ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 878
ตอนที่ 878 พี่ใหญ่กินยาบำรุงไหม
หลังจากนั้นสองสามวัน โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ตอนเช้าลั่วหานมีคนไข้รายหนึ่งย้ายออกจากห้องICUมาที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา ตลอดเส้นทางเธอตามคนไข้ตรวจสอบดูอาการป่วย จนกระทั่งสุดท้ายมั่นใจแล้วว่าคนไข้ได้พ้นขีดอันตราย ถึงได้ออกจากแผนกพักฟื้นกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง
ตอนที่ถึงอาคารผู้ป่วยนอก รถโรงพยาบาลฉุกเฉินมาถึงโรงพยาบาลพอดี คนไข้รายหนึ่งถูกยกขึ้นวางบนเตียงเข็นผู้ป่วย ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด หมอฉุกเฉินตะโกนว่า “เลือดกรุ๊ปA 400ซีซี เร็ว!”
ลั่วหานถอยไปข้างหลังสองก้าว มองดูผู้ป่วยถูกล้อรถหมุนวนอย่างรวดเร็วส่งไปที่ห้องฉุกเฉิน ภายในอากาศยังมีกลิ่นคาวเลือดที่หลงเหลืออยู่
“ถูกทำให้ตกใจแล้วหรอ?”
ถังจิ้นเหยียนกลับมาจากแผนกพักฟื้นพอดี เดินมายังด้านหลังของเธอพร้อมกับเอ่ย
สองมือของลั่วหานใส่เข้าไปในกระเป๋าของชุด ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา “ยังไม่ถึงขั้นตกใจค่ะ พวกเราคนแบบนี้ เห็นความเป็นความตายทุกวัน หากแม้แต่ความสามารถในการต้านแรงกดดันพื้นฐานก็ยังไม่มี ยังจะเป็นหมอได้ยังไงกันคะ?”
ถังจิ้นเหยียนยิ้ม “เมื่อครู่นี้ผมอยู่ที่ด้านล่างได้ยินหมอพูดว่า ผู้ป่วยรายนี้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขับรถความเร็วเกินขีดจำกัด ชนเข้ากับรั้ว ซี่โครงหักสามท่อน ส่วนศีรษะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ไม่ทิ้งความเป็นไปได้ที่สมองจะได้รับการกระทบกระเทือน”
คิ้วงามของลั่วหานขมวดขึ้น เดินไปทางประตูลิฟต์พร้อมกันกับถังจิ้นเหยียน “ความเร็วเกินกำหนดเท่าไรคะ? ชนจนอนาถเกินไปแล้วล่ะมั้ง?”
“200กิโลเมตรต่อชั่วโมง เห็นรถเป็นเครื่องบินขับแล้ว คุณลองทายดูว่าเรื่องอะไร?”
ถังจิ้นเหยียนกดปุ่มลิฟต์ขึ้น รอคอยลิฟต์ลงมา
ลั่วหานหัวเราะพร้อมกับเอ่ย “ซิ่งรถล่ะสิ? คุณไม่ใช่แค่อยากจะเตือนฉันว่าต่อไปอย่าเล่นแข่งรถหรอกหรอ?”
“อันนี้…ผมไม่ได้คิดจริงๆ เขาไม่ใช่การแข่งรถ คือถูกแฟนสาวทิ้ง คงจะคิดฆ่าตัวตายล่ะมั้ง” ถังจิ้นเหยียนยิ้มอย่างขมขื่น ไม่กล้าเห็นด้วยง่ายๆกับวิธีการที่คิดสั้นแบบนี้อย่างเห็นได้ชัด
ลั่วหานอดไม่ได้ที่จะมองไปทางนั้นอีกครั้ง “ความรู้สึกลึกซึ้งมากพอจริงๆ แฟนสาวเลิกคิดไม่ถึงว่าจะฆ่าตัวตาย อายุเท่าไรแล้วคะ? ยี่สิบปี?”
“ยี่สิบสองเพิ่งจะจบมหาวิทยาลัย เด็กสมัยนี้ ความอดทนอ่อนแอมากจนเกินไป เพิ่งเดินออกจากโรงเรียน ความคิดไร้เดียงสา เรื่องเล็กนิดเดียวก็คิดว่าฟ้าถล่มลงมาแล้ว พวกเขาคือคิดไม่ถึง ต่อไปเรื่องที่พวกเขาจะต้องพบเจอ ยากลำบากกว่าการอกหักมาก” ถังจิ้นเหยียนทอดถอนหายใจ ลิฟต์มาถึง
ลั่วหานไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือไม่ “ผู้ป่วยอะไรต่างก็มี เรื่องราวมีสีสันมากกว่าในละครเสียอีก เป็นห่วงหมดไม่ไหว ฉันค่อนข้างเป็นห่วงตำแหน่งรองคณบดีของคุณมากกว่า เป็นยังไงคะ? อนุมัติลงมาหรือยัง?”
ลั่วหานกดไปที่8。
“ยังคงกำลังตรวจสอบ แต่ว่าคณบดีเฉินบอกว่าคุณลงคะแนนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นและความตายให้กับผม ขอบคุณมากครับ” ถังจิ้นเหยียนรอยยิ้มอบอุ่น ภายในลิฟต์ที่ปิดสนิทเรียกได้ว่าราวกับมีสายลมที่สดชื่นโชยมา
“จะขอบคุณฉันจริงๆ?” ลั่วหานเลิกคิ้ว มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบางๆ
ถังจิ้นเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังตัว “ทำไมถึงสีหน้าแบบนี้?”
ลั่วหานเท้าคาง หัวเราะหึหึสองที “ทำโอทีแทนฉันสัปดาห์หนึ่ง เป็นยังไงคะ?”
ถังจิ้นเหยียน “…”
แบบนี้ได้ด้วยหรอ?
ลิฟต์มาถึง ลั่วหานกับถังจิ้นเหยียนคนนึงหน้าคนนึงหลังเดินเรียงกันออกมาจากลิฟต์ หลินซีเหวินกับหวาเทียนก็เพิ่งกลับมาจากการตรวจเช็คห้องผู้ป่วยเดินออกมาจากลิฟต์ที่อยู่ด้านข้าง ก่อนหลังต่างกันไม่ถึงหนึ่งนาที
“หมอถัง!หมอถัง!”
หลินซีเหวินมองเห็นถังจิ้นเหยียนก็วิ่งเหยาะๆตามขึ้นไป
ถังจิ้นเหยียนหันหน้ากลับมามองดูเธอ “เกิดอะไรขึ้น?”
หลินซีเหวินดึงเอาแฟ้มผู้ป่วยฉบับนึงออกมา “ผู้ป่วยที่ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังในคราวก่อน จัดการให้อยู่ที่ห้องผู้ป่วยหมายเลข1027แล้ว อาการที่หมอดูแลเตียงผู้ป่วยบันทึกเอาไว้ คุณลองดูค่ะ”
หวาเทียนหัวเราะจิ๊จ๊ะอยู่ทางนี้ “หมอฉู่ หมอหลินช่วงนี้สนิทสนมกับหมอถังมากเลยนะ แทบจะกลายเป็นผู้ช่วยของหมอถังแล้ว ถูกหมอถังโค่นเอารากฐานไป คุณมีความคิดเห็นยังไงบ้างครับ?”
ลั่วหานเหลือบมองเขา “เธอก็อยากไปเหมือนกัน?”
หวาเทียนโบกมือ “ผมกับหมอหลินไม่เหมือนกัน ผมยังคิดว่าเป็นผู้ช่วยของคุณยังค่อนข้างจะดีกว่า?”
“อื้อหือ?”
“เพศเดียวกันผลักกัน เพศตรงกันข้ามดึงดูดกัน” หวาเทียนหัวเราะเล็กน้อย
ลั่วหานโค้งริมฝีปากหัวเราะเหอะๆ “ รายงานหลังการผ่าตัดเขียนเสร็จหรือยัง?”
“…”
“ยังไม่ไปอีก?!”
ช่วงเช้าไม่มีเรื่องใหญ่อะไร ค่อนข้างที่จะสบาย ยุ่งมาระลอก ลั่วหานนั่งอยู่ที่ห้องทำงานจัดการแฟ้มผู้ป่วยประเภทเดียวกัน เพิ่งจะจัดการผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
คือสายโทรศัพท์ภายในของโรงพยาบาล โทรมาจากห้องทำงานของคณบดี
“คณบดี คุณว่ามาค่ะ”
“เลี่ยวฉู่ คุณขึ้นมาหน่อย”
“ค่ะ”
หลังจากนั้นห้านาที ห้องทำงานคณบดี
คณบดีเฉินหยิบเอกสารฉบับนึงออกมาจากในลิ้นชักด้วยสีหน้าที่จริงจัง สองมือดันให้กับลั่วหาน “นี่คือแฟ้มผู้ป่วยที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองเจียงเฉิงส่งมา คุณลองดูหน่อย”
ลั่วหานสงสัย “โรงพยาบาลเจียงเฉิงเห็นโรงพยาบาลของเราเป็นหน่วยสนับสนุนจากภายนอกแล้วล่ะมั้ง? โรคที่ยากลำบากซับซ้อนต่างก็ส่งมาที่เราที่นี่หมด? พวกเราคือโรงพยาบาลเอกชน กับพวกเขาต่างคนต่างอยู่ไม่ล้ำเขตกัน”
คณบดีเฉินเบ้ปาก “พูดเช่นนี้ไม่ได้ การผ่าตัดของเฉินว่านเหนียนในคราวก่อน ไม่ใช่ว่าคุณไปทำที่เจียงเฉิง”
ลั่วหานแลบลิ้นออกมา ล้อเล่นเหมือนเด็ก “โอ๊ย ล้วนเป็นความผิดของฉันแล้ว?”
ยิ้มไปยิ้มมา ลั่วหานก็ยิ้มไม่ออกแล้ว สีหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย มุมของรอยยิ้มบนริมฝีปากกลายเป็นการเย้ยหยันที่เยือกเย็น “ถูกฉันพูดตรงจริงๆ เพียงแต่ไวกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก”
“สถานะของเจิ้งเฉิงหลินไม่ธรรมดา โรงพยาบาลเจียงเฉิงส่งหมอที่ดีที่สุด แต่เจิ้งเฉิงหลินไม่วางใจ ขานชื่อให้คุณไปเป็นหมอเจ้าของเคสให้กับเขา” คณบดีเฉินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ยกริ้วรอยหลายเส้นขึ้นมา
ลั่วหานวางแฟ้มผู้ป่วยลง “ฉันไม่ไป”
“ผมรู้คุณมีอคติกับเจิ้งเฉิงหลิน แต่ว่า…เจิ้งเฉิงหลินคือผู้นำของเจียงเฉิง เขาขานชื่อผ่านโรงพยาบาลให้คุณดูอาการให้กับเขา หากคุณปฏิเสธแบบนี้ล่ะก็…ไม่ค่อยจะดีมั้ง?” คณบดีเฉินไม่กล้าออกคำสั่งโดยตรง มาแนวปรึกษาหารือกัน
ลั่วหานพิงลงบนเบาะที่อ่อนนุ่มของเก้าอี้ เปิดออกหนึ่งหน้าชี้ตัวอักษรอ่าน “ภาวะหลอดเลือดหัวใจแข็ง มาพร้อมกับหลอดเลือดหัวใจตีบตันที่ไม่เสถียร”
อ่านจบ ลั่วหานปิดแฟ้มผู้ป่วยลง มองตาของคณบดีเฉินพร้อมกับเอ่ย “หลอดเลือดหัวใจปิดไม่ให้ผ่าน การไหลเวียนของเลือดหยุดชะงัก หากปรากฏการขาดเลือดต่อไป ก็จะทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ฉันไปแล้ว หากเขาตายขึ้นมา ฉันจะไปพูดเหตุผลกับใคร?”
คณบดีเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับอธิบาย “มีความรุนแรงอย่างที่คุณพูดที่ไหนกัน? ตอนนี้เขายังไม่ได้ปรากฏภาวะแทรกซ้อน คุณปรับปรุงให้เขาตามความเหมาะสม ยังคงสามารถรักษาได้”
ลั่วหานชักสีหน้า “ฉันไม่ไป คุณให้หมอถังไปเถอะค่ะ”
คณบดีเฉินก็แสร้งทำเป็นโมโหชักสีหน้าเช่นเดียวกัน “ยังไม่ใช่ปัญหาที่คุณหามาเอง? คุณอยู่ที่โรงพยาบาลคราวก่อน พูดจนเจิ้งเฉิงหลินจะตายไม่อยากมีชีวิตอยู่ เขาในตอนนั้นก็ตกใจจนโง่ไปเลย มุ่งมั่นแล้วว่ามีเพียงแค่คุณที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้”
บ้าจริง!
ลั่วหานคิดออกแล้ว ตอนที่เธอทำการผ่าตัดให้เฉินว่านเหนียนอยู่ที่โรงพยาบาลเจียงเฉิง มีครั้งนึงเพื่อที่จะข่มขู่เจิ้งเฉิงหลิน…
“ฉัน…” ลั่วหานมีร้อยปากก็พูดได้ไม่ชัดเจนแล้ว
คณบดีเฉินหัวเราะขึ้นพร้อมกับปลอบใจ “เอาล่ะๆ เห็นเขาเป็นคนไข้ธรรมดาก็พอ อย่าพกความรู้สึกส่วนตัวไปรักษา คุณแบ่งแยกการงานกับเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ใช่หรือเปล่า?”
ลั่วหานโมโหจนสีหน้าเปลี่ยน “ให้ฉันเป็นหมอเจ้าของเคสให้กับเขาก็ได้ค่ะ แต่ฉันไม่ไปเจียงเฉิง คุณบอกกับโรงพยาบาลเจียงเฉิง ให้เจิ้งเฉิงหลินย้ายมาที่โรงพยาบาลของพวกเราเถอะ”
“อันนี้…”
คณบดีเฉินยังคิดจะช่วงชิงอีก แต่ลั่วหานสลัดเก้าอี้ออกก้าวเท้ายาวๆไปแล้ว
ลั่วหานกอดอกรอลิฟต์ ในใจเรียกได้ว่าขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นก้อน
เจิ้งเฉิงหลินหาเรื่องเก่งจริงๆ แล้วก็…ในตอนแรกเธอก็…โอ๊ย!หงุดหงิด!
แต่เรื่องที่ทำให้ลั่วหานหงุดหงิดใจยังไม่จบ
เธอกลับถึงห้องทำงาน พบว่าบนโต๊ะมีดอกกุหลาบช่อใหญ่วางอยู่ ดอกกุหลาบที่สีสันฉูดฉาด กลีบดอกแต่ละกลีบต่างก็อ่อนช้อยงดงาม กะเอาด้วยตาคาดว่าคือเก้าสิบเก้าดอก
ลั่วหานหยิบขึ้นมาวิเคราะห์ดูหนึ่งรอบ ไม่เห็นข้อความและนามบัตรใดๆ คิ้วงามขมวดเข้าหากันแน่น “นี่คือใครส่งมา?”
เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นหลงเซียว ตอนนี้เขาไม่เล่นมุกนี้มาตั้งนานแล้ว
พยาบาลชี้ไปที่หน้าประตูลิฟต์พร้อมกับเอ่ย “พนักงานส่งสินค้าหนุ่มน้อยส่งขึ้นมา บอกแค่ว่าให้คุณค่ะ”
“พนักงานส่งสินค้าหนุ่มน้อยคนไหน? เขาล่ะ?”
พยาบาลยิ้มเจื่อน “ไปแล้วน่ะสิคะ…”
ลั่วหานนำดอกไม้วางไว้บนตำแหน่งที่ไม่เด่นชัดมากที่สุด แต่อย่างไรกลิ่นหอมของดอกไม้ก็ลอยมาเป็นระลอก ทั้งห้องทำงานล้วนคือกลิ่นหอมที่เย้ายวน
หรือว่าจะเป็นตู้หลิงเซวียน?
คงจะ…ไม่ใช่มั้ง?
“แอนน่า ดอกไม้สวยไหมครับ?”
จนกระทั่งลั่วหานได้รับข้อความจากเจมส์ ความสงสัยภายในจิตใจถึงได้ปลดออก
“ไม่สวย” ลั่วหานตอบกลับสองคำ นำโทรศัพท์มือถือพลิกกลับไปอีกด้าน
ดอกไม้สดช่อใหญ่ถูกเธออุ้มมายังด้านนอก จะทิ้งลงถังขยะทันที
“รอเดี๋ยวๆ!”
เกาจิ่งอานมาได้เวลาพอดีจริงๆ แย่งเอาดอกไม้ไปก่อนที่เธอจะลงมือหนึ่งวินาที
“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่นี่ช่างเปลืองทรัพยากรจริงๆ ดอกไม้ที่สวยขนาดนี้ ให้ผมสิ!” เกาจิ่งอานอุ้มดอกไม้ไว้ในอ้อมแขน ดมทีหนึ่งอย่างสวยงาม
“แล้วแต่เธอ”
“แต่ว่า นี่ใครส่งให้? ผู้ที่ตามจีบคนไหน?” เกาจิ่งอานยักคิ้วรัวๆ อยากรู้อยากเห็นอย่างไม่ได้มีเจตนาที่ดี
ลั่วหานเอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดอะไร “เจมส์”
เกาจิ่งอานอ๋อยาวๆออกมา “อย่างงี้นี่เอง…”
ลั่วหานสังเกตดูเขา “เธอมาทำอะไร?”
เกาจิ่งอานลูบผมขึ้น “พี่สาวผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ผมรับเธอกลับมา ถือโอกาสมาดูพี่สักหน่อย ถึงอย่างไรต่อไปผมคงจะไม่มาโรงพยาบาล…สถานที่แบบนี้บ่อยๆแล้ว”
ลั่วหานกลอกตามองบน “เธอทางที่ดีที่สุดอย่ามา รีบไปเถอะ”
เกาจิ่งอานขมวดคิ้วถอนหายใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ผมมีปัญหาที่กลัดกลุ้มมานานมากอยากจะถามพี่”
“มีอะไรรีบพูด”
“ก็คือ ปกติพี่ใหญ่ของผมกินยาบำรุงไหม?” น้ำเสียงของเกาจิ่งอานคลุมเครือ เสียงจงใจปรับไปถึงเดซิเบลที่ต่ำที่สุด
ลั่วหานเข้าใจความหมายของเขาในทันที จากนั้นใบหน้าก็ตึงเครียดจริงจังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “กินสิ”
“จริงดิ?!” เกาจิ่งอานตื่นตัวขึ้นมา!
เขาอยากจะรีบมีลูกกับโจวโร่หลินให้เร็วที่สุด!นี่คือหนึ่งในแผนการในปีนี้ของเขา เพื่อที่จะสามารถมีลูกที่น่ารักขนาดนั้นอย่างชูชู เกาจิ่งอานได้หน้าด้านแล้ว
“ใช่น่ะสิ พี่ใหญ่ของเธอชอบกินน้ำส้มสายชู” นิ้วมือของลั่วหานพาดผ่านไปบนกลีบดอกไม้ รอยยิ้มสวยงามยิ่งกว่าดอกไม้เสียอีก
เกาจิ่งอาจ “…”
หลังจากที่ถูกกระตุ้น เกาจิ่งอานฉีกกลีบดอกไม้อย่างหงุดหงิด ฉีกไปฉีกมา ก็คิดอะไรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน
เรียบเรียงข้อความหนึ่งให้กับหลงเซียวอย่างรวดเร็ว
“คำเตือนพลังงานสูง พี่สะใภ้ใหญ่ได้รับดอกกุหลาบที่ผู้ชายบางคนส่งมา!”
เมืองหลวง สถานีตำรวจ
เจิ้งซิ่วหยาหมุนปากกาเซ็นชื่อ ถอนหายใจสั้นบ้างยาวบ้างไม่หยุด “หัวหน้า คุณคิดว่าคำที่โฉหวั่นชิงพูดน่าเชื่อถือไหมคะ?”
เฉินเจาคาบบุหรี่ยี่ห้อเจดีย์แดงของเขาเอาไว้ “ดูเหมือนไม่มีรอยรั่ว เวลา สถานที่ แรงจูงใจในการฆ่า ไม่มีตำหนิใดๆ คำให้การที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ อีกทั้งตัวเธอเองก็ยอมรับผิดทั้งหมดแล้ว แต่ว่า…ผมรู้สึกว่าแปลกเล็กน้อย”
เจิ้งซิ่วหยาใช้ส่วนบนสุดของปากกาจิ้มไปที่คางของตัวเอง “ท่าทียอมรับผิดของโฉหวั่นชิงนั้นดีมาก เพียงพอที่จะหากยอมรับสารภาพก็จะถูกลดโทษอย่างแน่นอน แต่ว่า คำที่เธอพูด ฉันกลับไม่เชื่อสักประโยค”
เฉินเจาเคาะเถ้าบุหรี่ “ลองพูดความคิดของคุณ”
เจิ้งซิ่วหยาฉีกกระดาษแผ่นนึงออกมา วาดรูปเส้นบวกตัดกันลงบนนั้น “หัวหน้า คุณดู ศูนย์กลางปัญหาของทั้งคดีก็คือสถานะที่แท้จริงของหลงเซียว ล้อมรอบจุดมุ่งหมายนี้ ก่อนอื่นพวกเราตรวจพบหยวนชูเฟิน…” เธอเขียนชื่อของหยวนชูเฟินที่ด้านขวา
“จากนั้น ฉู่ลั่วหานออกหน้า อาศัยนามของการประกันตัวทางการแพทย์พาหยวนชูเฟินไป หลังจากนั้น คดีหยุดลงชั่วคราว…แต่อยู่ๆมีโฉหวั่นชิงโผล่ออกมา”
ด้านซ้ายเขียนชื่อของโฉหวั่นชิง
ทั้งสองคนรักษาสภาพสมดุลอยู่บนทั้งสองด้านของชั้นรูปตัวบวก
จากนั้น เธอก็เขียนชื่อของหลงเซียวลงที่ส่วนล่างอีก “หลงเซียวคือผู้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุด เพราะว่าสถานะของเขาสามารถถูกปิดซ่อนได้ แต่ว่าปัญหามาแล้ว หลงเซียวต่อมาริเริ่มประกาศสถานะของตนเองอีกทั้งตบหน้าหลงถิงอย่างรุนแรง ดังนั้น หลงเซียวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี”
เฉินเจาพยักหน้า “ต่อ”
เจิ้งซิ่วหยาจิ้มไปที่ส่วนบนสุดของชั้นรูปตัวบวก “ถ้างั้น นอกจากหลงเซียว ที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับโฉหวั่นชิง หยวนชูเฟิน ก็คือหลงจื๋อกับหลงถิง ตามที่ฉันเข้าใจ หลงจื๋อคือลูกคนรวยที่ไม่เอางานเอาการ เขามีความเคารพต่อพี่ชายของเขามาก แต่เขาไม่ได้มีความกล้านั้น”
“ความหมายของคุณคือ หลงถิงเล่นไม่ซื่อ?”
เจิ้งซิ่วหยาเขียนหลงถิงสองคำลงบนจุดบนสุด “ใช่แล้วค่ะ ฉันสงสัยว่าหลงถิงกำลังบิดเบือนความจริง เขาอยากจะปกป้องฆาตกรที่แท้จริง”
เฉินเจาดับก้นบุหรี่ “ฆาตกร คือหยวนชูเฟิน?”
“ใช่ค่ะ ก็คือเธอ”