ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 123
บทที่ 123 ไม่ทราบฉันไม่สอดคล้องกับด้านไหนคะ?
ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนกับโกรธเล็กน้อย
“นายคิดว่าฉันคิดไม่ได้หรือไง? หลังจากวันนั้นที่พูดแบบนั้นฉันเปลี่ยนผู้หญิงไปสามคนแล้ว แต่ละคนสวยยิ่งกว่ากันอีก แต่กลับถูกไล่ออกมาหมด”
“ทำไมล่ะ? ไม่พอใจ?”
“ประตูยังไม่ให้เข้าเลย พ่อบ้านของคุณฝู้ถามคำถามพวกเขาคนละหนึ่งคำถาม ไม่มีใครตอบได้เลย ก็ถูกไล่ออกมาแล้ว บอกว่าพวกเขาดีแค่เปลือก”
ในห้องประชุมต่างแสดงความคิดเห็น ต้องการผู้หญิงต้องสวยและยังต้องมีความรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม นี่มันไร้สาระทั้งนั้น? ต้องไปหาที่ไหน?
“ทำไมคุณไม่ลองหาไปที่คนที่เรียนเอกภาษาจีนของมหาวิทยาลัยแถวนี้ดูล่ะ?” มีคนเสนอ
“เวลาเร่งรีบ อีกอย่างคนที่เรียนคณะภาษาจีนได้เก่งต่างถือตัวทั้งนั่น จะไปเข้าใจการเซ็นสัญญาได้อย่างไร?”
เฟิงเฉินยังไม่ทันได้พูด คนที่อยู่ข้างล่างก็ต่างพูดคุยกัน มีหลายคนที่เสนอแนวทางแก้ไข แต่ทุกแนวทางเพิ่งเสนอมาก็ถูกปฏิเสธไปกันหมด
ลั่วมั่นทำเป็นเฉยเมยกับทุกสิ่งทุกอย่างนี้ สายตาอยู่บนตัวเฟิงเฉินตลอด เวินน๋อนเปลี่ยนชาใหม่ให้เฟิงเฉิน ตอนที่วางน้ำชาลงหันกลับมาพูดอะไรกับเขา แล้วจัดปกเสื้อเชิ้ตของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
เฟิงเฉินเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับสาตาเย็นชาของลั่วมั่นพอดี
“โอ้ย!”ร่างของเวินน๋อนสดุดไปสักนิด ต่อหน้าหลายๆคน เฟิงเฉินจับเธอไว้
สถานการณ์ที่เสียงดังราวกับว่าสตั๊นไปสักพัก
“ขอโทษ”เสียงเบาของหญิงสาวลอยมาในหู เด่นจนเกินไป
สายตาที่แปลกประหลาดรอบตัวทำให้คนรู้สึกอึดอัด สุดท้ายลั่วมั่นหันกลับไปไม่มองพวกเขาอีก ดังนั้นก็ไม่เห็น ในจังหวะที่เธอหันกลับไป เฟิงเฉินรีบปล่อยท่าทางที่จับเวินน๋อน
“คุณฝู้ ถามคำถามอะไร?” ลั่วมั่นมองผู้อำนวยการแผนกธุรกิจ
ผู้อำนวยการแผนกธุรกิจอึ้งไปสักพัก เสียงวิจารณ์ก็เริ่มค่อยๆกลับสู่ปกติ ได้ยินแค่น้ำเสียงขึ้นๆลงๆของชายหนุ่ม ดังก้องอยู่ในห้องประชุม
“คำถามแรกคือ ราชวงศ์ฉินมีจักรพรรดิกี่คน……”
มีคนพึมพำ
“สองคนมั้ง”
“ฉันก็จำได้ว่าสองคน”
“น่าจะเป็นสองคน เพราะบทกวีกล่าวว่าราชวงศ์ฉินถูกทำลายในฮ้องเต้องค์ที่สอง……”
“สองคนแหละจักรพรรดิฉินเอ้อซื่อล้มสลาย……”
ผู้อำนวยการแผนกธุรกิจส่ายหัว ตามด้วยเสียงถอนหายใจ
สีหน้าลั่วมั่นเฉยเมย พูดอย่างใจเย็น
“สามคน จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิฉินเอ้อซื่อและสุดท้ายกษัตริย์ฉินจื่ออิงครองราชย์ได้ 46 วัน”
ทุกคนเข้าใจขึ้นมา ต่างมองด้วยสายตาที่นับถือ
มีแค่ผู้อำนวยการแผนกธุรกิจที่ดูออกก่อน ถามอย่างระมัดระวัง
“ประธานลั่วถามคำถามนี้ หมายความว่าอย่างไรครับ?”
“เนื่องจากคุณฝู้ต้องการผู้หญิงที่เข้าใจประวัติศาสตร์ และยังสามารถคุยงานไปพบเขา งั้นฉันขอเสนอตัวเอง”
พอเพิ่งพูดจบ ทุกคนต่างวิจารณ์
แม้ว่าลั่วมั่นจะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย แต่บริษัทมีปัญหาก็ยากที่จะปฏิเสธ แต่ยังไงแล้วเธอก็เป็นสมาชิกในคณะกรรมการ ภรรยาของประธาน เรื่องที่ต้องทรยศตัวเองจะให้เธอทำได้ไง?
“ไม่ได้”
ทุกคนกำลังวิจารณ์ เฟิงเฉินปริปากอย่างหนักแน่น น้ำเสียงไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
“ทำไมไม่ได้?”ลั่วมั่นมองเขา “ยังไงฉันก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในบริษัท ฉันก็มีหน้าที่ช่วยบริษัทแก้ไขปัญหา ฉันไม่ต้องการและไม่ชอบมานั่งรอผลประโยชน์จากคนอื่น ประธานเฟิงบอกไม่ได้ หมายถึงฉันไม่มีความสามารถ หรือหมายถึงฉันไม่ได้ตรงตามเงื่อนไขที่คุณฝู้ต้องการสวย เก่งด้านประวัติศาสตร์ในด้านไหนคะ?”
ในห้องประชุมเงียบจนแม้แต่เข็มตกพื้นยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
คำพูดของเธอทำให้เฟิงเฉินพูดไม่ออกเลยทีเดียว คำพูดฉอดๆของลั่วมั่นทำให้คนแบกรับยากจริงๆ
สักพัก เฟิงเฉินแอบกำหมัดแน่น พูดเสียงเย็นชา “คุณอยากไปไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว แต่ถ้าทำไม่สำเร็จล่ะ?”
“งั้นฉันก็ลาออกจากบริษัท”
ทันทีที่คำพูดนี่จบไป คนในห้องประชุมต่างมองหน้ากัน และตกตะลึง