ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 997
“จิ้นเหยียนประชุมเสร็จแล้วหรอ!”
เจิ้งซิ่วหยาวางโทรศัพท์กลับเข้าไปในลิ้นชักแล้วชักปิด จากนั้นก็วิ่งไปเอาแขนโอบรอบคอถังจิ้นเหยียนอย่างมีร่าเริงโดยไม่อายหมอที่เดินผ่านประตูไปมา
ถังจิ้นเหนียนกลับตอบเธออย่างอบอุ่น “อืม เสร็จแล้ว อีก 1 ชั่วโมงฉันจะไปห้องผ่าตัด”
“อื้ม! เดี๋ยวฉันก็จะไปแล้ว เมื่อกี้ส่งมาส่งคุณชายรองมาโรงพยาบาล คิดถึงนายเลยขึ้นมาหา” เจิ้งซิ่วหยาซบอ้อมอกเขาอย่างออดอ้อนราวกับลูกแมวป่า
ถังจิ้นเหยียนเหลือบมองลิ้นชัก “ฉันยังพอมีเวลา เธออยากดื่มอะไรล่ะ? ให้ฉันชงกาแฟให้หน่อยไหม?”
“อื้ม! เอาสิ ฉันเอาคัปปุชชีโนเพิ่มน้ำตาลสองเท่า” เจิ้งซิ่วหยาชูนิ้วสองนิ้วแล้วส่ายไปมา
“กินหวานมากเกินไปไม่ดีนะ การกินหวานจะทำให้เกิดสิว” เขากลับไม่กังวลว่าเธอจะอ้วนขึ้น
“เว้นวันนี้สักวันน่า ปกติฉันก็ไม่กินหวานเยอะอยู่แล้ว แค่อยู่กับนายมันก็หวานพออยู่แล้ว จำเป็นต้องเพิ่มน้ำตาลที่ไหน! 555!”
ถังจิ้นเหยียนเงิบมาก “นั่งลงเถอะ ฉันจะไปชงกาแฟให้”
“อื้ม! จริงสิ เมื่อกี้มีคนโทรหานาย เป็นคนอเมริกัน เขาวางสายตอนนายเข้ามา เดี๋ยวนายค่อยโทรกลับนะ”
ถังจิ้นเหยียนถือแก้วกาแฟ “ไม่เป็นไร น่าจะเป็นอดีตคนไข้หรือไม่ก็อาจารย์มหาวิทยาลัย”
เขาเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติดูนิ่งมาก
“โอเค…” ดวงตาเจิ้งซิ่วหยาโค้งอย่างมีความสุข เธอมองถังจิ้นเหยียนอย่างหลงใหล
ดื่มกาแฟไปได้ครึ่งแก้ว โจวจั่นก็มาเคาะประตู
“ลูกพี่ครับหัวหน้าโทรมาให้เรากลับสถานีตอนนี้”
ร่างสูงของโจวจั่นยืนรออยู่นอกประตู สายตาของเขาเคลื่อนออกจากถังจิ้นเหยียนอย่างอึดอัด
ถังจิ้นเหยียนยิ้มแล้วพยักหน้าให้เขา เขายิ้มอย่างกำยำน่าเอ็นดู
เจิ้งซิ่วหยาดื่มกาแฟที่เหลือให้หมดแล้วพูดว่า “ที่รัก ฉันไปแล้วนะ! คืนนี้ฉันไม่ได้เข้าเวร นายผ่าตัดเสร็จจะกลับบ้านมั้ย? ทำซี่โครงสั้นเปรี้ยวหวานให้ฉันได้ไหม?”
ถังจิ้นเหยียนรับหยิบแก้วกาแฟจากเธอ “น่าจะดึกๆหน่อย แต่คืนนี้ฉันสัญญาว่าจะทำให้เธอกิน”
“โอเค! งั้นฉันไปแล้วนะ!”
โจวจั่นออกจากประตูอย่างรู้ตัว รอจนเจิ้งซิ่วหยาเดินออกมาถึงจะไปรอที่หน้าลิฟต์
เธอจะแสดงท่าทางเป็นหญิงสาวใสซื่อเฉพาะต่อหน้าหมอถังเท่านั้น เวลาอื่นๆเธอก็ทำตัวเหมือนเป็นยอดมนุษย์
ถังจิ้นเหยียนหยิบโทรศัพท์ออกมามองตัวเลขยาวๆแต่คุ้นเคย ใบหน้าเขามีอารมณ์ที่ซับซ้อนแล้วขมวดคิ้วแน่น
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็โทรกลับเบอร์นั้น
ไม่นานก็มีคนรับสาย
“คนที่รับสายเมื่อกี้ไม่ใช่ฉัน” น้ำเสียงชัดเจนของถังจิ้นเหยียนไร้อารมณ์
“ฉันสังเกตได้ ดังนั้นฉันจึงวางสายไป ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย เหอะเหอะ เมื่อกี้ใครน่ะ? แฟนหรอ?”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ว่ามา โทรหาฉันมีเรื่องอะไร?”
ถังจิ้นเหยียนดึงเก้าอี้มานั่งแล้วกางบันทึกการประชุม
“ให้ฉันยืมเงินสักก้อนสิ สำหรับนายแล้วมันไม่มากหรอก ล้านเดียว ให้ฉันก่อนเที่ยงพรุ่งนี้”
อีกฝ่ายพูดอย่างเป็นธรรมชาติไม่คิดว่าเงินหนึ่งล้านจะมากอะไร
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้ขมวดคิ้ว “เงินนี่ฉันให้นายได้ แต่นายจะเอาไปใช้ทำอะไร? ถูกกฎหมายมั้ย?”
ชายคนนั้นหยอกล้ออย่างคลุมเครือว่า “ฉันเป็นคนที่ละเมิดกฎหมายหรอ? ก็ต้องเอาไปใช้ในทางที่ถูกกฎหมายสิ ช่วงนี้เรื่องที่อังกฤษเยอะ เงินในมือของฉันหมุนไม่ทัน อาทิตย์หน้า…ช้าสุด 15 วัน ฉันจะคืนให้”
ถังจิ้นเหยียนทำเครื่องหมายไว้ในสมุดการประชุม “ฉันให้ธนาคารโอนเงินให้ แต่ถ้าฉันรู้ว่านายใช้มันในทางที่ไม่ถูก…”
“วางใจได้! ถูกกฎหมายอย่างแน่นอน! แล้วอีกอย่างช่วงนี้ฉันจะไม่กลับลอนดอนหรืออเมริกา มีเรื่องอะไรอย่าติดต่อฉัน ฉันจะติดต่อนายไปเอง”
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาได้ฟัง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? นายจะหนี?”
“หนีบ้าหนีบออะไร? ฉันไม่ใช่คนที่โดนประกาศจับ ไม่พูดละ รอนายโอนเงินมา”
สายถูกตัด
สายตาที่อ่อนโยนของถังจิ้นเหยียนเต็มไปด้วยความสงสัย
——
ในที่สุดท้องฟ้าลอนดอนก็ปลอดโปร่ง หมอกหนาทึบจางลง ท้องฟ้าดูสดใสโล่งตาเป็นพิเศษ
วันถัดไป
ลั่วหานนับถอยหลังในใจ
“สามีหวัดของฉันหายแล้ว วันนี้เราจะไปไหนกันดี?”
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ทั้งสองก็ไปกินข้าวที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่ง จี้ตงหมิงก็ได้รับเชิญให้มากินอาหารเช้าด้วย
ลั่วหานตักซุปเห็ด ข้างในมีครีมเล็กน้อยซึ่งรสชาติดีมาก
“ไปพระราชวังวินด์เซอร์แล้วฉันจะพาเธอไปหอดูดาวหอดูดาวหลวงกรีนิช ถ้ามีเวลาพอเราค่อยไปแม่น้ำเทมส์ แล้วก็กินมื้อค่ำร้านอาหารแถมริมแม่น้ำเทมส์ หรือไปกินอาหารจีนที่ชุมชนคนจีนในต่างแดน เธอคิดว่าไง?”
“เอาที่นายว่าเลย เราค่อยไปชุมชนคนจีนในต่างแดนพรุ่งนี้…พรุ่งนี้นายว่างไหม?” ลั่วหานถามเขาอย่างไม่แน่ใจพร้อมช้อนซุปในมือ
จริงๆแล้วเธอกลัวว่าเขาจะบอกว่าไม่ว่างที่สุด
จี้ตงหมิงนั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหารแสร้งทำเป็นไม่รู้จักทั้งสองคน แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาไม่กล้ารบกวนโลกของพวกเขาสองคน
แต่ก็อับจนหนทาง เพราะเขาต้องบอกบอสเรื่องข่าวที่เขาได้มา
จี้ตงหมิงวางมีดและส้อมลงแล้วยิ้มอย่างขอโทษ “บอสครับ…มีเรื่องอะไรนิดหน่อย”
ลั่วหานก้มหน้ากินต่ออย่างรู้เวลา กล้ารายงานให้เขาฟังในเวลาที่เสี่ยงต่อการกลอกตาใส่แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็กแน่?
หลงเซียวเช็ดมุมปาก “รอฉันแป๊บนะเดี๋ยวมา”
ทั้งสองเดินออกจากโต๊ะอาหารไปที่บริเวณเลานจ์ซึ่งมีโซฟาอยู่ ตรงนั้นไม่มีใคร
“ว่ามา มีอะไร?”
จี้ตงหมิงยื่นโทรศัพท์เขา “หลงถิงไปบริษัท เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการ คุณชายรองไม่อยู่ แอนดี้ติดต่อคุณชายรองไม่ได้”
หลงเซียวพยักหน้า “อืม พูดอะไรในที่ประชุมบ้าง?”
“ที่แปลกคือเขาไม่ได้พูดอะไรเลย เขายังคงพูดเข้าข้างบอส ยืนยันความสำเร็จของบอสอย่างจริงจัง แถมยังประเมินงานประกาศรางวัลนี้ไว้สูง แต่ทว่าเขากลับตำหนิคุณชายรอง”
หน้าจี้คงหมิงมีเครื่องหมายคำถาม ไม่เข้าใจทิศทางเกมหมากรุกของหลงถิง
หลงเซียวเดาว่าหลงถิงจะไปที่ประชุมคณะกรรมการ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะมาไม้นี้ “เขากำลังทดสอบว่ามีกี่คนที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับเขา พูดต่อ”
“หลงถิงเสนอที่จะซื้อกิจการlongRiverสาขาจีนในสหรัฐอเมริกา จัดตั้งหน่วยธุรกิจการเงินMBK สมาชิกคณะกรรมการให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ข้อเสนอดังกล่าวมาถึงสำนักงานของบอสแล้ว เดี๋ยวคงส่งแฟกซ์มายังโรงแรม”
หลงเซียวได้วางแผนที่จะพัฒนาการลงทุนด้านการเงินและสินเชื่อไว้นานแล้ว แต่เขาไม่ได้วางแผนที่จะพึ่งพาMBK แต่เป็นบริษัทฉู่ซื่อ
ฝ่ายการเงินเพื่อการพัฒนาของหลงถิงไม่มีอะไรมากกว่าการพยายามโอนเงินทุนของบริษัท การเน้นการลงทุนดูเหมือนว่าจะช่วยให้เขาขยายอาณาเขต แต่ในความเป็นจริงมันเป็นการทำลายอำนาจของเขา
เหอะ!
แสดงว่าบุคคลสำคัญของคณะกรรมการสองสามคนที่ถูกหลงถิงกระจายอำนาจคงจะทำเพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการทางการเงิน
หมากตัวนี้ เขาวางแผนนานแค่ไหนแล้ว?
“ให้แอนดี้พูดคณะกรรมการในนามฉันว่าฉันไม่ขัดข้อง”
หลงเซียวยิ้ม
“บอสครับหลงถิงขี้โกงชัดๆ”
“ฉันรู้ ไม่ต้องกังวลกับลูกไม้ของเขา ดูสิว่าเขาจะเคลื่อนไหวยังไง” หลงเซียวพูดอย่างสบายๆพลางมองน้ำพุนอกหน้าต่าง
“ครับ งั้นผมจัดการตามนี้นะครับ อ้อแล้วรูปที่ส่งให้คุณนาย เธอได้รับแล้วนะครับ”
จี้ตงหมิงจับตาดูด้านโลจิสติกส์มาตลอด เวลาหกโมงกว่าตามเวลาจีนมีการเซนต์รับของแล้ว
“อื้ม…”
การสนทนาของทั้งสองสิ้นสุดลง จี้ตงหมิงหยิบโทรศัพท์ไปโทรเตรียมงานด้านข้าง
โทรศัพท์ของหลงเซียวดังขึ้นทันที
สายจากหวังเค่ย
“ท่านครับ ที่ท่านบอกให้ผมตรวจสอบเรื่องของMAX ตอนนี้ได้เรื่องแล้วครับ เขาเป็นนักการเมืองที่โดดเด่นจริงๆ ตอนอายุ 25 เขาได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีชั้นสูงมีส่วนร่วมในการตัดสินใจครั้งสำคัญของอังกฤษ เขาอายุน้อยและมีเสน่ห์มาก เป็นคนที่มีแววด้านการเมืองและรัฐบุรุษ แต่ความสามารถเขาโดดเด่นเกินจึงมีคู่แข่งทางการเมืองมาโดยตลอด
เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 27 ขณะเตรียมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นรัฐมนตรี ท่านนายกรัฐมนตรีตั้งใจที่จะส่งเสริมสนับสนุนเขา แต่ไม่รู้ทำไม จู่ๆเขาก็ถูกคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจกดขี่จึงถูกขับออกจากราชวงศ์ หลังจากนั้นเขา 3 เดือน เขาก็อยู่แต่ในคฤหาสน์ไม่ไปไหน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ต่อมาเขาก็หายตัวไป
รูปภาพและข้อมูลทั้งหมดของเขาถูกบล็อก ผมแฮ็กเข้าไปในหน่วยงานความปลอดภัยของอังกฤษขโมยมาบางส่วนซึ่งส่งให้ท่านแล้ว
มีข่าวลือหนึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า MAXถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่เผาใบหน้า”
ไฟไหม้ครั้งใหญ่? เมื่อสามสิบปีที่แล้ว…
คิ้วของหลงเซียวชนกัน
“รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับไฟไหม้กับการเสียโฉมมั้ย?” หลงเซียวตระหนักลางๆได้ว่า MAXอาจเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเขา มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่เขาอย่างมากเช่นกัน
“ยังคงต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ เวลาผ่านไปนานแล้ว ข้อมูลจำนวนมากอาจถูกปิดผนึกหรือถูกทำลาย มีใครบางคนไม่ต้องการให้เรารู้” หวังเค่ยใช้เวลา 1 วันเพื่อแฮ็กเว็บไซต์หลายแห่งที่เชื่อถือได้ แต่ข้อมูลที่ได้กลับน้อย
ไม่ว่ายังไงคู่ต่อสู้ตอนนี้ของพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนของราชวงศ์!
“ขุดต่อไปเรื่อยๆ หาได้เท่าไรก็เท่านั้น ถ้าเจอบอกฉันทันที”
คนหนึ่งก็MAX คนหนึ่งก็Cres
มีคนหนึ่งเกี่ยวข้องกับแม่เขา ส่วนอีกคนหนึ่งเข้าไปพัวพันกับหลงถิงจนแยกไม่ออก
ข้างในนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
หลงเซียวต้องพิจารณาสถานการณ์โดยรวมทั้งหมด
…
“ถ้างานนายยุ่งมาก นายไม่จำเป็นต้องไปกับฉันแล้ว นายไม่ได้มาลอนดอนเพื่อเที่ยว ฉันเข้าใจ” ลั่วหานยังคงกินอย่างช้าๆไม่ต้องการให้เขาจัดเวลาให้กับเธอ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ฉันสั่งงานให้พวกเขาทำแล้ว กินข้าวเสร็จเราไปพระราชวังวินด์เซอร์กันเถอะ”
พระราชวังวินด์เซอร์ที่ตั้งตระหง่านเป็นที่ประทับของราชินีแห่งอังกฤษ นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลมาไม่ขาด ทุกฤดูกาลล้วนเป็นฤดูท่องเที่ยว
พอเห็นพระราชวัง ลั่วหานก็รู้สึกหดหู่
พระราชวังอะไรกัน เธอจะต้องทำงานที่นี่อีกหลายเดือน มันไม่สวยเลยสักนิด
หลงเซียวกลับกำลังคิดพิจารณาอยู่กับตัวเอง
ราชวงศ์…นักการเมือง…
เมื่อปีนั้นตระกูลมู่ถูกไฟคลอกตายกวาดล้างร่องรอยของการฆาตกรรมทั้งหมด
หากบอกว่าเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องบังเอิญ แต่หากเชื่อมทุกเรื่องเข้าด้วยกัน มันก็ไม่บังเอิญแล้ว
ขณะเดียวกัน บริษัทอึนเคอในเมืองหลวง
เกาจิ่งอานลูบหัวที่เหนื่อยล้า นี่เป็นคืนที่สองที่เขาทำงานติดต่อกันแล้ว หลายวันมานี้เขาหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
“แม่มึงสิ เรื่องยุ่งยากของเมืองเจียงเฉิงเป็นเรื่องที่ยากมาก ฉันล่ะอยากจะฆ่าแม่งจริงๆ!”
นี่เป็นครั้งที่หลายร้อยที่เขาอยากจะฆ่าล้างเรื่องเวรๆของเมืองเจียงเฉิง
โชคร้ายที่แผนของเขาถูกปฏิเสธถึงสองครั้ง โชคดีที่แผนสามของเขาออกมาแล้ว!
ไอ้เหี้ยเจิ้งเฉิงหลิน กูไม่เชื่อว่าจะเอาชนะมึงไม่ได้!
เกาจิ่งอานถือแผนที่สดๆร้อนๆใหม่ยกหางคิ้วเบาๆ
ก๊อกๆ
จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในห้องทำงานที่เงียบ
เกาจิ่งอานดูเวลา มาเคาะเวลานี้เนี่ยนะ?!
“ใคร?”
เกาจิ่งอานเก็บแผนเข้าไว้ในลิ้นชักแล้วหยิบไม้เบสบอลแล้วเดินช้าๆไปที่ประตูห้องทำงานทีละก้าวๆ
“คุณครับ พัสดุที่คุณสั่งครับ โปรดเซนต์รับด้วยครับ”
เกาจิ่งอานตากระตุก “ฉันไม่ได้สั่ง”
ประหลาดมาก! สั่งของตอนดึก?
“คุณครับ ใบรายการเขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นของคุณเกาจิ่งอาน เลขท้ายเลขโทรศัพท์ 0511 ใช่ไหมครับ?”
ตาเกาจิ่งอานถลน ใช่ เลขท้ายเลขโทรศัพท์เขา “ของอะไร?”
“ในกล่องนี้ผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร รบกวนช่วยเซ็นชื่อให้ด้วยครับ”