ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 119
บทที่ 119 ประธานเฟิงสะเทือนไปทั่วเฟสไทม์
ลั่วมั่นอารมณ์ไม่ดี ตกดึกเธอดื่มไปหลายแก้ว แต่เธอยังรู้ความสามารถของตนเองดี เกรงว่าหากดื่มไปมากกว่านี้จะเกิดเรื่องขึ้น เมื่อพอสมควรแล้ว จึงเลิกดื่ม
ภายในร้านอาหารญี่ปุ่นคลับคลั่งกว่าปกติ เธอรู้สึกไร้ความหมายขึ้นมาเสียดื้อๆ การงานไร้ความหมาย ดื่มแอลกอฮอล์ไร้ความหมาย เป็นหนึ่งเดียวกับลูกน้องก็ไร้ความหมาย
“ประธานลั่ว ดิฉันต้องไปก่อน” เสียงของน่าน่าดึงลั่วมั่นให้หลุดออกจากภวังค์
“อืม โอเค ระวังตัวดีๆ ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาด้วย”
ลั่วมั่นออกคำสั่งอย่างเคยชิน ไม่ทันได้จบประโยคดี สองคนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะออกมา “ประธานลั่วไม่ต้องสนใจเธอหลอก เธอไม่เป็นอะไรหลอก แฟนหนุ่มของเธอกลัวว่าอยู่กับพวกเราแล้วจะเกิดเรื่องมากกว่า ก็เลยว่าเพื่อตรวจเช็กนั่นไง?”
ลั่วมั่นมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ต่างสายตาของคนอื่นๆ ได้พบกับชายหนุ่มรูปร่างดียืนรออยู่ที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น ด้วยสีหน้าที่โกรธเคืองเล็กน้อย กำลังจับจ้องไปที่น่าน่านิ่ง
“น่าน่า กากฉันแตะตัวเธอตอนนี้ ฉันสงสัยว่าแฟนหนุ่มแกจะกระโจนผ่านกระจกเข้ามาเลยเชื่อไหม?”
“ไปไกลๆ เลย…..”
น่าน่าใบหน้าแดงก่ำ เธอเก็บข้าวของด้วยความลน พร้อม
บ่นพึมพำไม่หยุด “บอกแล้วว่าไม่ให้เขามา ยังจะมาอีก…..” ชายหนุ่มข้างนอกรับน่าน่าออกไป ทั้งคู่มีปากเสียงกันอยู่สักพัก ก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดสินใจโผเข้ากอดหญิงสาวเอาไว้ พร้อมจับจ้องมาทางลั่วมั่นและคนอื่นๆ ด้วยสายตาโอ้อวด
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“กลิ่นหึงโชยมานี่แล้ว น่าน่ากลับไปงานหนักแหงๆ”
ภายใต้เสียงหัวเราะเยาะ ปมที่ผูกติดกันแน่นของลั่วมั่นเมื่อสักครู่นี้พลันคลายออกอย่างไม่รู้สาเหตุ เธอโล่งใจ ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
เธอเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ กดบันทึกรูปภาพรวมหมู่จากแชทกลุ่ม เธอจับจ้องอยู่นานด้วยรอยยิ้ม
“ประธานลั่ว ตอนทานอาหารอย่าเล่นโทรศัพท์สิ เราไม่ดื่มแล้ว พูดคุยกันสักพักก็ดีนะ”
“โอเค” ลั่วมั่นวางโทรศัพท์ลง “จะคุยอะไรกัน มาสิ เรามาคุยเรื่องโครงการกันหน่อยไหม?”
เสียงร่ำร้องดังขึ้นภายในห้อง
“พอได้แล้ว ไม่หลอกพวกแกแล้ว ถ้างั้นเรามาคุยเรื่องส่วนตัวของคนในแผนกกัน แม้ว่าเรื่องงานจะสำคัญ แต่เรื่องส่วนตัวก็ต้องใส่ใจด้วย”
จบประโยค เสียงร่ำร้องจากเหล่าหนุ่มโสดสาวโสดดังขึ้นอีกครั้ง แผนกขายไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ต่างก็หน้าตาดีใช้ได้กันทั้งนั้น ฐานะก็ไม่เลว แต่เพราะงานยุ่งมาก เป็นพวกบ้างานกันทั้งนั้น ความรักภายในแผนกกันเองคงเป็นไปไม่ได้ กับแผนกอื่นก็ไม่มีเวลา เพราะงั้นส่วนใหญ่ในแผนกจึงยังครองโสด
ลั่วมั่นกลับโยงเข้าประเด็นที่ทุกคนหลีกเลี่ยงเสียได้ ทุกคนต้องการให้ลงโทษโดยการดื่ม ในเมื่อเธอมาแล้วจึงไม่ปฏิเสธ จนเธอรู้สึกเริ่มมึนหัว ในขณะที่ทุกคนกำลังเล่นเกม โทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน
เธอจับต้องยังสายเรียกเข้า ก่อนที่จะกดรับ
“ฮัลโหล?”
ปลายสายแล่นผ่านด้วยเสียงคำราม “เธออยู่ไหน?”
“ร้านอาการญี่ปุ่น ปาร์ตี้ภายในแผนก มีอะไร?”
ขณะถือสาย ทุกคนมุงเข้ามา เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ประธานลั่ว ใครเหรอ?”
“ประธานลั่วตั้งใจหาข้ออ้างเผ่นไม่ได้นะ แก้วนี้ยังไงก็ต้องดื่ม”
เสียงเอะอะถูกไปยังฝ่ายตรงข้าม ชายหนุ่มบึ้งตึงขึ้นมาทันที สีหน้าเย็นชา พร้อมกัดฟันกรอด “ลั่วมั่น ผมว่าคุณว่างเกินไป! อยู่นั่นอย่าไปไหน ผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้”
สายถูกตัดไป ลั่วมั่นหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋า ด้วยสีหน้ามึนเมา
“พวกเธออยากทานอะไรสั่งกันเองนะ ฉันมีธุระ ต้องไปก่อน”
ทุกคนในห้องช่วยกันรั้งเธออย่างสนิทสนมแต่ก็ไม่สำเร็จ หลังจากที่เธอออกไปแล้ว ทันใดนั้นใครบางคนชูโทรศัพท์ขึ้นกะทันหัน “ประธานลั่วโพสต์ข้อความใหม่แล้ว เมื่อสิบนาทีก่อน”
“ตกอกตกใจ อะไรกัน?”
“ประธานเฟิงแสดงความคิดเห็นแล้ว”
“เหรอ? ว่ายังไง?” เหล่าบรรดาขี้เมาทั้งหลายมุงเข้ามา ท้ายที่สุด สายตากลับตกไปอยู่ที่คนคนเดียว
เฟิงเฉินแสดงความคิดเห็นเพียงประโยคเดียว
“มือของผู้ชายที่อยู่บนบ่าเธอ บอกว่าเขาพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่บริษัทแล้ว”