ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 894
ตอนที่ 894 คุณอยากฆ่าคน ผมจะยื่นปืนให้คุณ
เดินออกมาจาก MBK จี้ตงหมิงขึ้นรถ โทรหาหลงเซียวทันที
บ้านหลงเซียวที่วุ่นวายไปด้วยกลุ่มคนมากมาย อิสซาและเจมส์เหมือนจะมาที่นี่เพื่อรื้อบ้านเขา วุ่นวายไม่ยอมจบ
พระราชวังของประเทศ M ไม่ถูกพวกเขารื้อแล้ว ถือว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ
หลงเซียวกลับเข้าห้อง ปิดประตู อยากได้ความเงียบสงบ
“เจ้านายครับ ข่าวถูกลบไปแล้ว บริษัทเทียนเซี่ยไม่ยอมให้ความร่วมมือ ถูกคุณชายรองกดดัน อีกฝ่ายถึงได้ยอม” ตอนที่รายงานจี้ตงหมิงกำลังมองไปยังจุดสูงสุดของ MBK รู้สึกเหมือนทรัพย์สินในบ้านถูกยึดไปเป็นสาธารณะ
เขาในฐานะที่เป็นพนักงานคนหนึ่ง ในใจนั้นรู้สึกไม่ดี ตอนที่เจ้านายจากไป จะเสียใจขนาดไหนนะ
ห้องหนังสือเงียบมาก เสียงหลงเซียวเคาะโต๊ะก็ยังได้ยิน “ดูเหมือนว่า หลงถิงจะไม่ได้มอบอำนาจให้กับเสี่ยวจื๋ออย่างแท้จริง ในมือเขายังมีส่วนสำคัญอีกมาก คุณจับตาดูบริษัทเทียนเซี่ยเอาไว้ เรื่องนี้คงยังไม่จบง่ายๆ”
“ผู้จัดการของบริษัทเทียนเซี่ยเป็นคนของ MBK หลงถิงไม่ออกคำสั่งเขาคงไม่กล้าทำอะไร แบบนี้ก็เหมือนว่าหลงถิงกำลังเป็นศัตรูกับเจ้านายอยู่ โครงการที่ชานเมืองก็ใกล้ทำงานแล้ว เขาอยากทำอะไรในยามนี้ จะเตะเจ้านายออกไปหรือ” จี้ตงหมิงวิเคราะห์ สุดท้ายจึงเอ่ยสิ่งที่ตัวเองคาดเดาออกมา
นอกจากนี้ เขาไม่รู้แผนการของหลงถิงแล้วจริงๆ
ดวงตาของหลงเซียวฉายแววเย็นชา “เขาไม่เคยหยุดทำร้ายผม ข่าวใส่ร้ายแบบนี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก รอดูว่าต่อไปเขาคิดจะทำอะไร”
“ครับ ตอนนี้ผมกำลังจะกลับบริษัท”
หลงเซียวยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา “ค่ำแล้ว เลิกงานได้แล้วมั้ง”
ประโยคในตอนท้ายทำให้จี้ตงหมิงนั้นตื่นเต้น แต่ก็ถูกหลงเซียวตัดสายไปก่อน
ก๊อก…ก๊อก…
ประตูห้องดังขึ้น
เสียงเคาะเกรงใจแบบนี้ คงจะเป็นอาหย่ง
“เข้ามา”
จางหย่งหมุนลูกบิด ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินเข้ามา “เจ้านายครับ ผมขอมาหลบที่ห้องทำงานคุณสักครู่ได้ไหมครับ”
หลงเซียวเลิกคิ้วขึ้น “เป็นอะไร”
จางหย่งไม่รอให้เขาอนุญาต นั่งลงบนเก้าอี้ไม่ยอมไปไหน “อิสซาผู้หญิงบ้าคนนั้น ผมอดทนมาพอแล้ว จะบอกว่าเธอเป็นไดโนเสาร์คงไม่มากเกินไป…” จางหย่งพูดถึงอิสซาแล้วก็มีเรื่องระบายเป็นหมื่น หลงเซียวยกมือขึ้นห้ามเขา
“พูดเรื่องสำคัญ”
จางหย่งถูกเขามองออก จึงยิ้มแห้งๆ “ได้เฉินเจาออกจากคุกมาแล้ว ผมขอลาได้ไหมครับ”
หลงเซียวขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน “จะทำอะไร”
จางหย่งหัวเราะ “ผมอยากไปอิตาลีสักหน่อย”
คิ้วของหลงเซียวยกขึ้นหนึ่งข้าง “มาเฟียเหรอ”
จางหย่งกลืนอากาศเย็นลงไป “อืม…ผมอยากไปสืบอะไรหน่อย ยังไงซะปัญหาที่นี่ก็เรียบร้อยแล้ว ผมอยากกลับไปสืบเรื่องตอนนั้น”
คิ้วของหลงเซียววางลงเหมือนเดิม เงียบไปสามวินาที บรรยากาศเยือกเย็น กดดันคนที่อยู่ในห้อง
จางหย่งไม่กล้าแม่แต่จะมองตาเขา ก้มหน้าลงมองปลายเท้าตัวเอง
ในที่สุด ระยะเวลายาวนานก็ผ่านพ้นไป หลงเซียวกระแอมแล้วบอก “ผมเคยบอกพวกคุณแล้ว เรื่องนั้นใครก็ห้ามพูดถึงอีก ไม่อนุญาตให้สืบ จำคำผมได้หรือเปล่า”
จางหย่งเกรงกลัวในอำนาจของเขา แต่เขาก็ยอมไม่ได้
สั่นระริก จางหย่งวางใจลงแล้วบอก “สิบปีก่อนเรายังเด็กอยู่ ไม่รู้ว่าน้ำด้านในนั้นลึกแค่ไหน แต่ว่าตอนนี้เรามีอำนาจเพียงพอ ทำไมถึงตรวจสอบไม่ได้ครับ”
เห็นได้ชัดว่าหลงเซียวเริ่มโกรธ “คนที่เข้าร่วมในตอนนั้นผมจัดการแล้ว เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบอีก ไม่เกี่ยวกับมีหรือไม่มีอำนาจ”
จางหย่งเม้มปากเป็นเส้นตรง ไม่พูดอะไรอีก
“ดูเหมือนว่า คุณตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ต้องไปงั้นสิ” หลงเซียวผิดหวังเล็กน้อย เขารู้จักนิสัยจางหย่งดี เพียงตัดสินใจแล้ว ถึงให้เขาออกหน้าก็ห้ามเอาไว้ไม่ได้
จางหย่งก้มหน้านิ่ง “ผมกับอาหย่งแม้ว่าเราจะหนีจากความตาย แต่ครอบครัวของผมไม่เหลือรอดชีวิตเลย ผมปล่อยวางไม่ได้ ผมต้องเดินข้ามมันไป”
“ข้ามไม่ได้ ก็ต้องเดินอ้อม”
หลงเซียวตอบสั้นกระชับ
จางหย่งกัดริมฝีปาก “เจ้านายครับ คุณเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมเชื่อคุณทุกอย่าง ให้คุณทั้งชีวิตผม ดังนั้นผมจะไม่ทำให้คุณลำบาก ผมจะไปเองครับ”
ความโกรธของหลงเซียวแทบระเบิด “ถ้าคุณคิดจะไป ผมจะตัดขาคุณเดี๋ยวนี้”
เสียงไม่ดังมาก ไม่มีการคำราม แต่พลังทำลายล้างไม่ธรรมดา จางหย่งถูกขู่จนสะดุ้ง “เจ้านายครับ ตอนนั้นหลงถิงฆ่าทุกคนในครอบครัวคุณ เมื่อคุณรู้ความจริงคุณก็เลือกที่จะเป็นศัตรูกลับหลงถิง แม้ว่าวิธีของคุณจะถูกกฎหมายสมเหตุสมผล แต่ก็ไม่ได้หยุดการแก้แค้นไม่ใช่หรือ”
ดวงตาหลงเซียวเกิดความสงสัย ส่งสายตาคาดคั้น
จางหย่งแข็งใจ “ผมทนมาสิบปีแล้ว เพื่อตอบแทนบุญคุณผมไม่กล้าตาย ผมอยากอุทิศชีวิตเพื่อแก้แค้นให้เจ้านาย ตอนนี้เจ้านายไม่มีศัตรูแล้ว วันที่จะฮุบMBK ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ชีวิตนี้ของผม…จะอยู่หรือไม่มันไม่สำคัญ ไปครั้งนี้ ถ้ามีชีวิตรอดกลับมา ผมยังคงจงรักภักดีต่อเจ้านาย ถ้ากลับมาไม่ได้ เจ้านายก็คิดซะว่ามันสมควรแล้วที่ผมต้องตาย”
“พร่ำเพรื่อ นั่งลงเดี๋ยวนี้”
ก้นของจางหย่งห่างจากเก้าอี้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ต้องนั่งลงไปตามเดิม
ดวงตาของหลงเซียวถูกขยายกว้างเพราะความโกรธ มองเขานิ่ง “ผมให้เวลาคุณหนึ่งเดือน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ต้องกลับมา”
ไม่คิดว่าเจ้านายจะยอมในที่สุด เขายังคิดว่าเจ้านายจะต่อว่าเขา
“ผม…รับปากครับ”
“เดี๋ยวก่อน”
หลงเซียวเลื่อนเก้าอี้แล้วลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่ข้างชั้นหนังสือ กดปุ่มเล็กๆข้างชั้นหนังสือ ชั้นหนังสือค่อยๆเปิดออก ด้านหลังเป็นตู้เซฟ หลงเซียวใส่รหัสลงไป เปิดตู้เซฟออกมา
ด้านในเต็มไปด้วยอาวุธสามชั้น
ชั้นล่างสุดเป็นปืนไรเฟิล ตรงกลางเป็นสไนเปอร์ บนสุดคือปืนสั้นมันวาว
หลงเซียวสูดหายใจ หยิบปืนสั้นดำทะมึนออกมาหนึ่งกระบอก
ทว่าตั้งแต่ที่หลงเซียวเปิดตู้เซฟ จางหย่งก็ตะลึงงันไปแล้ว ห้องของเจ้านายมีห้องลับ
จนกระทั่งเขาเห็นอาวุธในมือของหลงเซียว ยิ่งตะลึงเข้าไปใหญ่ กล้ามเนื้อสมองหดตัวอย่างรวดเร็ว “เจ้านาย…”
“รับอันนี้ไป บางทีอาจต้องใช้มัน แน่นอนว่าทางที่ดีอย่าได้ใช้มันเลย”
จางหย่งจับจ้องปืนกระบอกนั้น กระบอกตาร้อนและแดงขึ้นมา “เจ้านาย…”
“โง่แล้วเหรอ พูดเป็นอยู่สองคำ”
หลงเซียวยัดปืนลงในมือ ตบไหล่เขา
จางหย่งมีสติกลับมา “ขอบคุณครับเจ้านาย”
“ถ้าเกิดเรื่องอะไร ให้ใช้สมองก่อนการกระทำ อย่าใช้แต่กำลัง”
ในเมื่อห้ามไม่ได้ หลงเซียวจึงต้องให้เขาไป แต่จางหย่งเป็นพี่น้องของเขามากว่าสิบปี ไปครั้งนี้ ความรู้สึกของหลงเซียวเองก็สับสน
“ผมจะจำเอาไว้ครับ”
จางหย่งนำปืนเก็บเข้าที่เอว รอให้บรรยากาศผ่อนคลายลง จึงถามออกไปด้วยความแปลกใจ “เจ้านายครับ ของพวกนี้ คุณเก็บไว้ตลอดเลยเหรอ”
หลงเซียวล้างมือไม่สะอาดแล้ว อาวุธยังไม่ได้ถูกทำลาย ศัตรูเขามากมาย จะมาหาเขาเมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้ง หลงเซียวไม่คิดว่าเขาจะถอยได้หากไม่ลงมือ
ตอนนี้ล่ะ…
“รอคุณมีชีวิตกลับมา ช่วยผมจัดการกับมัน”
ประโยคเดียว ชนะความพูดเป็นร้อยเป็นพัน จนทำให้จางหย่งน้ำตาคลอ “ครับ ผมจะกลับมาช่วยเจ้านายจัดการให้เรียบร้อย”
“จะไปเมื่อไหร่” หลงเซียวนั่งลงอีกครั้ง เอ่ยถามขึ้นมาราบเรียบ
“โครงการที่ชานเมืองเริ่มเมื่อไหร่ ผมมั่นใจว่าเจ้านายจะปลอดภัย อีกอย่าง ต้องสืบถึงการลักลอบของเฉินเจาด้วย”
หลงเซียวเสียดสีเขา “เหอะ รอบคอบจังนะ”
“แหะๆ…”
จางหย่งออกไป โทรศัพท์ของหลงเซียวก็ดังขึ้นอีกครั้ง