ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 921
ตอนที่ 921 อย่าทำให้คนขี้หึงโกรธ
หลงเซียวขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยด้วยความเร็วสูง เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่ตู้หลิงเซวียนอยู่ที่หวาเซี่ย แล้วลั่วหานกำลังอยู่กับเขา หัวใจของเขาก็โกรธจนลุกเป็นไฟขึ้นมา!
การช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป ลั่วหานชาร์จโทรศัพท์ไป 20 นาทีแล้วก็ออกไปรอข้างนอกต่อ เธอกังวลว่าตู้หลิงเซวียนจะเป็นอะไรไป เธอก็เลยไม่ไปที่ไหนอีก
การผ่าตัดระยะเวลานานทำให้เธอเหนื่อยมากแล้ว จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้กินอาหารมื้อเย็นเลย สถานการณ์ของลั่วหานในตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิวเธอลำบากเหลือเกิน แต่ไฟสีแดงที่อยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉินยังคงสว่างอย่างดื้อรั้น ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน
แพทย์ที่เดินผ่านห้องฉุกเฉินก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นลั่วหานยังอยู่
“คุณหมอฉู่ทำไมคุณถึงยังไม่เลิกงาน? ผู้ป่วยที่อยู่ชั้นบนเราช่วยชีวิตเขาไว้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“คุณหมอฉู่กินข้าวหรือยัง?”
“คุณหมอฉู่ สีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ ช่วงนี้เคสผ่าตัดเยอะเกินไปเหนื่อยมากใช่ไหมคะ?”
ลั่วหานตอบกลับเพียงแค่ว่า “ฉันไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว”
เธอยังไม่ได้กินข้าว ระหว่างที่ทำการผ่าตัดเธอดื่มกลูโคสไปเพื่อเสริมพลังงาน แต่ในกระเพาะเธอว่างมาก สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือกลัวว่าท้องจะร้องเสียงดังขึ้นมา เธอจะเก้อเขินเอา
คิดแล้วก็น่าสงสารนะ ตอนกลางวันยังนั่งสบายๆ อยู่ที่เก้าอี้ของประธานMBKอยู่เลย แต่พอตกดึกกลับตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ขณะที่เธอกำลังลังเล ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก
“เขาเป็นยังไงบ้างคะ?”
ลั่วหานก้าวเข้าไปข้างหน้าอย่างรีบร้อน ดูเหมือนว่าเธอเป็นห่วงตู้หลิงเซวียนมาก แต่ที่จริงแล้วเธอแค่อยากจะให้มันรีบๆ จบแล้วรีบกลับบ้าน
หัวหน้าทีมแพทย์ถอดหน้ากากออกอย่างสบายใจและพูดว่า “ไม่เป็นไรแล้วครับ ดูแลเขาให้ดี ระวังเรื่องอาหารและการนอน อีกไม่กี่วันก็จะดีขึ้นเองครับ”
ลั่วหานเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณค่ะหมอจ้าว”
“คุณตู้ฟื้นแล้ว อีกสักพักคุณไปที่ห้องพักผู้ป่วยเป็นเพื่อนเขานะ”
ลั่วหานขมวดคิ้ว แต่นึกถึงเรื่องที่เขาไม่มีญาติอยู่ข้างๆ เธอก็เลยพยักหน้า “ได้ค่ะ”
ตู้หลิงเซวียนพักอยู่ห้องผู้ป่วยวีไอพี หลังจากที่แพทย์และพยาบาลพาเขามาถึงที่ห้องพัก พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะคุณหมอฉู่ก็รู้อยู่แล้วว่าควรทำยังไง ดังนั้นทุกคนก็รีบออกจากห้องไปอย่างรู้งาน
ภายในห้องพักผู้ป่วยที่หรูหราขนาดใหญ่นี้ มีเพียงแค่ตู้หลิงเซวียนและลั่วหาน บรรยากาศไม่ค่อยดีนัก
ตู้หลิงเซวียนดูอ่อนแอเล็กน้อย ฤทธิ์ของยาชายังอยู่ ริมฝีปากของเขาดูซีดลง เขาไม่ได้ใส่แว่นดูขาวซีดและไม่มีความสง่างามแบบเมื่อก่อนสักเท่าไหร่ เขาดันตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย “แอนน่าผมดีใจจริงๆ นะครับที่คุณยอมอยู่เป็นเพื่อนผม”
หน้าของลั่วหานก็เคร่งขรึมขึ้น “คุณอย่าขยับ นอนเฉยๆ ดีกว่า”
ตู้หลิงเซวียนเชื่อฟังเธอมากเขาไม่ขยับอีกต่อไป เขาใช้สายตาที่โฟกัสไม่ค่อยดีมองไปที่ลั่วหานอย่างลึกซึ้ง เธอเปลี่ยนชุดเป็นชุดสูทที่ใส่ตอนกลางวัน ดูเป็นผู้หญิงที่เก่งและสง่างามมีความเป็นผู้ใหญ่ มีเสน่ห์มากกว่าหญิงสาว และดูดีมากกว่าหญิงวัยกลางคน ราวกับว่าเธอนั้นดูสวยและสดใสเสมอ โดดเด่นและไม่เหมือนใคร
ลั่วหานรู้สึกไม่สบายใจที่เขามองมาอย่างนั้น “คุณติดต่อให้เลขาหรือผู้ช่วยมาดูแลคุณดีกว่านะ อีกสักพักพยาบาลก็จะมาดูแลคุณเช่นกัน ฉันขอตัวก่อนนะ”
ตู้หลิงเซวียนยังคงมองไปที่เธออย่างไม่อยากให้เธอจากไป “แอนน่า ผมอิจฉาหลงเซียวมากจริงๆ”
ลั่วหานกระตุกริมฝีปากไปหนึ่งที “ใช่ ฉันก็อิจฉาเขาเช่นกัน เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและมีครอบครัวที่มีความสุข”
ตู้หลิงเซวียนรู้สึกจุกกับคำตอบของเธอ เขาหัวเราะอย่างแห้งๆ “ใช่ … ใช่”
ลั่วหานและตู้หลิงเซวียนไม่รู้จะคุยอะไรกันต่อ “มีเรื่องอะไรก็เรียกพยาบาลมานะ”
“อะแฮ่มอะแฮ่มอะแฮ่ม… ” อยู่ดีๆ ตู้หลิงเซวียนก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาไอจนร่างกายของเขาขยับขึ้น ๆ ลง ๆ มันทำให้เขาปวดกระเพาะจนเส้นเลือดขึ้นเต็มหน้าผาก
ลั่วหานรีบวิ่งไปจับไหล่ของเขาและลูบหน้าอกของเขาเบา ๆ ด้วยสัญชาตญาณของคนเป็นหมอ “ตอนนี้คุณอ่อนแอมาก หยุดพูดและนอนลงดีๆ ซะ”
มันไม่ใช่การเจรจากัน แต่เป็นการใช้สถานะของแพทย์ออกคำสั่งให้กับคนไข้
ในที่สุด ตู้หลิงเซวียนก็หยุดไอ เขาเห็นใบหน้าของลั่วหานจากระยะใกล้ๆ ได้อย่างชัดเจน เขาพูดอย่างขมขื่นและมีความสุขว่า “ขอบคุณนะ”
ร่างที่สูงใหญ่ของหลงเซียวยืนอยู่ด้านนอกประตู เขาเข้ามาเห็นในขณะที่ทั้งคู่ใกล้ชิดกันพอดี มันไปกระทบต่อขีดเส้นตายของความอดทนในใจเขา “ลั่วลั่ว”
เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและความหึงหวง ทำให้ลั่วหานตกใจจนรีบดึงมือกลับไป เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นหลงเซียวที่สวมเสื้อผ้าลมสีดำพร้อมสายตาที่ดุดันราวกับนกเหยี่ยว ปากของเธอกระตุกอย่างลำบากใจ “คุณสามี? ”
ตู้หลิงเซวียนทนต่อความเจ็บปวดจากการที่ถูกเธอปล่อยทิ้งไปเมื่อสักครู่นี้และพูดเยาะเย้ยตัวเองว่า “ดูเหมือนว่าผมยังคงเป็นส่วนเกินเช่นเคยนะครับ”
หลงเซียวดึงลั่วหานกลับไปที่อ้อมกอดของเขาอย่างดุดัน “คุณเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญของหวาเซี่ยนะ และคุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อคนไข้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณก็ได้”
ลั่วหานขมวดคิ้ว “ค่ะค่ะค่ะ ต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้แล้ว”
เมื่อลั่วหานอยู่ต่อหน้าหลงเซียว เธอดูเหมือนเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสา เธอจะน่ารักและเชื่อฟังขนาดนี้แค่ตอนอยู่กับเขาเท่านั้น
คนไข้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ?
ตู้หลิงเซวียนดูจนตาบวมขึ้นมา เขาจับผ้าห่มไว้แน่นๆ อย่างเงียบ ๆ
หลงเซียวลูบผมที่ยาวๆ ของภรรยาตัวเอง เขาเห็นความเหนื่อยล้าผ่านแววตาของเธอ “เหนื่อยใช่ไหม? เรากลับบ้านกันเถอะ”
ลั่วหาน พยักหน้าอย่างเชื่อฟังและให้ความร่วมมือ “อืมกลับบ้านเถอะ ฉันหิวแล้วอยากกลับบ้านไปกินข้าว คุณทำอาหารให้ฉันทานได้ไหมคะ? ”
“ได้สิ”
ลั่วหานอ้อนเขาหนักกว่าเดิม “คุณสามีคะ ฉันยืนมานานมากฉันเจ็บเท้า”
หลงเซียวไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่เขาจะอุ้มเธอขึ้นมาทันที ลั่วหานพูดอย่างอ้อนๆว่า “โอ๊ย ตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนนอกนะ อืม….กลับบ้านไปแล้วคุณนวดให้ฉันหน่อยได้ไหม”
หลงเซียวเลิกคิ้ว วันนี้ลั่วลั่ว … ทำตัว…… ให้เขาพอใจอย่างมาก!
“ครับ กลับบ้านไปผมนวดให้คุณเอง เจ็บตรงไหนอีกไหม? ผมจะนวดให้หมดเลย”
“กลับบ้านก่อน! ” ลั่วหาน ควงแขนเขาไว้และยิ้มอย่างเขินอาย โดยไม่สนใจตู้หลิงเซวียนเลย
ทั้งสองออกจากห้องพักผู้ป่วยไปอย่างสนิทสนมกัน ความโกรธและความตึกเครียดของตู้หลิงเซวียนระเบิดออกมาทันที เขารู้สึกปวดกระเพาะอีกครั้ง หน้าผากของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
เจิ้งซินเองก็เห็นภาพที่หลงเซียวและลั่วหานหว่านความรักใส่กันตอนอยู่ในห้องผู้ป่วย เธอดูแลพ่อให้นอนหลับไปก่อนแล้วเธอก็ออกมาเดินเล่นข้างนอก ขณะที่เธอเดินผ่านห้องของตู้หลิงเซวียน เธอเห็นเงาร่างของหลงเซียวพอดี
เธอจึงซ่อนตัวอยู่นอกประตูและฟังบทสนทนาของพวกเขาจนจบ เจิ้งซินก็ชกไปที่กำแพงอย่างแรง!
หลงเซียว! ฉู่ลั่วหาน! ไอ้เลวสองคนนี้!
เจิ้งซินหายใจเข้าลึก ๆ และทำให้อารมณ์กลับสู่สภาวะปกติ แล้วเปิดประตูของตู้หลิงเซวียนออกอย่างสง่างาม
ตู้หลิงเซวียนขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้มาเยือนและพูดด้วยน้ำเสียงหยาบคายว่า “คุณเจิ้ง? ”
เจิ้งซินเดินเข้าไปข้างในอย่างมีเสน่ห์พร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “ประธานตู้คะ ตอนนี้นอกจากคุณจะปวดกระเพาะไม่พอ คุณยังปวดใจด้วยใช่ไหมคะ?”
สีหน้าและท่าทางสุภาพบุรุษโดยปกติของตู้หลิงเซวียนก็ปรากฏขึ้นมา เขาแสร้งทำเป็นไร้ที่ติไม่มีจุดอ่อน “คุณต้องการจะพูดอะไร? ”
เจิ้งซินนั่งอยู่หน้าเตียงของเขาราวกับว่าเขาสองคนสนิทกัน ขาที่เรียวยาวของเขาวางไขว้ทับกัน “คุณชอบฉู่ลั่วหาน และฉันชอบหลงเซียว แต่เราทั้งคู่ต่างก็เป็นคนแพ้ แต่ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าเราจะได้มาพบหน้ากันที่นี่”
ตู้หลิงเซวียนแสยะยิ้มอย่างเสแสร้ง “ผมไม่เคยคิดว่าผมเป็นผู้แพ้”
เจิ้งซินมองดูอาการป่วยของเขา “ประธานตู้อย่าปากแข็งเลยค่ะ คุณทำให้ตัวเองกลายเป็นแบบนี้คุณยังจะบอกอีกเหรอว่าคุณไม่ใช่ผู้แพ้? ตัวคุณเองเชื่อไหม?”
เจิ้งซินเอนตัวเข้าไป กลิ่นน้ำหอมบนร่างกายของเธอปกปิดกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาลไป ผมยาวๆ ของเธอก็พัดร่วงลงมาที่หน้าอกของเธอ
ตู้หลิงเซวียนรีบละสายตาออกไปอย่างร้อนรน
“เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเลย”
เจิ้งซินกลับมานั่งท่าเดิม “ฉันจะแต่งงานกับหลงเซียวเพียงคนเดียว ส่วนคุณจะไม่แต่งงานหากเจ้าสาวไม่ใช่คุณหมอฉู่ ดังนั้นฉันกับคุณร่วมมือกันและรับสิ่งที่ตัวเองต้องการไป คุณว่าดีไหมคะ?”
ในที่สุดดวงตาที่เยือกเย็นของตู้หลิงเซวียนก็มีความอุ่นขึ้นเล็กน้อย “ร่วมมือกัน?”
“ใช่ ฐานะของฉันสามารถช่วยให้คุณก้าวหน้าในอาชีพการงานได้ คุณสูญเสียโครงการในเมืองเก่าของเจียงเฉิงไป ฉันสามารถช่วยให้คุณได้รับสิทธิ์ในการปรับปรุงบ้านที่ถูกรื้อถอนได้ คุณถูกหลงเซียวบดขยี้ในบริษัทจุนหลิน ฉันสามารถทำให้คุณเป็นใหญ่เพียงคนเดียวในเจียงเฉิงได้! ”
ตู้หลิงเซวียนเหล่ตาลง “หื้ม? ”
เจิ้งซินยังคงเพิ่มข้อตกลงต่อไป “คุณต้องการเอาชนะหลงเซียว ให้เขาพ่ายแพ้ต่อคุณโดยสิ้นเชิง แล้วโอบกอดหญิงสาวของเขาไป แต่ฉันต้องการแค่หลงเซียวเท่านั้น!”
“แม้ว่าเขาจะไม่เหลืออะไรเลย? ” ตู้หลิงเซวียนรู้สึกสงสัย
“ตราบใดที่เราแต่งงานกันฉันสามารถทำให้เขากลับมามีทุกอย่างได้”
ตู้หลิงเซวียนหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ผู้หญิงโง่!
ชาติหน้าก็อย่าหวังว่าหลงเซียวจะแต่งงานกับเธอ แต่เงื่อนไขที่เธอหยิบยื่นมานั้นน่าดึงดูดมาก หากสามารถใช้พลังของตระกูลเจิ้งเพื่อขยายดินแดนในเจียงเฉิงได้ …
“คุณเจิ้งเด็ดขาดมากครับและผมก็เต็มใจที่จะช่วยคุณ”
หลงเซียวและลั่วหานเดินลงตึกไป เพิ่งขึ้นรถไปก็ได้ยินเสียงท้องร้องขึ้นมา
ลั่วหานใช้กำปั้นกดท้องไว้ แต่ท้องของเธอไม่ให้ความร่วมมือและร้องอย่างเสียงดัง
เธอเขินอายมาก……
หลงเซียวคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย “หิวใช่ไหม?”
ลั่วหานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อืม เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือ?”
คิดว่าเธอแกล้งทำตัวอ้อนเขาหรือไง?
“ตู้หลิงเซวียนขอให้คุณอยู่ต่อหรือ?” หลงเซียวสตาร์ทรถสิ่งสำคัญอันดับแรกคือพาภรรยาไปหาที่กินข้าวใกล้ ๆ นี้
“เขาไม่มีเพื่อน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ที่ฉันอยู่ต่อมันเกิดจากจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์และความชอบธรรมอย่างเล่ยเฟิงเฉยๆ คุณ ……. หึงเหรอ? ” ลั่วหานกลั้นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอไว้แล้วจงใจมองไปที่เขา
หลงเซียวใช้มือดันหน้าของเธอให้หันกลับไป แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ไม่มีครั้งหน้าแล้ว คราวหน้าฉันจะไม่เป็นเล่ยเฟิงด้วย โอเคไหม?” ลั่วหานก้าวถอยให้เขาอีกหนึ่งก้าว เธอไม่อยากให้หลงเซียวโกรธไปมากกว่านี้
หลงเซียวจับพวงมาลัยไว้โดยไม่หันไปมองเธอ “คุณยังคิดอย่างจะมีคราวหน้าอีกหรือ?”
“ฉันไม่อยากไม่อยาก ฉันไม่ได้อยากมีคราวหน้าเลย” ลั่วหานไม่พอใจแต่ไม่พูดออกมา ท่านเซียวหึงแรงเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
ก็รู้อยู่ว่าเธอกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน
“ผมไม่อยากเห็นคุณมีความสัมพันธ์กับเขา เรื่องใกล้ชิดกันก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย คุณเข้าใจความหมายของผมใช่ไหม?” หลงเซียวยังคงโกรธเล็กน้อย แต่ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว
ลั่วหานพนมมือไว้ “ได้โปรดเถอะ คุณ … ”
“โครก!”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ท้องก็ร้องขึ้นมาอีกแล้ว
พู่…ลั่วหานทนไม่ไหว เธอหัวเราะออกมา
หลงเซียวเบะปาก เขาเองก็ตลกกับเธอเช่นกัน เขาหัวเราะแล้วยื่นมือออกมาลูบหัวเธอ “อยากกินอะไร? ผมพาคุณไปกิน”
“ฉันอยากกินอาหารหูหนาน เราไปร้านอาหารหูหนานกันเถอะ!”
“ครับ”
——
เกาจิ่งอันเมามาก เมาไม่ได้สติทั้งคืนเขากอดหมอนไว้และร่ำไห้ “พี่ใหญ่ไม่รักผมแล้ว … เฮ้อพี่ใหญ่ทอดทิ้งผม”
เขาตะโกนเสียงดังจนโจวโร่หลินเตะไปที่ก้นของเขา”เกาจิ่งอาน! หยุดตะโกนได้แล้ว! พี่ชายใหญ่ของคุณเป็นชายปกติ คุณไม่มีโอกาสแล้ว! ”
เกาจิ่งอานเมามากจนเรอออกมา “คุณ … คุณคือหลินหลิน? ”
ไอ้เลว!
โจวโร่หลินตบไปที่หัวเขาอย่างแรง “ในที่สุดก็จำฉันได้แล้ว! ”
เกาจิ่งอานโยนหมอนทิ้งแล้วกอดโจวโร่หลินไว้แล้วก้มหัวลงบนหน้าอกของเธอ พลางส่งเสียงครวญครางอย่างงัวเงีย “คุณเป็นปีศาจตัวน้อย คุณขืนใจผม นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมถูกขืนใจ”
อะไรนะ? โจวโร่หลินรู้สึกงงมาก”ขืนใจอะไร ฉันขืนใจอะไรคุณ? ”
เกาจิ่งอานเมามากอย่างเห็นได้ชัด “คุณมีอะไรกับผม! คุณนอนกับผม! ”
โจวโร่หลินตกตะลึง “ฉัน … นอนกับคุณ?! ”
“คืนนั้นที่โรงแรมคุณ … คุณเป็นปีศาจตัวน้อย คิงคองสาว คุณขืนใจผมคุณรู้ไหม? ผมไม่อยากขายหน้าผมก็เลยยอมรับผิดแทน….คุณต่างหากที่ขืนใจผม ผมไม่ได้ขืนใจคุณ เจ้าโง่ ยังจะตามเอาคืนผมไปทุกที่อีก ผมเสียหายมาก ”
อะไรนะ?!
โจวโร่หลินกอดหัวของเกาจิ่งอานไว้แล้วตกตะลึงอย่างมาก คืนนั้นภาพของเธอตัดไปเลย เธอจำไม่ได้ว่าใครทำใคร พอตื่นเช้ามาทั้งคู่อยู่ในสภาพแบบนั้น……
เธอเชื่อว่าเกาจิ่งอานขืนใจเธอ ตลอดทางกลับไปเธอยังทุบตีเขาอย่างแรงอยู่เลย
ที่จริงแล้ว ..ที่จริงแล้ว…. คุณพระ!
เกาจิ่งอันเงยหน้าอันหล่อเหลานั้นขึ้นมาอย่างไม่ได้สติ ดวงตาที่เมามากของเขาเหมือนเขาวังวน “คุณเข้าใจผมผิด ผม……ผมจะไม่ยอมเสียหายคนเดียว”
“คุณจะทำอะไร” โจวโร่หลินขยับถอยหลังไปครึ่งก้าวแล้วถอยไปที่ปลายเตียง
แขนยาวๆ ของเกาจิ่งอานยืดออกและกอดไหล่ของโจวโร่หลินไว้อย่างแน่น “…… คุณ! ”
“คุณคุณคุณปล่อยมือนะ ตอนนี้คุณไม่มีสติ คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ” โจวโร่หลินดิ้นรนทั้งมือและเท้า แต่แขนขาของเธอถูกเขารั้งไว้และไม่สามารถขยับได้
ฟอด….
เกาจิ่งอันได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ บนร่างกายของหญิงสาวและร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน “หลินหลิน … ”
หูของโจวโร่หลินชาขึ้นมาทันที และเธอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นเต้น “คุณ … คุณได้สติแล้วเหรอ?”
แขนอันทรงพลังของเกาจิ่งอานกดเอวบางๆ ของเธอไว้
โจวโร่หลินนอนขดตัวอยู่ใต้อ้อมกอด ของเขา “คุณ … คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ”
ดวงตาอันน่าหลงใหลของเกาจิ่งอานปะติดปะต่อใบหน้าของเธอขึ้นมาอย่างมัวๆ “คุณเป็นผู้หญิงของผม ภรรยาของเกาจิ่งอาน”