ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 896
ตอนที่ 896 อย่าหาว่าไม่เคารพคนแก่
อเมริกา คฤหาสน์ตู้หลิงเซวียน
ตู้หลิงเซวียนต้องนั่งเครื่องอีกสองชั่วโมงหลังจากนี้เพื่อบินไปเมืองหลวง เข้าร่วมงานเลี้ยงพิธีเปิดที่กำลังจะจัดขึ้น
ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้ากระจกเพื่อจัดแต่งเนกไทสีฟ้าของเขา ผู้ช่วยยืนอย่างนอบน้อมอยู่ด้านข้าง
“ท่านประธาน หลงถิงและหลงเซียวสองพ่อลูกนั้นร้ายกาจ ชื่อของพวกเขาพาดหัวข่าวอยู่ตลอด พาดมาสองวันแล้ว บริษัทเทียนเซี่ยเป็นเป้าของสองคน แต่กลับถูกถล่มยับเลยครับ”
ตู้หลิงเซวียนไม่ใส่ใจจัดเนกไทให้เข้าที่ หันด้านดูไหล่ “เรื่องราวครึกครื้นของพวกเขาสองพ่อลูก คนทั้งโลกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว”
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ หลงเซียวเป็นฝ่ายยืนอยู่เหนือลม บริษัทเทียนเซี่ยลบข่าวออกไปแล้ว คงหวังเช่นกันว่าหลงเซียวจะลบข่าว แต่หลงเซียวไม่ได้เช็กบิล”
“แน่นอนว่าเขาไม่เช็กบิล ข่าวจากบริษัทเทียนเซี่ยถูกหลงเซียวตรวจสอบเจอ ต่อไปสิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือการล้มละลาย แต่ว่าเทียนเซี่ยมีที่เกาะหรือไม่ หลงเซียวทำอะไรไม่เคยรั่วไหล เขาไม่มีทางปล่อยให้คนจับได้แน่”
แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวของตู้หลิงเซวียนถูกแสงสาดส่องเข้ามาสะท้อน ความเคยชินของผู้ช่วยคือหลับตา
“ดังนั้น ข่าวที่เราเตรียมเอาไว้ ยังต้องส่งกระจายออกไปไหมครับ”
“ส่ง”
“ครับ ท่านประธาน”
บริษัทฉู่ซื่อ
การประชุมบอร์ดบริหารตอนเก้าโมงเช้า ทุกคนต่างพูดคุยจริงจังสำหรับงานวันพรุ่งนี้ เตรียมแผนฉุกเฉินมากมาย อย่างน้อยก็สามารถป้องกันสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง ไป๋เวยดำเนินการสรุป “ท่านประธานคะ สื่อต่างก็จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ ตัวแทนของMBK ผู้รักษาความปลอดภัย รถต่างๆ ได้จัดเตรียมไว้หมดเรียบร้อยแล้วค่ะ ประธานตู้บินเที่ยวบินวันนี้ ตอนเย็นคงมาถึงเมืองหลวง เลขาของประธานตู้ได้เตรียมการนัดเวลาประชุมทางโทรศัพท์กับคุณตอนสามทุ่ม”
หลงเซียวยังคงไม่ใส่ใจแถมเย็นราวกับน้ำ ตู้หลิงเซวียนยังคงสงบ มาถึงจีนช้าสุด
“อืม”
การประชุมบอร์ดบริหารสิ้นสุดลง สมาชิกทั่วไปต่างพากันถอยออกไป พ้นประตูไปแล้วค่อยกล้าคุยกันเสียงเบา
“สามารถคว้าโครงการชานเมืองมาได้ บริษัทฉู่ซื่อมีโอกาสฟื้นกลับมาแล้วสิ”
“อยากรีบฟื้นตัว เส้นทางอสังหาริมทรัพย์นี้ไม่เดินไม่ได้ อาศัยจังหวะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่อิ่มตัว รีบลงมือก่อน คุณชายเซียวกำลังเล่นไพ่นี้อยู่”
“หวังว่าช่วงนี้อสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงจะพัฒนาก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ เราร่ำรวยไปด้วยกัน”
ภายในห้องประชุม
ไป๋เวยรวบรวมเอกสาร ท่าทางกลับไม่ผ่อนคลาย “ท่านประธานคะ ช่วงนี้ตู้หลิงเซวียนเงียบไปหรือเปล่าคะ ฉันมักจะคิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนี้”
ขาข้างหนึ่งของกู้เยนเซินพาดอยู่บนโต๊ะ กระดิกปลายเท้า “เขาเกิดมาก็มีพรสวรรค์เรื่องการรบ ตอนนี้คงสนุกกับการอ่านข่าวอยู่ จำเป็นต้องให้เขาลงมือเหรอ หลงถิงได้ช่วยเขาลงมือไปแล้ว”
หลงเซียวนั่งอยู่หัวโต๊ะห้องประชุมตัวยาว สองมือประสานอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนตัวด้านบนเอนไปด้านหน้า “ไม่ต้องรอให้คุณลงมือ ก็มีคนติดต่อร่วมมือกับเขา”
นอกจากนี้…
เกิดเรื่องขึ้นก็ต้องมีผลลัพธ์
หลงเซียวกลับมาที่ห้องทำงาน กว่าจะถึงเวลาทานข้าวก็อีกครึ่งชั่วโมง เขาต่อสายหาเจิ้งซิ่วหยาเอง
สถานีตำรวจ
เจิ้งซิ่วหยาเพราะคดีของโฉหวั่นชิง ตรวจสอบหลักฐานของวันนี้อย่างถี่ถ้วน กำลังถือกล่องคุกกี้ มือขวาก็เปิดเอกสารไป มือซ้ายก็หยิบคุกกี้เข้าปาก ไม่เงยหน้าขึ้นมา “โจวจั่น น้ำ”
รออยู่สักพักไม่มีใครสนใจเธอ พึ่งนึกขึ้นได้ว่าโจวจั่นยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล
“หัวหน้า เมื่อไหร่เขาจะออกจากโรงพยาบาลคะ เขาไม่อยู่ ห้องทำงานเงียบไปเลย ฉันไม่สบายไปทั้งตัว”
เฉินเจากำลังกังวลกับสถานทูต ดูดบุหรี่ “คุณอยากให้เขารีบหายดี มีวิธีนะ คุณก็บอกเขาไปว่า คุณกับคุณหมอถังเลิกกันแล้ว ยอมที่จะเป็นแฟนของเขา ผมเชื่อว่าเขาแทบจะกระโดดลงจากเตียงเลยล่ะ”
“บ้าๆ หัวหน้า คุณมันไม่น่าเคารพ”
ติ๊ง ติ๊ง
เจิ้งซิ่วหยาเคี้ยวคุกกี้กรอบ แตกกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ เหลือบตามองโทรศัพท์เห็นว่าเป็นหลงเซียวที่โทรมา โยนคุกกี้ครึ่งชิ้นที่เหลือทิ้งไป
เลื่อนเก้าอี้ออก เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับลมมาหยุดยืนริมหน้าต่าง ใช้เวลาไม่ถึงห้าวินาที กดรับสาย “คุณหลง มีธุระอะไรคะ”
เสียงของหลงเซียวไม่ดังมากแต่แน่นอนว่ามีคนได้ยิน “ผมได้ยินว่าคดีพลิก คดีคุณโฉสามารถบอกได้ไหมครับ”
ตามหลักการ แน่นอนว่าไม่ได้
แต่เพียงเจิ้งซิ่วหยาได้ยินเขาพูด ก็อดไม่ได้ราวกับคำสั่งของพระเจ้าเล่าออกมา “คุณโฉยอมรับสารภาพแล้ว…” เธอเล่าขัดตอนคร่าวๆให้ฟังอย่างรวดเร็ว
“สถานทูตถูกกดดัน สงสัยคงต้องปล่อยคนไปก่อน”
หลงเซียวบอกด้วยน้ำเสียงเสียดาย “เช่นนี้ พวกคุณจะเสียเวลาฟรีหรือไม่ครับ จับคนผิดได้แล้วก็ต้องปล่อยออกไปอีก”
เจิ้งซิ่วหยาสะดุ้ง จะว่าไป…คนผิดจริงๆ ก็คือแม่ของคุณไม่ใช่หรือ คุณชายเซียว
“เรื่องเล็กน้อย จะไปกล้าก่อให้เกิดความร้าวฉานของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่ได้ แขนยังไงก็สู้ขาไม่ได้” เจิ้งซิ่วหยานวดหัวคิ้วปวดหัว
“งั้น ไม่รู้ว่าเหลียงหยู้คุณ…” หลงเซียวตั้งใจทิ้งช่วง ไม่ปิดปลายประโยค
เจิ้งซิ่วหยาหรี่ตาแคบ จากนั้นค่อยๆเบิกกว้าง “เรื่องของเฉินเจาเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ศาลจะตัดสินอย่างยุติธรรม สำหรับเรื่องที่เข้าใจคุณผิด ต้องขออภัยด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
วางโทรศัพท์ลง หัวคิ้วของเจิ้งซิ่วหยาขมวดขึ้น “หัวหน้าคะ สถานทูตว่ายังไงบ้างคะ”
เฉินเจาปิดหน้า “วันนี้ก็จะเอาคนไปแล้ว เอกสารเดี๋ยวสักพักก็จะถูกส่งมา”
เจิ้งซิ่วหยายกสองแขนขึ้นกอดอก ยืนพิงกำแพงย้อนแสงทำให้เกิดเงา “เล่นเก่งจริง”
“หมายความว่ายังไง”
“ไม่มีอะไร”
ลงมือก่อน ปกป้องฆาตกรตัวจริง หาหุ่นเชิด ใช้ประโยชน์หุ่นเชิดเสร็จแล้ว ก็เอาไป เรื่องนี้มันมีฝีมือไม่ธรรมมาเลย
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ตัวแทนของสถานทูตก็มาถึง
เฉินเจาดับบุหรี่ สาวเท้ายาวตรงไปต้อนรับ เจิ้งซิ่วหยาก้มหน้า มองเห็นว่านอกหน้าต่างนั้นมีรถคันหนึ่งจอดอยู่
รถของอิสซา
สรุปว่าข่าวของหลงเซียวกับเจ้าชายเจมส์ คิดถึงความสัมพันธ์ของอิสซาและเจมส์ ละครเรื่องนี้ใครเป็นคนกำกับกันนะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว
เจิ้งซิ่วหยาลูบมุมปากด้วยท่าทางสนอกสนใจ เดินตามเฉินเจาไปที่ห้องรับรองแขก
ด้านล่าง ในรถ
อิสซาถอดหูฟังออก “จางหย่ง ฉันช่วยเจ้านายคุณขนาดนี้ คุณจะไม่ชอบคุณฉันแทนเขาหน่อยเหรอ”
จางหย่งที่นั่งอยู่หลังคนขับหัวเราะ “อยากได้คำขอบคุณ ไม่เอาที่เขาเองสิ”
อิสซาหรี่ตา “อยู่ช่วยฉันจัดการธุระหน่อยช่วงนี้ คุณก็ว่างดี ร่างกายออกกำลังกายเป็นประจำ”
จางหย่งหัวเราะอยู่ในใจ ใบหน้าไม่มีน้ำสาดมา “ต้องขออภัยองค์หญิง อีกไม่กี่วันผมก็ต้องออกเดินทางไกล ช่วงนี้คงกลับมาไม่ได้”
“ไปไหน”
“โลกอันกว้างใหญ่ ผมแค่อยากออกไปเห็น คุณจะยุ่งอะไรด้วย”
อิสซาบิดหูจางหย่งอย่างแรง ขายาวพาดข้ามที่นั่งและบังกระจก ขังจางหย่งเอาไว้ในพื้นที่แคบๆ “บอกมาสิ ไปที่ไหน”
จางหย่งที่อยู่ดีๆกลับถูกเธอข่มขู่ด้วยความโห “ผมจะไปอิตาลี พอใจหรือยัง ปล่อย”
อิตาลีงั้นเหรอ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ทูตก็เดินถือเอกสารออกมา “ฝ่าบาท พวกเขายอมแล้ว วันนี้จะปล่อยคนออกมา”
……
โฉหวั่นชิงคาดไม่ถึง ว่าตัวเองจะมีโอกาสเห็นแสงด้านนอกอีกครั้ง หายใจเข้าลึกสูดอากาศบริสุทธิ์
และเธอคาดไม่ถึง ตัวเองที่เซื่องซึมไปไม่กี่วันมานี้ จะเกิดเรื่องมากมายขึ้นขนาดนี้
เธอเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาไม่ชินกับแสงจึงต้องยกมือขึ้นมาบัง มองประตูเหล็กบานใหญ่ที่ถูกเปิดออก ร่างกายที่ผมลงทำให้การเดินแทบตัวปลิว
เธอมักรู้สึกว่าทุกอย่างไม่ใช่ความจริง ทุกครั้งที่สูดหายใจแล้วหัวใจเต้น ล้วนทำให้เธอหวาดกลัว
กลัวว่าทุกอย่างจะกลับมาอีก
“คุณโฉ แนะนำตัวสักหน่อย ฉันชื่ออิสซาเบลล่า คุณสามารถเรียกฉันว่าอิสซา”
เธอยังไม่ได้สติกลับมา ตรงหน้าพลันมีหญิงสาวที่แตกต่างออกไปพุ่งเข้ามา เธอลุกขึ้นยืนหวาดระแวง
“คุณ…”
อิสซายักไหล่ “คนที่ช่วยคุณก็คือฉัน คุณคงจะมีความสงสัยมากมาย ไม่เป็นไร ระยะทางยังอีกไกลเดี๋ยวฉันอธิบายให้คุณฟัง”
โฉหวั่นชิงก้าวถอยหลังครึ่งก้าว ตรงหน้าไม่มีใครที่เธออยากพบเลย เธอนึกว่าหลงถิงและหลงจื๋อจะยืนรอเธออยู่ตรงนี้ แต่…
“ความจริงแล้ว คนที่ช่วยคุณคือหลงเซียว”
ความรู้สึกหวาดระแวงของโฉหวั่นชิงยิ่งมากขึ้นไปอีก สายตามุ่งตรงไป “เขาคิดจะทำอะไร”
เสียงใสของอิสซาหัวเราะขึ้นมา “คุณกลัวเขาเหรอ”
โฉหวั่นชิงไม่ได้พูดอะไร
อิสซาหัวเราะหึออกมาอีก ยื่นมือไปเชิญเธอขึ้นรถ “คุณเข้าไปได้ยังไง ฉันไม่รู้และไม่อยากรู้ คุณร่วมมือกับใคร ฉันก็ไม่ได้อยากรู้ ดังนั้น ทำไมพวกเราถึงช่วยคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้”
พวกเราเหรอ
โฉหวั่นชิงไม่มองสำรวจหญิงสาวแปลกหน้าอีกไม่ได้ รู้สึกว่าฐานะของเธอกับหลงเซียวนั้นไม่ธรรมดา
“คุณโฉ เชิญขึ้นรถเถอะค่ะ”
จางหย่งออกรถ มุ่งตรงไปที่สนามบิน ระหว่างทางอิสซาตอบข้อสงสัยให้เธอ
โฉหวั่นชิงตกใจสุดขีด รับไม่ได้ถึงที่สุด
“สัญชาติของประเทศ M ไปประเทศ Mเหรอ”
ไม่
เธอถูกซ่อนไว้ที่อเมริกามายี่สิบกว่าปี ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะได้กลับมา
เธอไม่ไป
อิสซาเอียงศีรษะพิงหน้าต่างรถ แสงแดดสลับเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง “คุณโฉ นิ่งหน่อย แค่ออกจากประเทศ แค่สัญชาติ”
จางหย่งเหล่ตามองอิสซา ผู้หญิงคนนี้มีหัวใจบ้างไหมนะ
โฉหวั่นชิงราวกับนั่งอยู่บนพรมเข็ม “ฉันไม่ไป ฉันต้องการพบลูกชายฉัน เสี่ยวจื๋อล่ะ ฉันจะโทรหาเสี่ยวจื๋อ”
มือที่มีกำลังของอิสซายื่นไปกดตัวโฉหวั่นชิงที่กำลังต่อต้านเอาไว้ ใช้สายตาจับจ้องมองสำรวจเธอจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “คุณโฉ ฉลาดหน่อย ฉันไม่ได้จะใจดีแบบนี้ทุกวันหรอกนะ”
จางหย่งหันกลับมา โฉหวั่นชิงได้น้ำตานองหน้าไปแล้ว ไหล่สองข้างสั่นระริก พยายามปิดปากเงียบ แต่ก็ปิดเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ได้
“คุณโฉ ไม่ต้องอยู่ในคุกก็ดีแค่ไหนแล้ว มองโลกให้ดีเข้าไว้ คุณกลับประเทศไม่ได้ อย่างน้อยลูกชายคุณก็ไปเยี่ยมคุณได้” จางหย่งยื่นกระดาษทิชชูยัดใส่มือเธอ โฉหวั่นชิงร้องไห้หนักกว่าเดิม
อิสซาขมวดคิ้วอดไม่ได้ “เครื่องจะออกอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ สิ่งจำเป็นต่างๆของคุณอยู่ในกระเป๋าหมดแล้ว เมื่อไปถึงที่โน่นแล้วจะมีคนมารับ ขึ้นเครื่องไปแล้วก็ตั้งใจร้องไห้แล้วกัน”
เห็นได้ชัดว่าจางหย่งแทบอยากจะฆ่าเธอ เป็นผู้หญิงหรือเปล่าเนี่ย
โฉหวั่นชิงเงยหน้าขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง “ฉันขอถามคำถามสุดท้าย หลงถิงรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“แน่นอนว่าไม่รู้ เขาแทบอยากให้คุณตายๆไปในคุก คุณดูไม่ออกจริงๆเหรอ”
ใบหน้าของโฉหวั่นชิงราวกับคนตาย ซีดขาว สับสน รู้สึกผิดหวัง หัวใจเจ็บปวดราวกับประสบอุบัติเหตุ
ในตอนที่อิสซาคิดว่าเธอบ้าไปแล้ว เธอหัวเราะ รอยยิ้มบิดเบี้ยวน่ากลัว “สุดท้าย…เขาก็คิดเพียงว่าฉันเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง หมากตัวหนึ่ง”