ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 128
บทที่ 128 ตรวจให้เขาก่อนได้ไหม?
ลั่วมั่นย่อตัวลงอย่างลังเล จับไหล่ของเฮ่าเฮ่า “น้องเป็นอะไร”
สีหน้าเด็กผู้ชายซีดมาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ เหมือนจะไม่สบายตัวมาก
“มามี้……”
ลั่วมั่นจับหน้าผากเขาอย่างระมัดระวัง ร้อนจนน่าตกใจ
“แม่น้องอยู่ไหน?”
เฮ่าเฮ่าพึมพำไม่ชัดเจน
“มามี้……”
เด็กคงคิดว่าเธอเป็นแม่ตัวเอง มุดเข้าหาอ้อมกอดของตัวเอง มือน้อยๆกำจับแขนเสื้อเธอแน่นไม่ยอมปล่อย ราวกับว่ากลัวว่าเธอจะทิ้งเขาไป
ลั่วมั่นไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้เพียงมือหนึ่งอุ้มเขาอีกมือเอามือถือออกมาโทหากองเลขาธิการ
“ฮัลโหล? ฉันคือลั่วมั่น เลขาเวินอยู่หรือเปล่า?”
ทางสายนั้นหลี่สู้เป็นคนรับสาย ได้ยินนั้นตะลึงไปสักพัก “เลขาเวินเพิ่งออกไปส่งเอกสารให้ประธานเฟิงครับ เพิ่งไปไม่นาน ประธานลั่วมีธุระอะไรเหรอครับ?”
“เธอ……”กล้ำกลืนคำพูด จู่ๆลั่วมั่นก็รู้สึกยากที่จะปริปากพูด กัดฟันตอบว่า “ไม่มีอะไร”
จากนั้นก็วางสายไป
เด็กเป็นไข้แบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เวินน๋อนจะไม่รู้ ทิ้งเขาไว้แบบนี้ เหมือนการกระทำของแม่ผู้ให้กำเนิดที่ไหนล่ะ? ลั่วมั่นรู้สึกไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้ก็มัวคิดไม่ได้ อุ้มเฮ่าเฮ่าไปโรงพยาบาลโดยตรงเลย
คนรอตรวจที่แผนกกุมารเวชศาสตร์ ถ้าไม่ใช่ว่ามีเพื่อนที่รู้จักในโรงพยาบาล ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาไปนานเท่าไหร่
รองหัวหน้าแพทย์ของแผนกกุมารเวชศาสตร์ในโรงพยาบาลเมืองเจียงเป็นหวานใจของเจี่ยงเหวินเหวินซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของลั่วมั่น ประสบความสำเร็จเมื่อยังหนุ่ม อายุยังไม่ถึงสามสิบก็เป็นถึงรองหัวหน้าแพทย์แล้ว
“จ้าวเหิน เด็กคนนี้เป็นไงบ้าง?”
คุณหมอสูงหล่อในชุดกาวสีขาวมองเครื่องวัดอุณหภูมิในมือ แล้วขมวดคิ้ว
“เป็นไข้สูง ผมเห็นแขนของเด็กคนนี้มีร่องรอยของเข็มฉีดยาเมื่อสองสามวันนี้ ทำไมไม่นอนโรงพยาบาลล่ะ?”
“ฉันไม่ค่อยรู้” ลั่วมั่นทำอะไรไม่ถูก เธอไม่เคยดูแลเด็กเลย “แล้วเขาไม่เป็นไรใช่ไหม? ต้องการนอนที่โรงพยาบาลหรือเปล่า?”
“ทางที่ดีควรนอนโรงพยาบาล ต้องไปทำเอกสารเข้ารับรักษาในโรงพยาบาลก่อน นี่เป็นลูกชายคุณเหรอ?”
“หือ?” ลั่วมั่นอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบโบกมือ “ไม่ใช่ เป็นลูกของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งในบริษัท……”
จ้าวเหินพยักหน้า คนที่เป็นหมออย่างพวกเขานั้นยุ่งกันมาก ปกติไม่มีเวลามาโฟกัสข่าวไร้สาระ เจี่ยงเหวินเหวินไปต่างเมื่อประเทศสามปีก่อน เขาและลั่วมั่นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย รู้แค่ว่าสามปีก่อนเธอแต่งงานกับเฟิงเฉินประธานหนุ่มของบริษัทH.Y.แห่งเมืองเจียง ลองนับเวลาดู มันก็สมเหตุสมผลที่จะเข้าใจผิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายของเธอ
“งั้นคุณไม่สามารถทำเอกสารเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลให้เขาได้ ต้องให้ญาติหรือผู้ที่มีสายเลือดมา เอางี้คุณโทรหาพ่อแม่ของเด็กให้มาหน่อยได้ไหม?”
“พ่อแม่ของเด็ก? ”ลั่วมั่นออกเหงื่ออย่างอธิบายไม่ถูก ฝืนยิ้มพูดว่า “ได้ เดี๋ยวฉันติดต่อไป”
“อืม”
จ้าวเหินพยักหน้า แล้วปรับความเร็วของน้ำเกลือ “งั้นผมออกไปก่อนนะ มีอะไรเรียกผมนะ”
“โอเค รบกวนนายด้วยนะ”
ลั่วมั่นขอบคุณเขาด้วยท่าทีเหม่อลอย มองใบหน้าที่หลับสนิทที่บนเตียงนั่น ในใจเกิดลังเล ไม่รู้ทำไมถึงนึกถึงคำพูดที่เล่อสวี้พูดในตอนเย็นที่ผ่านมา
“เธอคิดมากไป แต่ไม่ทำอะไรเลย ไปตรวจDNAได้ละนิ”
“จ้าวเหิน”จู่ๆก็มีเสียงสั่นดังขึ้นในห้องผู้ป่วย ตอนที่เรียกจ้าวเหิน ร่างของลั่วมั่นก็สั่นไปด้วย ไม่รู้ว่ากลัวอะไรอยู่
จ้าวเหินหันกลับตรงประตู มองไปหาเธอ
“ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”เธอพยายามตั้งสติ
“หืม? ว่ามาเลย ” จ้าวเหินกับเจี่ยงเหวินเหวินรู้จักกันดี ดังนั้นจึงเกรงใจกับเพื่อสนิทของเธอเหมือนกัน อย่างจริงๆแล้ววันนี้แผนกกุมารเวชศาสตร์ยุ่งมาก เขาก็รีบชาวยจัดการตรวจของเด็กเลย
“ฉันอยากตรวจDNAให้เด็กคนนี้ ตรวจให้เขาก่อนได้ไหม?”