ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 133
บทที่ 133 ที่ที่มีเธออยู่ถึงจะเรียกว่าบ้าน
หลังจากที่เฟิงเฉินกลับมายังวิลล่าจิ่นซิ่วเขาถึงได้รู้ว่าเธอกลับไปอยู่บ้านแม่ของเธอ ดึกดื่นป่านนี้ให้เธอสงบสติสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน จึงไม่ได้ไปหาเธอ แม้ว่าวันถัดมาจะเป็นวันอาทิตย์ แต่เขาก็ยังคงตื่นแต่เช้าตรู่ ขับรถมายังบ้านตระกูลลั่ว
“มารับลั่วมั่นแต่เช้าเลย เธอยังไม่ตื่นเลย”
เมื่อมารดาของลั่วมั่นเห็นการปรากฏตัวของเฟิงเฉิน เธอต้อนรับชายหนุ่มด้วยความสนิทสนม พร้อมกับสั่งให้สาวใช้เพิ่มจานและตะเกียบ “เสี่ยวหลิง ไปเรียกมั่นมั่นตื่นมาทานอาหารเช้าได้แล้ว เฉินมาแล้ว เธอยังหลับอยู่อีกหรือ?”
“ไม่ต้องหรอกครับ” เฟิงเฉินเหลือบขึ้นไปยังชั้นบน “ผมไปเองดีกว่าครับ”
“อืม โอเค” มารดาของลั่วมั่นดีอกดีใจ ส่งเฟิงเฉินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านด้วยสายตา
ภายในห้องนอน ลั่วมั่นที่เพิ่งตื่นนอน ได้ยินเสียงเคาะประตูเธอเดินไปเปิดพลางมัดผมที่ยุ่งเหยิงไปด้วย เมื่อดึงประตูออกเห็นผู้มาเยือน เธอใช้เข่ายันประตูเอาไว้ก่อนใช้แรงดันให้ประตูปิดลง
“มั่นมั่น” เฟิงเฉินเองก็ดันประตูไม่ให้ปิดลงเช่นเดียวกัน “ผมมีเรื่องที่จะคุยกับคุณ”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” ลั่วมั่นจับจ้องเขาด้วยความโกรธแค้น “ใครใช้ให้คุณมา ที่นี่มันบ้านของฉัน”
“ที่นี่เป็นบ้านของผมด้วยเหมือนกัน”
ลั่วมั่นโมโห เธอใช้กำลังทั้งหมดที่มีดันประตูให้ปิดลง พร้อมคำรามเสียงแผ่ว “อย่าล้อเล่นไปหน่อยเลย คุณมองที่ไหนเป็นบ้านกันแน่ไม่รู้ตัวหรือไง?”
“ที่ที่มีเธออยู่ต่างหากถึงจะเป็นบ้านของผม”
รู้จักเฟิงเฉินมานานป่านนี้ ไม่เคยได้ยินเขาพูดอะไรที่มันอ่อนโยนราวกับสายน้ำเช่นนี้หลุดออกจากปากเขา ลั่วมั่นนิ่งไป พละกำลังของเธอเองก็ลดลงด้วย เฟิงเฉินได้โอเคยื่นแขนเข้าไป เธอได้สติ เดินถอยหลังไป ประตูถูกผลักออก เฟิงเฉินจับไหล่ของเธอเอาไว้กลิ้งล้มลงกับพื้น ภายใต้เสียงร้องอย่างตระหนก เฟิงเฉินยังคงจับไหล่ของเธอเอาไว้แน่น อยู่ภายใต้ร่างของเธอ ไม่ให้เธอได้ล้มลงกับพื้นจริงๆ หลังจากที่กลิ้งไปมารอบหนึ่ง เขากดเธอเอาไว้ ก่อนที่จะคว้าหมัดที่พุ่งไปทั่วของเธอ
“คุณ…..ปล่อยฉันนะ ไอ้คนขี้โกง”
“เธอฟังผมพูดก่อนได้ไหม?” เฟิงเฉินเริ่มไร้ความอดทน “เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ตัวเองเหมือนอะไร? เหมือนกับสิงโตที่หัวฟูฟ่อง”
“เวินน๋อนเธอไม่เหมือนสิงโต คุณไปหาเธอสิ”
“เธอโกรธเรื่องอะไรกันแน่?” เฟิงเฉินไม่เข้าใจ “ต่อให้ผมตกลงเข้ามาทำงานที่บริษัท แต่ผมก็เว้นระยะห่างที่ควรจะมีกับเธอ ไม่ได้ทำให้เธอขายขี้หน้าสักหน่อยไม่ใช่เหรอ? เรื่องของฝู้หมิงถังใครๆ ก็รู้ว่ามันยาก ผมให้หล่อนไปไม่ได้ให้เธอไป เธอเองต่างหากที่อยากเอาชนะจะไปให้ได้”
ลั่วมั่นขมวดคิ้วแน่น “คุณคิดว่าเรื่องของฝู้หมิงถังยุ่งยากก็เลยไม่ให้ฉันไปอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่เพราะเธอ…..”
เธอเงียบไป หลังจากที่เอ่ยได้เพียงครึ่งประโยค
เฟิงเฉินจับจ้องเธอด้วยทีท่ากลั้นขำ “เพราะอะไร?”
“ไม่มีอะไร” เธอเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
ทั้งคู่อยู่ในทีท่าที่อบอุ่นพันเกี่ยวกันที่พื้น แสงตะวันสาดส่อง เฟิงเฉินเพ่งพินิจหญิงสาวที่หน้าแดงระเรื่อใต้ร่างของตนเอง ที่เหนียมอาย มากกว่าร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัวเป็นระลอก ชายหนุ่มโน้มหน้าลงอย่างควบคุมไม่ได้ พลางประทับริมฝีปากลงที่แก้มนวลของเธอ
“คุณ…..” ลั่วมั่นหันหน้ากลับมาจับจ้องเขาอย่างประหลาดใจ ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวอย่างรุนแรง
“ไม่ว่าเธอจะโกรธเรื่องอะไร ความภักดีที่ผมมีต่อการแต่งงานในครั้งนี้ ไม่น้อยไปกว่าเธอ”
เสียงอันทุ้มต่ำเสมือนกับผ่านหมอกหนา ลมที่เย็นเยือก
แทรกแซงเข้าสู่แก้วหูของเธอ ทุกถ้อยคำอักษรที่มั่นคง เธอสติหลุดลอย หวนคำนึงถึงเรื่องราวในอดีต
“ภักดีงั้นเหรอ แล้วผู้หญิงพวกนั้น…..”
“ไม่มี”
เฟิงเฉินขบใบหูของเธอเบาๆ ลมหายใจร้อนแผ่ว “ภักดีที่ผมว่า ไม่ได้ล้อเธอเล่น”
ชั่วพริบตา กำแพงที่สร้างขึ้นอย่างภาคภูมิใจและสูงตระหง่านทั้งหมดพังทลายลงอย่างสมบูรณ์แบบ พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า
สามปีมานี้หญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขา เป็นการแสดงทั้งหมด เขาไม่ได้คิดจริงจัง
แต่เธอกลับเชื่อสนิทใจ