ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 132
บทที่ 132 เรื่องนี้ เป็นความลับ
ลั่วมั่นเร่งฝีเท้า เมื่อเฟิงเฉินไล่ตามเธอออกไปกลับไม่พบเงาร่างของหญิงสาว
หลี่สู้เดินออกมาจากอีกทาง ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ประธานเฟิง ผมได้ถามคุณหมอมาแล้ว ตอนประธานลั่วพาเด็กก็ป่วยเป็นไข้แล้ว แถมเด็กยังมีรอยให้น้ำเหลือจากก่อนหน้านี้ สถานการณ์ของเด็กในตอนนี้ เขาควรพักฟื้นที่โรงพยาบาลแต่แรกแล้ว แล้วก็”
หลี่สู้จ้องมองเฟิงเฉินด้วยความลังเล ก่อนที่จะเอ่ยเสริม “หมอจ้าวบอกว่า เมื่อสักครู่ประธานลั่วต้องการตรวจดีเอ็นเอของเด็ก แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ทำแบบนั้น”
ได้ยินประโยค เฟิงเฉินนิ่งไปสักพัก
ลั่วมั่นไม่ได้เย็นชาอย่างที่เธอแสดงออกมาจริงๆ เมื่อต้องเผชิญกับเด็กน้อย สุดท้ายเธอก็ใจร้ายไม่ลง แต่การที่เธอไม่เชื่อใจเขา ทำให้เขารู้สึกเย็นวูบจับใจ เธอโกรธที่เขาสงสัยในความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของเธอและซือโม่ แล้วตัวเธอเองเชื่อในตัวเขามากแค่ไหนกัน?
“หลี่สู้”
“ครับ” เมื่อได้ยินเฟิงเฉินขานเรียกตน เขาตอบรับทันที
ได้ยินเพียงเสียงที่เรียบนิ่งเยือกเย็นตามทางเดิน
“อีกเดี๋ยวตอนหมอเข้าไปตรวจ บอกให้พวกเขาเจาะเลือด เอาไว้ตรวจดีเอ็นเอ เรื่องนี้ เก็บเป็นความลับ”
“ครับ”
คุณหมอปรับสายน้ำเกลือที่อยู่บนแขนให้กับเด็กน้อย เด็กน้อยร้องไห้อย่างหนัก สีหน้าไม่สู้ดี
“ไข้ยังไม่ลด ทางที่ดีควรอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลต่อ”
“ไม่ต้อง” เวินน๋อนปฏิเสธคำแนะนำของคุณหมอ ก่อนที่จะหันไปทางเฟิงเฉินช้าๆ พร้อมแก้ตัว “เด็กอยู่บ้านฉันจะได้ดูแลสะดวก โรงพยาบาลเชื้อโรคเยอะ ฉันไม่ไว้ใจ”
ในเมื่อคนไข้ไม่ยอมอยู่โรงพยาบาล คุณหมอเองก็ไม่สามารถบังคับได้ แถมยังไม่ใช่โรคอะไรร้ายแรง เวินน๋อนว่ายังไงก็เอาตามนั้น หลังสั่งสารทุกอย่างเสร็จสรรพ คุณหมอให้ยามาไว้ ให้เวินน๋อนนำกลับไปให้เด็กน้อยทาน
ดึกมากแล้ว เฟิงเฉินขับรถมาส่งเวินน๋อนที่วิลล่าสองชั้นในเขตชานเมือง
“หลี่สู้จะจัดการให้คนย้ายของของเธอจากโรงแรมมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ เด็กไม่สบาย อยู่โรงแรมไม่สะดวก ที่นี่มีคนคอยรับใช้ ขาดเหลืออะไรเรียกใช้สาวใช้ได้ตามใจชอบ ช่วงนี้พวกเธออยู่ที่นี่ไปก่อน”
“อันที่จริงไม่ต้องลำบากหลอก” เวินน๋อนอุ้มเด็กลงจากรถ ด้วยความคับแคบใจเล็กน้อย “แถมฉันก็รู้สึกว่าภรรยาคุณไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เหมือนเธอเข้าใจอะไรผิด ต้องการให้ฉันไปอธิบายกับเธอไหม อันที่จริงระหว่างเราไม่มีอะไรต่อกัน ลูกของฉันก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเธอ”
‘ภัยคุกคาม’ คำนี้ทำให้เฟิงเฉินแสบแก้วหูอย่างประหลาด
“เธอไม่ต้องสนใจหลอก นั่นเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเธอ แล้วก็นอกจากงานแล้วเธอควรที่จะสละเวลาอยู่กับลูกให้มาก การที่เขาเป็นไข้ตัวร้อนไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย”
เมื่อได้ยินประโยค เวินน๋อนหน้าถอดสี เธอพยักหน้าด้วยความอึ้ง “ฉันรู้แล้ว ฉันจะระวังให้มากกว่านี้ เพียงแต่เฮ่าเฮ่าสุขภาพแข็งแรงตั้งแต่ยังเล็ก การที่เขาป่วยก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ประโยคที่ฟังดูคุ้นหู ก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาลเธอร้องห่มร้องไห้ใส่ความลั่วมั่นด้วยประโยคที่ว่า ‘เฮ่าเฮ่ามีสุขภาพที่แข็งแรงมาโดยตลอด’ ชั่วพริบตาเฟิงเฉินเผยสายเย็นชา
ผู้หญิงที่ใช้เล่ห์กล ทำให้รู้สึกรังเกียจจริงๆ นั่นแหละ
“ดึกแล้ว ผมไปก่อน”
เฟิงเฉินก้มมองที่ฝ่ามือ ก่อนที่จะหมุนตัวดึงประตูรถออก หันหลังกำชับเวินน๋อน “เธอก็รีบพักผ่อนซะ ให้เด็กได้พักผ่อนด้วย”
“อืม ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ คุณก็ระวังตัวด้วยนะ” เวินน๋อน ตอบกลับอย่างเชื่องช้า เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูดังขึ้นชัดเจน เครื่องยนต์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากวิลล่า สายตาของเธอเองก็ค่อยๆเย็นชาลงเช่นเดียวกัน
กลางดึก สาวใช้ที่อยู่ชั้นล่างต่างเข้านอนกันหมดแล้ว
“เอี๊ยด” หลังประตูห้องดังขึ้นเสียงแผ่ว แยกเสียงข้างนอกออกจากกัน
เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นถูกปิดผลึก อยู่ในห้องของเด็กน้อย เป็นเสียงแห่งความผิดหวังที่ไม่มีใครได้ยิน
“แกชอบผู้หญิงที่ชื่อลั่วมั่นมากใช่ไหม? ไอ้เด็กเหลือขอ!” ในความมืดมิด ดวงตาที่น่ากลัวเบิกโตด้วยความเย็นชาอย่างประหลาด โดยไม่แยแสถึงเสียงร่ำร้องของเด็กน้อยที่ถูกกระชากผมอย่างรุนแรง