ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 102
บทที่ 102 ผู้คนล้วนมีความโลภ
ลั่วมั่นถอนสายตากลับ และกำนิ้วมือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“คุณอยากจะถามอะไรอีกไหม? หรือว่าต้องการให้พูดเพิ่มเติมอะไรอีก?” เสียงของเฟิงเฉินดังมาจากข้างๆ
“ไม่แล้วค่ะ” ทันใดนั้นเสียงตอบของเธอก็อ่อนลง และพยายามที่จะไม่มองตาของเฟิงเฉิน เธอกลัวว่าถ้ามองมากเกินไป จะเปิดเผยความอิจฉาของเธอในขณะนี้ได้
การแต่งงานที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อ 3 ปีก่อน แหวนแต่งงานที่ซื้อมา ก็เพียงสวมใส่ในวันแต่งงานเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครสวมมันอีกเลย
“งั้นคุณก็แพ้แล้ว”
“อืม ฉันแพ้แล้ว”
เสียงของลั่วมั่นหม่นลง
เฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป็นอะไร?”
“ง่วงแล้วค่ะ”
เฟิงเฉินไม่สงสัยอะไรอีก แต่ยกมือเรียกแอร์โฮสเตสเพื่อขอผ้าห่ม และนำมาคลุมตัวเธอ พร้อมปรับที่นั่งเล็กน้อย “นอนเถอะ”
ลั่วมั่นพยักหน้า แต่กลับไม่สามารถนอนหลับได้ เธอเพียงแค่หันศีรษะและสังเกตคู่รักที่อยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวัง
หญิงสาวหลับไปแล้ว แต่แอร์โฮสเตสยังไม่ได้เดินไปไหน ก็ถูกชายคนนั้นเรียกไป ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับแอร์โฮสเตส เธอถึงเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มอย่างนั้น ไม่นานหน้าจอของห้องโดยสารก็กะพริบสองครั้ง และภาพโบสถ์คริสตจักรก็มาแทนภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้
ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ ช่อดอกไม้ที่งดงาม การโยนช่อดอกไม้ที่คึกคัก รวมถึงภาพถ่ายและวิดีโอของช่วงฮันนีมูนทั้งหมด เจ้าสาวน่ารักมากเธอยิ้มอย่างมีความสุข
บรรยากาศทึมๆ แบบเดิมๆ ในห้องโดยสาร ค่อยๆมีชีวิตชีวาขึ้น และเจ้าสาวก็ตื่นขึ้นเช่นกัน โดยมองไปที่คนรอบข้างที่กำลังมองมาที่เธออย่างงัวเงีย จากนั้นก็จับมือของชายที่อยู่ข้างๆ อย่างเชื่องช้า จากนั้นก็เห็นหน้าจอแสดงผลในสายตาของเขา
เธอส่งเสียงออกมา “นี่” ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพู ก่อนจะตีชายคนนั้นหนึ่งครั้ง แล้วกระซิบว่า “คุณทำอะไรเนี่ย โอ๊ยคนตั้งมากมาย ขายหน้าตายเลย!”
ภายใต้ความโกรธที่ถูกแกล้ง แต่ก็ไม่อาจซ่อนเร้นความอิ่มเอมไว้ได้
ในที่สุดเจ้าสาวก็ดึงเขาขึ้นมาเพื่อขอโทษผู้โดยสารในห้องโดยสารนั้น และหยิบลูกอมจำนวนมากออกมาจากกระเป๋าแจกจ่ายให้ทุกๆ คน ภายในห้องโดยสารล้วนมีแต่เสียงอวยพรดังขึ้นมา
ลั่วมั่นอิจฉา
ในตอนนั้นเธอกับเฟิงเฉินไม่ได้แต่งงานกันในโบสถ์ และไม่ได้ร่วมสาบานอะไร พวกเขารีบจัดงานขึ้นในโรงแรม จนเสร็จสิ้นขั้นตอนที่ควรจะเป็น แม้แต่ฮันนีมูนก็ไม่มี แต่เธอก็ยังรอเขาด้วยความยินดี
รอมาตลอดสามปีแล้ว
การรอคอยนี้เจ็บปวดไปหน่อย แม้แต่การพูดคุยที่ดีก็ไม่มี สิ่งเดียวที่ทำให้เธออดทนต่อไป นอกจากจะเป็นเพราะตระกูลลั่วต้องการความช่วยเหลือจากเฟิงเฉิน และเหตุผลส่วนใหญ่ก็เพราะการแอบรักที่ขมขื่นมาตลอดหลายปีก่อนหน้านี้ สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นการยินยอม
ลั่วมั่นกำลูกอมที่คู่บ่าวสาวส่งมาให้ เธอรู้สึกน้อยใจมากขึ้น ก่อนจะรู้สึกคัดจมูกขึ้นมา ก็อดไม่ได้สูดหายใจเข้าไป และหันศีรษะไปอีกข้าง เพื่อไม่อยากให้เฟิงเฉินเห็น
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงเฟิงเฉินถามด้วยความห่วงใย
เธอพยักหน้าเบาๆ รู้สึกไม่สบายตัว
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ที่เฟิงเฉินดูแลเธอดี เธอก็ดีใจอยู่นาน แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังกลับเป็นไปในทางที่ถูกต้อง ก็รู้สึกอ่อนไหวมากขึ้น
บางทีคนเราก็มักจะความโลภ ยิ่งได้รับมากขึ้น ความปรารถนาก็ยิ่งมากขึ้น
เฟิงเฉินมองออกว่าเธอซึมไป ดวงตาเธอมองไปที่หน้าจอ จ้องไปที่วิดีโอฮันนีมูนของทั้งคู่ที่ชายหาด และคิ้วกระตุกเล็กน้อย
ลั่วมั่นขยับไปมาสองครั้ง และทำให้ความคิดของเขาหยุดชะงัก ดูเหมือนเธอจะนอนไม่สบาย เพราะปรับตำแหน่งการนอนอยู่หลายครั้ง
เฟิงเฉินจัดผ้าห่มให้เธออย่างนุ่มนวล เฝ้าดูใบหน้าที่หลับใหลของเธอค่อยๆ สงบลง ก็อดยิ้มไม่ได้
รอดูเวลาการประชุมคณะกรรมการในช่วงปลายปี แล้วจะได้หาเวลาออกไปฮันนีมูนด้วยกันซะที