ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 893
ตอนที่ 893 ลิปสติกวันนี้ไม่เลว
ลั่วหานมวนในท้อง อยากหาคำพูดดีๆมาอธิบาย แต่ว่า มันกลับไม่มี
“ความจริงแล้ว เขาจะอยู่ที่จีนต่อ สำหรับที่อยู่ ไม่แน่ว่าจะเป็นบ้านของเรา”
อิสซากลับไม่เป็นด้วย “คุณเป็นแพทย์ประจำตัวของเจมส์ เจมส์อยู่โรงพยาบาลไม่ได้ อีกทั้งยังต้องรักษาความสัมพันธ์สนิทสนมกับแพทย์ผู้รักษาให้เป็นความลับ ไม่อยู่ที่นี่ อ้อ หรือจะให้เราไปเช่าบ้าน แล้วคุณไปอยู่กับเราด้วยก็ได้นะ”
ร่างกายของหลงเซียวได้ยินคำว่าความสัมพันธ์สนิทสนมอุณหภูมิก็ลดต่ำลง เมื่อได้ฟังประโยคสุดท้าย อุณหภูมิก็ติดลบ เกิดเกล็ดน้ำแข็งมากมาย “อิสซา ผมว่าเราต้องคุยกัน”
อิสซารู้สึกกลัวหลงเซียวขึ้นมาเล็กน้อย ไอน่ากลัวก่อขึ้นรอบกายเขา ทำให้เธอหายใจลำบากขึ้นมากะทันหัน “คุย…คงไม่ต้องหรอก ฉันเป็นใคร ยังไงซะเจมส์ก็จะขึ้นเป็นกษัตริย์ในอนาคตอยู่แล้ว คุณก็เคารพสักหน่อย…เถอะ”
คำว่าเถอะที่ถูกพ่อออกมาเบาๆ
เจมส์เปิดประตูออกมา ยื่นศีรษะออกมาสังเกตสถานการณ์ในบ้าน ยกมือยิ้มๆ “หลงเซียว ผมเป็นคนไข้ ป่วยได้ตลอดเวลา คุณจะเห็นคนตายไม่ช่วยไม่ได้นะ”
จางหย่งเอาลูกอมมาไว้ที่กระพุ้งแก้มซ้าย “เจ้าชาย เมื่อสักครู่คุณทำทูตของคุณตกใจวิ่งแจ้นกลับไป ตอนนี้ถึงทีเจ้านายผม ดูเหมือนจะไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อยเลยนะ”
เจมส์ใช้สายตาตอบคำถามเขา “เราคุยกันอยู่ คุณไม่มีสิทธิ์พูดแทรก หุบปากไปซะ”
ได้ หุบปากก็หุบปาก จางหย่งเองก็ไม่ได้คิดอยากไปยุ่ง ตอนนี้เขาเองก็อยู่ ถ้าจะไปก็ต้องไปด้วยกัน
เจมส์ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง อิสซาเกี่ยวไหล่ของจางหย่ง “ถ้าฉันกับเจมส์ไปแล้ว คุณก็ต้องไสหัวไปเหมือนกัน คิดให้ดีแล้วค่อยพูด”
จางหย่งกลืนน้ำลาย ดึงสติกลับจากการชมความรื่นเริงแล้ว ในหัวพลันสว่างวาบ “เหอะ คาดไม่ถึงว่าสมองคุณยังใช้ได้”
อิสซายกสองแขนขึ้นกอดอก “ทำอะไรก็ต้องใช้สมอง”
สงครามในบ้านยังไม่จบ โทรศัพท์ของหลงเซียวก็ดังขึ้น
จี้ตงหมิงโทรเข้ามา ถ้าหากไม่มีเรื่องสำคัญอะไร เขาจะไม่โทรมารบกวนง่ายๆ หลงเซียวไม่ได้ดูสงครามต่อ เดินออกไปที่ระเบียงเล็ก ที่นี่เป็นเหมือนสถานที่ลับตาคน ด้านนอกหน้าต่างเป็นหญ้าเขียวชอุ่ม แต่งให้เป็นฤดูหนาวที่เยือกเย็น
“ว่ามา”
เมื่อได้ยินเสียงของเจ้านาย จี้ตงหมิงจึงสูดหายใจเข้าลึก “เจ้านายครับ ตอนนี้ข่าวของเจ้าชายเจมส์ถูกแพร่งพรายออกมาแล้ว เราเคยเจรจากับสื่อแล้ว หลายสื่อให้ความร่วมมือลบทิ้งไป แต่มีอยู่สำนักหนึ่งที่ไม่ให้ความร่วมมือ”
ได้ยินดังนั้น คิ้วคมก็ขมวดขึ้น “สำนักไหน”
ราวกับไม่ต้องทบทวนอะไรมากก็สามารถเดาได้แล้ว
คำตอบอยู่ในการคาดการณ์ของเขา
“สำนักข่าวเทียนเซี่ยภายใต้การดูแลของMBKครับ บริษัทเล็กๆที่เรามองข้ามไป ตอนนี้มีMBKหนุนหลัง เก่งกล้ามากทีเดียว ทำอะไรก็รุนแรง ผมเคยเจอกับผู้ดูแลของพวกเขา ท่าทางของอีกฝ่ายแกร่งกล้าไม่เบาเลยครับ”
บริษัทเล็กๆที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร เมื่อMBKทุ่มเงินลงทุนไปแล้ว ไม่กี่เดือนก็สามารถกดข่มสื่อสำนักอื่นได้มากทีเดียว กระทั่งได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมทางการเงินเมื่อเร็วๆนี้
เบื้องหลังการพัฒนาข้ามขั้นของสำนักข่าว สงสัยว่าหลงถิงจะกำลังสร้างลำโพงให้กับ MBK และยังมีหน้าที่ปล่อยข่าวเชิงลบให้ฝ่ายตรงข้าม
เมื่อก่อนเทียนเซี่ยทำอะไรแทบไม่เคยมีใครสนใจ หลงเซียวเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้กลายเป็นหนามใหญ่ออกมาทิ่มแทงคนได้แล้ว
“เทียนเซี่ยเป็นของ MBK คณะกรรมการบริหารที่ MBK ตอนนี้แน่นอนว่ายังไม่มีใคร คุณติดต่อเสี่ยวจื๋อไป” หลงเซียวโยนไปให้หลงจื๋อแก้ปัญหา อยากรู้ว่าตอนนี้เสี่ยวจื๋อเป็นหุ่นเชิดหรือผู้กุมอำนาจทั้งหมด
จี้ตงหมิงรับคำสั่ง “ครับเจ้านาย ผมจะไปMBKตอนนี้เลยครับ”
ข่าวสารเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้คนเข้าใจองค์กร เนื้อหาของข่าวจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจภาพลักษณ์ที่มีต่อองค์กร คนที่ไม่เข้าใจวงในจะแชร์ต่อไปมั่วและส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย
จะมองข้ามไม่ได้
หลังจากคุยโทรศัพท์แล้ว จี้ตงหมิงไม่กล้ารอให้เสียเวลา จากอาคารสำนักงานฉู่ซื่อตรงไปยังสำนักงานใหญ่ MBK
ตอนนี้หลงถิงไม่ได้อยู่บริษัท บรรยากาศในMBKดีกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว พนักงานต้อนรับด้านหน้าพูดคุยสนุกสนาน
บรรยากาศแบบนี้ถ้าเจ้านายอยู่คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน เวลาที่หลงถิงอยู่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าแน่นอน มีหลงจื๋อที่บริหารบริษัทด้วยความเมตตาและใจกว้าง
จี้ตงหมิงไม่กล้าแสดงความเห็น แต่บริษัทใหญ่ขนาดนี้หากผู้นำไม่แข็งแกร่ง ด้านล่างก็จะอ่อนแอ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
“ผู้ช่วยจี้ มาทำอะไรคะ”
พนักงานต้อนรับด้านหน้าคุ้นเคยกับจี้ตงหมิงเป็นอย่างดี ทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง จี้ตงหมิงเองก็เหมือนกับได้กลับบ้านเก่า
“ผมมาขอพบคุณชายรองครับ เขาอยู่ด้านบนหรือเปล่า”
พนักงานต้อนรับยิ้มขออภัย “ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ”
“ผมมาพบคุณชายรองแทนเจ้านายต้องนัดด้วยเหรอครับ หรือคุณอยากย้ายแผนกไปอยู่ด้านหลังแทน คุณคนสวย” จี้ตงหมิงลูบคิ้ว หยอกเย้าเธอ
“ผู้ช่วยจี้อย่าทำให้ฉันตกใจสิคะ คุณอยู่กับคุณชายเซียวอยากได้ลมก็ต้องได้ลม อยากได้ฝนก็ต้องได้ฝน มาหาฉันทำไม เดี๋ยวฉันโทรเข้าห้องทำงานของท่านประธานให้สักครู่นะคะ”
พนักงานต้อนรับโทรไปยังเลขาของท่านประธาน ทางนั้นอนุญาตลงมา
“ให้ผู้ช่วยจี้รอนานแล้ว เชิญค่ะ”
จี้ตงหมิงพยักหน้ายิ้มๆ “วันนี้ลิปสติกไม่เลวนะ เหมาะกับคุณดี” กล่าวจบก็เดินตรงไปยังลิฟต์
พนักงานต้อนรับคนสวยเม้มปากอดที่จะยิ้มไม่ได้ ยกโทรศัพท์ขึ้นดูสีปาก จากนั้นทาเพิ่มไปอีกหนึ่งชั้น
ห้องทำงานของท่านประธาน หลงจื๋อถูกเอกสารกองใหญ่บังจนมิด กำลังเปิดกลับไปกลับมา
จี้ตงหมิงส่งสัญญาณ “คุณชายรองครับ”
หลงจื๋อเงยหน้าขึ้น เคลื่อนย้ายเอกสารไปด้านข้าง “ผู้ช่วยจี้เชิญนั่งครับ คุณมาหาผม คงจะเป็นธุระของพี่ใหญ่ใช่ไหม”
จี้ตงหมิงนั่งลงบนเก้าอี้ เผชิญหน้ากับหลงจื๋อ หลังยืดตรง สายตาจริงใจ “คุณชายรองฉลาดหลักแหลม ผมมาแทนเจ้านายครับ”
“อ้อ พี่ใหญ่มีเรื่องอะไรล่ะ”
หลงจื๋อใส่ใจเรื่องของพี่ชายมาก
“บริษัทเทียนเซี่ยบริษัทลูกของคุณ ครึ่งปีหลังมานี้พัฒนาไปได้ดีมากทีเดียว MBKให้การสนับสนุนบริษัทก็ไม่เหมือนเดิมเลยนะครับ” จี้ตงหมิงกล่าวชื่นชม ใบหน้ายิ้มแย้ม
บริษัทเราเหรอ
ได้ฟังแล้วก็เสียดหู
หลงจื๋อหยุดมือที่เซ็นเอกสาร จับใจความในคำพูดของเขา “สำนักข่าวเป็นหน้าที่ของลูกน้องที่ดูแล ผมยังไม่ทันได้สอบถามรายละเอียดเลย ทำอะไรไม่เรียบร้อยหรือเปล่า”
“ไม่เชิงว่าไม่เรียบร้อยครับ แค่พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด คงจะเพราะไม่เข้าใจสถานการณ์” จี้ตงหมิงส่งเนื้อหาข่าวที่ถูกปริ้นต์ออกมาให้หลงจื๋อ
อีกฝ่ายหยิบขึ้นมา…
“เบื้องหลังของโครงการใหญ่ ความจริงทำให้คนกลัวจนตัวสั่นระริก”
ใต้พาดหัวข่าวไม่ชัดเจนนี้ เขียนรายละเอียดว่าหลงเซียวมีที่มาของการลงทุนก้อนใหญ่มายังไง
วิเคราะห์ได้ว่า หลงเซียวร่วมมือกับราชวงศ์ของประเทศ M ไม่เพียงอาศัยภรรยาตัวเองเพื่อเอาอกเอาใจเจ้าชายเจมส์ ให้เขามาอาศัยอยู่ที่บ้าน…แบบนี้ จึงได้แลกมาด้วยเงินลงทุนจากเจมส์
การเขียนข่าวของนักข่าวคลุมเครือ ใช้คำระมัดระวัง แต่ละตัวอักษรให้ร้ายหลงเซียว บ่งบอกให้รู้ว่าเขายอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
ชานเมืองในเวลานี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ หลงเซียวกับได้รับการให้ร้ายแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อเขาอย่างรุนแรง
หลงจื๋ออ่านทีละบรรทัดจบแล้ว พรึ่บ! ตบกระดาษลงบนโต๊ะอย่างแรง “พูดบ้าบออะไรกัน ผมจะโทรหาผู้จัดการของบริษัทเทียนเซี่ย”
จี้ตงหมิงพยักหน้าไม่รีบร้อน “รบกวนคุณชายรองแล้ว คุณอย่าพึ่งโมโห บางทีอาจเพราะพวกเขาทำผิดพลาดก็ได้”
ประโยคนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังยื่นบันไดให้อีกฝ่าย เนื้อหาข่าวยาวกว่าพันตัวอักษร ต้องตาบอดขนาดไหนถึงจะผิดพลาดได้ขนาดนี้
หลงจื๋อต่อสายตรงไป ผู้จัดการของบริษัทเทียนเซี่ยรับโดยทันที
“ลบข่าวของพี่ชายฉันเดี๋ยวนี้”
หลงจื๋อออกความสั่งด้วยความโกรธ
ผู้จัดการของบริษัทเทียนเซี่ยมีท่าทีลำบากใจ “ท่านประธานครับ ลบข่าวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ตอนนี้มันร้อนแรงถึงที่สุดแล้ว ตอนนี้กำลังฮอตอยู่ในรายการค้นหา ลบออกก็เหมือนการปิดข่าว เหอะๆ ถ้าตัวคุณหลงเองไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น จะสนใจคนอื่นพูดยังไงทำไมกันล่ะ ตรงข้าม ถ้าทำแล้ว… ไม่ ไม่ ไม่ คุณหลงซื่อสัตย์ขนาดนั้น จะทำเรื่องแบบนี้ทำไมกัน”
หลงจื๋อฟังน้ำเสียงของเขา ความโกรธยิ่งพุ่งทวีคูณ “อย่าพูดมาก ลบข่าวทั้งหมดเดี๋ยวนี้ ผมบอกว่าทั้งหมด ถ้าผมยังเห็นข่าวอีก ตำแหน่งผู้จัดการของคุณคงจะสิ้นสุดแล้วล่ะ”
เมื่อหลงจื๋อออกคำสั่งไปแบบนั้น อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน เพียงบอกอย่างลำบากใจ “คุณชายรอง วิสัยทัศน์การก่อตั้งบริษัทเทียนเซี่ยตั้งแต่แรกเริ่มก็คืออิสระ ให้ทุกคนกล้าพูด กล้าพูดความจริง ถ้าหากเราเป็นเหมือนสำนักข่าวอื่นๆ เจอความกดดันก็หลบหลีก งั้นก็ไม่ใช่การตบหน้าตัวเองเหรอ”
จี้ตงหมิงได้ยินสิ่งที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
ผู้จัดการบริษัทเทียนเซี่ยรับคำสั่งจากหลงถิง สำหรับหลงจื๋อแล้วเขาเพียงแค่เคารพต่อหน้าเท่านั้น
“คุณกำลังพูดข้อเสนอกับผมอยู่งั้นเหรอ ผมอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่ได้มาฟังคุณสอนว่าควรทำยังไง”
หลงจื๋อโกรธมากแล้วจริงๆ ถ้าหากอีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุด เขาก็คงต้องไปเอง
“ได้…ในเมื่อท่านประธานยืนยัน ผมก็จะทำตาม เพียงแต่ ถ้าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น คุณชายรองอย่าลืมปกป้องผมด้วย”
“รีบไป”
บริษัทเทียนเซี่ยรีบลบข่าวทั้งหมดออก ลบการค้นหาและคำที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ห้านาทีหลังจากนั้น หน้าออนไลน์ต่างๆก็สะอาดสะอ้าน
หลงจื๋อค้นคำที่เกี่ยวข้อง ไม่พบบทความข่าวแล้ว
“ผู้ช่วยจี้ คงไม่เป็นไรแล้ว คุณกลับไปบอกพี่ใหญ่ ต่อไปผมจะจับตาดูบริษัทเทียนเซี่ย ไม่ให้พวกเขาทำอะไรแย่ๆอีก” หลงจื๋อบอกอย่างหนักแน่น
“ครับ รบกวนคุณชายรองแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณชายรองเชิญทำงานต่อ”
บริษัทเทียนเซี่ย ห้องทำงานผู้จัดการ
ชายหนุ่มหันหน้าเข้าหาหน้าต่างกำลังคุยโทรศัพท์ “ข่าวถูกลบออกไปหมดแล้วครับ คุณชายรองโทรมา”
อีกฝั่งสายส่งเสียง หึ ในลำคอ น้ำเสียงเยือกเย็น “ดีมาก ต่อไป ทำตามที่ฉันบอก บทนี้ เราต้องแสดงให้ถึงที่สุด”
“ครับ บทความอีกครึ่งชั่วโมงก็สามารถเผยแพร่ได้แล้ว เนื้อหาเขียนตามที่คุณต้องการ”
“ดีมาก”
ในห้องนั่งเล่นที่บ้านพักคนชราแถบชานเมือง หลินเหว่ยเย่วางโทรศัพท์ของหลงถิงลง เงยหน้ามองหลงถิงที่หลับใหล ลบบันทึกการโทรทิ้ง