ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 909
ตอนที่ 909 ล้วนเป็นหลักฐาน
ณ ร้านกาแฟ
“อ่อ….เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เมื่อฟังคำอธิบายเกี่ยวกับถังจงรุ่ยจากตู้หลิงเซวียนจบ หลงจื๋อก็เหมือนกับตกใจตื่นจากความฝัน แผนการร้ายของพวกเขาในตอนนั้นเป็นอย่างนี้นี่เอง!
อีกอย่างจากคำพูดของตู้หลิงเซวียนแล้ว ถังจงรุ่นที่ยังนอนหลับไม่ตื่นคนนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวละครสำคัญไม่น้อยกว่าพ่อของเขา
“ความผิดทั้งหมดโยนใส่ถังจงรุ่ย และบอกให้คนข้างนอกรู้ว่าในตอนนั้นพ่อของคุณถูกบีบบังคับ และจนปัญญามาก เลยยอมทำตามคำสั่งของถังจงรุ่ย ถังจงรุ่ยเหลือเวลามีชีวิตไม่นานแล้ว เมื่อเขาตาย ความลับทุกอย่างก็จะตายไปพร้อมกับเขา” ตู้หลิงเซวียนสูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จ ก็ทิ้งบุหรี่ลงไปในแก้วกาแฟ
หลงจื๋อนิ่งเงียบและไตร่ตรองสักพัก
ถึงแม้เขาไม่รู้จักถังจงรุ่ย แต่ชื่อถังจงรุ่ย เขาไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยิน
ถึงแม้ถังจิ้นเหยียนรู้จักกับเขาไม่ค่อยมาก แต่ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักทั่วโรงพยาบาลหวาเซี่ยมาตั้งนานแล้ว แถมพ่อยังยอมให้เขาเป็นรองคณบดีของโรงพยาบาลหวาเซี่ย เอาใจเขามาใส่ใจเรา….หลงจื๋อรู้สึกทำใจไม่ได้
“คุณชายรอง หุ้นของบริษัทMBKตกฮวบ ชื่อเสียงก็เสื่อมทรามลงด้วย คุณต้องทำบางอย่างเพื่อกอบกู้ โดยการสร้างความเชื่อใจของบริษัทMBKต่อทุกคน ฆาตกรคำนี้ ถือเป็นคำอันตรายแก่ชีวิตเลยนะครับ”
“…..” หลงจื๋อจ้องมองเขา พร้อมพินิจไตร่ตรองอย่างละเอียด
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของหลงจื๋อก็ดังขึ้น
เป็นหลินเหว่ยเย่ส่งมาหาเขา “หลงจื๋อ หากมีเรื่องอะไร ผมช่วยคุณจัดการได้นะครับ”
หลงจื๋อยิ้มจางๆ และเงยหน้าพูดขึ้นว่า “ประธานตู้ ข้อเสนอของคุณ ผมคิดว่าไม่จำเป็นแล้วครับ พวกเราไม่ใช่คนทางเดียวกัน”
ตู้หลิงเซวียนยังคงไม่มีท่าทีรีบร้อนใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมมีความมั่นใจว่า คุณต้องกลับมาหาผม แต่ผมขอเตือนคุณอย่างหนึ่งว่า วงการทางการเงินไม่มีใครหน้าไหนไม่มีความโลภไม่อยากกินเนื้อของบริษัทMBKก้อนนี้”
ใครสนใจคุณ!
หลังจากหลงจื๋อเดินออกจากห้องไป
ไม่นานโทรศัพท์ของตู้หลิงเซวียนก็ดังขึ้น
อิสซานั่งในรถยนต์นอกร้านกาแฟ เธอนั่งไขว้ขาข้าง ชุดมินิเดรสสีดำที่รัดรูปเผยรูปร่างอันผอมเพรียวขึ้น และริมฝีปากแดงเพลิงสร้างความเย้ายวนต่อผู้คน “เควิน การเจรจาเมื่อกี้คงไม่ค่อยราบรื่นใช่ไหม? ดูท่าทางคู่หูของนายไม่ค่อยพอใจเลย”
ตู้หลิงเซวียนหันหน้ามองด้วยสีหน้าหวาดระแวง แต่ภายในห้องว่างเปล่า
“ไม่ต้องมองหรอก ฉันอยู่ข้างล่าง ออกมาเถอะ ถึงเวลาที่พวกเราต้องคุยกันแล้ว!” อิสซาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนอ่อนเล็กน้อยขึ้น
สองนาทีต่อมา ตู้หลิงเซวียนเคาะหน้าต่างรถยนต์ของอิสซา
อิสซาลดกระจกหน้าต่างลง สายลมพัดโชยเข้าไปโบกสะบัดเส้นผมของเธอ เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “เควิน ไม่เจอกันไม่กี่วันหล่อขึ้นมาเลยนะ ดูเหมือนว่าแผนการของคุณจะราบรื่น”
ตู้หลิงเซวียนขมวดคิ้ว แล้วเผยสายตาและรอยยิ้มเป็นประกายขึ้น “ทำไมผมฟังแล้วไม่เหมือนกันชมผมเลยล่ะ”
“พูดจาเหลวไหล! แน่นอนว่าฉันไม่ได้ชมนาย ฉันมาคิดบัญชีกับนายต่างหาก!”
ณ วิลล่าโรมัน
“เสี่ยวจื๋อ นั่งลงก่อน ทำตัวตามสบายเลย นายเกือบเป็นลูกชายของฉันแล้ว ดังนั้นคุยกับพ่อไม่ต้องตื่นเต้น”
“ขอบคุณคุณลุงหลินมากครับ” หลงจื๋อยังคงรักษาท่าทางอ่อนโยนของลูกเขยในอนาคต ตอนเจอกับพ่อตา เขานั่งยืดอกไหล่ตรงด้วยความระมัดระวัง และนั่งลงบนโซฟาด้วยปริมาณหนึ่งส่วนสามด้วย
หลินเหว่ยเย่หัวเราะฮ่าฮ่าอย่างเบิกบาน “เด็กคนนี้ ควรเรียกฉันว่าพ่อได้แล้ว แต่ยังเรียกว่าคุณลุงอีกหรอ?”
คุณนายหลินล้างองุ่นพวงหนึ่งด้วยตัวเอง แถมยังเลือกหยิบองุ่นกลมใหญ่ที่สุดลูกหนึ่งให้กับหลงจื๋อ “เสี่ยวจื๋อ คิดเสียว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ ต่อไปหากนายแต่งงานกับเหวินเหวิน เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ทำตัวตามสบายเลย”
หลงจื๋อยื่นมือทั้งสองข้างรับองุ่น “ขอบคุณครับคุณน้า”
จากนั้นคุณนายหลินก็เดินจากไป ทิ้งห้องรับแขกที่โล่งกว้างกับผู้ชายสองคน บรรยากาศภายในห้องอบอุ่นราวกับเป็นฤดูใบไม้ผลิ ในบ้านมีกระเบื้องเคลือบสมัยราชวงศ์ชิงประดับ แถมยังมีกลิ่นหอมของน้ำชาด้วย บรรยากาศช่างเหมาะกับการนั่งในสวนดอกท้อจริงๆ
“เสี่ยวจื๋อ คุณคิดว่าบริษัทหลินเป็นยังไงบ้าง?” หลินเหว่ยเย่รินน้ำชาแก้วหนึ่งให้กับเขา
หลงจื๋อเอาองุ่นวางกลับในถาดเหมือนเดิม แล้วยื่นมือทั้งสองข้างรับแก้วน้ำชา “บริษัทหลินเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจของสะสมหายากระดับเกรดเอ เป็นเส้นทางธุรกิจสืบสานวัฒนธรรม ผมค่อนข้างนับถือคุณธรรมในการทำธุรกิจของคุณมากครับ”
หลินเหว่ยเย่พูดขึ้นว่า “แล้วถ้าหากบริษัทหลินกับบริษัทMBKร่วมมือกันล่ะ?”
น้ำชาเพิ่งแตะมุมปาก หลงจื๋อก็เงยหน้าขึ้นทันที “คุณหมายความว่า……”
ในอนาคตบริษัทหลินจะตกเป็นของเหวินเหวิน และของนายด้วย แต่เหวินเหวิน เด็กคนนี้มุ่งมั่นเพียงงานที่โรงพยาบาล แล้วจะมีความสนใจทำธุรกิจอะไรล่ะ? ดังนั้นฉันอยากเอาบริษัทหลินลงทุนกับบริษัทMBKในเวลาสำคัญแบบนี้ ฉันยอมมอบตำแหน่งผู้บริหารบริษัทหลินกับนาย แต่ขอหุ้นส่วนของบริษัทMBK ฮ่าฮ่า พูดตามความจริง ถือเป็นการช่วยเปิดทางให้กับนาย”
หลินเหว่ยเย่พูดอย่างเรียบง่าย แถมแสดงน้ำเสียงและท่าทางอ่อนโยนเป็นมิตร และยังคงคิดแทนหลงจื๋อด้วย อีกอย่างพูดย้ำว่าตัวเองเสียสละผลประโยชน์ของตัวเองเพื่อช่วยเหลือว่าที่ลูกเขยเสมอ
หลงจื๋อหมุนแก้วชาในมือเล็กน้อย ถึงแม้ตอนนี้มีท่าทางตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ได้ขาดสติ บริษัทหลินต้องการร่วมลงทุนกับบริษัทMBK เพื่อแทรกแซงเข้าไปในบริษัทMBK ซึ่งนั้นหมายความว่า หุ้นและอำนาจศูนย์กลางของบริษัทMBKจะเกิดการแจกกระจาย ซึ่งนี่ถือเป็นข้อต้องห้ามของการทำธุรกิจ
“ข้อเสนอของคุณ ผมจะเก็บไปพิจารณานะครับ แต่เนื่องจากสถานการณ์ของบริษัทMBKตอนนี้ยังไม่มั่นคง ผมจะปล่อยให้คุณตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงเหมือนกับผมได้ยังไงกัน? อีกอย่างหากวันหนึ่งบริษัทMBKล้มละลาย ผมสามารถพึ่งพาคุณได้…..แต่คุณคงไม่รังเกียจใช่ไหมครับ”
“ฮ่าฮ่า เป็นไปได้ไงล่ะ! ดื่มชาเถอะ รสชาติของน้ำชานี้ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
หลงจื๋อจิบหนึ่งคำด้วยท่าทางไม่มีสมาธิจดจ่อ “ครับ ไม่เลวเลยครับ”
หลินเหว่ยเย่เหลือบมองหลงจื๋อที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมแอบคิดแผนการเงียบๆ
“เสี่ยวจื๋อ นายกับซีเหวินหาเวลาว่างจดทะเบียนสมรสเถอะ ที่บ้านมีเรื่องมงคล ไม่แน่พ่อของนายอาจจะอาการดีขึ้น อย่าหากว่าฉันงมงายเลยนะ การจัดงานมงคลขจัดความชั่วร้าย ถือเป็นพิธีการที่ผู้คนสืบทอดกันมาเนิ่นนานแล้ว”
“รอให้ผ่านวิกฤติการณ์ครั้งนี้ก่อนนะครับ”
หลงจื๋อดื่มแค่น้ำชา จนได้รับสายจากเหลียงจ้งซุน ถึงจะรีบกลับไปที่บริษัท
คุณนายหลินเอาหมอนรองแผ่นหลัง แล้วยกขานั่งไขว้ข้าง “คุณคิดว่าหลงจื๋อเป็นคนโง่หรอ?”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มแย้ม แล้วรินน้ำชาให้กับตัวเองเป็นแก้วที่สอง “แน่นอนว่าเขาไม่ได้โง่ แต่สัตว์ที่ผมเล็งไว้ ยังไม่มาถึงมือเท่านั้น”
“พูดถึงตรงนี้ ฉันกลับเกิดความคิดหนึ่งขึ้น โฉหวั่นชิงออกจากคุกโดยไร้ที่มาได้ยังไงกัน?”
“โฉหวั่นชิง…..ยังพอนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น”
——
“เควิน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ เจ้าเล่ห์จนทำให้ฉันตกตะลึง” อิสซาหยิบบุหรี่ม้วนหนึ่งในกล่องบุหรี่ที่ตู้หลิงเซวียนวางไว้บนโต๊ะ แล้วจุดไฟด้วยไฟแช็ก
ตู้หลิงเซวียนคีบบุหรี่ม้วนหนึ่ง แล้วดีดให้ถ่านออกเล็กน้อย “คุณอยากพูดอะไรหรอ?”
“เพื่อโจมตีศัตรูของคุณ คุณยอมทำทุกวิถีทาง โดยไม่สนใจยางอาย ฉันเห็นคนมาเยอะ แต่เรื่องไร้ยางอาย คุณถือเป็นคนแรกเลย!” อิสซาพ่นควันบุหรี่สีขาวออกมากระทบบนใบหน้าของตู้หลิงเซวียน
ตู้หลิงเซวียนหลับตาลงอัตโนมัติ หลังจากควันเริ่มจางหายถึงจะลืมตาอีกครั้ง “หรอครับ?”
“หยุดแสร้งเป็นคนไร้เดียงสาหน่อยเถอะ! คุณบอกว่า หลงเซียวลักลอบปืนเถื่อนจากประเทศMหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ลักลอบผีสิ! คุณคงอยากให้ภรรยาของเขาคิดมากจนเป็นบ้าแน่เลย!” อิสซาสูบบุหรี่เต็มปอด เธอสูบบุหรี่จนเหลือเพียงครึ่งม้วนแล้วตอนนี้
ตู้หลิงเซวียนกำแก้วกาแฟอย่างแน่นจนเห็นรอยต่อของกระดูก ไอร้อนจากกาแฟบดบังวิสัยทัศน์ของเขา แต่หลังจากวางแก้วลง แว่นก็กลับมาสะอาดใสเหมือนเดิม “ดูเหมือนคุณกับหลงเซียวมีความคิดเห็นเหมือนกัน”
“เขาเรียกว่าเป็นวีรบุรุษมักมีความคิดที่คล้ายคลึงกันต่างหาก ส่วนฉันกับนาย เรามีเส้นทางไม่เหมือนกัน ในตอนนั้นที่ฉันช่วยนายทำPS เพราะฉันดูผิดคน เลยเกลี้ยกล่อมให้นายหยุด ไม่เช่นนั้นหลงเซียวเล่นงานนายตายแน่” อิสซาสูบบุหรี่เสร็จ ก็ออกแรงเขี่ยก้นบุหรี่ให้ดับในถังเขี่ยบุหรี่
ตู้หลิงเซวียนยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณถูกหลอกแล้ว หลงเซียวคือพ่อค้าอาวุธเถื่อน อีกอย่างผมขอบอกกับคุณเลยว่า เขามีความสัมพันธ์สนิทกับคนเหล่านั้นด้วย”
“บังอาจ! ฉันไม่เชื่อนายอีกแล้ว! คนหลอกลวง!”
หลังจากด่าทอเสร็จ อิสซาก็เดินจากไป
ตู้หลิงเซวียนเขี่ยบุหรี่ทิ้ง จากนั้นดวงตาที่อ่อนโยนก็กลายเป็นแหลมคมขึ้น คิดไม่ถึงว่าอิสซาไม่หลงกล เขาสูญเสียผู้มีอำนาจคนหนึ่งแล้ว
“ผู้บริหาร คิดไม่ถึงว่าข่าวนินทาด้านลบของบริษัทMBKถูกกลบหมดแล้ว คุณดูสิครับ” หลังจากอิสซาจากไป ผู้ช่วยของตู้หลิงเซวียนก็เดินเข้ามาเอาข่าวให้เขาดู
“โหวตเลือกหนุ่มหล่อหรอ?”
ตู้หลิงเซวียนถึงกับตกใจกับประเด็นข่าวนี้
“เป็นฝีมือของหลงเซียว ตอนนี้ทุกคนเริ่มเบี่ยงเบนความสนใจกันแล้ว อีกอย่างตอนนี้ดูมีประสิทธิผลด้วย”
ตู้หลิงเซวียนจ้องมองรายการโหวต หลงเซียวอันดับหนึ่ง ตู้หลิงเซวียนอันดับสอง หลงจื๋ออันดับสาม ถังจิ้นเหยียนอันดับสี่ เกาจิ่งอานอันดับห้า กู้เยนเซินอันดับหก…..ซุนปิงเหวินอันดังสิบ
“รอไม่ได้แล้ว รีบเริ่มซื้อหุ้นของบริษัทMBKเถอะ มีเท่าไหร่ซื้อมาให้หมด”
“ครับ!”
เวลาผ่านไปสามวันรวดเร็วราวกับกะพริบตา
สามวันต่อมา ณ บริษัทฉู่ซื่อ
จี้ตงหมิงเอารายการสถิติให้กับหลงเซียว “เจ้านายครับ นี่เป็นหุ้นที่เราซื้อของบริษัทMBK เมื่อรวมกับหุ้นในมือของคุณกับคุณนาย ตอนนี้คุณเป็นหุ้นส่วนใหญ่คนที่สองของบริษัทMBK พวกเราต้องการเพียงสองจุดเจ็ดเปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงจะสามารถเทียบเท่ากับคุณชายรอง”
“ดีมาก!”
“อีกอย่าง หลังจากเงินทุนเริ่มขยับ ทางนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวชั่วคราว แต่จากความเร็วของพวกเขาแล้ว คงอีกไม่นานหรอกครับ”
หลงเซียวปิดเอกสารลง “รั้งทัพรอจังหวะบุกโจมตี”
“อีกอย่างหมายศาลจากศาลก็ส่งถึงมือหลงถิงแล้วด้วย วันนี้ตอนเช้าหลงถิงฟื้นแล้วครับ แถมเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วด้วย” กู้เยนเซินเอามือทั้งสองข้างประสานเบื้องหน้าหน้าอก
“ฟื้นแล้วหรอ? ฮ่า….ฟื้นได้จังหวะเวลาจริงๆ”
“อีกอย่างผมได้จัดการเรื่องโฉหวั่นชิงเรียบร้อยแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือ หลินเหว่ยเย่ส่งคนมาสืบเรื่องของเธอ เจ้านายคิดว่า…..ปกติไหมครับ?” จี้ตงหมิงเพิ่งกลับมาจากสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังคงมีงานให้ยุ่งตลอด
“ไม่ปกติ ยิ่งไม่ปกติคือ หลินเหว่ยเย่ต้องการเอาบริษัทหลินลงทุนกับบริษัทMBK หากร่วมมือกัน เขาก็จะเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทMBK และอำนาจในมือของหลงจื๋อก็จะถูกแบ่งแยก หลินเหว่ยเย่ไม่ใช่คนคิดอะไรธรรมดา” หลงเซียวยิ้มประชดขึ้น
“ดังนั้น…..”
“ง่ายดายมาก ก่อนที่หลินเหว่ยเย่จะเกลี้ยกล่อมหลงจื๋อสำเร็จ เราต้องกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทMBKก่อน!” หลงเซียวมีความมั่นใจว่าต้องสำเร็จ
“แต่หุ้นของพวกเรายังไม่พอเลยครับ ราคาหุ้นของบริษัทMBKตอนนี้กลับมาปกติแล้วครับ โดยเฉพาะหลังจากที่หลงถิงฟื้นขึ้นมา ราคาก็พุ่งสูงขึ้น เกรงว่าราคาไม่เหมาะที่จะซื้อ”
จี้ตงหมิงมีความกังวลกับเรื่องนี้มาก เขาสืบหุ้นของบริษัทMBKแล้ว พบว่าไม่มีใครยอมขายหุ้นแล้ว อีกอย่างผู้ถือหุ้นคนอื่นมีหุ้นจำนวนจำกัดด้วย
หลงเซียวเคาะขอบโต๊ะเบาๆ “ยังมีอีกคนหนึ่ง”
คนที่หลงเซียวหมายถึงคนนั้นคือหลงเซิ่ง ในมือของเขามีหุ้นของบริษัทMBKสามเปอร์เซ็นต์ หลังจากได้รับ เขาก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่หลงเซิ่งถูกถีบออก เกรงว่าเขาจะเห็นต้นไม้ใบหน้าเป็นกองทหารทั้งสิ้น
“นายช่วยจัดการหน่อย วันนี้ฉันจะบินไปซิดนีย์”
จี้ตงหมิงเข้าใจบางอย่างขึ้น “คุณพูดถึงหลงเซิ่งหรอ?”
“ใช่”
“แต่เขาจะยอมหรอครับ? เขาเป็นถึงเศรษฐีขี้เหนียว! แถมบริษัทMBKยังเป็นแหล่งทำเงินของเขาด้วย!”
หลงเซียวลูบคางเล็กน้อย ยิ้มและพูดว่า “งั้นก็ต้องดูจะใช้วิธีการไหนแล้วล่ะ”
——
“พ่อครับ คุณดีขึ้นหรือยังครับ?”
หลงจื๋อช่วยหลงถิงรินน้ำแก้วหนึ่ง และยังคอยดูแลอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องด้วย
หลงถิงมีสายตาเหม่อลอย เขากะพริบตาอย่างเหนื่อยล้าเล็กน้อย พร้อมจ้องมองลูกชาย “เสี่ยวจื๋อ….มาแล้วหรอ?”
“ครับ พ่อ ผมอยู่นี้แล้วครับ”
“บริษัทMBKเป็นยังไงบ้าง?” หลงถิงหายใจอย่างเปลื้องแรง แถมยังมีจังหวะการหายใจที่ไม่ปกติด้วย
“ดีขึ้นมากครับ ตอนนี้มั่นคงแล้วครับ ราคาหุ้นกลับมาเป็นปกติ และโครงการจุนหลินเทียนเซี่ยก็เริ่มดำเนินการด้วย ทุกอย่างราบรื่นครับ” หลงจื๋อพยายามกลั้นไม่ร้องไห้ และไม่อนุญาตพูดเรื่องที่ตัวเองผ่านมาสามวันทรมานมากแค่ไหน
หลงถิงยื่นมือจับมือของลูกชาย “เสี่ยวจื๋อ….บริษัทMBKฝากให้กับนายแล้ว”
หลงจื๋อพยายามไม่มองหมายศาลที่บาดตา “ไว้รอให้พ่อหายดีก่อน ผมจะคืนตำแหน่งผู้บริหารให้นะครับ”
เจิ้งซิ่วหยากับเฉินเจารออยู่นอกประตูสิบกว่านาทีแล้ว จนกระทั่งหลงจื๋อเดินออกมา ถึงจะเดินเข้าไป
“คุณหลงถิง สวัสดีค่ะ เนื่องจากสภาพร่างกายของคุณไม่สะดวก ทางเราจะไม่จับกุมคุณเป็นการชั่วคราว แต่มีหลายคำถาม หวังว่าคุณจะตอบตามความจริง” เจิ้งซิ่วหยาพูดขึ้น
ในดวงตาของหลงถิงไม่มีความสดใสเลย “ห่ะ? ตำรวจหรอ มีเรื่องอะไรหรอครับ?”
เฉินเจาลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง แล้วเปิดสมุดบันทึก “คุณหลงถิงครับ นับตั้งแต่ตอนนี้ทุกถ้อยคำของคุณจะใช้ในชั้นศาลนะครับ หวังว่าคุณจะยอมพูดตามความจริง ไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้น”
เจิ้งซิ่วหยานั่งลงข้างหลังเฉินเจา แล้วถือปากกาเตรียมบันทึก
เฉินเจาประสานมือทั้งสองข้างวางบนหัวเข่า “คำถามแรก คุณรู้จักมู่เส้าเอินไหมครับ?”