ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 940
ตอนที่ 940 หึ พวกคุณล้วนเป็นคนเลวทั้งสิ้น
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว คลื่นลูกใหญ่ตอนกลางคืนผ่านไป เมืองหลวงก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยแสงอาทิตย์แวววับ
วันนี้ เป็นวันที่สองแล้ว
ลั่วหานตื่นขึ้นมาพร้อมกับนับถอยหลังแผนการที่จะนำผลงานของหยวนชูเฟินกลับมา
“สามี คุณคิดว่าเจิ้งเฉิงหลินจะทำอย่างไร? เมื่อคืนยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ พวกเขาคงจะไม่ได้ตุกติกนะ?”
ตอนเช้าลั่วหานต้องไปผ่าตัด วันนี้เป็นเวรเช้า ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าก็ต้องตื่นแล้ว แต่งตัวเสร็จเตรียมลงไปทานข้าวข้างล่าง
“ไม่หรอก เจิ้งซินไม่กล้าเล่นตุกติกกับพวกเรา”
หลงเซียวไม่ได้บอกลั่วหานว่าตอนนี้ในมือเขามีหลักฐานที่จะทำให้เจิ้งซินไม่กล้าเล่นตุกติกด้วย
แต่หลงเซียวก็รู้เหมือนกัน เกมใดๆล้วนแล้วแต่มีกฎเกณฑ์ ถ้าหากทำลายกฎ เจิ้งซินก็จะเอาให้ตายไปด้วยกันทุกฝ่าย
“คุณมีความมั่นใจก็ดี! ฉันเชื่อใจคุณ!”
ลั่วหานดึงปกคือเสื้อเขาลงมา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บคางเขา
หลงเซียวเอ่ย “ตรวจสอบของของคุณหรือยัง? ไม่ได้ขาดหายไปใช่ไหม?”
ลั่วหานทำตัวไม่ถูก “เอ่อ ตรวจสอบแล้ว ไม่ได้ขาดหายไป จ้าวไห่เซิงไม่กล้าแอบขโมยไปหรอก มีแต่จะแอบยัดของเข้ามาเพิ่ม”
ในเมื่อเอาของกลับมาแล้ว ลั่วหานก็มอบเช็กให้แก่จ้าวไห่เซิง หาประโยชน์จากเขาแล้ว ลั่วหานก็ไม่อยากจะติดค้างอะไรอีก
หลงเซียวมองทะลุความคิดของลั่วหานทันที “ไม่ต้องคืนเช็กกลับไป
“why?”
“จ้าวไห่เซิงอยากจะแย่งตลาดกับบริษัทหลินซื่อ เงินจำนวนนี้เป็นของขวัญที่เขามอบให้ คุณรับไว้ก็พอ” หลงเซียวไม่สนว่าคำพูดของตนจะไม่น่าฟังขนาดไหน
ลั่วหานคิดอยู่ครึ่งวันถึงจะเข้าใจ “บริษัทหลินซื่อเป็นของหลินซีเหวิน เธอเป็นภรรยาของเสี่ยวจื๋อ ในอนาคตบริษัทหลินซื่อมีเสี่ยวจื๋อมาช่วย คุณจะให้จ้าวไห่เซิงโจมตีบริษัทหลินซื่อ คุณ……ไม่ได้ทานยาผิดใช่ไหม?”
ริมฝีปากของหลงเซียวยิ้มขึ้น ก่อนจะตอบอย่างไม่โกรธ “มีหนอนบ่อนไส้ในบริษัทหลินซื่อ ไม่อย่างนั้นบริษัทหลินซื่อไม่มีทางขาดทุนแน่ ถ้าหากคู่สามีภรรยาหลินเหว่ยเย่หาหนอนบ่อนไส้ไม่เจอ บริษัทหลินซื่อก็จะล้มละลายในไม่ช้า ผมให้จ้าวไห่เซิงเข้าไปสอดมือในบริษัทหลินซื่อ เพราะจะให้ช่วยพวกเขาหาหนอนบ่อนไส้ แต่ว่าจะพลิกจากความพ่ายแพ้เป็นชนะก็ต้องดูความสามารถของคุณหลินแล้ว”
“คุณรู้ได้อย่างไร?” ลั่วหานจินตนาการไม่ออก หลงเซียวรู้ข่าวคราวละเอียดอ่อนแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่จางหย่งไม่ได้อยู่ในประเทศ!
หลงเซียวเลิกคิ้วขึ้น “ผมมีแผนการของข้า คุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก นอกจากนี้ ผมกินยาผิดชนิดจริงๆ ทุกวันนี้กินแต่ยาเสน่ห์ที่คุณให้ผมกินทุกวัน”
ลั่วหาน“……”
ทั้งสองเดินลงมาจากชั้นบน เจมส์กำลังนวดให้ฟู้กุ้ยอยู่ที่ห้องนั่งเล่น คนหนึ่งคนและสิงโตหนึ่งตัว ช่างเป็นภาพที่ประหลาดเหลือเกิน!
เมื่อเห็นลั่วหานเดินลงมาแล้ว เจมส์ก็เม้มปากแน่น ขุดหลุมดักตัวเอง ต่อให้ร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งก็ต้องยิ้มรับมัน!
ลั่วหานเอ่ย “สามี ฉันกลัวว่าเจมส์จะเป็นโรคซึมเศร้า”
“มี ฟู้กุ้ยคอยเล่นกับเขาอยู่ ไม่เป็นไรหรอก ความคิดของคนต่างชาติไม่เหมือนเรา จะปรับตัวเองได้”
หลงเซียวก้าวขายาวๆ เดินลงไป ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความหนักแน่นและมั่นใจ แสดงถึงสไตล์แฟชั่นสมัยใหม่
เจมส์มองไปยังลั่วหานด้วยสายตาไม่พอใจ อารมณ์ทุกอย่างเอ่อล้นขึ้นมา
เหอะ!! คนเลว
พวกคุณล้วนเป็นคนเลวทั้งหมด!!
——
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ลั่วหานเดินตรวจห้องคนไข้ไปตามความเคยชิน
เจิ้งเฉิงหลินไม่เป็นอะไรมากแล้ว ดูประวัติคนไข้ที่หมอประจำเตียงส่งมาแล้ว ลั่วหานรู้สึกว่าเจิ้งเฉิงหลินสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องนอนยึดเตียงโรงพยาบาลอีก
หลินซีเหวินก็บ่นเช่นกัน “คนมีเงินมีอิทธิพล ตอนมีชีวิตอยู่ก็ต้องรักษาชีวิตไว้ดีๆ ถ้าไม่ระวังแล้วเสียชีวิตไปล่ะก็ จิ๊ๆ ๆ! ฉันว่าเจิ้งเฉิงหลินคงจะยึดเตียงโรงพยาบาลเป็นห้องทำงานส่วนตัวระยะยาวแล้วล่ะมั้ง
หวาเทียนหัวเราะขึ้น “เมื่อเช้าไปตรวจดู เจิ้งเฉิงหลินกำลังเปิดประชุมผ่านทางวิดีโออยู่ มือไม้โบกไปมา มีพลังยิ่งกว่าออกกำลังกายที่ห้องออกกำลังเสียอีก”
ลั่วหานก้มหน้าลง “ได้ยินเขาพูดอะไรหรือเปล่า?”
หวาเทียนยักไหล่ “ไม่ได้สนใจมาก เหมือนจะพูดถึงการรื้อเมืองเจียงเฉิง เขาไม่ได้กอบกุมนักลงทุนแนวหน้าของประเทศอยู่เหรอ? สร้างเมืองหรือรื้อเมืองก็ต้องให้เขาทำ”
“อ้อ……อย่างงี้นี่เอง”
ไม่ได้เอ่ยถึงบริษัทหลินซื่อเหรอ? ยังไม่วางแผนลงมือหรือไง?
ลั่วหานมองไปทางหลินซีเหวิน ก่อนจะรู้สึกละอายใจ
หลินซีเหวินคล้องแขนลั่วหานขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะขึ้น “พี่ลั่ว คุณแม่จะจัดงานแต่งของฉันกับหลงจื๋อให้ ฮิๆ ฉันตั้งตารอเลย อยากให้วันนั้นมาถึงไวๆ จัง”
“ใกล้แล้ว ตอนนี้ท่านกำลังเลือกสถานที่อยู่ แล้วยังไปลองชิมเค้กงานแต่งหลายๆ ที่ด้วย ที่บ้านเกือบจะกลายเป็นร้านเค้กไปแล้ว” ลั่วหานไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ของหลินซีเหวิน ตัดสินใจได้ว่าตอนนี้หลินซื่อปลอดภัยอยู่
ลั่วหานไม่ได้จะไปดูเจิ้งเฉิงหลิน แต่กลับได้รับสายจากเจิ้งซิน
“คุณเจิ้ง มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ลั่วหานเดินห่างออกไป ปล่อยให้หวาเทียนยุ่งไปก่อน
เจิ้งซินยิ้มแต่ใจไม่ยิ้ม “คุณเดาไม่ออกเหรอ?”
ลั่วหานหัวเราะขึ้น “ขอโทษทีคุณเจิ้ง ฉันเป็นหมอ ไม่ใช่นักทำนาย”
“เธอ……”เจิ้งซินถูกประชดกลับมา แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ “เธอกับหลงเซียวเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ! เรื่องการหลอกลวงนั้นเป็นเลิศไปใหญ่ เหอะๆ ฉันนับถือ นับถือทั้งกายและใจ!
ลั่วหานไม่ได้สั่นคลอนแม้แต่น้อย “ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ว่าฉันสงสัยมากกว่า คุณเจิ้งกับเควิน มีความสัมพันธ์อะไรกัน? คู่รัก? เหมือนจะไม่ใช่ หรือว่า……คู่ขาเรื่องอย่างว่า?”
“ฉู่ลั่วหาน! อย่าได้ใจให้มันมากไปนะ! ระวังคำพูดจาด้วย!” เจิ้งซิ่วหยาโกรธจนอับอายไปหมด คิดถึงภาพนั้นแล้วเธอก็กัดฟันแน่น!
ลั่วหานไม่ร้อนรน “คุณเจิ้ง เควินไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด ฉันขอเตือนว่าอย่าเล่นกับไฟดีกว่า เดี๋ยวไฟจะเผามอดตัวเองน่ะ”
“ไม่ต้องให้เธอมาเป็นห่วง——ทำไมถึงไม่มาดูพ่อฉัน? ผ่านเวลาตรวจไปตั้งนานแล้ว”
“พ่อของคุณหายแล้ว จะทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลเหรอ? ฉันจะได้ไปเซ็นชื่อ”
สายถูกตัดไปทันที
ลั่วหานมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับไป ก่อนจะยักไหล่และยิ้มขึ้นมา
——
“คุณพ่อ บริษัทหลินซื่อ……จะทำอย่างไรดี?”
ถึงแม้ในใจจะเกลียดจนถึงที่สุด แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นถือของกลับมาคืน อยากจะด่าคนยิ่งนัก
“พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง หลินเหว่ยเย่จะติดต่อกลับมา ลูกรอฟังข่าวก็พอ”
เจิ้งเฉิงหลินถอดแว่นออก ก่อนจะนวดขมับ
“ขอบคุณคุณพ่อมาก! คุณพ่อใช้วิธีอะไร? หลินเหว่ยเย่ยอมทำตามเหรอ?” เจิ้งซินรีบวิ่งเข้าไปนวดไหล่ให้พ่อทันที เจิ้งเฉิงหลินถอดแว่นออก“นักธุรกิจมักจะกลัวข้าราชการอยู่แล้ว หลินเหว่ยเย่ก็ไม่เว้น วิธีไหนไม่สำคัญ ขอแค่เขาเชื่อฟังก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้น……”เจิ้งซินทำตัวว่านอนสอนง่าย “เรื่องการรื้อเมืองเจียงเฉิง คุณพ่อคิดถึงบริษัทหลันเทียนหน่อย ดีไหม?”
เจิ้งเฉิงหลินยกมือขึ้นมาทับมือลูกสาวบนไหล่ตน “ซินซิน ตู้หลิงเซวียนไม่ใช่คนธรรมดา นอกเหนือจากว่าลูกมีความมั่นใจว่าจะควบคุมเขาได้ ไม่อย่างนั้น อย่าไปยั่วโมโหเขา เชื่อฟังคำพ่อนะ ลูกไม่ใช่คู่แข่งของเขา”
เจิ้งซินโกรธจนดึงมือกลับมา ถ้าเกิดได้ยินพ่อพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกเธออาจจะไม่โกรธ แต่เมื่อเธอได้ยินลั่วหานที่พูดคำพูดแบบเดียวกันแล้ว ในใจก็ไม่ยอมขึ้นมา “พ่อรู้ได้ไงว่าหนูไม่ใช่คู่แข่งเขา! อย่าเอาหลงเซียวมาอ้างแล้วไม่เชื่อใจหนูทุกอย่าง!”
เธอไม่เชื่อว่าเธอจะแพ้ไปตลอด เธอไม่ยอมรับ!
เจิ้งเฉิงหลินหมดวิธี ในใจก็ไม่พอใจหลงเซียวขึ้นมา แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก “ถ้าหากลูกจะร่วมมือกับตู้หลิงเซวียนแล้ว ต้องแน่ใจเรื่องหนึ่งก่อน”
“เรื่องอะไร?”
“ตู้หลิงเซวียนกับหลงถิงเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกัน”
ณ คอนโดของตู้หลิงเซวียน
หลังจากจัดการเอกสาร ส่งมาจากอเมริกาเสร็จแล้ว มือถือของตู้หลิงเซวียนก็ดังขึ้น
“คุณแม่ ยังไม่นอนอีกเหรอ?” ตู้หลิงเซวียนเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน
จางม่านหนิงเอนค้ำอยู่ที่หัวเตียง ขมวดคิ้วขึ้น ไอแพดที่อยู่ในมือถูกเธอดูไปแล้วหลายรอบ ก่อนจะอ่านข่าวลูกชายของตน “เควิน ฟังแม่นะ ไม่ต้องไปตีตลาดประเทศจีนแล้ว ที่ลูกทำอยู่ที่อเมริกาก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ตู้หลิงเซวียนใช้มือซ้ายถือโทรศัพท์ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวล “ทำไมจู่ๆ คุณแม่ก็เป็นห่วงเรื่องงานของผม?”
จางม่านหนิงตอบเสียงอ่อนโยน “ลูกรัก แม่ไม่อยากให้ลูกเหนื่อยขนาดนั้น ลูกจะไปลงทุนเปิดตลาดที่จีน เหตุผลหลักก็คือแอนน่า ใช่ไหม? แต่ว่าแอนน่าแต่งงานมีลูกไปแล้ว แล้วหมอฉู่ไม่ใช่แอนน่าสักหน่อย ทำไมลูกยังไม่เข้าใจอีก?”
ตู้หลิงเซวียนใช้ปากคีบบุหรี่อยู่ ก่อนจะจุดไฟแช็กขึ้น“คุณแม่ ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องความรู้สึกออก”
ตู้เฉิงเย่ที่ฟังอยู่ด้านข้างก็ได้แต่ถอนหายใจ “คุณอย่าไปยุ่งกับลูกเลย รอลูกจนมุมตรอกก็กลับมาเองล่ะ”
จางม่านหนิงไม่ยอม “เควิน แม่รู้จักผู้หญิงที่เก่งๆ ไม่น้อยเลย ลูกกลับมาดูและทำความรู้จักนะ อาจจะมีคนที่เหมาะสมก็ได้ ลูกก็อายุขนาดนี้แล้ว ควรจะคิดเรื่องแต่งงานได้แล้ว”
ตู้หลิงเซวียนอัดบุหรี่เข้าปอดแน่น “คุณแม่ ให้เวลาผมอีกหน่อย”
จางม่านหนิงรีบเอ่ยต่อ “ลูกรัก แม่ไม่ขอคนที่มีฐานะเท่ากัน แต่ลูกต้องดูนิสัยและคุณธรรมของเธอให้ดีๆ เด็กผู้หญิงต้องมีจิตใจดี ผู้หญิงที่มีจิตใจดีจะไม่ทำร้ายคนอื่น”
“คุณแม่ครับ ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
ตู้หลิงเซวียนวางสายไป
จางม่านหนิงกุมมือถือด้วยความโศกเศร้า “สามี ใจฉันรู้สึกไม่สงบเลย เควินคงไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังเราหรอกนะ?”
ตู้เฉิงเย่ปิดไฟที่หัวเตียงลง ก่อนจะหยิบไอแพดออกจากมือเธอไป “ลูกโตแล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง ให้เขาได้เรียนรู้บางก็ดีเหมือนกัน รีบเข้านอนเถอะ”
จางม่านหนิงซุกตัวลงในผ้าห่ม แต่ก็ยังไม่วางใจ “ไม่ได้ ฉันต้องไปหาลูกที่ประเทศจีน”