ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 971
ตอนที่ 971 หนี้ของพ่อลูกต้องชำระ
หลงจื๋อมึนงง
“เพราะอะไร? พ่อน่าจะให้คำอธิบายที่สมเหตุผลหน่อย ผมกับซีเหวินแต่งงานกันแล้ว เราเป็นสามีภรรยากัน”
มือทั้งคู่ของหลงถิงท้าวลงบนแขนโซฟา เห็นเส้นเลือดบนหลังมือที่ผอมแห้งอย่างชัดเจน “หลินเหว่ยเย่ต้องลากลูกลงมาแน่ ช่องโหว่เงินทุนของตระกูลหลินอีกไม่นานจะใหญ่เหมือนก้อนหิมะ เว้นแต่เขาจะประกาศว่าตระกูลหลินล้มละลาย ไม่อย่างน้ันลูกจะโดนหลอกจนหัวโต”
คำพูดของหลงถิงตีแผ่สภาพของตระกูลหลิน
คนที่ปิดหูปิดตารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ความจริงรู้สถานการณ์ดีกว่าใครๆ ตระกูลหลิน MBK ตระกูลฉู่ เจียงเฉิง เขารู้อย่างถี่ถ้วนมานานแล้ว
หลงจื๋อไม่รู้สึกตกใจ พูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“ที่พ่อพูดผมก็เคยคิดไว้นานแล้ว วันนั้นการประชุมคณะกรรมการที่ MBKพี่สะใภ้หลงกลตกหลุมพรางของหลินเหว่ยเย่ ที่จริงผมเชื่อคำพูดของพี่สะใภ้ และรู้วัตถุประสงค์ของหลินเหว่ยเย่ แต่ตระกูลหลินไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการแต่งงานของพวกเรา”
หลงจื๋อกำลังคิดว่า จะบอกพ่อเรื่องสัญญาก่อนแต่งงานที่เขาทำไว้กับซีเหวินดีหรือเปล่า
แต่ดูจากวิธีการของพ่อ เขาจะเอาสัญญามาแฝงเป็นนัยไหมนะ?
หลงถิงไม่ได้โมโหแค่เรื่องเดียว “เหลวไหล ในเมื่อลูกรู้แล้ว ทำไมยังจะแต่งงานอีก?”
“ผมรักซีเหวิน! เราแต่งงานกันไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ หรือในสายตาของพวกพ่อ การ
แต่งงานก็คือผลประโยชน์ร่วมกันทางธุรกิจ? แต่อย่างน้อยไม่ใช่ผม”
หลงถิงจ้องลูกชายที่ไม่ได้ดั่งใจ ไม่เห็นความเป็นตัวเขาในตัวลูกแม้แต่นิดเดียว ทำให้เขาผิดหวังมาก โกรธเป็นไฟ “เหลวไหล! หลินเหว่ยเย่ไม่ใช่คนง่ายๆ อย่างที่ลูกคิด ลูกคิดว่าจะประมือกับเขาได้เหรอ? ลูกคิดว่าอาศัยที่ลูก มีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินก็จะรอดตัวอย่างนั้นเหรอ?”
หลินเหว่ยเย่ร้ายขึ้นมา ร้ายซะยิ่งกว่าหมาในหมาป่าเสือโคร่งเสือดาวเสียอีก หลงจื๋อที่ไร้เดียงสาต้องถูกเขากินไม่เหลือกระดูกแน่
ตอนเขายังไม่ตาย หลินเหว่ยเย่อาจจะไม่กล้าเหิมเกริม แต่ถ้าเขาไม่อยู่ ลำพังกำลังของหลงจื๋อจะสู้กับเขาได้อย่างไร?
หลงจื๋อไม่รู้ความห่วงใยภายในใจของพ่อ ยังคงแก้ต่างต่อ “พ่อ พ่ออย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นคนซับซ้อนอย่างนั้นสิ”
หลงถิงกุมหน้าอก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ “หลินเหว่ยเย่เขาจะทำร้ายลูก”
“ไม่หรอก ซีเหวินเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ผมเป็นลูกเขย ต่อให้ยังไงต่อไปก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” มือถือในมือหลงจื๋อหยุดสั่น เสียงที่ร้องมาตลอดหนึ่งนาทีก็หยุดลง
หลงถิงอ้าปาก เอ่ยคำพูดที่ติดอยู่ในปากไม่ออก ทำไมเขาถึงมีลูกไม่เอาไหนอย่างนี้!
“พ่อจะบอกให้ ที่พ่อถอนคนของตัวเองทั้งหมดออกจากMBK ก็เพราะการฟ้องร้องครั้งนี้” หลงถิงเปลี่ยนจากความโมโหกลายเป็นสงบนิ่ง หลับตาอธิบายด้วยความปวดใจ
“ผมรู้” หลงจื๋อหลบสายตา
เขารู้ ว่าพ่อเขาเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย
“พ่อไม่ได้ฆ่ามู่เส้าเอิน ลูกเชื่อไหม?” หลงถิงยิ้มให้กับตัวเอง เหมือนตัวเขาเองก็ไม่เชื่อ
หลงจื๋อพูดไม่ออก
“ลูกไม่เชื่อ ไม่มีใครเชื่อ” หลงถิงหัวเราะเหอะๆ ออกมา เคว้งคว้างเหมือนหมาป่าโดดเดี่ยวในคืนที่มืด
“พ่อยอมรับเถอะ ยกเลิกการฟ้องร้อง บางทีอาจจะผ่อนปรนกันได้ ผมจะยื่นขอทัณฑ์บนให้เพื่อเข้ารักษาตัว” หลงจื๋อหลบสายตา
“นี่แกใช่ลูกแท้ๆ ของฉันเหรอเปล่า! ทั้งที่เป็นลูกชายฉันสุดท้ายก็คิดจะส่งฉันเข้าคุก!” หลงถิงโกรธจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ กำหมัดชกไปที่โซฟา
“พ่อ พ่อทำผิดไปแล้ว อย่าให้ผิดอีกเลย ถึงเวลาแล้วที่ต้องให้ทุกอย่างจบลง วางใจเถอะ ไม่ว่าพ่อจะอยู่ในฐานะอะไร ผมจะกตัญญูต่อพ่อจนพ่อแก่เฒ่า” เบ้าตาหลงจื๋อแดงก่ำ ขอร้องด้วยเสียงสั่นเครือ
หลงถิงแสยะยิ้ม “พ่ออยากยิงแกทิ้งจริง!”
“ใช่ พ่อทำได้แน่ เหมือนตอนนั้นที่พ่อยิงมู่เส้าเอิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อลั่นไก ผมเข้าใจ” หลงจื๋อคอตก ไม่มองหน้า น้ำตาร่วงลงบนพื้น
ใบหน้าของหลงถิงโกรธจนเป็นสีม่วง “มู่เส้าเอินสมควรตายแล้ว! ลูกจะไปรู้อะไร!”
หลงจื๋อค่อยๆ เงยหน้าที่เปื้อนน้ำตาขึ้น พูดด้วยปากที่สั่นเครือ “พ่อ ในที่สุดพ่อก็ยอมรับแล้ว……คดีเลือดของตระกูลมู่ พ่อเป็นคนทำ……ทำไมพ่อไม่รับสารภาพต่อศาล?”
หลงถิงยิ้มเยาะ “สารภาพ? สารภาพว่าพ่อเป็นฆาตกร?”
“พ่อก็เป็นอยู่แล้ว” เสียงของหลงจื๋อคล้อยต่ำ แต่แน่วแน่
“ใช่! พ่อเอง! พ่อเป็นฆาตกร มู่เส้าเอินเขาสมควรตาย! พ่อไม่ลงมือ ก็ต้องมีคนอื่นลงมือ! พวกเขาสมควร ตายทั้งครอบครัว!”
หลงถิงไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน มือท้าวที่โซฟา ดันตัวลุกขึ้นยืน!
กล้ามเนื้อเป็นมัด จ้องบุตรชายเหมือนเบ้าตาจะทะลัก
เหมือนดวงตาของเหยี่ยวนักล่าในคืนมืดสนิท ทำให้ผู้คนไม่สามารถหลบหนีจากความโหดเหี้ยมและกลิ่นไปสังหารได้
หลงจื๋อตัวแข็งทื่อมองดูเขา ปาดใบหน้าแล้วยิ้มแหยๆ พบว่าใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา “พ่อ……พ่อ……ทำไมถึงลงมือได้โหดเหี้ยมอย่างนี้? ทำได้อย่างไร?”
“ออกไป” หลงถิงปิดตาลง ชี้ไปยังประตูด้วยความรำคาญ
“พ่อ……”
“ไสหัวออกไป!”
ที่ รีสอร์ตหยีจิ่ง
พวกลั่วหานทานมื้อค่ำกันแล้ว กลางคืนหลงเซียวมีประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ เขาประชุมอยู่ในห้องหนังสือ ลั่วหานเล่นอยู่กับชูชูในห้องนั่งเล่น หมู่นี้ชูชูดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ในอก ชอบกระโดดโลดเต้น
ป้าหลันบอกว่าเด็กอยากเดินแล้ว เด็กสมัยนี้โตเร็ว โตไม่กี่เดือนก็อยากเดินแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก
ในบ้านไม่มีเจมส์กับหยวนซูเฟิน ดูเงียบไปอย่างฉับพลันแบบไม่คุ้น ยังดีที่มีชูชูน้อย!
“เบบี๋ แม่สอนลูกเดินดีไหมจ๊ะ? จากนั้น ให้พ่อของลูกสอนลูกพูด ต่อไปพูดจาให้มีสำเนียงเหมือนคุณพ่อ ดีไหมจ๊ะ?”
ป้าหลันยิ้มอยู่ข้างๆ “คุณนายหญิง ให้เด็กผู้หญิงพูดจาเหมือนคุณพ่อคงไม่ค่อยดีกระมัง? พูดเหมือนคุณน่าจะดีกว่า! ต่อไปไว้มีคุณชายน้อย ค่อยให้พูดเหมือนคุณพ่อ”
แต่ลั่วหานเขาชอบแบบที่หลงเซียวพูดนี่!
“เหอะๆ ก็จริง”
กริ่งประตูบ้านดังขึ้น ป้าหลันวิ่งเหยาะๆ ไปดูที่หน้าจอ “คุณนายหญิง คุณชายหลงจื๋อมาค่ะ”
หลงจื๋อ? ดึกป่านนี้เขาจะมาทำไมกัน?
ไม่สิ วันนี้เขาต้องไปกินข้าวที่บ้านซีเหวินไม่ใช่เหรอ?
เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งก็เสร็จแล้วเหรอ?
“ให้เขาเข้ามา”
หลงจื๋อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยความร้อนใจ มองไม่เห็นหลงเซียว “พี่สะใภ้”
ลั่วหานชี้ไปที่ห้องหนังสือชั้นสอง “พี่ชายเธออยู่ข้างบน เธอขึ้นไปสิ เคาะประตูก่อน เขากำลังประชุมวิดีโอทางไกลอยู่”
ลั่วหานก็ไม่ได้สุภาพอะไรนัก เห็นเขารีบร้อน ต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแน่
“อืม งั้นผมขึ้นไปล่ะ”
ชูชูเอี้ยวคอ ดวงตาสีองุ่นเข้มทั้งคู่มองไปที่หลงจื๋อ ปรบสองมือด้วยความดีใจ แต่คุณอาที่รักของเธอเดินผ่านโดยไม่มองมาเลย เด็กน้อยผิดหวังมาก
หลงจื๋อสงบจิตสงบใจ เคาะที่ประตูห้องหนังสือ
หลงเซียวยังประชุมไม่เสร็จ ปิดเสียงลงชั่วคราว “เข้ามาสิ”
หลงจื๋อผลักประตูเข้ามา มือข้างหนึ่งยังยันประตูไว้ “พี่ใหญ่”
“เสี่ยวจื๋อ? มีธุระเหรอ?”
เขานึกว่าเป็นลั่วหาน นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวจื๋อจะมาเวลานี้
“อืม มีธุระ”
หลงจื๋อปิดประตู ยืนอยู่ตรงหน้าหลงเซียว
ความใกล้ ทำให้หลงเซียวเห็นเส้นเลือดในตาของเขา รู้เลยว่าเขาเพิ่งร้องไห้มา “มานั่งคุยกัน ไม่ต้องร้อนใจ”
พอหลงจื๋อเห็นพี่ใหญ่ห่วงใยเขาอย่างนี้ จมูกก็ส่งเสียงฟึดฟัด น้ำตาที่ไม่เอาไหนก็ไหลออกมา คนตัวเมตรแปดสิบ ร้องไห้ยังกับเด็กไม่มีใครรัก หัวไหล่สั่นเทิ้ม กระดูกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่……ฮือฮือ!”
หลงเซียวปิดวิดีโอการประชุม พิมพ์ข้อความว่า: “เท่านี้ก่อน”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เล่าเสร็จก่อนค่อยร้อง”
ปากพูดเสียงดุ แต่หลงเซียวก็ยังยื่นกระดาษทิชชูให้เขา ให้เขาร้องไห้เต็มที่
หลงจื๋อเช็ดน้ำตาสะเปะสะปะ ออกแรงเช็ดรุนแรง “เขารับสารภาพแล้ว พ่อผม……เขารับสารภาพแล้ว ว่าเขาเป็นฆาตกรในตอนนั้น พี่ใหญ่ ผมขอโทษ ผมผิดต่อพ่อของพี่ ครอบครัวของพี่! ผม……กลับปกป้องพ่อผมมาตลอด ผมขอโทษ!”
หลงเซียวขมวดคิ้วขึ้น “เขาสารภาพกับปากเองเลยเหรอ?”
หลงจื๋อคิด ท่าทางของพ่อแบบนั้น ต่างจากการสารภาพตรงไหน?
“อืม เขาถอนผู้บริหารระดับสูงออก เพราะกลัวตัวเองแพ้คดีแล้วต้องติดคุก พวกเขาฉวยโอกาสเล่นเล่ห์เหลี่ยมภายใน เขาพูดเองกับปาก”
หลงถิงอยากปกป้องMBKเป็นความจริง ไม่อยากให้ความอื้อฉาวของตัวเองต้องทำให้บริษัทเดือดร้อน ก็เป็นความจริง
เขาไว้วางใจหลงเซียวมากกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขที่เขาเลี้ยงดูมา ก็เป็นความจริง
หลงเซียวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ วนนิ้วมืออย่างช้าๆ มองดูหลงจื๋อ อย่างเงียบๆ
หลงจื๋อสูดจมูก ใบหน้ากระอักกระอ่วนเบนไปอีกทาง “อันนี้……ผมให้……”
หลงเซียวเห็นปากกาบันทึกเสียงของเขา ขมวดคิ้ว “นายอัดเสียงไว้เหรอ?”
หลงจื๋อยิ้มด้วยความขมขื่น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความขัดแย้งในใจ เขาปริปากร้องอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ใช้ตอนประชุม แล้วลืมปิด เสียงบันทึกอยู่ช่วงท้าย……
เขาติดค้างครอบครัวพี่ แต่เขาไม่ยอมชดใช้ ผมจะชดใช้ให้ หนี้ของพ่อลูกต้องชำระเป็นเรื่องธรรมชาติ……
ที่จริงเวลาเขาก็เหลือไม่มากแล้ว ต่อให้ถูกลงโทษ ดูจากสภาพร่างเขาแล้วก็ไม่น่าจะอยู่คุกได้ “ถ้าสามารถทำให้คดีเลือดตระกูลมู่กระจ่างได้……ผมก็ขอยอมเป็นลูกอกตัญญูสักครั้ง”
หลงจื๋อลากมือของหลงเซียวมา ยัดปากกาบันทึกเสียงใส่ในมือเขา น้ำตาหยดติ๋งๆ ลงบนหลังมือของหลงเซียว
“นายอยากให้ฉันทำอย่างไร?” สายตาของหลงเซียวไม่ได้อยู่ที่ปากกาบันทึกเสียง แต่จับจ้องที่หลงจื๋อ
หลงจื๋อออกแรงสูดลมหายใจ ไม่สามารถควบคุมน้ำตาได้เลย เช็ดแล้วก็ยังทะลักออกมา ใบหน้าหนุ่มน้อยร้องไห้จนกล้ามเนื้อแข็งเป็นก้อน “การอุทธรณ์ต้องใช้หลักฐานใหม่ถึงจะเปิดศาลได้ไม่ใช่เหรอ? มีแค่สิ่งนี้……ก็น่าจะพอแล้ว”