ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 914
ตอนที่ 914 สามี คุณกลับมาแล้ว
มองตามกางเกงขึ้นไป กางเกงสูทเรียบตรง เสื้อสูทที่รีดเรียบ จากนั้นก็เป็นใบหน้าหล่อเหลาไม่กริ่งเกรง
ดวงตาที่มืดสนิทกว่าค่ำคืนของหลงเซียว มองต่ำไปสบตากับเขาเรียบๆ
หลินเหว่ยเย่และหลงจื๋อมึนงงในเวลาเดียวกัน
“คุณ……มาอยู่ที่นี่ได้ไง?” หลินเหว่ยเย่กดมุมปากข้างหนึ่งยิ้ม พยายามทำให้เป็นธรรมชาติ แต่ทว่าคิดแล้วก็เหี่ยวเฉา
หลงเซียวสวมเสื้อโค้ตสีน้ำตาลทับชุดสูท เสื้อโค้ตสะบัดเกิดเสียง เติมเต็มบรรยากาศของเจ้าของ “มารับภรรยา”
ภรรยา?
หมอฉู่?
ทำไมทุกคนถึงรู้กันหมดว่าพวกเขาอยู่ที่นี่?!
ในใจหลินเหว่ยเย่มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
หลงจื๋อเห็นพี่ใหญ่ ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ยังไงทั้งคู่ก็ทะเลาะกันไปเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นจึงพูดอย่างอ่อนแรง “คุณมาเมื่อไหร่?”
“สำคัญเหรอ?” หลงเซียวถามกลับอย่างง่ายดาย
“ผมไม่ได้หมายถึงอะไร” หลงจื๋ออยากอธิบาย แต่ยิ่งอธิบายก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผิด
เมื่อพูดคุยกับหลินเหว่ยเย่ตามลำพังเขาไม่รู้สึก ตอนนี้ถูกโคมไฟสองโคมส่องทาง เขาถึงรู้สึกตัวว่าร่วมมือที่เขาพูด จริงๆ แล้วมีปัญหามากมาย ถึงขึ้นมีแผนร้าย
แม่บอกว่า คนเดียวที่เขาเชื่อใจได้คือหลินเหว่ยเย่ แต่ทำไมพอเขาเห็นพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ เขาถึงตัดสินใจอย่างใจนั่งดั่งน้ำไม่ได้?
ลั่วหานและเจมส์ยังคงกลัดกลุ้ม ทำไมพวกเขายังไม่ไปอีก? เจอคนคุ้นเคยเหรอ? ทำไมยังยืนนิ่งอยู่ตรงธรณีประตูไม่ขยับ?
หลงเซียวไม่สนว่าเขาหมายถึงอะไร “พรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดบริหารบริษัทMBK รีบกลับไปพัก”
ความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของหลินเหว่ยเย่และหลงจื๋อถูกยั่วยุ เมื่อพูดถึงMBKก็ยากที่จะใจนิ่งสงบ
ในที่สุด ทั้งคู่ก็จากไป
เสื้อโค้ตสีน้ำตาลของหลงเซียวติดไอลมเย็นๆ อยู่ เมื่อร่างสูงใหญ่เข้ามาในประตูก็เต็มไปครึ่งห้อง
ลั่วหานเงยหน้า ก็นิ่งค้างไปในทันที!
“สามี? คุณกลับมาแล้ว?!”
นิ่งค้างไม่ถึงสามวินาที เมื่อเห็นชัดว่าผู้มาคือหลงเซียว ลั่วหานก็ร้องไห้อย่างตื่นเต้น ไร้สิ้นท่าทางเจ้าเล่ห์เจ้ากลเมื่อครู่นี้ กลายเป็นภรรยาตัวน้อยที่คิดถึงสามีจนป่วย
หลงเซียวพอใจกับท่าทีของภรรยามาก มองข้ามเจมส์ไปตรงๆ ขายาวๆ ก้าวหนึ่งครั้งก็ข้ามกระเบื้องไปสองแผ่น นั่งยองๆ “คุณกล้ามากนะ กล้ามาเป็นนักเจรจาที่นี่ด้วย”
ลมหายใจหอมๆ ที่ชัดเจนน่ารื่นรมย์ลอยแตะจมูกของเธอขณะที่เขาเข้ามาใกล้ เหมือนสารกระตุ้น ทั้งยังเหมือนน้ำหอมมอมเมา นิ้วเรียวของลั่วหานไต่ไปที่ปกเสื้อของเขา “คุณก็มาแล้วเหมือนกันนี่? อ้อใช่ คุณรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”
อืม……
นิ่งคิดอยู่หนึ่งวิ หลงเซียวก็เอ่ย “เดาเอา”
เขาจะบอกเธอได้ยังไง ระบบGPSรถในบ้านทุกคันอยู่ในโทรศัพท์เขาหมด เขาเพิ่งลงจากเครื่องบินก็เห็นข้อความที่เธอส่งมา ถัดมาก็เห็นเส้นทางของรถเฟอร์รารี ตัดสินจากความเร็วรถแล้ว คนที่ขับมันจะต้องเป็นเธอแน่ๆ
แล้วก็ใช่ เป็นเธอ!
ที่บ้านไม่เหมาะจะจอดรถสปอร์ตจริงๆ ด้วย หันกลับไปรถบูกัตติคันนั้นก็ต้องจัดการทั้งซะ
ลั่วหานไม่ได้รู้ถึงระบบความคิดเชื่อมโยงของหลงเซียว หันไปมองเขาอย่างรักใคร่ “นี่ยังเดาได้เหรอ! งั้นคุณเดาอีกสิ ว่าเมื่อกี้ฉันคุยกับเขาว่าไงบ้าง?”
หลงเซียวลูบไล้ใบหน้าของลั่วหานเบาๆ อย่างรักใคร่ ไม่เจอกันสองวันกว่า เขาอยากจะกลืนกินเธอไปซะ “ไม่ต้องเดาแล้ว”
“ทำไม?”
“ตั้งแต่เธอเข้ามาฉันก็อยู่ด้านนอกประตู เพราะงั้น……” ก็เลยได้ยินชัดเจนเต็มสองหู
ประตูมีซอกบานพับ หรือว่าจะไม่มีใครเห็น?
ลั่วหานและเจมส์: “……”
เจมส์เรียกความสนใจอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณอยู่ข้างนอกแล้วทำไมไม่เข้ามาเล่า?”
หลงเซียวไม่มองเขา ยันเข่าลุกขึ้นยืน “ภรรยาของฉันกำลังชุมนุมขุนศึกทำสงครามลิ้น ฉากกำลังลุกเป็นไฟ ต้องมีผู้ชมสักคนหนึ่ง”
หมายถึง เจมส์จะเป็นผู้ชมก็ยังไม่ผ่านเหรอ?
หลงเซียวหยิบกุญแจรถของลั่วหานไป ดวงตาลุ่มลึกติดยิ้ม “ไปเถอะหมอฉู่ พวกเรากลับบ้านกัน”
ลั่วหานหัวเราะเหอะๆ อย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ไป……ไม่ได้”
ใบหน้าหล่อเหลาของหลงเซียวพลันตึงแน่น “ทำไม?”
ลั่วหานหัวเราะแห้ง “ขา……นั่งจนมันชาแล้ว”
ไม่อย่างนั้นพอเห็นหลงเซียวเข้ามาเธอก็พุ่งเข้าไปแล้วน่า ยังจะนั่งตรงนี้เหมือนเข้าฌานได้อีกเหรอ? ไม่คิดสักหน่อยเลย
ดีมาก เหตุผลอันสมบูรณ์แบบ ทำให้หลงเซียวรักปวดใจอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ลั่วหานยังไม่ทันได้เก้อกระดาก ร่างสีน้ำตาลก็ปกคลุมหัวเธอจนดำมืด กระชับเอวทันที แขนที่แข็งแรงของหลงเซียวโอบรอบเอวและขาพับของเธอ อุ้มเธอมาไว้ในอ้อมแขนอย่างเอาแต่ใจ
ลั่วหานได้สติกลับมา เงาร่างก็ลอยขึ้นกลางอากาศไปยังหน้าอกที่หนาแล้ว
คางของหลงเซียวใกล้เพียงเอื้อมมือ ถึงขนาดเห็นเคราครึ้มเขียวที่งอกออกมาของเขา
เจมส์เหม่อตะลึง โมโหจนกัดฟันกรอด!
โกรธ!
หลงเซียวโยนกุญแจเฟอร์รารีที่เกี่ยวนิ้วของเขาให้เจมส์ “รบกวนแล้ว”
“คุณให้เขาขับรถกลับบ้าน? เขารู้เส้นทางของเมืองหลวงเหรอ? อีกทั้ง ที่นี่พวกเราเลนส์ขวา ไม่กลัวเขาเกิดอุบัติเหตุเหรอ?” แขนของลั่วหานคล้องรอบคอหลงเซียว ไม่อยากจะปล่อยจาก
เจมส์จ้องเขม็งอย่างคับแค้นใจ ไม่หยิบกุญแจ “ฉันไม่ขับ”
หลงเซียวหัวเราะเอ่ยอย่างเมตตา “ไม่ขับก็ได้” แถวนี้ประมาณก่อนแปดโมงวันพรุ่งนี้คงโบกรถไม่ได้เลย
เจมส์กำหมัดแน่นอย่างโมโห “คุณใจร้าย!”
ทิ้งเจ้าชายน้อยเจมส์ที่โกรธเกรี้ยวไว้ หลงเซียวอุ้มลั่วหานออกไปจากร้านน้ำชาอย่างสง่างาม ล้มด้านนอกพัดผมของชายหนุ่มไสว พัดจางกลิ่นอายอันทรงพลังของเขา ทั้งหมดที่เป็นของเขา ล้วนติดตรึงใจลั่วหาน
เจมส์กัดฟันกรอดเดินตามเขาออกไป ข้างนอกมีรถสองคันจอดอยู่ รถโรลส์-รอยซ์สีดำเป็นของหลงเซียว เฟอร์รารีสีแดงเป็นของเขา
ลั่วหานเป็นของหลงเซียว ลมในค่ำคืนหนาวเหน็บเป็นของเขา
เฮ้อ……
หลงเซียวขมวดคิ้ว สายตามองกวาดชุดบนร่างเจมส์ ไม่เอ่ยอะไรออกมา
ลั่วหานเข้าใจได้ในทันที “ตอนออกจากบ้านเจมส์รีบไปหน่อย ใส่เสื้อมาผิดตัว กลับบ้านแล้วฉันค่อยให้เขาเปลี่ยน”
“ไม่ต้อง เอาให้เขาไปเลย” หลงเซียวอุ้มลั่วหานวางลงบนเบาะข้างคนขับ แล้วรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
ลั่วหานเบ้ปากเอ่ยแซะเขา “เสื้อตัวนั้นคือเสื้อที่ออกแบบพิเศษให้คุณ มีแค่ตัวเดียวนะ”
หลงเซียวขมวดคิ้วคิด “ได้ ฉันจะเอากลับคืนมา”
“ฮ่าๆๆๆๆ!” ลั่วหานระเบิดหัวเราะ หัวเราะจนท้องแข็งไปหมด “เอากลับมา? ช่างเถอะช่างเถอะ”
หลงเซียวตอบรับเธออย่างให้ความร่วมมือ “งั้นก็ไม่เอาแล้ว”
เจมส์ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะ ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน จ้องมองท้ายรถตาแข็งอย่างหงุดหงิด
หลงเซียวขับรถ พูดอธิบายตลอดทาง “ตอนคุณส่งข้อความมาฉันอยู่บนเครื่อง เลยไม่เห็น รอจนกังวลเลยใช่ไหม?”
“เปล่านะ คุณมีธุระของคุณ ฉันเข้าใจ” ลั่วหานเอ่ยปากอย่างใจอย่าง
“เปล่าจริงๆ เหรอ?” หลงเซียวหัวไปยิ้มอ่อน ใบหน้าที่ยั่วยวนทุกสิ่งมีชีวิตเป็นดั่งอาชญากรรม
ลั่วหานไอแค่กๆ “นิดหน่อย”
“แค่นิดหน่อยเองเหรอ?” หลงเซียวยังคงสืบเสาะ
“โอเค กังวลมาก โคตรๆ คิดไปถึงความน่าจะเป็นที่ไม่ดีด้วย ฉันตกใจแทบตาย นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบครั้งที่แล้ว ก็เลยกังวลจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งวัน คุณก็นะ ออกจากบ้านก็ไม่รู้จักรายงานความปลอดภัยกับฉันสักคำเลยเหรอ?” ลั่วหานพูดออกมาหมดเปลือกในคราวเดียว ระบายความเจ็บปวดใจความอึดอัดและความกลัวทั้งหมดให้เขาฟัง
รถของหลงเซียวจอดลงที่ข้างทาง ดับไฟร้อนในทันที
ลั่วหานนึกว่าตัวเองทำให้เขาโกรธแล้ว ขยับถอยไปข้างหลัง “ทะ ทำไมคุณถึงจอดล่ะ?”
เงาใหญ่กว้างของหลงเซียวทาบทับมาทางเธอ มือหนาจับคางของเธอ ริมฝีปากอุ่นร้อนจูบเธอ จูบที่อันธพาลและอ่อนโยนลึกซึ้งและอ้อยอิ่ง งูสีแดงเปิดปากของเธออย่างแม่นยำ รวบกระหวัดลิ้นของเธอ
ด้วยความหวานของหยกอุ่นหอมนุ่ม เขาเพิ่มแรงมากขึ้น จนกระทั่งลั่วหานซบลงที่อกเขาอย่างอ่อนแรง เขาถึงหยุดการกระทำลง
“ทำให้คุณเป็นห่วงแล้ว นี่เป็นการชดเชยให้ พอรึเปล่า?” เสียงทุ้มต่ำของเขาไพเราะเหมือนเสียงธรรมชาติ กำลังพูดอย่างชัดเจนว่าอยากทำอีกรอบไหม?
“……” ลั่วหานยังคงดึงคอเสื้อเขาไว้ ตอนกำลังจะอ้าปากอีกครั้งถึงรู้ตัวว่าคำถามนี้เป็นกับดัก
จะตอนยังไงก็ไม่เหมาะสม
“ไม่ตอน แสดงว่ายังไม่พอ?” ริมฝีปากของเขายังเคลือบน้ำบางๆ ทำท่าจะบุกเข้ามาอีกครั้ง
“เหอะๆๆ ……ตอนนี้พอแล้ว ขับรถก่อน กลับบ้านแล้วค่อยว่ากัน”
ลั่วหานมุดออกจากแขนของเขา กลับไปนั่งที่ตัวเอง
ดึกมากแล้ว วิลล่าเงียบงันมาก ทั้งคู่จอดรถเข้าบ้าน เปิดไฟมุมห้องรับแขก ลั่วหานเปลี่ยนรองเท้าแตะ ช่วยหลงเซียวถอดเสื้อตัวนอก
“นอนกันหมดแล้ว พวกเราขึ้นไปกันเถอะ”
ลั่วหานแขวนชุดเรียบร้อยก็เอ่ยเตือนเขาเสียงเบา
หลงเซียวจุ๊บหน้าผากของเธอ สายตามองไปที่ห้องของเด็กอ่อน “ฉันจะไปดูลูกสาว”
นอกจากจะคิดถึงภรรยาแล้ว จริงๆ แล้วเขายังคิดถึงAngelมากๆ ด้วย
ลั่วหานหลุดหัวเราะทันที “เอาสิ ฉันไปด้วย”
มาดูชูชูเสร็จ หลงเซียวก็เหลือบมองห้องนอนของหยวนชูเฟิน “แม่เป็นไงบ้าง?”
“ไม่แย่ วันนี้ยังวาดรูปสเกตช์ให้ชูชูด้วย สมแล้วที่แม่พวกเราเป็นหญิงล้ำเลิศอันดับหนึ่ง ลงมือก็รู้ว่าเธอเป็นมืออาชีพ” ลั่วหานและหลงเซียวขึ้นไปข้างบน พูดเล่าเรื่องราวสองสามวันมานี้
หลงเซียวบิดลูกบิดประตู “ฉันอยากเปิดนิทรรศการให้เธอ ตอนที่เธอยังมีสติอยู่ น่าเสียดายที่หาผลงานที่เธอวาดไว้ไม่เจอ บางทีอาจจะทำลายทิ้งไปนานแล้ว หรือบางทีก็อาจจะอยู่ในมือของหลงเซียว”
ลั่วหานมองหน้าเขา ช่วยเขาคลายเนกไท “ถ้างั้น ฉันจะเริ่มประกาศเรียกกลับมา ซื้อผลงานก่อนหน้านั้นของแม่กลับมาทั้งหมด?”
หลงเซียวมองต่ำ แขนโอบรอบเอวของเธอ รวบเธอเข้ามาในอ้อมอกของตน “ลำบากหน่อยนะภรรยา”
“ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น” ลั่วหานได้เปรียบก็อวดฉลาด
“วันนี้ไม่ได้ คุณเหนื่อยเกินไป” หลงเซียวไล่จุ๊บปลายจมูกของเธอ คลายตัวออกจากลั่วหาน
“อะไร……” ลั่วหานถามไปครึ่งเดียวก็เข้าใจ ตึงหน้า “คิดอะไรอยู่น่ะ!”
คฤหาสน์เก่า ตระกูลหลง
หลงจื๋อนอนหนุนแขนอยู่บนเตียง ยื่นมือออกไปเตรียมปิดไฟ ไม่ทันระวังก็แตะโดนกรอบรูปตรงหัวเตียง
งอแขนหยิบกรอบรูปมา รูปในนั้นเป็นรูปรวมของตัวเองกับพี่ใหญ่ หลงจื๋อในรูปเพิ่งอายุสิบแปดปี ใส่ชุดออกกำลังกายหน้าร้อน ยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นเหงือกสีแดงสด ดวงตาสองข้างกลายเป็นเส้นหนาๆ
หลงเซียวสูงกว่าเขาช่วงหนึ่ง สวมชุดสูท สีหน้าบนใบหน้าหล่อเหลาเรียบง่ายมาก
พี่ใหญ่ไม่ชอบถ่ายรูป เป็นเขาที่บังคับเขามาถ่ายรูปด้วย
ตอนนั้น……
เขามักจะหัวเราะร่าอยู่ในโลกของเกม ไม่ใช้สมองไม่มีความทุกข์เข็ญใจ เล่นสนุกอยู่ทุกวี่ทุกวันคิดว่าโลกแสนสงบสุขทุกอย่างล้วนดีมาก
ส่วนตอนนี้ เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาหัวเราะออกมาจริงๆ ครั้งสุดท้ายคือตอนไหน แล้วก็ไม่กล้าออดอ้อนพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว
พลิกมือวางกรอบรูปไว้ที่เดิม ปิดไฟ ปิดผ้าม่านอัตโนมัติ ในห้องมืดสนิทเหลือเพียงเสียงหายใจและเสียงใจเต้นของตัวเอง
วันถัดมา ก็ถึงวันประชุมบอร์ดบริหารบริษัทMBK
หลังจากบริษัทจุนหลินเปิดตัวการประชุมบอร์ดบริหารครั้งแรก นี่ก็เป็นการประชุมครั้งแรกที่หลงจื๋อขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งประธานบอร์ดอย่างเป็นทางการ
แน่นอน สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง หลงจื๋อจะเสนอบริษัทหลินซื่อเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารในที่ประชุม
หลงจื๋อที่สวมชุดสูทสีดำทั้งตัวยืดอกเดินเข้าไปในลิฟต์วีไอพี เหลียงจ้งซุนและลินดาตามอยู่ข้างหลังเขาเงียบๆ พื้นที่ในลิฟต์มีจำกัด อากาศเบาบางไม่เพียงพอต่อการหายใจ ลินดาได้แต่หายใจเบาๆ ไม่กล้าพ่นลมหายใจออกมา กลั้นจนทรมานเล็กน้อย
“กังวลอะไร?”
หลงจื๋อพยายามยกยิ้ม
แต่ไม่ได้คลายอารมณ์ของลินดาได้เลยแม้แต่น้อย “ประธาน ประชุมบอร์ดบริหารวันนี้ จะต้องไต่ถามหุ้นส่วนบริษัทกระโดดก้าวหน้าสามเท่า และบริษัทก็ไม่ได้เปิดตลาดในวันหนึ่ง”
เหลียงจ้งซุนบอกลินดาเป็นนัยไม่ให้พูดมาก อีกฝ่ายก็ปิดปากเงียบไม่ส่งเสียง
หลงเซียวล้วงกระเป๋ากางเกงมือเดียว มืออีกข้างจับเนกไท “ตอนนี้ไม่ได้มั่นคงแล้วเหรอ? กลัวอะไร? สวรรค์ล่มก็ยังมีฉันค้ำอยู่”
ลินดาเอ่ยใช่เสียงเบา
แต่สวรรค์ล่มแล้วคุณจะยังค้ำไหวเหรอ?
ติ๊ง——
ประตูลิฟต์เปิดออก หลงจื๋อเดินออกไปก่อน เดินตรงไปห้องประชุม
ตามติดกัน ลิฟต์ทั่วไปข้างๆ ก็เปิดออกตามกันมา หุ้นส่วนสำคัญของบริษัทMBKมาถึงที่หมาย
ในกลุ่มชายวัยกลางคน หลงจื๋อพลันมองเห็นร่างของลั่วหาน