ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 129
บทที่ 129 ฉันไม่อยากทำแล้ว
เครื่องมือที่เย็นจัดสะท้อนแสงออกมา
“จับมือของเขาไว้ ” จ้าวเหินใส่ผ้าปิดปาก หลอดเข็มที่อยู่ในมือดูแหลมคมมาก
ลั่วมั่นพับแขนเสื้อของเฮ่าเฮ่าขึ้น ยกแขนเขาไปไว้บนเครื่องมือ พบว่าเด็กคนนี้ผอมมาก แค่กระดูกคั่นผิวหนังไว้ จริงๆตลอดทางที่มาเธอก็พบว่า เด็กคนนี้ผอมเกินไป
“จ้าวเหิน ใช้เส้นผมหรือน้ำลายตรวจได้ไหม”ลั่วมั่นลังเลเล็กน้อย
“ใช้เลือดตรวจแม่นยำที่สุดแล้ว” จ้าวเหินจับข้อมือของเด็กอย่างไร้อารมณ์ใดๆบนสีหน้า
“ไม่ต้องห่วง เจาะเลือดนิดเดียวก็พอ”
จู่ๆเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดก็ดิ้น มือข้างหนึ่งจับแขนเสื้อของลั่วมั่นไว้ พูดอย่างคลุมเครือ “มามี้……อย่าไป”
จ้าวเหินกำลังจะเอาเข็มเจาะเข้าไปในเส้นเลือด
“เดี๋ยวก่อน ”ทันใดนั้นลั่วมั่นก็จับข้อมือของจ้าวเหินไว้ เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าซีด ปล่อยออกอย่างช้าๆ “ฉันไม่อยากทำแล้ว”
ดูเหมือนว่าจ้าวเหินคาดเดาเอาไว้แต่แรกแล้ว หยิบหลอดเข็มออกมาอย่างนิ่งเฉย และทิ้งลงในถังขยะ “โอเค”
เฮ่าเฮ่าหลับสนิทมาก ราวกับเชื่อใจเจ้าของของอ้อมกอดนี้มาก ถึงขั้นเผลอยิ้มออกมา มองหน้าที่ไร้เดียงสาใบนั้น ลั่วมั่นกลับเหงื่อแตกไปทั้งตัว
เธอพูดไม่ถูกว่าทำไมจู่ๆเธอถึงไม่อยากตรวจDNAนี้แล้ว แต่ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวที่จะเผชิญกับผลของมัน เธอเป็นคนที่แยกถูกผิดออก ไม่ว่ายังไงก็ต้องตรวจสอบรู้ให้ได้ ดังนั้นทำไมจู่ๆถึงไม่อยากทำแล้วล่ะ?
“มามี้……”เสียงอ่อนโยนลอยมาจากอ้อมกอด เด็กคนนั้นค่อยๆลืมตา ดวงตาที่ประกายดั่งไข่มุกสีดำนั้นสวยมาก เมื่อมองลั่วมั่นได้ชัดเจนก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตกใจ กลับจับแขนเสื้อที่อยู่ในมือเขาแน่นมากขึ้น
ทันใดนั้นลั่วมั่นเข้าใจทันทีว่าทำไมตัวเองถึงไม่ทำแล้ว
เด็กคนนี้เชื่อใจเธอ เธอไม่อยากทำให้เด็กที่เชื่อใจเธอโดยไม่มีเหตุผลใดๆนั้นผิดหวัง
“ไม่สบายตัวอยู่ไหม?”ลั่วมั่นถาม
เด็กผู้ชายส่ายหัวอย่างเชื่อฟัง
“น้าไปซื้อของกินให้น้องหน่อยดีไหม?”
เขาพยักหน้า
“งั้นน้องรอน้าที่นี่สักครู่นะ ”
ลั่วมั่นกำลังจะลุก กลับถูกดึงไว้ หันมาก็เห็นเขานอนบนเตียง สีหน้าตกใจ มือข้างหนึ่งดึงปลายเสื้อเธอไว้แน่น
“ฉันจะกลับมาให้ไวนะ”
ไม่ว่าลั่วมั่นจะอธิบายอย่างไร เหมือนไม่มีวิธีที่ให้เด็กคนนี้ปล่อยมือเลย สุดท้ายไม่รู้ทำไงจริงๆ เลยให้จ้าวเหินไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อมาสักหน่อย
“ถ้าบอกว่าไม่ใช่ลูกชายคุณผมไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่” จ้าวเหินยืนข้างๆเตียง วัดไข้อีกครั้ง
“ไข้ลดลงมามากแล้ว แต่ก็ต้องคอยระมัดระวังเรื่องการพักผ่อน ผมไปทานข้าวสักครู่ รอแม่ของเด็กมาให้ทำเอกสารเข้ารับการรักษาของเขาด้วยนะ”
ลั่วมั่นพยักหน้า ไม่ได้อธิบายอะไรเยอะ แต่เธอรู้สึกว่า เหมือนจ้าวเหินจะดูออก
ถนนที่ไปเส้นทางของโรงพยาบาลเมืองเจียง รถมินิBMWติดอยู่ในการจราจรในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน สายตาของผู้หญิงที่ขับรถเต็มไปด้วยความเร่งรีบ กดแตรหลายครั้ง แต่ข้างหน้ายังคงนิ่งไม่ขยับ
สิบนาทีก่อนได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวอ้าย บอกว่าเจอลั่วมั่นที่โรงพยาบาลตอนที่ไปเอาใบตรวจ ในมืออุ้มเฮ่าเฮ่าไว้
“ผู้หญิงคนนั้นพาเฮ่าเฮ่าไปตรวจDNA”
ประโยคนี้ทำให้เธอตกใจมาก เกือบจะเลี้ยวรถและมุ่งไปโรงพยาบาลจากทางกลับบริษัทหลังจากที่ส่งเอกสาร
ลั่วมั่นผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ เพิ่งจะเห็นเฮ่าเฮ่าก็กล้าทำเรื่องแบบนี้ จัดการเรื่องอย่างเด็ดขาดและไม่ผัดวันประกันพรุ่ง สมควรแล้วที่เป็นผู้หญิงที่สามารถแย่งเฟิงเฉินไปได้ในตอนนั้น
เธอต้องไม่ให้ลั่วมั่นตรวจพบอะไรเด็ดขาด