ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 961
ตอนที่ 961 เด็กในท้อง
“ปล่อยฉันนะ ใครกล้าแตะต้องฉัน!”
แต่ในครั้งนี้แม่หลินก็เอาจริง หลินซีเหวินเองก็ไม่น้อยหน้า เธอตั้งท่าต่อสู้จากนั้นตะโกนใส่บอดี้การ์ดทั้งหลายที่รุมเข้ามา
ชายรูปร่างกำยำทั้งสี่คนยืนตกตะลึงอยู่ท่ามกลางผู้หญิงทั้งสอง พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
คุณนายหลินพูดขึ้นด้วยความเย็นชาว่า “มัวรออะไรอยู่ เอาตัวเธอขึ้นรถสิ!”
บอดี้การ์ดทั้งสี่คนจึงเดินเข้าไปเพื่อจะกุมตัวหลินซีเหวิน
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้อีกครึ่งชีวิตของพวกแกหาความสุขไม่ได้!” คำขู่ของหลินซีเหวินก็ค่อนข้างดุเดือด
สร้างความลำบากใจให้แก่บอดี้การ์ดทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาทำอะไรไม่ถูกได้แต่หันมามองดูคุณนายหลิน
“ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร ไม่ต้องไปฟังทั้งสิ้น จับเธอขึ้นรถให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าเธอยังร้องออกมาอีกก็ปิดปากเธอซะ” คุณนายหลินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กลบเกลื่อการต่อต้านของหลินซีเหวินได้อย่างดี
บอดี้การ์ดเหล่านั้นรับเงินมาเพื่อทำตามคำสั่ง และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องทำตามเจ้านาย จึงไม่ลังเลและรีบเข้าไปกุมตัวหลินซีเหวินเอาไว้
หลินซีเหวินพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เสื้อคลุมสีขาวตัวยาวของเธอเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ปากกาที่ใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอกก็ร่วงลงสู่พื้น แล้วถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งเหยียบเสียจนเละ
“ปล่อยฉันนะ พวกแกปล่อยฉันนะ! หม่ามี๊ นี่หมามี๊กำลังลักพาตัวฉันอยู่นะ ฉันจะแจ้งความจับ!” หลินซีเหวินพยายามต่อสู้กับการถูกคุมตัว และปากของเธอก็ยังต่อสู้กับแม่อยู่ไม่หยุด
คุณนายหลินมองดูลูกสาวของตนที่พยายามต่อสู้ มองไปแล้วคล้ายกับตัวตลกที่กำลังกระโดดหนี
“จะแจ้งความจับฉันอย่างนั้นหรือ? ก็ได้ เชิญเลย! ฉันอยู่มาเกือบห้าสิบปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นกฎหมายข้อไหนบอกว่าการที่แม่จะพาตัวลูกสาวกลับบ้านเป็นเรื่องผิดกฎหมาย! ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าฉันทำผิดกฎหมายข้อไหนไม่ทราบ?”
หลินซีเหวินคิดได้ เธอตกตะลึงและอุทานในใจว่า ตายแล้ว ตายแน่ๆ!
ตัวเธอนั้นเปรียบดั่งซุนหงอคง ส่วนแม่ของเธอเป็นเหมือนพระยูไล ต่อให้เธอกระโดดหนีไปไกลสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจหนีฝ่ามือของแม่ไปได้
เธอจะยอมแต่โดยดีและร้องขอ หรือจะต่อต้านจนถึงที่สุดดี?
จะรอแก้แค้นในตอนหลัง หรือจะทำให้จบเลยในตอนนี้?
พระเจ้า ให้ตายสิ! ใครก็ได้ช่วยบอกเธอที
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ! มีคนจะลักพาตัวค่ะ ช่วยด้วย!” หลินซีเหวินตะโกนออกมาสุดแรง แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเหมือนกับหูหนวกตาบอด ไม่มีใครช่วยเธอสักคน
ให้ตายสิ!
บรรดาฮีโร่ที่ออกมาช่วยหญิงสาวในโทรทัศน์เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ! พวกผู้อุทิศตนก็เหมือนกัน!
นี่มันแย่จริงๆ! ฉันจะไม่ดูละครอีกต่อไป!
“ช่วยด้วยค่ะ มีคนจะลักพาตัวผู้หญิงกลางวันแสกๆ!”
คุณนายหลินขมวดคิ้วด้วยความโมโห “ปิดปากเธอซะ!”
“ครับ”
หลินซีเหวินรีบปิดปากตัวเอง “อืมๆๆๆ”
ฉันปิดปากตัวเองก็ได้ ไม่ต้องให้พวกแกช่วย!
“หม่ามี๊เป็นแม่ของฉันจริงๆเหรอ เป็นแม่แท้ๆของฉันใช่ไหม?”
ต่อให้หลินซีเหวินออกแรงมากเท่าไหร่ แต่ผู้ชายถึงสี่คน อีกทั้งยังมีร่างกายกำยำเนื่องจากได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เธอจะไปสู้ได้อย่างไร ในไม่ช้าเธอก็ถูกพวกเขาคุมตัวไว้ได้ มือและเท้าของเธอสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ เธอทำได้เพียงรอการ พิพากษาจากแม่ของเธอ
เมื่อลั่วหานเดินออกมาจากประตูแล้วมองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเกินที่เธอจะคาดหมาย!
เดิมทีเธอคิดว่าคุณนายหลินนั้นไม่ว่าอย่างไรก็คงจะไม่โหดร้ายกับลูกสาวในไส้ของตัวเองขนาดนี้ ใครจะไปรู้กันว่าเธอนั้นจะเด็ดขาดกว่าที่คิดไว้มาก
เมื่อหลินซีเหวินเห็นว่าคนที่เดินออกมานั้นก็คือลั่วหานที่อยู่ในชุดสีขาว หัวใจดวงน้อยของเธอก็เหมือนกับได้ฟื้นคืนชีพ
ลั่วหานนำมือทั้งสองข้างใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วยิ้มทักทายว่า “คุณนายหลิน เจอกันอีกแล้วนะคะ”
คุณนายหลินตอบกลับเธออย่างโมโหว่า “ทำไมเหรอคะ? วันนี้อยากจะเล่นงานฉันอีกหรือไง?”
ลั่วหานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แหมคุณนายหลินละก็ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะฉันไปจัดการคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ว่าแต่……คุณนายหลินคะ คุณทำแบบนี้กับลูกสาวตัวเองไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะคะ”
คุณนายหลินทำท่าเยาะเย้ยแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันอบรมสั่งสอนลูกสาวของฉัน คุณเข้ามาเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ?”
ลั่วหานไม่แสดงถึงอารมณ์โกรธใดๆออกมา “ใช่ค่ะจากมุมมองที่คุณแม่สั่งสอนลูกสาวแล้ว คุณจะทุบดีสั่งสอนคุณหมอหลินอย่างไร ฉันก็ไม่ว่า แต่ในฐานะหมอ ฉันมีความจำเป็นที่ต้องตักเตือนคุณว่า การกระทำที่คุณทำกับคุณหมอหลินในโรงพยาบาลนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมทางแพ่ง”
คุณนายหลินหัวเราะราวกับได้ฟังเรื่องตลก “ฮ่าๆอาชญากรรมอย่างนั้นเหรอ?คุณหมอฉู่ คุณคิดว่าฉันไม่รู้กฎหมายหรือไง?”
“ไม่ใช่แน่นอนค่ะ แต่คุณนายหลินอาจจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกสาวคุณไม่ใช่ตัวคนเดียว ถ้าการกระทำของคุณไปทำร้ายจนทำให้เกิดอะไรต่อเด็กในท้องก็คงจะไม่ดีแน่” ลั่วหานพูดแล้วยิ้มขึ้น
ดวงตาของหลินซีเหวินเป็นประกายขึ้นทันที
ท้องอย่างนั้นเหรอ?
อ้อ! ใช่จริงๆด้วย พี่ลั่วพูดถูกแล้ว การตั้งครรภ์เป็นข้ออ้างที่ดีทีเดียว ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้กันนะ?
“โอ๊ย!ท้องของฉัน ท้องฉัน……”หลินซีเหวินได้ยินดังนั้นก็แสร้งทำละครตบตา ราวกับว่าเธอเจ็บท้องขึ้นมาจริงๆ
บัดนี้สีหน้าของคุณนายหลินไม่น่ามองเท่าไหร่นัก
เธอโมโหแต่ก็ไม่กล้าตบ “แก!แก……”
หลินซีเหวินน้ำตานองหน้า ใบหน้าแดงระเรื่อของเธอประกอบกับปากที่สั่นคล้ายกับจะร้องไห้ “หม่ามี๊คะ ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากบอกหม่ามี๊หรอก แต่ในเมื่อทุกอย่างดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วฉันก็คงไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป ฉันท้องกับหลงจื๋อค่ะ”
มือของคุณนายหลินง้างขึ้น ใกล้จะตบลงไปที่ใบหน้าของหลินซีเหวิน
“แม่ตีฉันเลย ตีให้ตายไปเลย ถ้าฉันไม่ได้อยู่กับหลงจื๋อ ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว แม่ตีฉันสิ! ไม่ต้องออมมือไม่ต้องปรานี ฆ่าฉันไปซะให้รู้แล้วรู้รอดเลย ฉันตายไปก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว เราสองแม่ลูกก็คงไม่เหงา”
หลินซีเหวินตะโกนออกมาอย่างกล้าหาญ ทำให้คุณนายหลินหยุดชะงักมือของเธอลงกลางอากาศ
หลินซีเหวินกัดปากตัวเองแล้วน้ำตานองหน้าพูดว่า “หม่ามี๊รักและดูแลฉันเหมือนเจ้าหญิงมากกว่ายี่สิบปี ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจและพอใจกับทุกสิ่งที่ได้รับ แล้วฉันจะตอบแทนบุญคุณทุกสิ่งที่ได้มาอย่างสุดความสามารถ ถ้าการที่ฉันตายจะทำให้หม่ามี๊บรรเทาความโกรธลงได้ ก็นับว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณอย่างหนึ่ง
เพียงแต่ต้องรบกวนหม่ามี๊บอกกับแด๊ดดี้หน่อยว่า ฉันมันอกตัญญู ไม่สมควรเป็นลูกของพ่อ!
อีกอย่างเด็กในท้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลง ตอนนี้ฉันเป็นสะใภ้บ้านตระกูลหลงเต็มตัวแล้ว หลังจากที่แม่ตีฉันจนตาย ฉันฝากให้แม่เอาศพของฉันให้หลงจื๋อด้วยนะคะ แล้วตั้งศพไว้ที่หลุมศพของตระกูลหลงด้วยนะคะ”
ลั่วหานยืนมองเหมือนถูกฟ้าผ่า
เจ้าเด็กนี่แสดงเก่งมาก ไหลลื่นไปตามน้ำได้ดีจริงๆ
คุณนายหลิวโมโหมาก แม้จะสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่อยู่ก็มองออกว่าเธอหายใจแรง “แก! นี่แกตั้งใจทำให้ฉันโมโหใช่ไหม นังลูกบ้า แกยังมีความละอายใจอยู่หรือเปล่า ทำไมฉันถึงมีลูกสาวอย่างแกได้นะ!”
หลินซีเหวินกางแขนขาของเธอออกแล้วพูดว่า “หม่ามี๊เข้าใจฉันดีใช่ไหม ฉันเลือกที่จะเป็นหยกอันแตกร้าว ก็ไม่ยอมเป็น กระเบื้องที่สมบูรณ์แบบ ตอนที่ฉันเลือกอาชีพก็เป็นแบบนี้ และการเลือกเนื้อคู่ก็เช่นกัน ถ้าแม่พยายามจะให้ฉันเปลี่ยนแปลงละก็ ฆ่าฉันเลยซะดีกว่า”
“นี่ ที่แกพยายามพูดว่าให้ฉันฆ่าแกก็เพราะว่าแกรู้ดีว่าฉันทำไม่ลงสินะ!” คุณนายหลินพูดด้วยความโมโห เพราะอย่างไรนี่ก็คือลูกสาวในไส้ของเธอ เธอจะตัดอนาคตลูกสาวไม่ได้จริงๆ
หลินซีเหวินน้ำตานองหน้าแล้วพูดว่า “หม่ามี๊ ในอนาคตลูกของฉันจะต้องเรียกคุณว่าคุณยาย และเรียกแด๊ดดี๊ว่าคุณตา ในที่สุดตระกูลของเราก็มีคนสืบสกุลแล้ว เรื่องเหล่านี้สำคัญไม่เท่าเงินทองอย่างนั้นเหรอคะ? เงินคืออะไรกัน ตอนเกิดก็ไม่ได้ติดตัวมา ตอนตายก็เอาไปไม่ได้ จะนำมันมาใช้วัดความสุขได้เหรอคะ?”
ใบหน้าของคุณนายหลินยังไม่อ่อนลง คิ้วของเธอเลิกสูงขึ้น “ใช่ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันปกป้องแกดีเกินไป ทำให้ไม่รู้จักว่าอะไรควรไม่ควร ไม่เคยรู้ว่า……”
คุณนายหลินหลับตาลง “ช่างมันเถอะ”
ลั่วหานในฐานะคนนอก ไม่เหมาะสมที่จะเข้ามาแทรกในเรื่องของตระกูลหลินจึงทำได้แต่มองอยู่ข้างๆ
แต่คำพูดของหลินซีเหวินทุกประโยคเธอจำได้ขึ้นใจ
คุณนายหลินพูดอย่างหมดเรี่ยวแรงว่า “ปล่อยเธอ ให้เธอไปค่ะ”
บอดี้การ์ดเหล่านั้นถอยหลังออกไปแล้วเปิดทางออก
“หม่ามี๊……”หลินซีเหวินรู้สึกปวดร้าวหัวใจ
คุณนายหลินไม่อยากหันไปมองลูกสาวของตนเอง เธอหันไปทางลั่วหานแล้วพูดว่า “คุณหมอฉู่คะ ฉันเลี้ยงดูลูกสาวไม่ดีเอง ทำให้คุณรู้สึกว่ามันน่าขำสินะ”
ลั่วหานส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตรงกันข้ามกันเลยค่ะ คุณนายเลี้ยงดูเธอมาได้อย่างดีมาก เธอเป็นคนซื่อตรง จิตใจใสสะอาด น่ารักและใจดี การที่หลงจื๋อได้แต่งงานกับเธอนับเป็นโชคดีของเขา เมื่อถึงเวลาแล้วหวังว่าคุณนายหลินและคุณท่านหลินจะเดินทางไปอวยพรให้พวกเขา……”
“เป็นไปไม่ได้!”
คุณนายหลินตอบอย่างไร้ความปรานี
เมื่อพูดจบเธอก็เดินตรงกลับไปที่รถเบนท์ลีย์ เปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง
หลินซีเหวินมองดูรถสีดำที่วิ่งจากออกไป ฝุ่นละอองต่างๆทำให้เธอต้องหลับตาลง เมื่อเธอลืมตามาอีกครั้งก็พบว่ารถคันนั้นได้หายไปแล้ว
——
“ทนายความของจำเลย โปรดอ่านข้อแก้ตัวของคุณได้”
ในศาลหมายเลขสี่ ทั้งสองฝ่ายยังคงโต้ตอบกันไปมา
เฉินเส้าหวาลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ครับ ท่านผู้พิพากษา”
หลินเค่อเฟยตั้งใจฟังทุกคำพูด
การอภิปรายของคณะลูกขุนเริ่มอ่อนแอลง จากคำอธิบายของหลินเค่อเฟยเมื่อสักครู่ ทำให้ในใจของพวกเขาไม่อาจสงบลงได้!
หากทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นความจริง เช่นนั้น ท่าทางภายนอกอันสงบนิ่งของหลงถิงก็แฝงไปด้วยความในใจที่สกปรกนะสิ!
——
“พี่ครับ หาผมเหรอ?”
หลงจื๋อทำสีหน้าไม่ดีนัก ขอบตาของเขาดำคล้ำมาก
“นั่งลงก่อนสิ” หลงเซียวไม่ได้พูดอะไรให้มากความ สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนสองพี่น้องกำลังคุยกันในฐานะเจ้านายและลูกน้อง
เมื่อหลงจื๋อนั่งลงก็ถามว่า “วันนี้ขึ้นศาล พี่ไม่ไปเหรอ?”
หลงเซียวหยิบเอกสารออกมาแล้วยิ้มเบาๆว่า “แกก็ไม่ไปเหมือนกันนี่”
หลงจื๋อไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ที่จริงหลายๆเรื่องนี้พวกเขาทั้งสองคนก็คิดเหมือนกันจึงไม่จำเป็นต้องอธิบาย
“เอกสารฉบับนี้ฉันยังไม่ได้เซ็นชื่อ แกลองดูอีกทีหนึ่ง ลองดูว่าเหตุผลคืออะไร?”
“ครับ”
หลงจื๋อเดินหยิบเอกสาร เตรียมตัวจะออกไป
“นั่งลงก่อน ดูที่นี่แหละ” หลงเซียวเคาะนิ้วแล้วมองไป เป็นความหมายว่าให้เขายืนอยู่กับที่
“……อืม ผมดูอยู่”
หลงจื๋อก้มหน้ามองดูเอกสารอย่างตั้งใจ นี่คือข้อมูลมาจากเมืองเจียงเฉิน เป็นรายละเอียดของงบประมาณทางการเงินสำหรับการ บูรณะเมืองเก่า
“ก๊อกๆ”
ประตูถูกเคาะขึ้น
เมื่อหลงเซียวเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าคือจี้ตงหมิง “เข้ามาสิ”
จี้ตงหมิงมองเห็นหลงจื๋อนั่งอยู่ข้างใน จึงได้พูดขึ้นอย่างลังเลว่า “เจ้านาย……”
“ไม่เป็นไรพูดออกมาเถอะ” หลงเซียวพูดขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
ส่วนหลงจื๋อเลือกที่จะนั่งทำเป็นหูทวนลมอย่างชาญฉลาด เขาเพ่งเล็งไปที่เอกสารในมือ
“ข้อมูลจากทางศาล ทนายของหลงถิงมีหลักฐานว่าเขาไม่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุในค่ำคืนนั้นครับ” จี้ตงหมิงไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายของตนจะต้องให้หลงจื๋อฟังเรื่องเหล่านี้
แต่หลงเซียวไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เนื่องจากหลงถิงนั้นวางแผนการมาอย่างดี จึงสามารถปกปิดมาได้ตลอดสามสิบปี “มีอะไรอีกไหม?”
“ทนายความของหลงถิงคือเฉินเส้าหวา” จี้ตงหมิงเก็บเรื่องนี้ไว้พูดทีหลัง
หลงเซียวหัวเราะแล้วพูดว่า “ผมพอจะเดาออก”
ในวงการของทนายความนั้น คนที่จะสามารถต่อสู้กับหลินเค่อเฟยได้มีเพียงเฉินเส้าหวาเท่านั้น
จี้ตงหมิงพูดขึ้นว่า “ดังนั้นการฟ้องร้องครั้งนี้อาจจะเป็นไปได้ยาก”
“ไม่เป็นไร การที่คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเราก็จะได้รับชัยชนะอย่างแข็งแกร่ง ผมเชื่อว่าข้อเท็จจริงนี้จะเป็นข้อโต้แย้งที่ดีที่สุด” หลงเซียวเหลือบตาไปมองหลงจื๋อ
ตอนนี้ในฝ่ามือของหลงจื๋อมีเหงื่อซึมออกมา เขาไม่รู้สึกว่าการที่พ่อของเขามีหลักฐานว่าไม่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุเป็นเรื่องดี
“ผมจะเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของศาลต่อไปครับ”
“อืม ไปเถอะ”
จี้ตงหมิงเดินออกมาจากห้องทำงาน ทำให้ภายในห้องกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
หลงจื๋อสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดว่า “พี่ครับ พ่อของผมจะแพ้คดีและเขาจะไม่เหลืออะไรเลยใช่ไหม?”
หลงจื๋อกำลังเซ็นชื่อของตนเองลงไปบนเอกสาร เดิมทีเขาจะเขียนเป็น “ห” แต่ก็ได้เปลี่ยนเป็น “ม” แล้วเขียนคำว่ามู่ออกมาแทน “อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่”