ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 913
ตอนที่ 913 ใช้ความแข็งของกำปั้นพูด
แอนน่าบังคับพวงมาลัย ไม่ต้องใช้GPSเธอขับขึ้นไปบนสะพานยกระดับเธอรู้จักที่ตั้งของร้านชาลู่ถิง
“อ๊า!!”
หลังจากนั้นก็เป็นเสียงกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือดของเจมส์
ลั่วหานดีใจที่ตัวเองประตูหน้าต่างแล้ว ไม่อย่างนั้น……
ร้านชาลู่ถิง อยู่ในเส้นรอบชานเมืองค่อนข้างไกล เป็นสถานที่สำหรับบุคคลระดับสูงเพื่อเจรจาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางธุรกิจ สถานที่โปรยเงินอวดอ้างความรู้สึกทางวรรณกรรมและศิลปะ ชาแก้วหนึ่งขาราคาถึงหลายพันหยวน
แล้วรถก็เบรกลงกะทันหัน!
เจมส์กระแทกหน้าหัวบุบ เขม้นขะมัก,ขะมักเขม้นกอดประตูรถ “แอนน่า……รอฉันด้วย”
ลั่วหานไม่มีเวลารอเขา “ฉันขึ้นไปก่อน คุณรออยู่ที่นี่”
“ไม่ ฉันจะปกป้องคุณ!” เจมส์สับขาตามไป ความสามารถในการฟื้นตัวยอดเยี่ยมจนน่าตกใจ
ลั่วหานเข้าประตู ก็พบว่าด้านนอกประตูมีการ์ดชุดดำสองคนยืนอยู่ ทั้งคู่เอาตัวเข้ามาบังลั่วหานอย่างไม่มีการชี้แจงใดๆ
ลั่วหานมีความสามารถทางการต่อสู้ไม่พอ แต่เธอมีฐานะทางสังคม
“ดูให้ดีว่าฉันคือใคร” ลั่วหานหน้าตึง สายตาเย็นเยียบเอ่ยกดเสียงข่ม
ผู้ชายทำเป็นมองไม่เห็น “ไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม”
ลั่วหานยิ้มเย็น หันหน้าชี้ไปนอกรถเอ่ย “หลงจื๋ออยู่ข้างในรึเปล่า? ให้เขาออกมาหาฉัน”
“ไม่ได้ พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไป” ชายคนนั้นแน่วแน่อย่างมาก
ลั่วหานกัดฟันกรอด แม่ง! บีบให้เธอหลุดคำหยาบให้ได้ แล้วยังต้องบีบให้ฉันลงมือสินะ!
แต่ว่าในห้องทานอาหารเก็บเสียงได้ดีมาก ลั่วหานเคยมาครั้งเดียว เคยได้สัมผัสกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของที่นี่ ถึงแม้ว่าเธอจะตะโกนจากข้างล่างก็ไร้ประโยชน์
เจมส์ขยับเข้ามาชิด “แอนน่า พวกเขาไม่ให้พวกเราเข้าไปเหรอ?”
แอนน่าอยากพูดว่าพวกเราอะไร? ฉันต่างหาก!
หันไปมอง ลั่วหานก็ยิ้ม “เจมส์ คุณบอกว่าเคยฝึกศิลปะการต่อสู้?”
เจมส์ตั้งตัวตรงอย่างภาคภูมิ “ใช่สิ ฉันบอกแล้วคุณก็ไม่เชื่อ”
“คุณบอกว่า คุณจะปกป้องฉัน?” ลั่วหานยิ้มอ่อน ชั่ววิที่หันมามอง สรวลแสนยวนยลจริงๆ!
เจมส์ตาลาย “ใช่……แล้ว”
“พวกเขาสองคน คุณช่วยจัดการให้ฉัน ทำได้ไหมล่ะ?” ลั่วหานเดินไปข้างๆ สองก้าว ให้พื้นที่แสดงความสามารถแก่เจมส์
“ไม่คิดว่าจะถามว่าฉันทำได้มั้ย? คุณดูถูกฉันเหรอ!”
“ดูไม่ดูถูก ก็ดูจากความสามารถของคุณ”
เสื้อโค้ตของเจมส์ปลิวสะบัด กลิ่นอากาเว่บนเสื้อโค้ตของหลงเซียวอบอวลไปทั่ว เขาฉวยชุดมารีบเกินไป ที่หยิบมาเป็นเสื้อของหลงเซียว
ลั่วหานใจลอย คล้ายว่าคิดถึงเขา ได้กลิ่นของหลงเซียว ใจก็สั่นไหว
เจมส์เตี้ยกว่าหลงเซียวเล็กน้อย ไหล่ก็ไม่ได้กว้างเท่าหลงเซียว เสื้อก็เลยดูใหญ่อย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าพอสวมแล้วก็หล่อเหลา
“แอนน่า คุณยืนไกลๆ หน่อย อาจจะมีเลือด”
ลั่วหาน: “……”
จริงหรือหลอก?
ในไม่ช้า ลั่วหานก็ค้นพบว่าความสงสัยของเธอเป็นการดูถูกความแข็งแกร่งของเจมส์ เด็กหนุ่มนี่ปราบชายอ้วนสองคนได้เพียงลำพัง!
ทั้งสองคนจมูกเขียวช้ำหน้าบวมเป่ง นอนคว่ำอยู่บนพื้นร้องขอให้ยกโทษ แตกต่างจากท่าทางอวดดีเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง
เจมส์ตบมือ อยากจะเช็ดรอยเลือดบนร่าง
ลั่วหานเข้ามารั้งมือเขา ดึงม่านประตูมาให้เขา
เจมส์: “……”
ฉันต่อยตีแทนคุณแล้ว แต่คุณกลับไม่ให้ฉันใช้เสื้อของเขาเช็ดเลือด! ใจสลาย!
ลั่วหานจัดระเบียบเสื้อโค้ตของเขา “ดีมาก ไม่พัง”
เจมส์: “……ทำไมคุณไม่ถามผมบ้างว่าพังหรือไม่พัง?”
แต่ว่า ลั่วหานขึ้นชั้นบนไปแล้ว
เจมส์ก็เดินก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งร้านชาถูกเหมาไว้ มีแค่ชั้นสองที่มีห้องที่ใหญ่ที่สุดปิดประตูอยู่ ที่นี่แหละ
ลั่วหานผลักประตู ประตูด้านในถูกใส่กลอนไว้ ผลักเปิดไม่ออก
เจมส์พิงราวบันไดด้วยใบหน้าเศร้าโศก กอดแขนต่อต้าน เมื่อกี้ถูกทำร้ายมา จะไม่ช่วยอีกเด็ดขาด!
เชอะ! ใครให้คุณไม่ใส่ใจฉัน!
ลั่วหานก็ไม่ได้จะให้เขาช่วย เคาะประตูก๊อกๆ สองครั้ง
ได้ยินเสียง หลงเซียวและหลินเหว่ยเย่ก็เงยหน้าขึ้น
หลินเหว่ยเย่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “พอดีเลย พวกเราควรกลับไปได้แล้ว”
หลงจื๋อกลับไร้รอยยิ้ม “ครับ ผมไปส่งคุณ”
หลงจื๋อเปิดประตูมือเดียว แต่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ ว่าร่างบางที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นลั่วหาน
“พี่สะใภ้ใหญ่?” ปฏิกิริยาแรกของหลงจื๋อคือประหลาดใจ ต่อมาคือตกใจ ต่อมาอีกคือ เธอเข้ามาได้ยังไง?
ลั่วหานทำเหมือนผ่านมาพอดี “เสี่ยวจื๋อ คุณก็อยู่ที่นี่เหรอ?”
หลงจื๋อ: “……”
เจมส์: “……”
หลินเหว่ยเย่พยักหน้าอย่างไม่กระโตกกระตาก “หมอฉู่ บังเอิญจัง”
“บังเอิญมาก ฉันมีเรื่องอยากพบทั้งสองท่านพอดี น้ำชาคงไม่ได้ดื่มกันหมดแล้วใช่ไหม? พวกเราดื่มกันต่อ?”
พูดถึงตรงนี้ ก็ไม่รอให้พวกเขาเห็นด้วย ลั่วหานเดินเข้าไปในห้องไม่สนใจใคร เจมส์ก็ทำเป็นจิ้งจอกอ้างบารมีเสือ เดินเข้าไปท่าทางหล่อเหลา นั่งขัดสมาธิในท่าชงชามาตรฐานญี่ปุ่น แล้วยังรินชาด้วยตัวเอง
หลงจื๋อสบตากับหลินเหว่ยเย่ ทั้งสองคุยกันผ่านสายตาเรียบง่าย ทั้งคู่ก็เดินถอยกลับเข้าไปในห้อง
สี่คน สีทิศ นอกจากเจมส์ที่มาเพื่อลิ้มรสชาอย่างเดียวแล้ว พวกเขาสามคนต่างก็มีความคิดของตัวเอง
นิ้วเรียวขาวเนียนละเอียดของลั่วหานและจอกชาสีดำอยู่ด้วยกันแล้ว มองด้วยสายตารู้สึกแตกต่างกันอย่างงดงาม นี่คือสิ่งที่เจมส์คิด
“พี่สะใภ้ใหญ่ ดึกขนาดนี้แล้ว มาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ?” หลงจื๋อทำท่าทีนิ่งสงบ แต่ในใจอ้างว้างอย่างรู้สึกได้ชัด
แต่หลินเหว่ยเย่กลับใจเย็นอย่างมาก
ลั่วหานจิบชาไปหนึ่งอึก ชากวนอิมเหล็ก เธอไม่ชอบ
“เสี่ยวจื๋อ คุณกับซีเหวินจะจดทะเบียนกันแล้ว หลังจากนี้ตระกูลหลงกับตระกูลหลินก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันนับว่าเป็นคนนอกรึเปล่า?” ลั่วหานถอยออกมาตั้งหลัก เอ่ยแย้มยิ้ม
“ไม่ พี่สะใภ้ใหญ่เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของผมตลอดไป จะบอกว่าตัวเองเป็นคนนอกได้ยังไง?” หลงจื๋อรีบปฏิเสธ
หลินเหว่ยเย่ยิ้มอย่างมีความสุขด้วยท่าทางของผู้อาวุโส “ต้องเป็นครอบครัวเดียวกันแน่อยู่แล้ว อีกทั้งคุณยังเป็นอาจารย์ของซีเหวิน”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว งั้นฉันจะพูดตรงๆ เลยละกัน ฉันมาที่นี่ มีสองสามคำถามอย่างจะถามคุณหลิน และหวังว่าคุณจะตอบตามตรง” ลั่วหานขมวดคิ้วเบาๆ พร้อมยกคิ้วเรียวขึ้น
“เหอะเหอะ ฉันก็อายุปูนนี้แล้ว ยังมีอะไรให้ต้องโกหกอีก? คุณถามมาได้เลย ถ้าเกิดว่าตอบไม่ได้จริงๆ ก็มาโทษฉันไม่ได้นะ” หลินเหว่ยเย่ยังวางท่าเป็นผู้อาวุโสกว่า รอยยิ้มที่คุ้นเคยบนใบหน้าของเขายากที่จะแยกแยะระหว่างความจริงและเท็จ
“ขออนุญาตถามคุณหลิน คุณคิดยังไงกับความพัฒนาของบริษัทMBK” ลั่วหานตรงไปตรงมา พูดเข้าประเด็นก็เป็นคำถามที่มีน้ำหนักมาก
หลินเหว่ยเย่คิดเล็กน้อย “บริษัทMBKพัฒนาถึงตอนนี้ได้ เพราะแบรนด์ ฐานะ ลูกค้า ทรัพยากร ล้วนครบถ้วน ตำแหน่งยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ใครอื่น”
หลงจื๋อไม่เข้าใจเจตนาของพี่สะใภ้ใหญ่ ตั้งอกตั้งใจฟัง
ลั่วหานพยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณสำหรับคำรับรองของคุณหลิน ถ้าอย่างนั้นคุณหลินคิดยังไงกับการมอบอํานาจใหญ่ของMBKให้กับเสี่ยวจื๋อ? ยินดี? หรือว่าสงสัย? คำถามนี้ฉันถามคุณในฐานะหุ้นส่วนของMBK” ลั่วหานดวงตาสุกสว่าง มองดูดีๆ แล้วก็รู้สึกเย็นเยียบ
หลินเหว่ยเย่ลิ้มรสชา มองไปทางหลงจื๋อ สรรเสริญอย่างชื่นชม “ถึงเสี่ยวจื๋อจะยังอายุน้อย แต่ความสามารถโดดเด่น ทำธุรกิจอย่างเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิด ผมคอยเชียร์เขา ถ้าเขาเป็นประธาน MBK ก็จะก้าวหน้าไปได้ไกล”
มือข้างหนึ่งของลั่วหานวางอยู่บนเข่า ส่งยิ้มให้หลงจื๋ออย่างอ่อนโยน “คุณหลิน บริษัทหลินซื่อกับบริษัทMBK ที่ไหนดีกว่ากัน?”
คนที่เธอมองคือหลงจื๋อ แต่กลับถามหลินเหว่ยเย่
นิ้วของหลงจื๋อกดอยู่บนหัวเข่า “พี่สะใภ้ใหญ่……”
“คุณหลิน บริษัทหลินซื่อเป็นบริษัทชั้นนําก็จริง แต่ด้วยความเคารพ การพัฒนาอุตสาหกรรมของวัตถุโบราณ มีข้อจำกัดมากเกินไป นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะขยายขอบเขตของธุรกิจ ฉันไม่ได้เข้าใจวัตถุโบราณแล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับการดำเนินการประมูลบ้าน แต่ฉันได้เรียนรู้มันโดยไม่ได้ตั้งใจ ธุรกิจของบริษัทหลินซื่อกำลังถดถอยลงอย่างมาก บริษัทหลินซื่อกำลังค้นหาทางออกใหม่
ถ้าเป็นฉัน ลูกเขยในอนาคตถือทรัพย์สินหลายแสนล้าน ฉันจะหาวิธีใช้ประโยชน์จากตรงนี้สักหน่อยอย่างแน่นอน”
ลั่วหานหมุนแก้วชา แหวนแต่งงานบนนิ้วสะท้อนแสง
“ฮ่าฮ่า! หมอฉู่อารมณ์ขันจริงๆ และจินตนาการมากจริงๆ” หลินเหว่ยเย่หัวเราะเสียงดังอย่างเบิกบาน เหมือนกับว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นเรื่องตลกขบขัน
แต่ลั่วหานกลับตึงหน้า “คุณหลิน การขาดทุนของบริษัทหลินซื่อเป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ ที่บังเอิญคือ การเกี่ยวดองกันของซุนปิงเหวินและโม่หรูเฟย ก็มาจากการที่บริษัทซุนซื่อล้มละลาย ขอโทษนะคะคุณหลิน หวังว่าฉันจะไม่คิดมากเกินไป”
หลงจื๋อได้ยืนตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดมากขึ้น
บริษัทหลินซื่อขาดทุน?
แต่เมื่อกี้ลุงหลินล้วนพิจารณาแทนเขา ไม่มีเจตนาเห็นแก่ตัว แต่ก็ไม่ไม่ได้จงใจจะปกป้องบริษัทหลินซื่อ? หรือว่าเขามองไม่ถึงแก่นแท้?
“กิจการบริษัทหลินซื่ออยู่ในเกณฑ์ดี ภรรยาของฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่มีปัญหากับการจัดการบริษัท สิ่งที่หมอฉู่พูดเมื่อกี้ ค่อนข้างจะอคติไปหน่อย” หลินเหว่ยเย่สีหน้ามั่นคง คุณภาพจิตของความช่ำชองและชั่วร้ายถึงขีดสุด
ลั่วหานเหอะเหอะทำเป็นมองไม่เห็น “งั้นก็ดี ฉันเองก็รู้เท่าข่าวที่ฟังมา โรงพยาบาลนี่ คนเยอะก็วุ่นวาย ฉันเป็นมือใหม่ พูดอะไรผิดไปหวังว่าคุณจะไม่ถือสา”
หลินเหว่ยเย่กล่าวว่าเขาจะไม่ทำ
แต่หลงจื๋อไม่รอบคอบระมัดระวังไม่ได้ ที่บอกกันว่าไม่มีลมก็ไม่มีคลื่น แต่ทำให้พี่สะใภ้ใหญ่บุกเข้ามาได้ มันจะต้องไม่ใช่เรื่องตลกแน่
คุยถึงตรงนี้ ทั้งสองคนก็สังเกตเห็นเจมส์ที่นั่งดื่มชาข้างๆ
เจมส์เองก็รู้จักวางตัวดี พยายามทำตัวเป็นคนล่องหน แม้แต่ดื่มชายังไม่ส่งเสียง อีกทั้งจอกเล็กๆ ใบเดียวกลับดื่มไปยี่สิบนาทีกว่า
“ท่านนี้คือ……”
หลินเหว่ยเย่เคยเห็นรูปของเจมส์ ยิ่งกว่านั้นเคยไปประเทศMด้วยตัวเอง มองเขาออกตั้งแต่เขาเข้าประตูมาตอนแรกแล้ว
หลงจื๋อเคยอ่านข่าวที่พี่ใหญ่กับเจ้าชายเจมส์ร่วมงานกัน เพียงแต่รูปของเจมส์ไม่ชัดนิดหน่อย แตกต่างจากชายในเสื้อโค้ตสีกำตรงหน้ามาก
ลั่วหานแนะนำจริงจัง “นี่คือคนไข้ของฉัน เจมส์”
เจมส์: “……”
หลงจื๋อ: “……”
เจ้าชายของประเทศM แต่กลับถูกเธอแนะนำว่าเป็นคนไข้สองพยางค์ง่ายๆ อย่างนี้ก็จบแล้ว? ทำให้หลินเหว่ยเย่จำเป็นต้องทำเป็นโง่ต่อไป
“เหอะๆ หมอฉู่กับคนไข้ความสัมพันธ์ดีจริงๆ”
ดวงตาสีฟ้าเข้มของเจมส์กะพริบปริบๆ อย่างเกรงใจ “แอนน่าไม่ได้เป็นแค่หมอของฉัน เธอยังเป็นเพื่อนด้วย ถ้ามีคนแกล้งเธอ ฉันก็จะไม่เกรงใจแน่”
หลินเหว่ยเย่ชะงัก “เหอะๆ แน่นอน ความสัมพันธ์หมอกับคนไข้ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน!”
ลั่วหานไม่สนใจนัยในคำพูดของเขา หันมองหลงจื๋อแล้วเอ่ย “เสี่ยวจื๋อ คนมักพูดว่าสามีภรรยาใกล้ชิดกันที่สุดแต่ก็ห่างเหินกันที่สุด เส้นทางสามีภรรยา ควรจะเรียบง่ายบริสุทธิ์บ้าง”
หลินเหว่ยเย่ที่หันหน้าไปทางอื่น พลันแข็งค้างในพริบตา!
หลงจื๋อพยักหน้าเชื่อฟัง “ครับ ผมจะจำไว้”
ลั่วหานยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่เบาะรองนั่ง “พวกคุณไม่ได้จะกลับกันแล้วเหรอ? งั้นก็กลับกันก่อนเถอะ ชาที่นี่รสดีมาก ฉันดื่มอีกสักแก้ว”
เจมส์: “……”
ดื่มอีกแก้ว? รสดี?
ไม่เห็นเหรอว่าเขาดื่มชาแก้วเดียวจนถึงตอนนี้ก็ยังดื่มไม่หมด?
เอาเถอะ อดทนไว้ ใครให้เธอคือแอนน่าเล่า
“ได้แน่นอน ผมจะจ่ายให้เอง พี่สะใภ้ใหญ่ชอบชาอะไรก็ลิ้มรสได้หมดเลย” ในใจหลงจื๋อเหมือนมีกลางใหญ่ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มอย่างเชื่อฟัง
หลินเหว่ยเย่ก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ สังหรณ์ว่าหลงจื๋อจะเชื่อฟังคำของลั่วหานมาก แต่ภาวนาให้สิ่งที่เธอพูดขึ้นวันนี้ไม่มาสั่นคลอนความร่วมมือที่ดีระหว่างทั้งสองลงได้
ทั้งสองคนลุกขึ้นยืน เดินออกจากที่นั่งไปทีละคน หลงจื๋อออกตัวเปิดบานประตูให้ “ลุงหลิน เชิญครับ……”
หลินเหว่ยเย่ก้าวเท้าข้างหนึ่งออกไป ยังไม่ทันก้าวพ้นธรณีประตู ก็เห็นรองเท้าหนังสีดำเงาคู่หนึ่งอยู่ตรงหน้า