ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 943
ตอนที่ 943ไม่อยากเป็นนายพลหรือ
“เจมส์? นายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
คุณลุงรักษาความปลอดภัยพาเจมส์ไปพบคณบดีเฉิน เมื่อถึงชั้นบนเขาบังเอิญพบกับลั่วหานที่เพิ่งออกมาจากห้องทำงานของคณบดีพอดี
เจมส์ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่คิดเลยว่าเขาจะบังเอิญได้เจอกับเทพธิดาในดวงใจของเขา…หัวใจของเขาเต้นระรัว
ห้านาทีต่อมา ห้องทำงานของลั่วหาน
“ผมจริงจังนะครับ!” เจมส์สวนกลับ
ลั่วหานส่งน้ำชาให้เขา พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความกังวล “นายตั้งใจมาที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะมาสมัครเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย?”
แววตาตื่นเต้นของเจมส์ฉายแววซุกซนออกมาอย่างปิดไม่มิด แอนน่าพูดกับเขา ไม่อยากเชื่อว่าแอนน่าจะพูดกับเขา!
มันคุ้มค่า! แม้ว่าคุณจะถูกคุณลุงประหลาดจับใส่กุญแจมืออีกครั้ง ก็ยังถือว่าคุ้มค่า!
“การเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ดีตรงไหน? สามารถปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นได้ ทำประโยชน์ได้มาก จริงไหมครับ?”
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ การเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลหวาเซี่ย เขาก็จะมีโอกาสได้มาทำงานกับแอนน่าได้ทุกวัน ทานอาหารกับเธอทุกวัน มีเหตุผลเพียงพอที่จะเข้าพบเธอ ดูแลเธอ มีแต่ได้กับได้!
ลั่วหานอ่านความคิดขอเจมส์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง “เป็นเช่นนี้เองเหรอ? ฟังดูก็ไม่เลวเลยนะ ในเมื่อเป็นความต้องการของเจ้าชาย ฉันจะกราบทูลเสด็จพ่อของเจ้าชายให้พระองค์ทรงทราบ ดีไหมคะ? พระองค์จะต้องภูมิใจในตัวเจ้าชายอย่างแน่นอน”
ลั่วหานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดปลดล็อกหน้าจอ และกดโทรออกทันที โดยไม่ให้เวลากับเจมส์
“เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยวก่อน!”
เมื่อพูดถึงเสด็จพ่อ เจมส์ก็รู้สึกประหวั่นขึ้นมาในที ดวงตาสีครามหรี่เล็กลงพร้อมกับคลี่ยิ้ม “ผมยอมแพ้ก็ได้…เรื่องเมื่อสักครู่ก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเองครับ ที่จริงแล้วผมก็แค่อยากคุยกับแอนน่า”
ลั่วหานยกยิ้มขึ้น “ตอนนี้ก็หมดเรื่องแล้วใช่ไหม? อยากให้ฉันออกไปส่งนายด้วยหรือเปล่า?”
เจมส์ก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวัง ยอมรับความพ่ายแพ้ “ ไม่ต้องหรอกครับ ผมรู้ว่ากลับทางไหน”
“ดี”
เจมส์รีบเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “ แล้ว…หลังจากนี้แอนน่าจะคุยกับผมอีกหรือเปล่า? ไม่ได้โกรธผมใช่ไหมครับ?
ลั่วหานเลิกคิ้วขึ้น “อ้อ…เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของนาย ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก… ”
“ผมสาบาน จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!”
ด้านนอกห้องทำงานของลั่วหาน แพทย์และพยาบาลส่วนหนึ่งที่เห็นเจมส์เดินเข้าไปในห้องทำงานของลั่วหาน ก็ได้รวมกลุ่มกันซุบซิบเรื่องที่เกิดขึ้น
“คนที่เพิ่งเข้าไปเมื่อครู่นี้ ใช่หนุ่มฝรั่งสุดหล่อที่ส่งดอกไม้ให้กับหมอฉู่เมื่อครั้งที่แล้วหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว! ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าสักที! ทั้งหล่อและดูดีมาก! หนุ่มต่างชาติโตมาแล้วหน้าตาดีสุด ๆ! อย่าห้ามฉันนะ ฉันจะไปหาเขา!”
“ชู่ว! เงียบหน่อยฉัน ได้ยินมาว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา! เธอยังจำครั้งล่าสุดที่มีคนพูดถึงท่านเซียวกับเจ้าชายเจมส์หรือเปล่า? พวกเธอคิดไหมว่าเขาหน้าตาคล้ายกับเจ้าชายเจมส์มาก?”
“ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย? พวกเราได้เห็นเจ้าชายตัวเป็น ๆ หรือนี่!”
ฉู่ซีหรานที่จะเข้ามารายงานการทำงานกับลั่วหาน เห็นกลุ่มคนซุบซิบกันอยู่ จึงกระแอมออกมาเบา ๆ “มีเรื่องอะไรกันสาว ๆ? ว่างกันแล้วหรือ?”
“หมอหลินมาแล้ว มีหนุ่มหล่ออยู่ห้องทำงานของหมอฉู่ หมอหลินรีบเข้าไปดูเร็ว”
“หมอหลินอย่าลืมถ่ายรูปนะ!”
หลินซีเหวินใช้แฟ้มคนไข้แปะไปที่หน้าผากของพยาบาลคนหนึ่ง “กลับไปทำงานเร็ว เรื่องของคุณหมอฉู่ใช่เรื่องที่พวกเธอจะเอามาซุบซิบกันไหม?”
แม้เธอจะพูดเช่นนั้น แต่หลินซีเหวินกลับโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็น
ขณะที่จมูกของเธอกำลังสัมผัสกับบานประตู ทันใดนั้นประตูก็เปิดจากข้างใน!
หลินซีเหวินเสียหลัก เซล้มไปด้านหน้า ชนเข้ากับอกของเจมส์เข้าอย่างจัง
“ตายแล้ว!”
หลินซีเหวินรีบกลับมายืนด้วยสองเท้าของเธอ เสี้ยววินาทีที่เงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีฟ้าใสของเจมส์ ความตื่นตระหนกก็พุ่งเข้าหาเธอทันใด
“นาย…”
เจมส์รู้จักหลินซีเหวิน เขาเคยช่วยเธอวางแผนงานแต่งงาน
ดังนั้นเขาจึงโบกมือทักทาย พร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง “ ไง ว่าที่เจ้าสาว สวัสดีครับ”
หลินซีเหวินที่สวมชุดกาวน์สีขาวตรงหน้าเขามีลักษณะแตกต่างจากในภาพเล็กน้อย เธอดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่ออยู่ในชุดทำงาน คิดว่าน่าจะทำอาชีพเดียวกับลั่วหาน เธอดูน่าสนใจมากขึ้นเมื่ออยู่ใสชุดสีขาว
หลินซีเหวินสังเกตเห็นสายตาที่ลั่วหานพยายามส่งให้เธอ ก็เข้าใจทันทีว่าตัวตนของเจมส์ต้องปกปิดเป็นความลับ เธอคลี่ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ว่าไง หนุ่มหล่อ”
เจมส์มีความหลงใหลหญิงสาวในชุดกาวน์เป็นพิเศษ เขาหรี่ตามองหลินซีเหวิน” อ้อ…เจอกันที่งานแต่งครับ!”
หลินซีเหวินพูดไม่ออก งานแต่งงานของเธอเกี่ยวข้องอะไรกับเจมส์หรือ?
เจมส์ออกจากโรงพยาบาลหวาเซี่ยอย่างสบายใจ ดูเหมือนว่าเข้าจะเจอเรื่องน่าสนุกเข้าให้แล้ว
จัดงานแต่งงาน! ด้วยตัวเอง!
เจมส์ค้นพบเป้าหมายใหม่ของเขา ก้าวลงบันไดอย่างเป็นจังหวะ ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้โดยเฉพาะ ราวกับเสียงเปียโนด้าน
“เสด็จพ่อ”
สำเนียงภาษาอังกฤษที่ชัดเจนดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ใช้น้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่กลับทรงพลังอย่างแปลกประหลาด “หลงเซียวคือใคร?”
——
ตึก MBK ห้องรับรอง
จ้าวไห่เซิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้นำเข้าจากอิตาลีด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย รอบตัวเขาเต็มไปด้วยของสะสมหายากที่เขาคุ้นหูเป็นอย่างดี ของประดับอันแสนหรูหราถูกจัดตกแต่งภายในห้องรับรองของบริษัท MBK ของตั้งโชว์บางชิ้นที่วางไว้อยู่บนชั้นวางของโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งของเจ้าของได้เป็นอย่างดี
แจกันดอกไม้เซรามิกคอสูงจากราชวงศ์หมิง เข้าคู่กับแจกันสองหูใบเล็กสองใบจากยุคสมัยเดียวกัน การแกะสลักอันแสนประณีตที่ปรากฏบนแจกัน บ่งบอกถึงราคาที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้
อีกด้านหนึ่งมีโต๊ะกาแฟที่ประดับด้วยทองคำ ถ้วยน้ำชาธรรมดาทั้งหมดล้วนเป็นเนื้อเซรามิกส์โบนไชน่าซึ่งมีมูลค่านับหมื่น ส่วนของตั้งโชว์บางชิ้นที่ไม่ได้มาจากสมัยโบราณ ล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปินชื่อดังในยุคสมัยปัจจุบัน เมื่อลองสังเกตดูพรมผืนเก่าผืนหนึ่งอย่างละเอียด จะพบว่าพรมผืนนั้นเป็นฝีมือของศิลปินชั้นนำ
จ้าวไห่เซิงถือเป็นนักสะสมของเก่าตัวยง แต่นี่ถือเป็นครั้งแรก ที่เขาได้เห็นห้องรับรองอันแสนโอ่อ่าเช่นนี้
บริษัทMBK อันแสนมั่งคั่ง ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยแม้แต่น้อย!
เขารู้สึกเบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก มือพลางจัดแจงชุดสูทให้เรียบร้อย โชคดีที่เขาใส่ชุดสูทตัวเก่งของเขามาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ
จี้ตงหมิงผลักประตูห้องรับรอง ตามมาด้วยหลงเซียวที่เดินย่างเข้ามาภายในห้อง
จ้าวไห่เซิงผุดลุกขึ้น ราวกับเขาได้เข้าเฝ้าเทพแห่งความมั่งคั่งก็ไม่ปาน เขายื่นมือทั้งสองข้างออกไปเพื่อจับมือทักทายกับหลงเซียว “ ฮ่า ๆ สวัสดีคุณหลง” หลงเซียวพยักหน้ารับ “ครับ”
หลงเซียวจับมือทักทายกับมือท้วมของจ้าวไห่เซิงและวางนิ้วเรียวลงบนโซฟา
จ้าวไห่เซิงยิ้มอย่างสุภาพ “ฉันทำธุรกิจมาหลายปี และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับคู่ค้าที่อายุยังน้อยเช่นคุณ ท่านเซียวทำธุรกิจอย่างชาญฉลาด! ที่ผมมาวันนี้ ก็เพื่อมาขอบคุณท่าน!”
หลงเซียวไขว้ขาข้างหนึ่งของเขาขึ้น ท่าทางสบาย ๆ ของเขาแฝงไปด้วยความภูมิฐาน “ประธานจ้าวก็พูดเกินไป ผมเป็นแค่ชายหนุ่มรูปงามก็เท่านั้น ธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับความขยันของประธานจ้าวเองทั้งหมด”
จ้าวไห่เซิงเข้าใจสิ่งที่หลงเซียวต้องการจะสื่อดี เขาไม่ต้องการนำตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับบริษัทหลินซื่อ จึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์ว่า “หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากท่านเซียว ก็คงไม่มีผมในวันนี้”
หลงเซียวไม่ได้ตอบอะไรกลับ
จ้าวไห่เซิงยื่นการ์ดเชิญสีแดงปิดทองด้วยมือทั้งสองข้าง “ท่านเซียว คืนพรุ่งนี้วันครบรอบของว่านเหาหวังว่าคุณจะไปเข้าร่วมงาน”
หลงเซียวเหลือบมองการ์ดเชิญในมือจ้าวไห่เซิง “คืนพรุ่งนี้ผมมีนัดแล้ว ผมขอให้งานเลี้ยงของประธานจ้าวเป็นไปอย่างราบรื่น”
จ้าวไห่เซิงรู้อยู่แล้วว่าเขาอาจถูกปฏิเสธ แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กอยู่น้อย และยืนกรานที่จะทิ้งการ์ดคำเชิญนี้ไว้ “ถ้าอย่างนั้น…ผมจะไม่รบกวนท่านเซียวแล้ว หลังจากที่ว่านเหาและบริษัทหลินซื่อเซ็นสัญญาร่วมกันอย่างเป็นทางการ ผมจะกลับเข้ามาขอบคุณท่านเซียวอีกครั้ง”
เมื่อจ้าวไห่เซิงจากไป จี้ตงหมิงจึงเดินเข้ามา
“บอส หลังจากที่ว่านเหาร่วมหุ้นกับบริษัทหลินซื่อเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็คือการแบ่งสัดส่วนห้าเปอร์เซ็นต์ จากสัดส่วนทั้งหมดของตลาดภายในประเทศที่บริษัทหลินซื่อครอบครองอยู่ เมื่อสัดส่วนตลาดถูกแบ่ง หากจ้าวไห่เซิงมีความทะเยอทะยานและมุมานะมากเพียงพอ อาจมีความเป็นไปได้ที่เขาจะทำลายบริษัทหลินซื่อลง”
หลงเซียวจับแหวนแต่งงาน “อืม ฉันหวังว่าวันนั้นจะมาถึงในไม่ช้า”
ไม่เข้าใจ “บอส คุณไม่ได้ทำแบบนี้ เพื่อช่วยคนนอกจัดการกับพ่อตาของคุณชายรองหลงหรอกใช่ไหมครับ?”
ถ้าฉันจะเข้าข้างคนอื่นจริง ฉันก็คงช่วยเขาแบบนี้หรอกจริงไหม?
หลงเซียวขยับยิ้มมุมปาก นัยน์ตาสีดำขลับทอแสงมืดมน “หลินเหว่ยเย่ได้เงินมืดไปเป็นจำนวนมาก หากไม่นำออกมาอาจนำมาซึ่งผลเสียต่อลูกหลานของเขาได้ การเข้ามาแทรกของจ้าวไห่เซิงครั้งนี้ ไม่มีทางเป็นเรื่องที่ดีแน่ นอกจากนี้ หลินเหว่ยเย่จะต้องเข้ามาขอความช่วยเหลือจากฉัน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง”
จี้ตงหมิงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ก็พยักหน้ารับ “ปราดเปรื่องมากครับบอส!”
“นิทรรศการที่หางโจวรีบลงมือได้แล้ว หลังจากสถานที่ถูกจัดแต่งเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ฉันจะไปตรวจเช็กด้วยตัวเอง” หลงเซียวผุดลุกขึ้น และติดกระดุมชุดสูท
“ผมจะพยายามเร่งให้ถึงที่สุด ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงถึงสามสิบคน และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสามวันนี้” จี้ตงหมิงเดินตามหลงเซียวกลับไปยังห้องทำงาน
หลงเซียววางใจเมื่อจี้ตงหมิงเป็นผู้รับผิดชอบงาน “ข้อเสนอของคุณชายกู้ นายคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
จี้ตงหมิงตื่นตระหนกจนเผลอปฏิเสธออกไป “บอส คุณชายกู้ก็แค่พูดเล่นเท่านั้น ผมจะขึ้นเป็นประธานของบริษัทฉู่ซื่อได้อย่างไรกัน? ผมไม่มีความสามารถขนาดนั้น”
หลงเซียวชะลอฝีเท้าลง มองเขาด้วยสายตาที่ลึกล้ำราวกับท้องฟ้า “ทหารที่ไม่ต้องการเป็นนายพล ไม่ถือเป็นทหารที่ดี นายไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยหรือ?”
จี้ตงหมิงส่ายหัวปฏิเสธ “ทหารที่ลืมกำพืดของตน ก็ไม่ถือเป็นทหารที่ดีเช่นกัน”
หลงเซียวเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นจึงยกมุมปากขึ้น เขาตบบ่าจี้ตงหมิง และสาวเท้านำออกไปโดยไม่กล่าวอะไรอีก