ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 950
ตอนที่ 950 ถูกกอดแล้ว ฮือ ๆ ถูกนางฟ้ากอดแล้ว
ถูกกอดแล้ว! ฮือ ๆ ถูกนางฟ้ากอดแล้ว!
หยวนชูเฟินไม่ใช่หญิงสาวที่ให้ความรู้สึกประทับใจภายในแรกพบ ราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มอีกต่อไป ตรงกันข้าม ความเจ็บปวดที่เธอได้รับนั้นสุดลึกล้ำ มันได้ทำลายความคาดหวังของเธอไปในหลาย ๆ เรื่อง
ส้งชิงเซวี๋ยนพยามเอาใจเธอ และเชื้อชวนเธออย่างใจเย็น ให้หัวใจที่เหี่ยวเฉาของเธอผลิใบอ่อนขึ้นมาบ้าง เพียงแค่ใบเดียว ดูช่างไม่มั่นคงเอาเสียเลย แต่มันกลับแข็งแกร่งราวพอที่จะต่อความหนาวเย็นของฤดูหนาวทั้งฤดูได้
ทั้งสองยืนเงียบอยู่ชั่วขณะ หยวนชูเฟินไม่ได้ตอบรับ
“ฉันว่าไม่ดีกว่า ปล่อยให้คนหนุ่มสาวสนุกกันเถอะ” หยวนชูเฟินส่งยิ้มเป็นปฏิเสธส้งชิงเซวี๋ยน
มือที่ยื่นออกมานั้นไม่ได้ดูตั้งใจจนเกินไป ราวกับว่าเขาเตรียมตัวสำหรับคำปฏิเสธของเธอไว้แล้ว เขาถอนมือกลับและสอดลงไปในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต “ใช่ครับ ปล่อยให้คนหนุ่มสาวสนุกกันเถอะ กลัวว่าคนหนุ่มสาวพวกนั้นจะรู้สึกอึดอัด”
ดวงตาของหลงเซียวสงบนิ่ง “แม่ครับ ถ้าแม่เหนื่อยก็พักผ่อนที่นี่ หยังเซินอยู่ด้านนอก ถ้าแม่อยากกลับบ้าน แม่โทรหาเขาได้ตลอดนะครับ”
“ได้จ๊ะ ไปเถอะ วันนี้สนุกมาก เดี๋ยวแม่นั่งตรงนี้สักพักค่อยไป”
ลั่วหานผลักหลงเซียว “หลงเซียว เกาจิ่งอานและคนอื่น ๆ รอคุณอยู่ คุณไปดูพวกเขาหน่อยสิ”
เกาจิ่งอานกำลังเต้นกับโจวโร่หลินอย่างเมามัน เรียกเขาเสียที่ไหน?
หลงเซียวรู้ว่าลั่วหานหมายถึงอะไร และพูดด้วยสีหน้านิ่ง “ผมจะรอคุณอยู่ตรงนั้นก็แล้วกัน”
หลังจากหลงเซียวออกไป ลั่วหานก็ดึงแขนเสื้อของส้งชิงเซวี๋ยน บอกให้เขาไปกับเธอ “ลุงส้ง พวกมาคุยกันหน่อยเถอะค่ะ”
ส้งชิงเซวี๋ยนกระแอมไอเพื่อซ่อนอารมณ์ของเขา “เสี่ยวลั่วลั่วมีอะไรจะคุยกับลุงหรือ?”
ลั่วหานดึงแขนเสื้อของเขา “ลุงส้ง ที่นี่ไม่มีใครอื่น บอกฉันมาตามตรงเถอะค่ะ ว่าคุณชอบแม่ของฉันหรือเปล่า”
เมื่อส้งชิงเซวี๋ยนถูกลั่วหานยิงคำถามแบบนี้ เขาจึงฝืนยิ้มออกมาแก้เก้อ “นี่…เด็กน้อยอย่าพูดอะไรไร้สาระ ชอบไม่ชอบอะไรเล่า ลุงอายุปูนนี้แล้ว ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น”
ลั่วหานจ้องเขาไม่วางตา “คะ? ลุงไม่ได้คิดเรื่องนี้จริง ๆ หรือ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนกำมือในกระเป๋าของเขา แล้วค่อย ๆ คลายออก เสียงกลองดังกึกก้องอยู่ภายในหู งานแต่งงานที่มีชีวิตชีวาส่งผลต่อจิตใจของผู้คนได้อย่างง่ายดาย เขาต้องยอมรับว่า หัวใจของชายชรานั้น… เหี่ยวเฉาราวกับต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
“ลุง… คิดจนเลิกคิดไปแล้ว?”
เขามีท่าทีประหม่า ราวกับเป็นรักครั้งแรกของหนุ่มสาว หลอกเธอไม่ได้หรอก
“ลุงอยู่คนเดียวมาโดยตลอด เป็นเพราะแม่ของหนูหรือเปล่าคะ?” ลั่วหานถามกลับอย่างไม่ลดละ
ส้งชิงเซวี๋ยนต้องการปฏิเสธ แต่กลับพบว่าเขาไม่สามารถอ้าปากพูดได้ ทำได้เพียงพึมพำเสียงเบา “นั่น…ไม่นับ…หรอก ”
ไม่นับหรือคะ? ลุงอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว และไม่เคยเจอผู้หญิงที่ตามจีบคุณเลยหรือ ลุงไม่ถูกใจสักคนเลยหรือ? ทำไมยังชอบแม่ของหนูอยู่ ลุงไม่ได้สารภาพกับแม่แล้วใช่ไหม? “ดวงตาอันชาญฉลาดของลั่วหานมองผ่านความคิดของเขา
“ลั่วหาน หนูอย่าหลอกถามลุงเลย หนูถามจนลุงไม่รู้จะตอบอย่างไร”
ลั่วหานไม่รอให้ส้งชิงเซวี๋ยนได้พูดต่อ “ลุงส้ง การตกหลุมรักมันปิดไม่มิดหรอก ลุงคิดว่าพวกเราดูไม่ออกหรือ พวกเราดูออกตั้งแต่แรกแล้ว”
ในที่สุดความยับยั้งชั่งใจของส้งชิงเซวี๋ยนก็หมดลง “เด็กคนนี้นี่! ยุให้ลุงโกรธได้จริง ๆ จะให้ลุงพูดออกไปทำไม?”
ลั่วหานกลั้นยิ้ม “แม่ของหนูและหลงถิงเป็นสามีภรรยากัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่สามารถจบลงได้ภายในเวลาอันสั้น และอีกอย่างแม่ของหนูป่วยหนัก และเวลาของเธอมีจำกัด หนูเกรงว่าจะให้ลุงมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ถ้า ลุงเป็นห่วงแม่จริง ๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองเสียใจในภายหลัง ใช้เวลาในช่วงบั้นปลายชีวิตกับเธอเถอะค่ะ”
ส้งชิงเซวี๋ยนค่อย ๆ หันศีรษะของเขา และมองไปในทิศทางของหยวนชูเฟิน
ฉันไม่รู้ว่าเธอตลกอะไร รอยยิ้มของเธอช่างอ่อนโยน ใบหน้าที่ไม่อ่อนเยาว์ของเธอมีเสน่ห์เฉพาะตัว หาที่เปรียบไม่ได้
ลั่วหานมองเห็นทุกอย่าง เธอไม่รบกวนส้งชิงเซวี๋ยนอีกต่อไป จึงเดินออกมาอย่างเงียบเชียบ และเข้าไปหาหลงเซียว
แขกที่อยู่ในงานไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาได้หมวกฟางมาจากไหน ทุกคนสวมหมวกที่ทำจากใบไม้สานของแอฟริกัน หมวกหลายสิบใบรวมกันเป็นมหาสมุทรสีเขียว พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ชวนให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ
“แอนน่า! แอนน่า! ผมเก่งไหม?!” เจมส์กระโดดเข้าไปราวกับกวาง และหยุดลงระหว่างลั่วหานและหลงเซียว
หลงเซียวขมวดคิ้ว “เจมส์ นี่คุณยังมีตาอยู่หรือเปล่า?”
เจมส์ตอบอย่างไร้เดียงสา “ผมไม่มี”
“ฮ่าฮ่า!” ลั่วหานคลี่ยิ้มทันที
เจมส์ไม่สนใจสายตาที่เย็นชาของหลงเซียว “แอนน่า นี่ยังไม่หมดนะ โปรดให้ร่วมมือกับผมหน่อยนะครับ”
“ยังมีอีกหรือ?”
“มีสิครับ! งานแต่งงานจะรีบจบได้ยังไง พี่มากับผมสิครับ!”
เจมส์ดึงข้อมือลั่วหาน และพาเธอออกไปต่อหน้าหลงเซียว
กู้เยนเซินเบิกตากว้าง “แม่เจ้าโว้ย เจมส์กล้าหาญมาก คว้าตัวผู้หญิงของคุณชายหลงไปต่อหน้าต่อตา หึหึ มันจบแล้ว เขาซวยแล้ว”
ไป๋เวยยื่นมือไปเบี่ยงใบหน้าของเขาให้กลับมา “มองอะไร มองฉันนี่สิ!”
กู้เยนเซินหันหน้ากลับอย่างเชื่อฟัง “ได้ครับ ภรรยาของผม คุณสวยที่สุด!”
…
“มีอะไรอีก อย่ามาหลอกฉันนะ พูดมา” ลั่วหานและเจมส์เดินไปยังด้านหลังของหอประชุม ภายในมีห้องเล็ก ๆ ที่เป็นห้องสารภาพบาปของศาสนิกชน
เจมส์ชี้ไปที่ประตูบานหนึ่ง “คุณเข้าไปก่อนสิ”
ลั่วหานเลิกคิ้วขึ้น “มีแผนอะไร? ฉันไม่เข้าไป”
“หนึ่งนาที!”
ในเวลานี้ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว แสงของพระจันทร์และดวงดาวสาดส่องอยู่ภายนอกหน้าต่างบานสูงราวกับภาพฝัน ซึ่งให้บรรยากาศโรแมนติก กว่าช่วงกลางวัน
ลั่วหานหรี่ตาจ้องเขา “คุณคิดจะทำอะไร?”
“คุณพูดมากจัง เข้าไปดูเองกับตัวก็รู้แล้วไม่ใช่หรือครับ?”
ลั่วหานสังเกตบ้านห้องเล็ก ๆ อย่างสงสัย และคิดว่าคงไม่เป็นอันตรายอะไร “หนึ่งนาทีเท่านั้น ถ้าคุณโกหกฉันคุณตายแน่”
เจมส์เม้มริมฝีปากแน่น และก้มหน้างุด
ลั่วหาน เปิดประตู —-
คลิก!
ทันใดนั้นไฟของโบสถ์ก็ดับลง ความมืดมิดที่เกิดขึ้นในห้องโถงทำให้ผู้คนปรับตัวไม่ทัน และสถานการณ์ทั้งหมดก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
“อ๊ะ! ไฟดับ!”
“ไฟดับได้ยังไง!”
“โอ๊ย ใครเหยียบเท้าฉัน”
“สวิตช์ไฟล่ะ! เปิดสวิตช์เร็วเข้า !”
ลั่วหานหันกลับไปด้านหลังอย่างเคยชิน แต่ถูกดึงดูดโดยสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
หิ่งห้อย!
ทันใดนั้น หิ่งห้อยหลายหมื่นตัวก็บินออกมาจากห้องเล็ก ๆ ที่ถูกปิดไว้ แสงกะพริบเป็นจุดราวกับดวงดาวที่พร่างพราวบนท้องฟ้าร่วงหล่นมายังโลกมนุษย์ ลั่วหานชะงักอยู่กับที่ ปล่อยให้หิ่งห้อยบินผ่านเธอไป
พระเจ้า! ! นั่นคือหิ่งห้อยที่งดงามและมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาในชีวิต!
แสงกะพริบ ราวกับปลาดาวเรืองแสงบนชายหาดทะเลอีเจียน!
สวยจนเกินบรรยาย
ในไม่ช้า ลั่วหานก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นและประหลาดใจจากฝูงชนอีกด้านหนึ่ง เสียงเชียร์ระเบิดออกมาแทนเสียงโห่ร้องเมื่อครู่นี้อย่างรวดเร็ว เสียงที่เปล่งออกมานั้นช่างท่วมท้น
“สวยมาก!”
“พระเจ้า! หิ่งห้อย! ฤดูนี้มีหิ่งห้อยได้อย่างไร!”
“ว้าว สวยมาก! ถ้ามีคนมาขอฉันแต่งงานที่นี่ ฉันจะต้องตอบตกลงแน่นอน! ไม่สนว่าจะเป็นใคร!”
“หัวใจของฉันกำลังจะระเบิดแล้ว! ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย!”
แสงของหิ่งห้อยส่องสว่างกระทบกับลั่วหานและเจมส์ พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ใกล้มากพอที่จะเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน รวมถึงอารมณ์ที่สะท้อนในดวงตาของพวกเขา
“คุณได้หิ่งห้อยมาจากไหน? แอฟริกาหรือ?”
เจมส์คลี่มือของเขาออก และหิ่งห้อยที่เจมส์จับไว้ในมือของเขาก็บินออกมาหยุดอยู่ในระดับสายตาของลั่วหาน สะท้อนใบหน้าที่งดงามเกินบรรยาย
“แอนน่า คุณชอบไหม?”
ลั่วหานรีบคว้ามันหิ่งห้อยตัวนั้น แสงเรืองรองของมันลอดฝ่ามือของเธอ ราวกับเอลฟ์ตัวน้อย
“ชอบสิ ฉันขอบคุณแทนเสี่ยวจื๋อแล้วกันนะ ” ลั่วหานยิ้มอย่างเปิดเผย
เจมส์ส่ายหัว “ทั้งหมดนี้ผมเตรียมไว้ให้คุณ”
“ฮ่า ๆ คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าฝ่าบาท? วันนี้เป็นวันแต่งงานของหลงจื๋อและหลินซีเหวิน โอเค?” ลั่วหานสาวเท้าออกไป เธออยากออกจากสถานการณ์อันแสนอึดอัดนี้โดยเร็วที่สุด
เจมส์คว้ามือของเธอจากความมืดสลัว เขากางมือของเธอออก วางแสงกะพริบลงบนฝ่ามือของเธอ “หิ่งห้อยเหล่านี้ผมเลี้ยงมันขึ้นมาเอง เลี้ยงมันเพื่อคุณ ผมคิดว่า…ผมจะใช้มันขอคุณแต่งงาน”
หัวใจของลั่วหานเต้นระรัวในอก ราวกับตกเข้าไปในหลุมลึก “คุณกำลังเล่นตลกอะไร?”
เจมส์ยิ้มพราว ดวงตาของเขาพราวประกายยิ่งว่าหิ่งห้อยเมื่อครู่ แต่แสงนั้นกลับหม่นลง จนแทบแยกไม่ออก “แต่ผมเข้าใจแล้วในวันนี้ว่า วันนั้นคงไม่มีทางมาถึง แต่ของที่ผมจะให้คุณ ผมก็ต้องให้คุณ คุณต้องคนแรกที่เห็น!”
ร่างสูงโปร่งของหลงเซียวยืนอยู่ห่างออกไป เขามองเห็นและได้ยินทุกอย่างชัดเจน เท้าที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงัก ความเยือกเย็นบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ จางหายไป
ลั่วหานยังคงกุมมือแน่น ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในฝ่ามือของเธออย่างฉับพลัน ทำให้เธอลังเลที่จะคลายมือของเธอออก
“ขอบคุณนะ ฉันมีความสุขมาก”
“งั้น…ผมขอกอดหน่อยได้ไหม” เจมส์ถามอย่างเขินอาย หลังจากถามออกไปเขาก็อธิบายต่อว่า “ถือว่าเป็นกอดลาสำหรับผมดีไหม? หลังจากนี้ผมจะมองคุณเป็นเพียงแค่หมอแอนน่า และจะไม่…เอิ่ม…”
“ได้สิ!”
ลั่วหานเหยียดแขนทั้งสองข้างของเธอออกไปในความมืดสลัว เธอกอดไหล่ของเจมส์ แต่เขาสูงเกินไป ลั่วหานจึงต้องเขย่งเท้าของเธอขึ้นเพื่อกอดเขา
เจมส์ตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ!
กอด … กอดเขา?
แอนน่า … กอดเขาจริง ๆ!