ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 929
ตอนที่ 929 สามีจะแก้แค้นให้คุณเอง
เสียงที่อ่อนโยนนั้นโอบกอดเธอไว้แน่นจากด้านบน
สายตาที่ขมขื่นและเคร่งเครียดของลั่วหานมองไปที่ใบหน้าของเขา “คุณ….คุณมาได้อย่างไร?”
เมื่อสักครู่นี้เธอโกรธมาก และหัวเสียมาก เธอโกรธจนร้องไห้ออกมา ดวงตาของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ดูใสสะอาดแต่กลับแดงไปหมด
เมื่อเห็นดวงตาของเธอ หลงเซียวรู้สึกปวดใจมาก
หลงเซียวนั่งย่อตัวลง แล้วหยิบเอามือที่โกรธจนเย็นไปหมดของเธอมาไว้ที่มือของเขา “ขอโทษนะครับที่ปล่อยให้คุณต้องลำบากใจ”
เขาไม่พูดมันออกมาลั่วหานยังพอจะทนไหว อันที่จริงกลับมาคิดๆ แล้วมันก็ไม่มีอะไร แค่หาวิธีจัดการกับหลินเหว่ยเย่ก็พอ แต่พอเขาพูดมาเช่นนี้ พอเขาปลอบใจเธอ ลั่วหานก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมา ราวกับเด็กที่ถูกรังแก น้ำตาของเธอก็ร่วงลงมาอย่างห้ามไม่ได้
ร่างกายของเธออ่อนแรง แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของเขา เธอกอดที่คอของเขา แล้วกอดเขาไว้แน่นๆ ราวกับคนอ่อนแอที่ไร้ศักดิ์ศรี
“คุณสามีคะ…….”
คิ้วของหลงเซียวขมวดขึ้นมาอย่างแรง มือใหญ่ๆ ของเขาลูบหลังเธอเบาๆ แล้วใช้แก้มถูที่หน้าเธอเบาๆ ปลอบใจเธออย่างน่าเอ็นดู “ไม่ร้องนะ ไม่ต้องร้องแล้วนะครับ ผมอยู่นี่แล้วไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
ลั่วหานไม่ปล่อยให้ตัวเองงอแงนานเกินไป เธอสงบอารมณ์ตัวเองใต้อ้อมกอดของเธอสักพักก็หาย แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้น กลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวเช่นเคย
“คุณมาได้ยังไง?”
หลังจากที่เธอดึงสติกลับมาจากความเศร้าได้ ลั่วหานถึงนึกขึ้นได้ว่าทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้ หลงเซียวมาได้ทันเวลาเกินไปรึเปล่า?
หลงเซียวรู้สึกมึนกับความรู้สึกที่แปรปรวนของเธอ แล้วมองหน้าเธอพร้อมขมวดคิ้ว “GPSของรถทุกคันในบ้านอยู่ที่ผมทั้งหมด”
ลั่วหานกระจ่างทันที โอเคไม่คิดเลยว่าเธอจะลืมเรื่องนี้ไปเลย
ลั่วหานสูดจมูก “คุณรู้ได้ยังไงว่าเมื่อกี้ฉันโดนรังแก?”
“รูปนั้นผมเห็นแล้ว อีกฝ่ายเขาส่งรูปมาให้คุณแม่ แล้วคุณแม่ก็ส่งมาให้ผม เรื่องแบบนี้คุณไม่ต้องรู้สึกว่าลำบากใจนะ ผมเชื่อใจคุณ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องไปกลัวกับการข่มขู่ของคนอื่นๆ นะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมจะเป็นคนจัดการให้คุณเอง”
หลงเซียวยังคนนั่งยองๆ บนพื้น แล้วเงยหน้ามองลั่วหาน เขาเห็นจมูกที่แดงๆ ของเธอแล้วเขาก็รู้สึกแย่อย่างพูดไม่ออก
ลั่วหานสูดจมูก “รูปอะไรคะ?”
หลงเซียวเอาผ้าเช็ดมือออกมาจากกระเป๋าแล้วเช็ดที่จมูกของลั่วหาน “ตอนที่คุณไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกับเจมส์คุณสองคนถูกแอบถ่ายมา มุมการถ่ายรูปมันดูมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน คนอื่นๆ คงเข้าใจผิดอย่างแน่นอน……แต่ผมไม่นะครับ”
ลั่วหานกำลังเก้อเขินเรื่องที่ตัวเองร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วเขามาเห็น พอได้ยินคำอธิบายของเขาแล้วเธอโกรธขึ้นมาทันทีเลย “คุณว่ายังไงนะ? แอบถ่ายฉันกับเจมส์? แล้วรูปใครเป็นคนถ่าย?!”
หลงเซียว : “………..”
เขางงขึ้นมาทันที
“คุณมาร้องไห้ตรงนี้ไม่ใช่เพราะมีคนเอารูปมาข่มขู่คุณเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ เรื่องแค่นี้ฉันจะร้องไห้ทำไม? คนที่ฉันเจอเมื่อสักครู่คือหลินเหว่ยเย่ ให้ตายเถอะ!” ลั่วหานแย่งผ้าเช็ดมือไปแล้วเช็ดจมูกตัวเอง
หลังจากที่เช็ดเรียบร้อยแล้วเธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่า นี่เป็นผ้าเช็ดมือผ้าไหมของหลงเซียว แล้วเธอก็มองดูผ้าไหมที่ถูกเธอขยี้จนยับ เธอเจ็บใจอย่างมาก
“หลินเหว่ยเย่? คุณมาเจอเขาทำไม? เขาทำอะไรคุณ?!”
หลงเซียวตรวจเช็คลั่วหานตั้งแต่หัวไปถึงไหล่จนถึงแขนอย่างเป็นห่วง สายตาของเขาดูเหมือนสมบัติอันล้ำค่าของเขาถูกคนอื่นมาจับต้อง
“ไม่มีค่ะไม่มี เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน คุณลุกขึ้นมาก่อน นั่งลงดีๆ แล้วฉันจะบอกกับคุณว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
“โอเค”
ลั่วหานเล่าเรื่องที่เจอกับหลินเหว่ยเย่ให้หลงเซียวฟังอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องที่หลินเหว่ยเย่เรียกราคาภาพวาดมหาศาล พูดถึงก็โกรธขึ้นมา
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ หลินเหว่ยเย่อยากจะฉวยโอกาสนี้โกงเธอเยอะๆ เมื่อกี้ฉันโกรธมากเกินไปจนร้องไห้” พอพูดถึงประโยคสุดท้ายลั่วหานรู้สึกว่ามันน่าอายมาก ก็เลยหันหน้าหนีหลงเซียวไปไม่มองหน้าเขา
“หลินเหว่ยเย่…..” หลงเซียวท่องสามคำนี้อยู่ในใจ ดวงตามที่ลึกลับนั้นเยือกเย็นขึ้นมาทันที ราวกับว่าสามารถเห็นภูเขาหิมะพังทลายลงมาได้ “ผมรู้แล้ว เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง คุณไม่ต้องยุ่งแล้วต่อไปก็อย่างพบหน้ากับหลินเหว่ยเย่อีก ไม่ว่าเขาให้วิธีอะไรหรือข้ออ้างอะไรก็ตามคุณก็ห้ามตอบรับ คุณติดต่อผมมาโดยตรงเลยครับ”
“คุณจะทำยังไง? หลินเหว่ยเย่ไม่ยอมปล่อยมือ เขารอพวกเราเอาเงินไปช่วยบรรเทาความกดดันด้านการเงินของบริษัทหลินซื่อ คุณไปแย่งมันมาดื้อๆ ก็ไม่ได้ใช่ไหม?”
ลั่วหานรู้สึกสะดุดใจขึ้นมา แย่งมันมา? ถ้าคิดตามวิธีการจัดการปัญหาของหลงเซียวแล้ว อาจจะเป็นไปได้นะ
หลงเซียวเห็นว่าเธออารมณ์ดีขึ้นเยอะแล้ว ตัวเขาเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที “ในสังคมที่ปกครองโดยกฎหมายนี้ เราต้องมีอารยธรรมและปฏิบัติตามกฎหมาย การทุบตีและปล้นมันเป็นการกระทำของคนป่าเถื่อน และสามีของคุณจะไม่ทำ”
เอะอะก็พูดกับเธอเรื่องสังคมปกครองด้วยกฎหมาย ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อก่อนใครเป็นคนถูกยิง?
ลั่วหานมองหน้าเขาด้วยความสงสัยสายตาบ่งบอกว่าเธอไม่เชื่อ “นอกจากแย่งมันมาแล้วเราทำอะไรได้อีก? อย่าบอกนะว่าคุณจะจ่ายเงินให้เขาจริงๆ? ของที่อยู่ในมือของเขารวมๆ กันแล้วเป็นจำนวนเงินไม่น้อยนะ”
หลงเซียวยิ้มออกมา “ใช่ คุณเองก็รู้ว่ามันต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย? ในเมื่อคุณรู้ว่ามันราคาไม่น้อย แล้วทำไมถึงยังเอาเงิน50ล้านมาทำการค้าขายกับเขาล่ะ?”
เขารู้เรื่องนี้แล้ว? ตายแน่……
ลั่วหานพูดไม่ออก เพราะเธอเถียงเขาไม่ได้เธอไม่กล้าหาข้ออ้างให้ตัวเอง เธอเม้มปากแล้วมองเขาด้วยสายตาปริงๆ
หลงเซียวรู้สึกมีความสุขขึ้นมาแล้วเอามือไปบีบที่คางของเธอด้วยอารมณ์ที่ปลอบและแกล้งไปด้วย “เครื่องประดับเพชรพลอยของเธอ เป็นเครื่องประดับที่สะสมมานานและมีค่า เป็นของขวัญที่คุณได้รับมาตั้งแต่เด็กๆ ใช่ไหม? พ่อแม่ของคุณเป็นคนให้คุณเอง?”
เก็บสะสมมาตั้งนาน แต่กลับเอาไปจำนำอย่างโง่ๆ เงินเพียง50ล้านคุณก็ขายของขวัญที่พ่อแม่ให้คุณไปหมดเลยเหรอ?”
เอาสิ่งของไปแลกเงิน อืม เก่งมากเลยคุณนายหลง เพราะฉะนั้นผมควรจะชมว่าคุณคิดเงินคิดบัญชีเก่ง หรือว่าชมว่าคุณมีสมองด้านการค้าลงทุนเป็น?”
นี่เป็นการชมคนเหรอ? นี่มันเกี่ยวข้องกับการชมตรงไหน? นี่เขาทำหลังเยาะเย้ยเธอต่างหาก?
ลั่วหานงงยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่เขาพูดเช่นนี้ เธอถามอย่างเก้อกระดาก “คุณรู้ได้อย่างไร?”
หลงเซียวรู้สึกโกรธเธอ ทั้งเป็นห่วงแต่ก็ระบายใส่เธอไม่ได้ “จ้าวไห่เซิงคนของโรงจำนำมาบอกผมว่าคุณจำนำของบางอย่างไป ราคา50ล้าน ของพวกนั้นเขาเอามาคืนผมโดยไม่ได้แตะต้องเลย ของอยู่ที่ลิ้นชักตัวที่สองของโต๊ะเครื่องแป้งของคุณ เมื่อคืนที่ผมกลับบ้านดึกก็เพราะว่าไปเจอจ้าวไห่เซิงมา เดิมทีผมอยากจะถามคุณตั้งแต่เมื่อคืนเลย แต่ว่าคุณฉลาดแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วปิดบังผม”
ลั่วหาน : “…….”
ไม่รู้จะพูดยังไงดี รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นทั้งโง่ทั้งไร้เดียงสาทั้งเอ๋อ เธอวุ่นวายอยู่ตั้งนานเธอคิดว่ามันเป็นความลับเสียอีก ที่ไหนได้เขารู้หมดเลย!
“ทำไมถึงมองผมแบบนี้ล่ะ? คิดว่าวิธีที่ตัวเองใช้มันฉลาดมากใช่ไหม? พอโดนจับได้แล้วก็รู้สึกว่าเจ็บใจ? หรือว่าผมพูดผิดไป?” คำพูดของหลงเซียวแรง แต่สายตาของเขานั้นอ่อนโยนมาก
ลั่วหานไม่ยอมและไม่พอใจ เธอกัดฟัน “ฉันอยากทำนิทรรศการภาพวาดให้คุณแม่ แล้วเซอร์ไพรส์พวกคุณ แต่ตอนนี้จบแล้วเซอร์ไพรส์ไม่มีแล้ว มีแต่ความตกตะลึงเต็มไปหมด ฉันรู้สึกขายหน้ามาก”
หลงเซียวหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดังไปสองที อารมณ์ของลั่วหานแปรปรวนมากเกินไป จนทำให้เขารู้สึกตลกอย่างมาก เขาลูบผมเธอด้วยความอ่อนโยน “ไม่ขายหน้าหรอก ผมจะดูแลคุณเอง จะขายหน้าก็ผมเป็นคนขายหน้าก่อนมันไม่เกี่ยวกับคุณ”
ลั่วหาน “………”
วันนี้เขาลืมเอาสมองออกจากบ้านมาด้วยแน่ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงดูแปลกๆ
หลงเซียวหุบยิ้มแล้วทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “เรื่องรูปถ่ายผมจะสืบหาความจริง คุณตั้งใจทำงานได้เลย ถ้าคุณไม่อยากทำงานก็อยู่เป็นเพื่อนกับลูกที่บ้าน”
“อย่าเอะอะก็ไล่ให้ฉันกลับบ้านไปเลี้ยงลูกได้ไหม ฉันเป็นworking womenนะ”
“หึหึ อืมworking women คุณหมอฉู่ที่ชาญฉลาดที่สุด” หลงเซียวอยากหัวเราะออกมาจริงๆ คุณหมอฉู่ที่ทำเรื่องผิดมา…….อืม ก็น่ารักดีนะ
ลั่วหานมองบนใส่เขา ในที่สุดความคิดของเธอก็วนไปที่เรื่องรูปภาพสักที “ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วว่าคนนั้นคือใคร”
“หื้ม? ไหนลองพูดมาสิว่าเหมือนกับที่ผมคิดไว้รึเปล่า?” หลงเซียวนั่งยืดตัวตรงขึ้นมา เขาไม่ขำเธออีกต่อไป
“วันนี้ฉันเจอเจิ้งซินที่โรงพยาบาล เขาพูดจากแปลกๆ ใส่ฉัน พอมาคิดดูตอนนี้แล้วมันคงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องรูปภาพ ถึงแม้ว่ารูปนั้นเธอไม่ได้เป็นคนถ่าย แต่มันต้องเกี่ยวข้องกับเธออย่างแน่นอน”
ดวงตาที่สดใสของลั่วหานจ้องไปที่ลั่วหานโดยไม่กะพริบตาเลย แต่หลงเซียวไม่ได้ตอบเธอปล่อยให้เธอมองเขาไปแบบนั้น
“เป็นอะไร? ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ? กำลังตกตะลึงกับความเฉลียวฉลาดของฉันเหรอ?” ลั่วหานเองกลับรู้สึกไม่สบายตัวที่เขามองเธอแบบนั้น
“ผมคิดเหมือนคุณเลย รูปถ่ายนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจิ้งซิน แต่คุณลองคิดดูดีๆ นะ เจิ้งซินกล้าข่มขู่เธออย่างโจ่งแจ้งเหรอ?” หลงเซียวถามเธอ
ลั่วหานลูบคางแล้วครุ่นคิด “พ่อของเธออยู่ในมือฉัน ตามหลักแล้วเธอต้องพยายามประจบฉัน ไม่ควรข่มขู่ฉันนะ เพราะฉะนั้นเจิ้งซินน่าจะไม่ใช่ตัวการหลักในเรื่องนี้”
“ถูกต้องแล้ว คิดต่อไปเรื่อยๆ” หลงเซียวหยิบกาแฟที่ลั่วหานยังดื่มไม่หมดขึ้นมา แล้วก็ดื่มไปหนึ่งคำตรงรอยลิปสติกของเธอ เป็นรสชาติที่เขาชอบแต่ว่ามันเย็นแล้ว
เขาเหลือบไปเห็นกาแฟที่วางอยู่ตรงข้ามเขา ดวงตาของเขาก็เผยความโกรธออกมา ไอ้หลินเหว่ยเย่!
ลั่วหานเห็นว่าเขากำลังดื่มกาแฟแล้วรู้สึกหวั่นไหว เธอครุ่นคิดต่อไป “เจิ้งซิน….เธอชอบคุณเพราะฉะนั้นเธอเลยมองว่าฉันเป็นศัตรูของเธอ แต่เจิ้งซินก็กลัวดูฉันและกลัวคุณในขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะคิดยังไงเธอก็ไม่ควรที่จะมาหาเรื่องพวกเรานะ ถ้าจะต้องหาเหตุผลสักเหตุผลจริงๆ คงเพราะว่าครั้งที่แล้วคุณให้เจมส์ไปหลอกลวงเธอ นี่อาจจะเป็นจุดเกิดของปัญหานะ แต่ว่า…….”
ลั่วหานคิดไปคิดมาแต่ก็นึกไม่ออกว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ออกมาได้
“ฉันคิดไม่ออก โอ๊ยคุณพูดมาเถอะ ฉันปวดหัวแล้ว” ลั่วหานตัดสินใจล้มเลิกการเป็นนักสืบ
หลงเซียววิเคราะห์อย่างค่อยเป็นค่อยไป “ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนที่ตู้หลิงเซวียนเลือดออกในกระเพาะแล้วเข้าโรงพยาบาล ห้องพักคนไข้ของเขาอยู่ชั้นเดียวกับเจิ้งเฉิงหลิน อีกอย่างห้องของทั้งสองไม่ได้ห่างกันมาก”
“อ่าหะ ใช่ห้องของเขาสองคนอยู่ชั้น20ทั้งคู่เลย ชั้นที่มีห้องพักคนไข้VIPอยู่รวมกัน”
“เพราะฉะนั้น โอกาสที่ตู้หลิงเซวียนและเจิ้งซินจะได้เจอกันมันสูงมากจริงไหม?” หลงเซียวพยายามนำทางลั่วหานไปเรื่อยๆ
ลั่วหานพยักหน้า “ใช่ ถ้าเขาทั้งคู่ออกจากห้องพร้อมกัน หรือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเดินผ่านหน้าห้องของอีกคนก็มีโอกาสที่จะเจอกันได้…….ฉันเข้าใจแล้ว คุณหมายความว่าเจิ้งซินและตู้หลิงเซวียนร่วมมือกันใส่ร้ายฉัน? ให้ฉันเสียชื่อเสียง? พยายามทำให้เราสองคนมีปัญหากัน!” ลั่วหานกระจ่างทันที แล้วพูดผลสรุปของตัวเองออกมาด้วยความตกใจ
หลงเซียวหลับตาลงอย่างพอใจ “ภรรยาของผมฉลาดจริงๆ ตู้หลิงเซวียนกับเจิ้งซินเขามีเป้าหมายเดียวกัน เหตุผล แรงจูงใจ เป้าหมายในการทำ ผลประโยชน์ที่จะได้ล้วนชัดเจนมาก”
ลั่วหานกัดฟันแล้วกำหมัดไว้ “ให้ตายเถอะ! ไม่น่าเชื่อว่าเควินจะยังไม่ตายใจจากฉัน! คุณสามีคะคุณจะทำยังไง? ตอนนี้คุณเป็นประธานของMBK เป็นหุ้นส่วนอันดับหนึ่งของบริษัทจุนหลิน จัดการเขาไหม?”
หลงเซียวพยักหน้าแล้วอมยิ้ม รอยยิ้มของเขาเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “เรื่องงานก็คือเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว เอามารวมกันไม่ได้ แต่เรื่องหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ข้อคิดบางอย่างกับผมนะ”
ลั่วหานกอดแขนของเขาไว้อย่างนับถือ “ข้อคิดอะไร? คุณจะทำยังไง?”
หลงเซียวเอนตัวลงไปที่ข้างหูของลั่วหาน แล้วพูดไปสองสามประโยค
ดวงตาของลั่วหานค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ “ได้ ทำตามที่คุณว่านั่นแหละ!