ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 101
บทที่ 101 หลังจากนี้จะจดจำความชอบของเธอ
“ไม่ใช่นะคะ?”
“ผมอยากจะให้คุณส่องกระจกเพื่อดูว่าหน้าตัวเองหม่นแค่ไหน?”
ลั่วมั่นรู้สึกอายเล็กน้อย และไอแห้งๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เฟิงเฉินถามขึ้น “คุณไม่ทานเครื่องในใช่ไหม?”
ลั่วมั่นอึกอัก “เปล่าค่ะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ทานเครื่องใน แต่วันนี้ฉันไม่ค่อยอยากอาหารน่ะค่ะ……”
“เอาเถอะ” เฟิงเฉินเหลือบมองเธอ
“แค่พูดสองคำนี้ คุณก็หน้าซีดแล้ว และยังปากแข็งอีก ไม่ทานก็ไม่ทานครับ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลย ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะครับ?”
“ไม่ใช่เพราะอายหรอกค่ะ” ลั่วมั่นรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่เสียงกลับเบาลง “แต่เป็นเพราะ เป็นเพราะ……”
“เพราะอะไรครับ?” เฟิงเฉินจ้องเธอ
“ไม่มีอะไรค่ะ” ลั่วมั่นเม้มปาก และปฏิเสธที่จะพูด
ท่าทางโมโหและพองแก้มนี้ ทำให้เฟิงเฉินนึกถึงปลาปักเป้า ที่เมื่อสัมผัสแล้วจะพองเหมือนลูกบอล เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป และบีบแก้มเธอ
“คุณทำอะไรคะ?”
เมื่อยิ่งโมโห ก็ยิ่งเหมือนขึ้นไปอีก
เฟิงเฉินหัวเราะเบาๆ “ฮึ”
“หัวเราะอะไรคะ?”
“ไม่มีอะไรครับ”
เฟิงเฉินตัดสินใจที่จะซ่อนจุดหัวเราะเรื่องปลาปักเป้านี้ไว้ในใจ ก่อนจะเบี่ยงเบนประเด็น และถามว่า
“มีอะไรที่ไม่กินอีกไหม ผมจะได้จำไว้ หลังจากนี้จะได้ไม่เอามาให้คุณอีก”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนด้วยความเอ็นดูนั้น ทำให้ลั่วมั่นชะงักไปชั่วขณะ มีความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก จนเวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ถึงจะตอบสนอง และพูดด้วยความลังเล
“คงไม่……คงไม่มีแล้วค่ะ”
ปล่อยให้คนคนหนึ่งคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองยังมีอะไรที่ไม่กินอีก แต่ก็คิดไม่ออก
เฟิงเฉินสามารถเข้าใจจุดนี้ได้
ไม่เป็นไร ค่อยๆ เป็น ค่อยๆไป ค่อยๆ จดจำละกัน
สามวันต่อมา เฟิงเฉินและลั่วมั่นออกเดินทางกลับเมืองเจียง
ในความเป็นจริงตั้งแต่วันแรกที่ไปยังซีหลี่ เฟิงเฉินได้เร่งเร้าให้ลั่วมั่นออกไปเที่ยวข้างนอก แต่สุดท้ายเขาก็อยู่กับเธอในซีหลี่เป็นเวลาสามวันเลย ทั้งๆ ที่บอกว่าข้างนอกมีทิวทัศน์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้ แต่ก็กลับต้องใช้เวลาที่ทำงานต่างจังหวัดนี้ เป็นวันหยุดพักผ่อนซะได้
บนเครื่องบินที่กำลังบินกลับเมืองเจียง เครื่องบินเกิดความล่าช้าเนื่องจากสภาพอากาศ และต้องหยุดลงหลังจากที่เคลื่อนออกมาระยะหนึ่งแล้ว ผู้คนภายในห้องโดยสารต่างก็ร้อนรนกันไม่น้อย
“เบื่อรึเปล่า?” เฟิงเฉินถาม
ลั่วมั่นส่ายหัว และทันใดนั้นก็คิดอะไรออก “พวกเรามาเล่นเกมกันเถอะค่ะ”
“หืม?”
“เราลองชี้ไปที่บุคคลหนึ่ง และเดาว่าเขาทำงานอะไร คนรอบตัวเขามีความเกี่ยวข้องกันยังไง มาดูว่าใครจะเดาได้ใกล้เคียงที่สุด”
“ชนะหรือแพ้จะได้อะไร?”
“คนที่แพ้ก็ทำสัญญากับคนที่ชนะมาเรื่องหนึ่งก็ได้ค่ะ”
เฟิงเฉินสนใจ “โอเคครับ คุณชี้ ผมเริ่มก่อน”
ลั่วมั่นยกนิ้วขึ้นและมองไปรอบๆ ก่อนจะชี้ไปที่ชายคนหนึ่งที่อยู่ริมทางเดิน “เขาละกันค่ะ คุณเดาก่อนเลย”
เฟิงเฉินลูบคางของตัวเอง และจ้องไปที่ชายคนนั้นสักพัก “ชายคนนี้คาดว่าอายุประมาณ 25 ปี สูง 178 เซนติเมตร เขากำลังทำงานเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี”
“เทคโนโลยี?” ลั่วมั่นถาม “คุณดูออกได้ยังไงคะ?”
“ดูเขาไม่ค่อยพูด คงจะทำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดหรือไม่ก็หรือวิศวกรวาดภาพ”
ในขณะที่พูด ชายคนนั้นก็เขย่าแจ็คเก็ตของเขา ทำให้นามบัตรตกมาจากแจ็คเก็ต ซึ่งบนนั้นเขียนว่า ‘วิศวกรเครือข่ายบริษัทซวนโม่ จำกัด’
เฟิงเฉินสงบนิ่งมาก ดูเหมือนว่าเขาจะคาดหวัง
“แล้วคนที่อยู่ข้างๆ คนนั้นล่ะคะ?” ลั่วมั่นจี้ถามต่อ
ดวงตาของเฟิงเฉินกวาดมองไปที่มือของสองคนนั้น
“ข้างๆ เขาคือกับภรรยาของเขา ทั้งสองคนน่าจะเพิ่งแต่งงานกัน ครั้งนี้พวกเขาคงจะไปฮันนีมูนที่ซีหลี่”
ลั่วมั่นผงะไปชั่วขณะ “คุณรู้ได้ยังไง?”
“พวกเขาสวมแหวนแต่งงาน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วมั่นก็เหลือบไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัว และเห็นแหวนบนนิ้วนางของเจ้าสาว ก็ตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงได้รู้สึกว่าเกมนี้น่าเบื่อมาก