอ? ให้ฉันอุ้มหลานสาวสุดที่รักของฉันหน่อย โอ๊ย ชูชูน้อยที่น่ารักของเราโตขนาดนี้แล้ว”
หยวนชูเฟินอุ้มเด็กน้อยที่นุ่มนิ่มใส่เข้าไปในอ้อมแขน การเคลื่อนไหวช่ำชองกว่าหลงเซียวมากอย่างเห็นได้ชัด อุ้มจนเด็กน้อยสบายมาก
ชูชูน้อยไม่ต่อต้านหยวนชูเฟินเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เด็กน้อยเป็นฝ่ายแนบเข้าไปในอ้อมแขนของเธอก่อน ดวงตากลมๆโค้งเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ด้วยความดีใจ
ลั่วหานกลัวลูกน้ำลายไหล ใส่ผ้ากันเปื้อนรูปกระต่ายน้อยที่น่ารักให้กับเธอ “โตแล้วหรอคะ? ทำไมหนูถึงดูไม่ออก?”
“เธอดูอยู่ทุกวัน แน่นอนว่าดูไม่ออก เว้นช่วงระยะเวลาหนึ่งไม่เจอ เธอก็รู้แล้ว เด็กวันนึงเป็นแบบนึง”
ลั่วหานถอดหมวกของชูชูน้อยออก จัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ “เจ้าหนู จุ๊บคุณย่าสิจ๊ะ”
หยวนชูเฟินหัวเราะขึ้นอย่างเย้ยหยัน “เธอนี่ก็โง่ไปแล้ว หล่อนเด็กขนาดนี้เข้าใจอะไรล่ะ?” ในขณะที่พูด หยวนชูเฟินเป็นฝ่ายจุ๊บไปที่แก้มของชูชูก่อน
ผิวของเด็กทารกดีเป็นพิเศษ ในวินาทีที่ริมฝีปากสัมผัสนั้นราวกับกินมิลค์เชคไปคำหนึ่งยังไงอย่างงั้น
“โตอีกหน่อยก็คงดี ถึงเวลาจะต้องติดแม่อย่างแน่นอน” ลั่วหานเก็บหมวกเสร็จ พบว่าหลงเซียวและหลงถิงได้นั่งอยู่บนโซฟาที่ห้องโถงใหญ่แล้ว
ไม่รู้ว่าทั้งสองคนกำลังพูดอะไรกันอยู่
และทางนี้ โฉหวั่นชิงโทรศัพท์เสร็จเข้ามา เป็นฝ่ายเข้ามาชื่นชมชูชูก่อน หยวนชูเฟินปกป้องเด็กน้อยไม่ได้ให้เธออุ้ม
“คุณป้าโฉ สวัสดีค่ะ” ลั่วหานผงกศีรษะทักทาย ท่าทีที่มีต่อโฉหวั่นชิงสุภาพเป็นอย่างมาก
“ได้ยินเสี่ยวจื๋อเอ่ยถึงเธออยู่บ่อยๆ ชมหนูไม่ขาดปาก ในสายตาของเสี่ยวจื๋อ หนูก็คือนางฟ้าลงมาเกิด หน้าตาดี ฝีมือทางการแพทย์สูงส่ง นิสัยก็ดี”
โฉหวั่นชิงเก็บคำพูดที่ดีมาโดยเฉพาะ พยายามทำให้ตัวเองเข้าไปรวมอยู่ในกลุ่ม
“คุณป้าอย่าฟังเสี่ยวจื๋อพูดซี้ซั้วเลยค่ะ ปากของเขาไม่มีประตูกั้น อะไรก็พูดหมด” ลั่วหานล้อหลงจื๋อเล่นอย่างเป็นกันเองสนิทสนม ในที่สุดก็ทำให้บรรยากาศที่เก้ๆกังๆครึกครื้นขึ้นมาหน่อย
ห้องรับแขก หลงถิงและหลงเซียวต่างฝ่ายต่างมีความคิดในใจ
ทั้งสองคนมองดูแล้วเหมือนนั่งเผชิญหน้าคุยกัน แต่ที่จริงแล้วถูกกั้นเอาไว้คนละโลก ไม่สามารถใช้ใจเชื่อมต่อกันได้อีกแล้ว
หลงถิงถือถ้วยชา จิบไปคำหนึ่ง “ทำไม? ไม่พูดจา?”
ขายาวของหลงเซียวไขว้กัน นั่งอยู่บนโซฟาที่คุ้นเคยอย่างขี้เกียจเป็นธรรมชาติ นิ้วมือลูบไล้ภายนอกของแก้ว “งั้นก็คุยกันเรื่องโปรเจกต์ที่ชานเมืองหลวงแล้วกัน”
เรื่องอย่างอื่น ผมไม่มีอะไรน่าคุยกับคุณ!
หลงถิงฉีกมุมริมฝีปากเล็กน้อย รอยยิ้มยังไม่ได้เป็นรูปร่างก็แข็งทื่อแล้ว “ดูเหมือน แกยังจะรีบร้อนกว่าฉันซะอีก”
“เป็นธรรมดา โปรเจกต์ขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อของบริษัทMBKทุกปีต่างก็มีสิบกว่าโปรเจกต์ แต่บริษัทฉู่ซื่อไม่เหมือนกัน ฉู่ซื่อคือบริษัทเล็กๆ”
หลงถิงสบถเบาๆ “แกบริหารบริษัทฉู่ซื่อจนเจริญรุ่งเรือง หุ้นสูงถึงขีดจำกัดหลายต่อหลายครั้ง ราคาตลาดพลิกเป็นสองเท่าภายในค่ำคืนเดียว แกบอกฉันว่าฉู่ซื่อคือบริษัทเล็กๆ หึ !”
หลงเซียวยืดตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ยิ้มขึ้น “อ้อ? พ่อคิดว่าขนาดของบริษัทฉู่ซื่อสามารถเทียบเคียงกับบริษัทMBKได้?”
“โลกภายนอกร่ำลือ ที่ที่มีแกหลงเซียว ก้อนดินต่างก็สามารถเปลี่ยนเป็นทองได้”
หลงเซียวหัวเราะเหอะๆ “ขอบคุณมากครับสำหรับคำชื่นชม !ผมไม่กล้ารับเอาไว้”
“ทำไมแกจะไม่กล้ารับ? ชานเมืองหลวงเพียงแค่ดำเนินการ รายได้จะต้องทวีคูณอย่างแน่นอน อนาคตของบริษัทฉู่ซื่อในตลาดหุ้นจีน ไม่อาจจะคาดการณ์ได้!”
ที่เขาพูดคือความจริง แต่ความจริงนี้ทิ่มแทงเขาให้เจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง!
จะยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมรับ บริษัทฉู่ซื่อเล็กๆคิดไม่ถึงว่าจะสามารถร่วมลงทุนกับบริษัทMBKได้!ยังเอาเปรียบอย่างใหญ่หลวง!
“หุ้นรายตัวของบริษัทMBKได้สูงทะลุ500จุด โปรเจกต์ชานเมืองหลวงดำเนินการ ราคาหุ้นของบริษัทMBKยังจะสูงขึ้นต่อไป ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ รายได้ของบริษัทMBKได้ทะลุบันทึกของไตรมาสก่อนแล้ว”
หลงเซียวไม่ได้ชื่นชมหลงถิง แต่พูดจนหลงถิงรู้สึกสบายมาก
“แต่ว่า หลายวันนี้ หุ้นของบริษัทMBKกลับกำลังรั้งท้าย วันนี้ยังปิดกระดานหุ้นล่วงหน้า เหอะๆ”
นิ้วมือของหลงถิงเพิ่มน้ำหนักขึ้น “หุ้นหรอ ล้มๆขึ้นๆต่างก็เป็นเรื่องธรรมดา มีความจำเป็นอะไรจะต้องใส่ใจ!”
งั้นหรอ?
หึ!
ในขณะที่ทางนี้พูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่อึมครึม ประตูของวิลล่าก็เปิดออกอีกครั้ง
หลงจื๋อกระโดดลงจากรถ พุ่งพรวดเข้าประตูอย่างรวดเร็ว “พี่ใหญ่!พี่สะใภ้ใหญ่!”