ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 112
บทที่ 112 ผมไม่อยากนอนห้องรับรอง
จุมพิตที่ไม่ทันได้ตั้งตัวของ ทั้งเอาแต่ใจและเร่าร้อน พร้อมเอ่ยด้วยลมหายใจที่รุนแรง “ผมรอสามปีไม่ไหวหลอก เธอสามปีผมสามปี ก็หกปีแล้ว เรายังต้องมีลูกกันอีก”
ใบหน้าของลั่วมั่นแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดเจน เป็นไปได้ที่จะมีคนขึ้นมาตลอดเวลา อาจจะเป็นพ่อแม่ หรือสาวใช้ สติที่ยังคงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดสั่งการให้เธอผลักเขาออก แต่ความเร่าร้อนในกายกลับทำให้เธอหลงใหล
เฟิงเฉินตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตกับเธอ ได้อยู่กับเธอนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้จักเธอมากขึ้นเท่านั้น เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น เธอมีนิสัยตรงกันข้ามกับพวกคุณหนูคุณนาย บนโลกใบนี้เธอไร้สิ่งใดแทนได้ ลั่วมั่นเป็นหนึ่งเดียวที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในหัวใจของเขา
ทันใดนั้นเสียงเดินขึ้นบันไดแล่นผ่านมา ลั่วมั่นที่นิ่งแข็งไปทั่วร่าง เธอผลักเฟิงเฉินออกอย่างตระหนก ถือโอกาสที่เขาไม่ได้ตั้งตัว หมุนกายมุดเข้าไปในห้อง พร้อมล็อกประตูอย่างคล่องแคล่ว
ด้านนอกดังขึ้นด้วยเสียงที่เป็นธรรมชาติของเขา “คุณแม่ ขึ้นมาทำอะไรครับ?”
“แกจะนอนที่ห้องของมั่นมั่นไม่ใช่เหรอ? ห้องเธอมีหมอนแค่ใบเดียว ฉันก็เลยเอาหมอนใบใหม่ขึ้นมาให้ เอ๊ะ แล้วเธอล่ะ?”
“อยู่ในห้องครับ ไม่เป็นไร เอาหมอนนั่นให้ผมเถอะครับ”
“ถ้างั้น ก็ได้ รีบพักผ่อนซะ พรุ่งนี้พวกเธอต้องไปทำงาน”
“ครับ ท่านก็ด้วย”
เบื้องหลังบทสนทนาที่เป็นไปอย่างราบรื่น ลั่วมั่นพิงอยู่กับประตูไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลั่วมั่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความ “ฉันนอนแล้ว ฝันดี”
ผ่านไปหลายนาที โทรศัพท์สั่นอีกครั้ง
“ผมไม่อยากนอนที่ห้องรับรอง”
น้ำเสียงที่เกิดสลดขึ้นมาอย่างประหลาด
หากแต่ลั่วมั่นยังคงใจแข็ง
“ฉันไม่สน แน่จริงนายก็นอนหน้าห้องสิ”
เมื่อข้อความถูกส่งเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่มีทางที่เฟิงเฉินจะนอนที่หน้าห้องอยู่แล้ว เขาทนไม่ไหวขึ้นมา ก็กลับห้องนอนไปเองนั่นแหละ
ขณะที่เธออาบน้ำ ลั่วมั่นใจไม่อยู่กับตัว เธอบีบโฟมล้างหน้าลงตาข่าย ขยี้จนฟองฟอด นานกว่าจะหลุดออกจากภวังค์ เธอกำลังยืนสติหลุดลอยอยู่ที่ห้องน้ำ
ให้ตาย เขาคงไม่นอนที่หน้าห้องจริงๆ หลอกใช่ไหม!
หลังเธอสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมา ลั่วมั่นหยิบโทรศัพท์ขึ้น พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับ เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นเป่าผม แต่เธอกลับอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปที่หน้าห้องอยู่เสมอ หลายนาทีผ่านไป เสียงไดร์เป่าผมหายไป ลั่วมั่นเดินไปที่หน้าห้องอย่างระแวดระวัง กระทั่งแง้มประตูออก แต่ก็ยังใช้เท้าดันประตูเอาไว้อย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้คนข้างนอกเข้ามาได้ แม้ว่าตัวเธอเองก็นึกขำกับการกระทำของตนเอง
ข้างนอกว่างเปล่า มีใครซะที่ไหนกัน?
เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็มีความผิดหวังเล็กๆ ในใจ เธอปิดประตูลง มุ่งไปที่เตียงนุ่ม
สลัดผ้าห่มออก “แอ๊ด” เสียงเปิดประตู เธอสะดุ้งโหยง ขณะที่เธอหมุนตัว ใครบางคนได้ล็อกประตูเอาไว้เรียบร้อย ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ที่หน้าห้อง พร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“นางหญิงเฟิง ไม่ค่อยระวังตัวเท่าไหร่เลยนะ!”
ลั่วมั่นไม่มีเวลาให้นึกถึงความโมโห เธอตัวนิ่งแข็งทื่อ มือข้างหนึ่งกำผ้าห่มเอาไว้แน่น สีหน้าขาวซีด
ในขณะเดียวกัน สายตาของเฟิงเฉินกวาดไปที่รอบๆ ห้อง
เขาเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าทำไมเธอถึงไม่ให้เขาเข้ามาในห้องแล้ว
ห้องที่ปราศจากความเป็นหญิงสาว หากลั่วมั่นไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ เหมือนเขาหลุดเข้ามาในห้องเก็บสะสมของใครสักคน บนตู้เป็นโมเดลปืนจำลอง รอบๆ เต็มไปด้วยโมเดลเรือและเครื่องบิน คนในวงการแค่ดูก็รู้แล้วว่ามีแต่ชั้นเลิศอันลิมิเตด พร้อมกับภาพถ่ายที่ติดไปทั่วผนัง
หนึ่งในนั้นมีอยู่ใบหนึ่งที่ถูกขยายใหญ่ติดอยู่บนหัวเตียง เด็กผู้หญิงอายุราวๆ สิบห้าสิบหก ผมสั้นประบ่า สวมชุดประดาน้ำอย่างเชี่ยวชาญ ในมือถือปลาแซลมอนขนาดใหญ่ พร้อมมืออีกข้างที่เท้าสะเอวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เสมือนกับวีรบุรุษ นางหญิงเฟิง
เฟิงเฉินอึ้งทึ่งจนคางแทบหลุดออก