ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 115
บทที่ 115 นายแอบอ่านไดอารี่ของฉันเหรอ?
เฟิงเฉินขมวดคิ้วแน่น เขาโน้มตัวลงเก็บสมุด คิดที่จะเก็บเอาไว้ที่เดิม แต่กลับถูกการ์ดใบหนึ่งที่หลุดออกมาจากเอกสารดึงดูดเข้า ตัวอักษรที่ดูมีพลัง ภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว ความหมายงดงามเมื่อแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “กระดาษบันทึกอารมณ์ที่งดงามของเธอ หัวใจของผมแบ่งเบาสุขทุกข์ของเธอ”
จาก ‘Simon’
เฟิงเฉินถลึงตาโต สายตาของเขาเหลือบกลับไปยังสมุดเล่มหนาอีกครั้ง
“สิบสองกันยา ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เดือนแรกของชีวิตมหาลัยจบลง พี่ซือโม่พาฉันไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่นี่เหมือนกับที่พี่ซือโม่ได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน สวยงามมาก ไม่เสียแรงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาลัยที่เหมาะแก่การมีความรักมากที่สุด”
“สิบเก้ากันยา มืดครื้ม ฝนตกไม่ได้พกร่มมาด้วย ติดอยู่ที่ร้านกาแฟกับเพื่อนๆ ดีที่พี่ซือโม่ขับรถมารับ…..”
“ตรุษจีนจองตั๋วเครื่องบินไม่ได้ พี่ซือโม่บอกให้ไปห่อเกี๊ยวที่บ้านของเขา…..”
“ซือโม่….ซือโม่…..
กระดาษที่นมถูกพลิกต่อเนื่อง รายละเอียดด้านในพุ่งเข้ามาในสายตาไม่หยุด มีเพียงตัวอักษรสองคำเท่านั้นที่โดดเด่นเสียดแทงสายตา ‘ซือโม่’ ทำให้ผู้ที่พบเห็นไม่สามารถละสายตาได้เลย
นี่เป็นไดอารี่ของลั่วมั่น ซือโม่ให้เธอเป็นของขวัญเมื่อเก้าปีที่แล้ว ด้านในจดบันทึกทุกสิ่งอย่างในชีวิตมหาลัยตลอดห้าปีของเธอเมื่อตอนอายุสิบแปด
ตัวอักษรทุกตัวในนั้นไร้ความเกี่ยวข้องกับเขา ในห้าปีนั้นหรือว่าเร็วกว่านั้นอีก เป็นซือโม่ที่อยู่เคียงข้างเธอข้ามผ่านชีวิตมหาลัยตลอดห้าปี
เธอโกหก ซือโม่ไม่ใช่รุ่นพี่ที่เธอรู้จักที่มหาวิทยาลัย เร็วกว่านั้นอีก เธอรู้จักกับเขาตั้งแต่ที่เธอถูกผู้ปกครองส่งไปอยู่ที่อเมริกาสมัยปฐม แม้แต่การที่เธอได้เข้าศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ฮาร์วาร์ดก็เป็นเขาเองที่คอยช่วยเหลือเธอ ทุกสิ่งถูกจดบันทึกเอาไว้ในไดอารี่เล่มนี้ อย่างชัดเจน
สีหน้าของเฟิงเฉินสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน หลังจากที่ลั่วมั่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเฟิงเฉินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหนึ่งนิ่งไม่ไหวติง หันหลังให้กับเธอ แสงอาทิตย์สาดส่องที่เหนือหัวและแผ่นหลังของเขา แสงที่เจิดจ้าทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเขาทำอะไรอยู่กันแน่
“ฉันแต่งหน้านิดหน่อยก็ไปได้แล้ว คุณจะลงไปรอฉันข้างล่างก็ได้”
เธอหยิบเครื่องประทินผิวที่อยู่บนโต๊ะออกมา หมุนฝาให้เปิดออก
“เธอกับซือโม่เป็นอะไรกัน?”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นปกคลุมภายในห้องให้เย็นยะเยือก จังหวะที่เฟิงเฉินหมุนตัว ร่างสูงใหญ่ของเขาบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องสาด ทำให้อุณหภูมิภายในห้องลดต่ำลง
พูดถึงซือโม่กะทันหันแบบนี้ ทำให้ลั่วมั่นนิ่งไป “คุณเป็นอะไร?”
“ตอบคำถามผมมา”
สายตาที่มืดหม่นของเฟิงเฉิน ช่างต่างจากคนที่แสนอ่อนโยนที่หน้าห้องเมื่อสักครู่ราวกับคนละคน
“เพื่อน” ลั่วมั่นสูดหายใจเข้า พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แค่เพื่อน ไม่ว่าคุณจะไปฟังอะไรมาจากใคร หรือว่าเห็นอะไรมา ความจริงก็คือ ฉันและซือโม่เราเป็นแค่เพื่อนกันหรือว่าจะบอกว่าเขาเป็นพี่ชายฉันหรือว่าพี่ขายของคนสนิทฉันก็ได้
“พี่ชายงั้นเหรอ?”
เฟิงเฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “มีสายเลือดไหม? เขาเป็นลูกนอกสมรสของพ่อเธองั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของลั่วมั่นเปลี่ยนไป พร้อมเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“เฟิงเฉิน นายพูดดีๆ หน่อย”
“ให้ฉันพูดดีๆ อย่างงั้นเหรอ?”
หัวคิ้วของเฟิงเฉินขมวดแน่น “ปัง” สมุดในมือร่วงหล่นลงที่พื้น ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วท่ามกลางแสงอาทิตย์สาดส่อง ส่งเสียงดังลั่น
“งั้นคุณบอกผมมาก่อน ว่าที่เขียนในนี้มันอะไรกัน ซือโม่ ซือโม่ แทบจะทุกหน้ากระดาษของทุกวัน ชีวิตที่เธออยู่ที่ต่างประเทศ ไม่มีที่ไหนเลยที่ไม่มีผู้ชายคนนี้ ต่อให้เป็นพี่ชายแท้ๆ ก็คงไม่ถึงขนาดนี้หลอกมั้ง?”
“นายดูไดอารี่ของฉัน?” ลั่วมั่นคิ้วผูกติดกันเป็นโบ พร้อมกับสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ไดอารี่เป็นสิ่งของที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ต่อให้เป็นตัวเธอเองก็ไม่ค่อยได้เปิดดูข้อความของเก่าก่อน อย่าว่าแต่คนอื่นเลย
เฟิงเฉินไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดอ่าน กระทั่งก่อนที่เขาจะเปิดมันออกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นเป็นไดอารี่เล่มหนึ่ง แต่ปฏิกิริยาของลั่วมั่นในตอนนี้ได้สะกิดต่อมของเขาเข้าให้แล้ว